Returning From The Immortal World - 256
.......................................................................................................................................................................................
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้ว
คังเซี่ยนได้รีบกลับออกไปทันทีเพราะช่วงเฟสแรกของบริษัทนั้นเธอจำเป็นที่จะต้องไปคุมงานด้วยตัวเองแม้กระทั่งถังซิ่วบอกให้เธออยู่ต่ออีกวันเธอก็ยังปฏิเสธ
ถังซิ่วเองก็ได้ออกจากวิลล่าและพบว่ารถของเขาได้ถูกนำมาส่งไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเดินกลับเข้าไปในวิลล่าเพื่อเอากุญแจออกมาแล้วรีบขับไปที่โรงพยาบาลจีนอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะได้โทรมาจัดการเรื่องชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บแล้วแต่ยังไงก็ตามพวกเขาก็ยังดูเขามาตั้งแต่ยังเล็กดังนั้นเขาจึงต้องมาเยี่ยม
โรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซิตี้
ถังซิ่วได้จอดรถของเขาที่ลานจอดพร้อมกับเดินไปทางแผนกผู้ป่วยภายในทันที เขาได้โทรศัพท์ไปหาดั่ยซินหยูระหว่างทางมาที่นี่เพื่อถามถึงห้องพักของพวกเขาแล้ว
ห้องผู้อำนวยการ
หลี่ฮงจี้กำลังอ่านรายงานตรงหน้าของเขาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดและมีความสุข สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเพราะโรงพยาบาลของเขานั้นเล็กและมีหมอน้อยเกินไป ห้องพักน้อยแต่ผู้ป่วยมีมากมายแต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องดีใจก็คือชื่อเสียงของโรงพยาบาลเองก็แพร่สะพัดไปทั่ว โรงพยาบาลใหญ่ภายในประเทศเองก็เริ่มติดต่อหาเขาแล้ว
“หาก......ถังซิ่วสามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไปก็คงจะดี โอ้ หากว่าเขายอมอยู่ที่นี่ฉันจะยกตำแหน่งผู้อำนวยการให้เขาเลย”
หลี่ฮงจี้ได้อ่านเอกสารในมือขณะที่เขาส่ายศีรษะไปมา
“ริ้งงงง ริ้งงงงง ริ้งงงงง”
เสียงริงโทนได้ทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแต่เมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรแล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันทีพร้อมกับกดปุ่มตอบรับแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะว่า
“ซินหยู ที่เธอโทรมามีอะไรงั้นหรอ ? หรือว่าอาจารย์ของเธอมาที่นี่ ?”
“ค่ะ ท่านอาจารย์ได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่แผนกผู้ป่วยภายใน”
เสียงของดั่ยซินหยูได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย
รอยยิ้มบนในหน้าของหลี่ฮงจี้เองก็ได้เพิ่มมากขึ้นก่อนที่จะถามออกมาว่า
“เธอได้บอกเขาเรื่องที่เราประกาศการมาถึงของเขาไปแล้วหรือยัง ?”
“บอกแล้วค่ะ”
ดั่ยซินหยูเองก็ได้ตอบกลับไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มบนในหน้าของหลี่ฮงจี้เองก็ได้เพิ่มมากขึ้นเพราะเนื่องจากถังซิ่วไม่ได้ฝากอะไรมาบอกเขาก็แสดงให้เห็นว่าถังซิ่วจะไม่ว่าอะไรหากว่าเขาไปหา เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วเขาก็วางสายพร้อมรีบวิ่งออกไปทันที
แผนกผู้ป่วยภายใน
ซูเจียนดี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงและเคี้ยวแอปเปิ้ลที่ลูกของเขาป้อนให้อยู่นั้นก็ได้พูดออกมาว่า
“หมอเทวดาที่พูดึงกันอยู่นั้นฉันรู้จักดีและไม่อยากจะโม้เลยว่าฉันรู้ด้วยซ้ำว่าฉันยังรู้จักครอบครัวของเขาดี!”
ผู้ป่วยที่อยู่ถัดไปซึ่งเป็นชายแก่หัวหงอกพร้อมกับลูกชายของเขาได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดของซูเจียนดี่ว่า
“รู้จักครอบครัวของเขาด้วยงั้นหรอ นี่พูดจริง ? ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่จับต้องยากมากและช่วงเวลาที่เขาจะมาตรวจรักษาเองก็ไม่ประจำด้วย พ่อของฉันเองก็ได้คุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้วแต่ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมาตรวจครั้งต่อไปเมื่อไหร่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูเจียนดี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หากว่ารู้จักผู้อำนวยการแล้วก็แสดงให้เห็นว่าคุณคงไม่ใช่คนธรรมดา รู้หรือเปล่าว่าทำไมพวกเราถึงมาอยู่ห้องนี้ได้ ? มันเป็นเพราะถังซิ่วเป็นคนแจ้งให้กับหัวหน้าแผนกทราบยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็ได้ดูเขาโตมากับตาตัวเอง เด็กคนนี้มันเป็นคนดีและฉลาด การที่เป็นหมอเทวดาได้นั้นต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า....”
“ลุงเจียนดี่ก็ชมเกินไป ผมเขินหมดแล้ว”
เสียงได้ดังมาจากทางเดินพร้อมกับถังซิ่วที่ได้เดินเข้ามาในห้อง
เมื่อซูเจียนดี่และชาวบ้านคนอื่นๆได้เห็นถังซิ่วนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ซูเจียนดี่ที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั้นได้ถูกหยุดไว้โดยถังซิ่ว
“ลุงเจียนดี่ ร่างกายของลุงเองยังได้รับบาดเจ็บอยู่อย่าเพิ่งลุกไปไหนสิ เราเป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่เห็นต้องสุภาพกันขนาดนั้นเลย เป็นอย่างไรบ้างครับ ? บาดแผลหายดีหรือยัง ?”
ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
ซูเจียนดี่เองก็ได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า
“ดีเลยล่ะ หมอเองก็ได้บอกมาว่าอย่างมากก็ใช้เวลาครึ่งเดือนเพื่อจะได้กลับบ้าน ถังซิ่ว เธอไม่ได้กลับไปที่เมืองชิงเหองั้นหรอ ? แล้วกลับมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วส่วนเรื่องผู้กระทำผิดเองก็ได้ยอมรับผิดและเสียเงินแล้ว ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดจบลงแล้วผมเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการจึงได้รีบกลับมาเมืองนี้ครับ”
หลังจากนั้นถังซิ่วเองก็ได้พูดคุยกับทุกคนในห้องป่วย แม้ว่าตอนนี้เขาจะร่ำรวยเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทางหยิ่งยโสแม้แต่น้อย
ชายชราผมหงอกที่นอนอยู่บนเตียงและลูกของเขาเองนั้นก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความสงสัย พวกเขาได้ยินมาว่าหมอเทวดานั้นมีอายุน้อยมากแต่ก็ไม่คิดว่าจะน้อยขนาดนี้
ชายชราเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มทันทีหลังจากที่ถังซิ่วและคนอื่นๆพูดคุยกันเสร็จแล้วว่า
“ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่โดดเด่นจริงๆ ได้ยินมาว่าหมอเทวดานั้นมีอายุน้อยมากแต่ความสามารถนั้นเกินกว่าที่ฉันคิดไว้มาก หมอเทวดาถังไม่ใช่ว่ามาที่นี่เพื่อพบฉัน ?”
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ชายชราคนนั้นด้วยท่าทางระมัดระวังเพราะตั้งแต่ที่เขามาถึงที่นี่ก็พบว่ามีชายรูปร่างกำยำคอยเฝ้าที่ลิฟท์และบันไดกว่า20คนแต่ตรงทางเดินนั้นก็มีชายอยู่อีกสี่คนซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าสถานะของชายชราคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาเองก็คิดว่าหน้าตาขอชายคนนี้เองก็ดูคุ้นๆแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
เขาได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า
“คุณเป็นโรคอะไรงั้นหรอ ?”
ชายชราเองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า
“หอบหืด เป็นมากว่าหลายปีและอาการก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆดังนั้นได้ยินมาว่าที่นี่มีหมอเทวดาอยู่ลูกๆของฉันจึงได้พาฉันมาจากเมืองหลวง”
ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า
“คุณมีชื่อว่าอะไร ?”
ชายชราเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันมีสกุลว่าถัง เราเป็นครอบครัวเก่าแก่กว่า500ปี !”
สกุลถัง ?
เมืองหลวง ?
คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากัน แม้ว่าซูหลิงหยุนเองจะไม่ได้บอกอะไรเขามากนักเกี่ยวกับพ่อของเขาแต่เขาเองก็พอจะรู้บางอย่างว่าพ่อของเขาเป็นคนจากเมืองหลวง มีสกุลว่าถังแต่เขาเองก็ได้แอบส่ายศีรษะเพราะเขาคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีเรื่องบังเอิญแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของเขาคงไม่มีความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้เพราะสถานะของพวกเขานั้นไม่ใช่ธรรมดาๆอย่างแน่นอน หากว่าเขามีความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้จริงแล้วทำไมถึงได้มาชอบผู้หญิงธรรมดาๆที่มาจากชนบทแบบแม่ของเขากัน ?
ถังซิ่วได้มองไปที่รอยยิ้มของชายชราคนนั้นก่อนที่จะพูดออกมาอย่างราบเรียบว่า
“ถ้าให้พูดตรงๆผมก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับสกุลถังสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากจะใช้สกุลซู เอาล่ะ โรคหอบหืดของคุณนั้นรักษาไม่ยากเพราะมันเป็นปัญหาที่ปอด รอสักครู่แล้วให้ญาติๆของคุณพาไปที่ห้องตรวจ”
“ก๊อก ก๊อก”
ประตูได้ถูกเคาะพร้อมกับหลี่ฮงจี้ที่ได้นำหัวหน้าระดับสูงมาด้วยอีกสองคน หลังจากที่เขาพบถังซิ่วแล้วก็ได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า
“ถังซิ่ว ในที่สุดเธอก็มา เธอรู้ไหม ! ฉันรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากและหากว่าเธอไม่มาฉันก็คงจะไปหาเธอที่บ้านแล้ว”
ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า
“มีเรื่องอะไรงั้นหรอ ?”
หลี่ฮงจี้ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“มีสิ แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว เป็นเพราะว่าเธอทำให้โรงพยาบาลของเราเป็นที่รู้จักกันไปทั่วประเทศแล้ว คนไข้หลายคนเองก็ได้หาหมอนอกประเทศแต่ก็ยังไม่สามารถรักษาได้ดังนั้นเธอจึงเป็นที่รู้จักกันดีในวงการแพทย์ อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เธอมาถึงที่นี่แล้วยังไม่รู้ ?ในแผนกนี้เต็มไปด้วยผู้ป่วยที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกหนแห่งและที่ทางเดินเองก็มีคนอัดแน่นกันเต็มไปหมด เมื่อวานนี้เราได้นำเตียงมาเพิ่มอีก50เตียงก็ยังไม่พอ ตอนนี้ยังมีคนนอนรออยู่ตรงทางเดินอยู่เลย !”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“นี่เชื่อเสียงของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นมากขนาดนั้นเลย ?”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า
“ใช่อย่างแน่นอน !”
ถังซิ่วเองก็ได้ถูจมูกของเขาก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าผมคงจะต้องลดจำนวนการมาตรวจคนไข้ที่นี่แล้วสินะ ยิ่งมีสถานะสูงเท่าไหร่ก็ยังมีคนพูดถึงมากเท่านั้น ผมไม่ชอบเป็นคนดัง”
ถังซิ่วเองก็ได้หันหน้ากลับไปมองที่ชายชราคนนั้นแล้วพูดว่า
“นี่ ไม่จำเป็นต้องให้ลูกๆพาคุณไปแล้วเพราะผมจะพาไปที่ห้องตรวจเอง เมื่อเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้มองไปที่ชายชราคนนั้นพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายแสงแห่งความประหลาดใจออกมา
“ท่านเจ้าหน้าที่อาวุโสในเมื่อถังซิ่วตัดสินใจว่าจะรักษาคุณ รับรองได้เลยว่าอาการหอบหืดของคุณจะต้องหายดีอย่างแน่นอน”
เขาเชื่อในตัวถังซิ่วเพราะเขาได้รู้เรื่องที่ถังซิ่วรักษาโรคมะเร็งตับระยะที่ของให้แก่แม่ของซันเหว่นจิงแล้ว
สามารถรักษาได้แม้กระทั่งมะเร็งตับระยะที่สองแล้วจะไม่สามารถรักษาโรคหอบหืดได้อย่างไร นี่มันเรื่องตลกชัดๆดังนั้นเขาจึงเชื่อมันในตัวถังซ่วมากๆ
เจ้าหน้าที่อาวุโส ?
คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากัน ภาพๆหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ตอนแรกเขาก็คิดอยู่ว่าทำไมชายคนนี้ถึงได้หน้าตาคุ้นๆนักเพราะเขาเป็นหนึ่งในสิบของผู้นำอาวุโสของประเทศนี้ เขาได้เห็นชายคนนี้จากข่าวทางทีวี
ชายชราเองก็ได้ขมวดคิ้วทันทีก่อนที่จะพูดด้วยเสียงกระซิบว่า
“ผู้อำนวยการหลี่ บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้น ! เรียกฉันว่าผู้อาวุโสถังก็พอ”
“ได้ ได้ !”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว
ชายชราเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หมอเทวดาถัง ต้องขอรบกวนคุณแล้วและหากว่ามีสิ่งที่จำเป็นอะไรก็สามารถบอกกับผู้อำนวยการหลี่ได้เลย”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าของเขาก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ไปหาน้ำอุ่นและผ้าขนหนูสะอาดๆมายิ่งไปกว่านั้นคือแอลกอฮอล์และสำลี”
หัวหน้าระดับสูงที่เดินตามหลี่ฮงจี้มานั้นก็ได้พูดออกมาทันทีว่า
“เราจะไปเตรียมมาเดี๋ยวนี้ !”
ถังซิ่วเองก็ได้โบกมือไปทางหลี่ฮงจี้แล้วพูดว่า
“ผมต้องไปนอกพื้นที่ซักระยะหนึ่งและหลักจากที่ผ่านเรื่องนั้นไปแล้วก็น่าจะมีเวลาว่างก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดอยู่ดังนั้นผมจะมาตรวจที่นี่อีกครั้งหลังจากนั้น หากว่าผมกลับมาช้าก็จะไม่มาและรอจนกว่าจะมีเวลาว่างอีกครั้ง ส่วนเรื่องผู้ป่วยที่มาจากทั่วประเทศนั้นก็ให้หมอที่โรงพยาบาลนี้จัดการแล้วกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจของหลี่ฮงจี้ก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ตอนนี้ผู้ป่วยภายนอกเองก็ได้มีอยู่มากหากว่าถังซิ่วทิ้งงานของตัวเองไปเขาจะต้องแบกรับผลที่ตามมาไม่ได้อย่างแน่นอน ในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้เองก็มีบางคนที่มีสถานะสูงจนเขาไม่สามารถล่วงเกินได้ปะปนอยู่ด้วย