Returning From The Immortal World - 238
.......................................................................................................................................................................................
จังหวัดชิงเหอนั้นเป็นจังหวัดที่อยู่ห่างไกลจากเมืองสตาร์ซิตี้เกือบร้อยกิโลเมตรและมีประชากรอยู่หลายแสนคนมันเป็นจังหวัดที่มีการพัฒทางเศรษฐกิจล้าหลัง
รถ land rover ได้แล่นไปตามถนนด้วยความเร็วสูงโดยอาศัยแสงไฟจากริมทางเพื่อไปยังโรงพยาบาลของเมือง
เวลาเที่ยงคืน
รถได้ไปจอดอยู่ตรงหน้าทางเข้าของโรงพยาบาลและเมื้อหน่วยรักษาความปลอดภัยเห็นรถหรูนั้นก็ต้องตะเบ๊ะออกมาด้วยคามเคารพ
“คุณแม่ เรามาถึงแล้ว”
ถังซิ่วได้มองไปที่ซูหลิงหยุนที่ดูอ่อนล้าก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ
ซูหลิงหยุนเองก็มองไปรอบๆพร้อมกับถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“เรามาถึงเร็วขนาดนี้เลยหรอ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เมืองนี้และสตาร์ซิตี้นั้นอยู่ห่างกันไม่ไกลนักผมสามารถขับมาที่นี่ได้ในสองชั่วโมง หากว่าถนนดีกว่านี้ผมคงจะถึงในชั่วโมงครึ่ง แม่ของโทรหาคุณป้าสองดูสิว่ายายพักอยู่ที่ห้องไหนกัน ?”
ซูหลิงหยุนที่ดูเหมือนเพิ่งตื่นนอนนั้นก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาทันทีพร้อมกับโทรไปพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับท่าทางของเธอที่กลายเป็นน่าเกลียดพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ยายของลูก เธอ..........เธอยังอยู่ที่ห้องผ่าตัดอยู่เลย ! ดูเหมือนว่าขาของเธอจะหัก”
“อะไรนะ ?”
ถังซิ่วมองไปที่แม่ของเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ต้องรู้ว่ามันผ่านมากว่า3-4 ชั่วโมงแล้วแต่จากที่บ้านยายมาถึงโรงพยาบาลนี่ก็ใช้เวลาไม่ถึง30นาทีอย่างแน่นอนแล้วทำไมยังอยู่ระหว่างการผ่าตัด ?
ท่าทางของถังซิ่วได้เปลี่ยนเป็นอึมครีมพร้อมพูดออกมาว่า
“เราไปกันเถอะแม่”
ซูหลิงหยุนเองก็พยักหน้าซ้ำๆก่อนที่จะเปิดประตูรถออกไปพร้อมกับวิ่งไปที่ตึกของผู้ป่วย หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ได้ไปถึงที่ชั้นสี่พร้อมกับพบยายของเขาที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ข้างๆมีป้าสองและ ซูเปิ่นลูกชายของเธอรออยู่
“พี่หยุนในที่สุดเธอก็มา ตั้งแต่ตอนที่เรามาตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรักษาเลย!”
เฉินฮุยหยิงเองที่ได้เห็นซูหลิงหยุนนั้นก็ได้พูดออกมาทันที
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ฮุยหยิงมันเกิดอะไรขึ้น ? อย่าบอกนะว่าวันนี้มีคนไข้รอผ่าตัดอยู่เยอะ ?”
เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ฉันกล้ารับประกันเลยว่าในห้องนั้นนอกจากหมอแล้วไม่มีผู้ป่วยแม้แต่คนเดียว พวกเขากำลังถ่วงเวลาคนจากหมู่บ้านเรานั้นได้รับบาดเจ็บถึง6คนและคนพวกนั้นเองก็บอกว่าจะเปลี่ยนโรงพยาบาลและเมื่อฟังจาก ซูเปิ่นแล้วพวกเขาเองก็โดนถ่วงเวลาและกำลังมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลเมืองสตาร์ซิตี้”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“ทำไมกัน ทำไมพวกเขาเห็นผู้ป่วยแล้วถึงไม่ดูแลกัน ? อย่าบอกนะว่ามันสายเกินไปแล้ว .......”
เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ขัดจังหวะคำพูดของซูหลิงหยุนพร้อมกับพูดออกมาว่า
“คนที่มาสร้างปัญหาให้เรานั้นได้รับบาดเจ็บโดยพวกเราเช่นกัน ได้ยินว่าพวกเขาเป็นคนที่มีอำนาจและมั่งคั่ง ไม่ว่าจะเป็นกรมตำรวจหรือโรงพยาบาลเองก็มีคนของเขาอยู่ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เส้นสายนั้นขัดขวางพวกเรา”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดขัดขึ้นมาว่า
“ป้าสอง บอกผมหน่อยได้ไหมว่าทำไมคนของหมู่บ้านเราถึงได้ขัดแย้งกับเขากัน ?”
เฉินฮุยหยิงเองก็มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะบีบรอยยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“รัฐบาลนั้นต้องการยึดพื้นที่ของหมู่บ้านเราและบอกว่าจะใช้มันทำโครงการอะไรบางอย่างและจะจ่ายค่าที่ให้สำหรับบ้านหลังละ2หมื่น ถังซิ่วเธอคิดดูสิว่าเราจะเอาเงินนั่นไปทำอะไร? เงินที่พวกเขาให้มานั้นหากมันหมดไปแล้วเราจะกินอะไรกัน ?”
ความโกรธได้ปะทุออกมาจากหัวใจของเขา
เขารู้ว่าป้าสองพูดนั้นมีเหตุผลมาก หากว่าพวกเขาไม่มีที่อยู่แล้วจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ?
2หมื่นหยวน ?
พื้นที่ในหมู่บ้านเองก็ขายกัน ตรม ละ2-3พันแล้ว 2หมื่นนั้นมันไม่พออย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้นคือหลังจากที่ลงทุนไปแล้วพื้นที่นั้นต้องมีมูลค่ามากกว่า2หมื่นนั่นหลายเท่าอย่างแน่นอน บางทีอาจจะหลายร้อยเท่าเลยด้วยซ้ำ
ถังซิ่วมองไปที่หญิงชราที่นอนโอดโอยอยู่บนเตียงคนไข้พร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง
เขาได้ข่มอารมณ์โกรธอาไว้พร้อมกับอุ้มร่างบางๆของเธอมานั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆพร้อมกับพูดกับ ซูเปิ่นว่า
“พี่เบ็นช่วยพยุงคุณยายหน่อยสิ ผมจะดูแผลของเธอหน่อย”
เฉินฮุยหยิงเองก็ได้พูดขัดออกมาว่า
“ถังซิ่วอย่าสร้างปัญหานะ ยายเธอไม่ได้รับบาดเจ็บแค่ที่ขาเท่านั้นแค่ยังถูกไอพวกระยำพวกนั้นเตะตามตัวด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้กระดูกเธอเคลื่อนหมดแล้วหรือเปล่า”
ถังซิ่วได้มองไปที่เธอขณะที่ส่ายศีรษะพร้อมกับมองไปที่ยายและฉีกผ้าตรงขาออก เมื่อเห็นแผลฟกช้ำดำเขียวนั้นก็ทำให้ถังซิ่วถึงกับสงสารเป็นอย่างมาก
“อ๊า...... ซิ่วน้อย ?”
ซางฉีเองก็ได้ตื่นขึ้นจากความเจ็บปวดและเมื่อเห็นหน้าของหลานของเธอก็ได้ยิ้มออกมาแล้วลูบไปที่ใบหน้าของเขา
ถังซิ่วเองก็ได้เงยหน้ามามองเธอพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณยายอดทนหน่อยนะผมจะรักษายายเอง แม่ผมก็รู้ว่าผมเป็นหมอที่เก่งมากในโรงพยาบาลเมืองสตาร์ซิตี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูหลิงหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็ได้ถามออกมาด้วยความเป็นห่วงว่า
“ซิ่วน้อย ลูกจะช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของยายได้ไหม ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อพูดจบเขาก็จับไปที่กระดูกของซางฮีและพบว่ากระดูกของเธอน่าจะแตกและมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับหมอคนอื่นที่จะรักษามากๆเพราะยายของเขานั้นมีอายุมากแล้วและการที่กระดูกแตกหักนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะฟื้นฟูแต่เรื่องแค่นี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาแม้แต่น้อย
“ป้าสอง ป้ามาที่นี่ได้ไงครับ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมา
เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ตอบกลับมาว่า
“ซูเขวียนเป็นคนขับรถมาส่งพวกเรา ตอนนี้เขาได้ไปส่งคนอื่นๆที่โรงพยาบาลสตาร์ซิตี้แล้ว”
ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่มองไปรอบๆห้องนี้ เขารู้ถึงสถานการณ์ภายในห้องดีและมันเป็นอย่างที่ป้าสองของเขาพูดคือนอกจากหมอแล้วก็ไม่ได้มีใครอยู่ในห้องนั้นอีกเลย
“เราไปกันเถอะ !”
ถังซิ่วได้พยุงซางฉีแล้วพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ถามออกมาว่า
“ซิ่วน้อย เราจะไปงั้นหรอ ? ลูกจะไม่รอให้ยายของลูกผ่าตัด ?”
ถังซิ่วเองก็ได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า
“อย่าบอกนะว่าแม่ไม่เห็น ? คนที่นี่ได้ถูกซื้อไว้หมดแล้วและไม่มีทางที่จะรักษาคุณยายอย่างแน่นอน ความแค้นนี้ผมจะมาคิดบัญชีกับพวกเขาทีหลังตอนนี้เราพาคุณยายกลับบ้านไปก่อน ผมพอจะมีวิธีรักษาอยู่บ้าง”
“ลูกมีวิธีงั้นหรอ ?”
แม้ว่าซูหลิงหยุนจะรู้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองสตาร์ซิตี้ได้เชิญให้ถังซิ่วไปเป็นแพทย์ประจำของโรงพยาบาลแต่เธอเองก็ยังไม่เคยเห็นลูกชายรักษาคนไข้แม้แต่น้อยดังนั้นจึงยังรู้สึกกังวล
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“มีวิธีแน่นอน ! แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ! ผมไม่ล้อเล่นกับอาการบาดเจ็บของยายหรอก”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะมองไปที่เฉินฮุยหยิงพร้อมกับพูดว่า
“ฮุยหยิงเราไปกันเถอะ ! ในเมื่อซิ่วน้อยบอกว่าสามารถรักษาแม่ได้งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
เฉินฮุยหยิงเองก็มองไปที่ถังซิ่วด้วยความลังเลพร้อมกับมองไปที่ซูหลิงหยุนด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจเพราะเธอรู้ดีว่าถังซิ่วนั้นเป็นเพียงเด็กมัธยมเท่านั้น จะไปมีทักษะด้านการแพทย์ได้ไง ? แม้ว่าเขาจะไปเรียนมาแต่ก็ควรจะรักษาที่โรงพยาบาลไม่ใช่หรอ ?
อย่างไรก็ตามในเมื่อซูหลิงหยุนบอกว่าจะกลับบ้านนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ถังซิ่วได้พยุงซางฉีออกจากตึกพร้อมกับเดินไปทางลานจอดรถทันที
ซูเปิ่น เองก็ได้พูดออกมาว่า
“ถังซิ่วเราต้องเดินออกไปที่นอกถนนนั้นเพื่อโบกรถ”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเราก่อนที่จะเดินไปที่ลานจอดรถแล้วให้ซูหลิงหยุนหยิบกุญแจรถออกมาก่อนที่จะสอนเธอว่ามันปลดล๊อคยังไง ทันใดนั้นประตูรถก็ได้ถูกเปิดออกพร้อมกับที่ถังซิ่วพยุงยายของเขาขึ้นไปที่ที่นั่งด้านหลังพร้อมกับพูดออกมาว่า
“แม่และป้าสองนั่งเป็นเพื่อนคุณยายส่วนพี่เบ็นมานั่งข้างคนขับ”
เฉินฮุยหยิงและ ซูเปิ่นเองที่ได้เห็นซูหลิงหยุนหยิบเอากุญแจรถออกมาจากกระเป๋าของถังซิ่วขณะที่เห็นแสงวาบของรถที่ตอบสนองกับการปลดล๊อคของเธอนั้นถึงกับทำให้แม่ลูกตื่นตระหนกเพราะรถนี้มันหรูหราเกินไปแล้ว ซูเปิ่นที่อายุ23เองก็รู้จักรถรุ่นนี้ดีเป็นอย่างมาก
“ถัง.....ถังซิ่ว รถนี่......ของนาย ?”
เมื่อได้ยินคำพุดของถังซิ่วนั้นเขาได้ก็สติคืนมาพร้อมกับถามออกมาด้วยน้ำเสียงติดๆขัดๆ
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว ของผมเอง !”
ซูเปิ่นเองถึงกับกลืนน้ำลายก้อนโตพร้อมกับพูดออกมาด้วยริมฝีปากที่สั่นเครือว่า
“นี่คือ land rover ………land rover ? ฉันเคยเห็นบอสใหญ่บางคนใช้มัน เขาเป็นคนที่รวยมากและรถคนนี้เองก็มีราคาอย่างน้อยถึง1ล้านหยวนอย่างแน่นอน”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับอย่างราบเรียบว่า
“ช่างเรื่องรถของผมก่อนเถอะ เรารีบกลับไปที่บ้านกันได้แล้ว”
ซูเปิ่นเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดประตูรถออกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ที่นุ่มนิ่มเหมือนกับอยู่ในความฝันอย่างแท้จริงเพราะตลอดชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้นั่งบนรถที่หรูหราขนาดนี้แม้กระทั่งตอนนี้เขาเองยังไม่รู้เลยว่าควรวางขาไว้ตรงไหนดี
ถังซิ่วได้สตาร์ทรถของเขาพร้อมกับขับไปยังเมืองซ่งหลูซึ่งเป็นบ้านของตระกูลซูและมันก็ไม่ได้ห่างไกลจากที่นี่นัก ใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีแต่อย่างไรก็ตามเพราะถนนนั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ถังซิ่วกลัวว่ามันจะทำให้ข้อต่อของยายเคลื่อนที่จึงขับรถอย่างช้าๆ
หมู่บ้านโป้วจูเป็นบ้านที่ซางฉีอาศัยอยู่และที่นี่ก็เป็นที่ของตระกูลซูมาหลายชั่วอายุคน แทบจะทั้งหมู่บ้านนี้นอกจากลูกสะใภ้แล้วก็นามสกุลซูทั้งหมด พวกเขาอยู่กันด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
“กลับไปรอที่ห้องของคุณยายก่อน ผมยังมีบางสิ่งที่ต้องไปเตรียม”
ถังซิ่งเองก็ได้พูดออกมา
ซูหลิงหยุนได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ซิ่วน้อย ลูกต้องเตรียมอะไรงั้นหรอ ? ลูกบอกแม่มาสิแล้วแม่จะไปหามาให้เอง”