ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 254
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 256

Returning From The Immortal World - 255


.......................................................................................................................................................................................

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ซิ่วน้อย แม่เข้าใจความคิดของลูกดีเอาล่ะแม่ยอมตกลงแต่แม่เชื่อว่านิสัยของเชียงเฟยนั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างแน่นอน ลุงของลูก..........ซูชางเหวินนั้นเป็นเพราะเงินที่ทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนดีที่รับผิดชอบครอบครัวมากๆ เขาเองก็ได้ช่วยเรามาเยอะแยะขณะที่เราอยู่ที่เมืองสตาร์ซิตี้ดังนั้นลูกลองหาวิธีเพื่อช่วยเขาออกมาหน่อยนะ”

“อื่ม!”

ถังซิ่วเองก็ตอบตกลง

บ้านตระกูลซูเมืองชิงเหอ

ซูเชียงเฟยกำลังยืนพิงกำลังพร้อมกับสูบบุหรี่อยู่ที่สวนด้านนอก เขาได้ยินทุกคำพูดที่ซูหลิงหยุนพูดกับถังซิ่วอย่างชัดเจน

เขาเกลียด !

แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเกลียดใคร !

ผ่านช่วงเวลา1-2เดือนมานี้มีเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย พร้อมกับสองพี่น้องต้องหลบซ่อนอยู่ในครอบครัวของเพื่อนพี่สาวของเขา ดื่มและสูบบุหรี่ทุกวันโดยใช้ชีวิตเหมือนกำลังตายทั้งเป็น

เขาอยากจะเกลียดถังซิ่วที่มาทำลายครอบครัวของเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหลังจากที่เขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่ครอบครัวของเขาได้ทำลงไปโดยใช้อำนาจของเงินรังแกป้าและญาติของเขา

อย่างน้อยหากว่าตำรวจไม่ได้พบหลักฐานในครั้งนั้นคนที่จะต้องอยู่ในคุกจะไม่ใช่พ่อแม่ของเขาแต่เป็นถังซิ่ว

ณ ตอนนี้ที่เขากำลังฟังคำพูดของซูหลิงหยุน ป้าของเขานั้นก็ได้มีสารธารของน้ำตาไหลออกมาสองสาย ก่อนหน้านี้เขามักจะคิดว่าป้าของเขานั้นอ่อนแอและง่ายที่จะรังแก เมื่อตอนที่เขาเห็นพ่อแม่ของเขาทำร้ายเธอนั้นเขาก็ทำได้แค่ดูการแสดงเหล่านั้นแต่ตอนนี้คำพูดของเธอได้ทำให้ความรู้สึกเอ่อล้นอยู่ในใจของเขา

“........”

ก้นบุหรี่ได้ถูกโยนทิ้งไปบนพื้นพร้อมกับเหยียบมันด้วยปลายเท้าของเขาก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไปแล้วเดินไปหาซูหลิงหยุนพร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ

“คุณป้า ผมขอโทษ”

เมื่อซูหลินหยุนเห็นการกระทำของซูเชียงเฟยนั้นเธอก็มองไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอในตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกมาดี เธอได้ยกโทรศัพท์ขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้กดปุ่มวางสาย

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ไปพยุงแขนของเขาขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาพลางถอนหายใจว่า

“เชียงเฟยไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอกเพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ถังซิ่วนั้นกลัวว่าป้าจะถูกรังแกส่วนหลานเองก็มีอายุมากกว่าเขาดังนั้นหลานก็ต้องเป็นผู้ใหญ่กว่านี้และอย่าได้โทษเขาเลย”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างขมขื่นว่า

“คุณป้าผมไม่ได้โทษเขาหรอก ผมเข้าใจได้จากคำพูดเมื่อกี้แล้วว่าพ่อของผมนั้นได้รับอิทธิพลจากเงินตราจึงได้ทำให้เขาเปลี่ยนไปและผมเองก็เป็นเช่นกันจนถึงขั้นที่ใส่ความถังซิ่วว่าเขาขโมยเงิน หากว่าไม่ถูกพบเข้าในตอนนั้นเขาก็คงจะต้องติดคุกอย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นผมไม่โทษเขาหรอก”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้มองไปที่เขาด้วยความรู้สึกขอบคุณก่อนที่จะแตะไปที่ไหล่ของเขาแล้วพูดว่า

“เชียงเฟย หลานไม่โกรธเขาก็ดีแล้ว เอาล่ะเธอไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะซิ่วน้อยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสัญญามากและเขาเองก็ได้พูดต่อหน้าคุณยายแล้วว่าอย่างมากก็คือสองปีที่พ่อแม่ของหลานจะต้องติดคุก”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า

“คุณป้า ที่ผมได้สติมานั้นก็เป็นเพราะพ่อของผมนั้นแหละ ก่อนหน้านี้ที่เขาจะถูกรอบตัวที่โรงพยาบาลหลังจากที่พยายามฆ่าตัวตายแล้วนั้นผมยังได้ยินเขาพึมพำออกมาเป็นชื่อของป้า ขอพยายามเอ่ยคำขอโทษออกมาและผมรู้ได้เลยว่าเขารู้สึกเสียใจจริงๆ”

ดวงตาของเธอนั้นได้เต็มไปด้วยน้ำตา พี่ชายแท้ๆของเธอสามารถกลับตัวกลับใจได้นั้นเป็นสิ่งที่ดีมากๆ หากว่าเธอจะต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงมากเธอก็ยอม

“เชียงเฟย หลานไปดูแลยายเถอะและรออีกไม่กี่วันเราจะไปเยี่ยมพ่อของหลานที่เมืองสตาร์ซิตี้กัน”

“อื่ม!”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้แต่พยักหน้า

อย่างไรก็ตามท่าทางมีความสุขของเขานั้นได้หายไปทันทีหลังจากที่เขานึกอะไรขึ้นมาได้ เขาได้พูดออกมาด้วยเสียงกระซิบว่า

“คุณป้า หากว่าพี่สาวของผมยังคิดไม่ได้และเกลียดป้ากับถังซิ่วก็อย่างได้โทษเธอเลย เธอ......”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“เธอเกลียดฉันหรือซิ่วน้อยนั้นเป็นเรื่องที่ป้าเข้าใจได้ เอาล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง! ยังไงป้าก็ยังเป็นป้าแท้ๆของเธอ ป้าจะคุยกับเธอเอง”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เธอไปแล้ว ! เธอได้ไปที่เซี่ยงไฮ้”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เธอไปเซี่ยงไฮ้ทำไมกัน ?”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เธอบอกว่าเธอจะไปทำงากับเพื่อนของเธอ”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า

“ญาติผู้น้องของหลานเองก็ต้องไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้เหมือนกัน เมื่อเขาไปถึงแล้วป้าจะให้เขาไปหาตัวพี่สาวของหลาน”

ซูเชียงเฟยเองก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า

“ขอบคุณครับคุณป้า คุณป้าช่วยบอกญาติผู้น้องของผมด้วยว่าก่อนหน้านี้ผมผิดไปแล้ว”

ณ ตอนนี้

เสียงของถังซิ่วก็ได้ดังออกมาจากโทรศัพท์ว่า

“คุณแม่ ส่งโทรศัพท์ให้เชียงเฟยหน่อย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูหลิงหยุนเองก็ได้ยื่นโทรศัพท์ไปให้เขาแล้วพูดว่า

“ญาติผู้น้องของหลานต้องการพูดด้วย”

ท่าทางของซูเชียงเฟยเองก็กลายเป็นซับซ้อน หลังจากที่เขารับโทรศัพท์มาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เสียงของถังซิ่วได้ดังออกมาจากโทรศัพท์ว่า

“เชียงเฟย ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะเปลี่ยนไปจริงหรือโกหกแต่จำคำพวกนี้เอาไว้ หากว่านายกล้าทำร้ายแม่ของฉันรับลองได้เลยว่าฉันจะทำให้นายได้รับรู้ว่าความเจ็บปวดที่สุดในโลกนี้เป็นอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นหากว่านายสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองและปฏิบัติต่อครอบครัวอย่างดีได้ฉันก็รับประกันได้เลยว่าจะทำให้งานของนายนั้นก้าวหน้าอย่างแน่นอน”

ซูเชียงเฟยเองก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ช่างเรื่องงานก่อนเถอะฉันกลัวว่าจะเป็นเหมือนพ่อฉันหากว่างานเจริญรุ่งเรือง ถังซิ่ว เรื่องก่อนหน้านี้ของเราให้มันจบไป ฉันจะไม่หักหลังความหวังดีของคุณป้าอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นฉันจะหาเวลามาดูแลคุณยายเอง”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“จำคำพูดของตัวเองไว้ล่ะ”

เมื่อพูดจบแล้วถังซิ่วก็วางสายโดยทันที

เขาไม่ใช่คนที่ขี้ระแวงแต่ก็ไม่สามารถไว้ใจซูเชียงเฟยได้อย่าง100% ดังนั้นเขาได้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโทรไปหา คิตามิยะตุวาโกะที่ได้ทิ้วเบอร์ไว้ (*ไอ้ผู้หญิงใส่หน้ากากอะ แอดก็งงว่าทำไมมันเปลี่ยนชื่อ - -*)

“ฉันคิตามิตะคุวาโกะ นั่นใคร ?”

“ฉันเอง !”

“คุณคือ ......บอส ?”

“ใช่แล้ว !”

น้ำเสียงของเธอนั้นก็เปลี่ยนเป็นเคารพทันทีพร้อมกับถามออกมาว่า

“บอส คุณโทรมาหาฉันทำไมงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามกลับไปว่า

“เธอกลับไปที่ญี่ปุ่นหรือยัง ?”

คิตามิยะคุวาโกะเองก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ยังเลยค่ะ อาการบาดเจ็บของพวกเขารุนแรงมากเราจึงได้อยู่ที่เมืองนี้ไปก่อนแล้วค่อยกลับไปทีหลัง”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“สำนักของเธอมีผู้หญิงไหม ? เอาแบบที่ซื่อสัตย์ต่อเธอ”

คิตามิยะคุวาโกะเองก็ได้พูดออกมาอย่างมั่นใจว่า

“ฉันมีข้ารับใช้อยู่สี่คนซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฝึกหฤโหดจากสำนักดังนั้นจึงไม่ได้พาพวกเธอมาด้วยยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ฉันกลับไปแล้วจะใช้เทคนิคควบคุมวิญญาณกับพวกเธอมันที”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“พวกเธอพูดจีนได้ไหม ?”

“ได้ค่ะ พวกเธอพูดจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน”

คิตามิยะคุวาโกะเองก็ได้ตอบกลับด้วยความเคารพ

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นหลังจากที่เธอควบคุมพวกเธอแล้วก็ให้ส่งมาที่เมืองนี้เพื่อปกป้องแม่ของฉันอย่างลับๆ หลังจากนี้ฉันจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับแม่ฉันไปให้”

“รับทราบค่ะ !”

คิตามิยะคุวาโกะเองก็ได้ตอบกลับด้วยความเคารพ

ถังซิ่วเองก็ได้วางสายทันทีพร้อมกับส่งข้อมูลเกี่ยวกับแม่ของเขาไปให้เธอก่อนที่จะใส่เสื้อผ้าพร้อมกับอาบน้ำแล้วลงไปที่ชั้นหนึ่ง

กลิ่นหอมอบอวนของอาหารได้โชยมาจากห้องครัว

“ตื่นแล้วงั้นหรอ ? มากินข้าวกัน”

คังเซี่ยนเองก็ได้หยิบจานอาหารสองใบออกมาจากห้องครัวและเมื่อได้เห็นถังซิ่วนั้นเธอก็ได้ยิ้มหวานออกมา

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ท่าทางการเดินที่ดูแปลกๆของเธอและหลังจากนั้นเขาก็เข้าใจได้ถึงบางสิ่ง อย่างไรก็ตามเขาเองก็สงสัยเป็นอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่มีแรงพอที่จะขยับด้วยนิ้วซ้ำแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและดูเหมือนว่าเธอจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นและงดงามกว่าเดิมมากนัก

“หยวนชูหลิงเคยพูดเอาไว้ว่าในโลกนี้มีแค่หัวเท่านั้นที่จะตายเพราะเหนื่อย ดีนะที่ไม่ได้ไถผิดที่”

ถังซิ่วเองก็ได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินไปที่ห้องทานข้าวด้วยรอยยิ้ม

กู่หยินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวและเมื่อเห็นว่าถังซิ่วมาถึงนั้นเธอก็มองไปที่เขาทันที

ถังซิ่วได้ลูกไปที่หัวน้อยๆของเธอแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ทานอาหารเถอะ ! อีกไม่กี่วันข้าจะพาเจ้าไปที่เกาะจิงเหมิน”

“อื้ม อื้ม..!”

กู่หยินเองก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าจะไปที่ไหนแต่สิ่งที่เธอสนใจคือการที่ได้อยู่กับถังซิ่ว

เกาะจิงเหมิน ?

คังเซี่ยนที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่นั้นเมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้วท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปทันทีเพราะเขาได้เธอไปแล้วและเธอก็มีความรู้สึกกับเขามาก หากว่าถังซิ่วไปที่อื่นนั้นเธอจะไม่ห่วงแม้แต่น้อยแต่หากว่าไปที่เกาะจิงเหมินนั้นเธอรู้สึกกังวลอย่างมาก

เพราะว่าโอหยางลูลู่เป็นคนของที่นั่น !!!

คังเซี่ยนได้แกล้งทำเป็นอ่อนโอนและขยันก่อนที่จะถามออกมาว่า

“บอส คุณพาหยินหยินไปที่เกาะจิงเหมินทำไม ? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ?”

ถังซิ่วที่ไม่ได้รู้ถึงความคิดของเธอเลยนั้นก็ได้ตอบกลับไปว่า

“พาเธอไปเจอศิษย์พี่หญิงของเธอและไปเที่ยวน่ะ ฉันได้ซื้อเกาะเอาไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ไปที่นั่นเลยดังนั้นฉันคิดว่าจะไปดูมันก่อนที่จะเปิดเรียน อ่อใช่ฉันยังไม่มีพาสปอร์ตเลย เธอช่วยจัดการเรื่องของฉันกับหยินหยินให้หน่อยได้ไหม ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคังเซี่ยนเองก็รู้สึกโล่งใจทันทีอย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่าถังซิ่วเองก็ยังมีศิษย์อีกและแถมยังเป็นผู้หญิงนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแล้วพูดออกมาว่า

“บอส เรื่องจัดการพาสปอร์ตนั้นคุณต้องไปทำด้วยตัวเองยิ่งไปกว่านั้นมันใช้เวลานานด้วยอย่างไรก็ตามหลงเจิ้งหยูน่าจะพอช่วยเรื่องนี้ได้”

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“โอเค ฉันจะให้เขาช่วยแล้วกัน มาเถอะเรามาทานอาหารกันจะได้เติมพลังไง !”

เติมพลัง ?

คังเซี่ยนได้นึกถึงเรื่องระหว่างพวกเขาทันทีและทำให้เธอแสดงหน้าตาที่สวยงามออกมาก่อนที่เธอจะนั่งก้มหน้า

กู่หยินเองก็ได้เงยหน้าน้อยๆของเธอขึ้นมาแล้วถามว่า

“ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่หญิงเป็นคนอย่างไรงั้นหรอค่ะ ? เธอจะชอบหยินหยินไหม ?”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ตอนนี้ศิษย์พี่หญิงของเจ้าได้รับบาดเจ็บและยังคงไม่ได้สติอย่างไรก็ตามเธอนิสัยดีมากและเจ้าก็เหมือนกับเธอในตอนเด็กมากๆ ข้าคิดว่าเธอจะต้องชอบเจ้ามากแน่นอน”

“อื้ม อื้ม..!”

กู่หยินเองก็ได้พยักหน้าอย่างน่ารัก

คังเซี่ยนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“บอส คุณมีลูกศิษย์กี่คนกัน ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ตอนนี้ยังมีแค่ 4!”

คังเซี่ยนเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันรู้จักเฉินซีซ่ง กู่หยินและเด็กที่โรงพยาบาลนั่น แล้วอีกคนเป็นใคร ? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงมาก่อน ?”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เรื่องบางเรื่องยังไม่สามารถบอกได้ เธอรออีกหน่อยแล้วฉันจะบอกเอง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด