Returning From The Immortal World - 233
.......................................................................................................................................................................................
ท่าทางของชายหนุ่มคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะแสดงท่าทางอึดัดขึ้นบนใบหน้าของเขาพร้อมกับความรู้สึกเสียใจอยู่ภายใน หากว่ารู้ว่าก่อนหน้านี้เขาก็คงไม่พูดจาหมาๆเพื่อล่วงเกินหมอของโรงพยาบาลนิยิ่งกว่านั้นยังเป็นหมอเทวดาด้วย
ชายหนุ่มคนนั้นได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
“คุณหมอ ผมต้องขอโทษจริงๆที่เหิมเกริมไปก่อนหน้านี้ ท่านเป็นถึงผู้สูงส่งคงไม่ลดตัวลงมาระดับเดียวกับผม ผมได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ได้มีหมอเทวดาปรากฏขึ้นและสามารถรักษาผู้ป่วยได้มากมาย”
ถังซิ่วนั้นก็ไม่ใช่คนที่ยึดติดกับความแค้นเมื่อได้ยินคำขอโทษจากชายหนุ่มคนนั้นเขาก็ได้พยักหน้าช้าๆพร้อมกับตรวจหญิงวัยกลางคนแล้วถามออกมาว่า
“รู้สึกไม่สบายตรงไหน ?”
หญิงคนนั้นเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ปวดหลัง !”
ถังซิ่วก็ได้ตรวจชีพจรของเธอและพบว่าสภาพร่างกายของเธอเองก็ยังดีอยู่แต่มีเพียงช่วงอกเท่านั้นที่แสดงอาการบางอย่างดังนั้นเขาจึงได้พูดขึ้นว่า
“ไปนอนคว่ำหน้าที่เตียงนั่นแล้วผมจะนวดให้ ! น่าจะพอช่วยได้”
“ดี !”
หญิงวัยกลางคนเองก็ทำตามคำแนะนำของถังซิ่วก่อนที่จะไปนอนตรงเตียง
ถังซิ่วเองก็ได้ตรวจไปที่หลังของเธอพร้อมกับพูดว่า
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่กล้ามเนื้ออักเสบแต่มันร้ายแรงกว่านั้นคือกระดูกหน้าอกเคลื่อน ผมจะช่วยเคลื่อนมันกลับไปที่เดิมให้แต่มันจะเจ็บปวดมากๆ คุณทนไหวหรือเปล่า ?”
หญิงวัยกลางคนเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“มันสามารถรักษาได้ ?”
ถังซิ่วก็ได้พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ไม่มีปัญหาแต่มันจำเป็นต้องใช้เวลา อย่างน้อยต้องมาที่นี่ทุกวัน วันละสองเวลาอย่างน้อยสามวันก็น่าจะหายขาด”
หญิงวัยกลางคนเองก็ได้พยักหน้าพร้อมตอบกลับอย่างจริงจังว่า
“ฉันทนได้ กรุณาด้วยค่ะคุณหมอ !”
ถังซิ่วได้พยักหน้าของเขาก่อนที่จะเริ่มนวดเธอพร้อมกับเพิ่มแรงกดลงไปช้าๆ มือของเขากดไปตามกระดูกหน้าอกของเธอ
อัก!
ทุกๆครั้งแรงกดเองก็จะเพิ่มขึ้นมากว่าเดิม
ในหน้าแห่งความเจ็บปวดได้แสดงออกมาทางหญิงวัยกลางคนขณะที่มันค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามแรงกดของถังซิ่วจนถึงขั้นที่เธอโห่ร้องออกมา
หลังจากผ่านไปหลายนาทีและกำลังจะถึงขีดจำกัดที่เธอทนไหว ถังซิ่วก็ได้หยุดมือลงพร้อมกับพูดว่า
“นอนอยู่นี่แหละแล้วรอให้อาการปวดหายไป”
หลังจากนั้น
ถังซิ่วเองก็ได้ไปพูดคุยกับผู้ป่วยคนอื่นพร้อมกับที่ปู่ป่วยคนนั้นเธอออกไป หญิงวัยกลางคนเองก็ได้ลุกขึ้นมาจากเตียงพร้อมกับท่าทางที่แปลกประหลาด
“ไม่เจ็บจริงๆด้วย ! ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกอบอุ่นและสบายเป็นอย่างมาก”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดขึ้นว่า
“อย่าได้ลืมคำพูดของผมล่ะ ! สามวันมานี้ให้มาหาผมที่นี่ หากว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นผมก็จะยังประจำอยู่ที่นี่”
“ได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ !”
หญิงวัยกลางคนเองก็ได้แสดงความซาบซึ้งใจออกมา
ชายหนุ่มคนนั้นเองที่ได้เห็นทักษะที่น่าทึ่งของถังซิ่วก็ได้พูดกับเขาด้วยความชื่นชมว่า
“ขอบคุณมากๆเลยครับคุณหมอ ! แม่ของผมปวดตรงช่วงลำตัวมาหลายปี คุณต้องการเงินเท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลยหากว่าคุณสามารถรักษาเธอได้”
ถังซิ่วได้นิ่งไปก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ครอบครัวของนายร่ำรวย ?”
ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ได้ลังเลก่อนที่จะตอบออกมาว่า
“ไม่ได้รวยมากแต่หากว่าเทียบกับคนปกติก็ถือว่าพอใช้ได้”
ถังซิ่วก็ได้พูดออกมาว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเมื่อถึงปีใหม่ก็อย่าลืมมาเอาอั่งเปาล่ะ”
อั่งเปา ?
ชายหนุ่มคนนั้นเองก็ได้วางแฟนเพื่อที่จะให้อังเป่าแก่ถังซิ่วเช่นกัน เขารู้สึกได้เลยว่าถังซิ่วได้พูดออกมาจากใจจริงทันใดนั้นเขาก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ก่อนหน้านี้เขาได้ทำเรื่องไร้ยางอายไปแบบนั้น
แผนกผู้ป่วยภายใน
หลี่ฮงจี้กำลังอยู่กับหัวหน้าแผนกพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยวีไอพีแต่ข้างๆเตียงผู้ป่วยนั้นกลับมีซันเหว่นจิงนั่งอยู่จึงได้ถามออกมาทันทีว่า
“เธอมาอยู่นี่ได้ไง ?”
ซั่นเหว่นขิงเองก็ได้ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า
“ผู้อำนวยการ งานของฉันเสร็จหมดแล้วจึงได้มาดูแลแม่ที่นี่”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“ผู้ป่วยคนนี้เป็นแม่เธอ ?”
ซันเหว่นจิงเองก็ได้แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ใช่แล้วค่ะ”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้ถามขึ้นว่า
“ป่วยเป็นอะไร ?”
ซันเหว่นจิงเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยความขมขื่นว่า
“มะเร็งตับระยะที่สองและกำลังเข้ารับการรักษาที่นี่”
มะเร็งตับระยะที่สอง ?
หลี่ฮงจี้ได้แต่ถอนหายใจออกมา หากว่ายังเป็นระยะแรกนั้นเขายังพอมีทางที่จะรักษาแต่หากว่าเชื้อมะเร็งนั้นแพร่ออกไปแล้วก็ยากที่จะหาหนทาง เขาเองก็ต้องการที่จะปลอบใจซันเหว่ยจิงแต่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดีก่อนที่เขาจะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“ดูแลแม่ของเธอให้ดี ! หากว่างานที่นี่หนักเกินไปฉันก็จะให้เธอลาพัก”
ซันเหว่นจิงเองก็ได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพูดว่า
“ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการแต่ครอบครัวของฉันนั้นมีเยอะแยะดังนั้นมันจะไม่รบกวนการทำงานของฉันแน่นอน!”
หลี่ฮงจี้เองที่กำลังจะเดินออกไปนั้นก็ได้นึกอะไรขึ้นได้ก่อนที่จะมองไปที่เธอแล้วถามออกมาว่า
“อาการป่วยของแม่เธอนั้นยากจะรักษา ทำไมถึงไม่ลองพาเธอไปหาถังซิ่ว ?”
“ถังซิ่ว ?”
ซันเหว่นจิงเองก็ได้จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ท่าทางของเธอจะเปลี่ยนไปทันที
ในช่วงสองวันมานี้เธอเองก็ได้ยินว่ามีหมอเทวดามาที่นี่และเมื่อเธอถามก็ได้รับรู้มาว่าหมอคนนั้นคือถังซิ่ว ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ตัวเองนั้นตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นและไม่ยอมเป็นผู้ช่วยของเขา
อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของหลี่ฮงจี้เพราะเธอไม่คิดว่าถังซิ่วจะสามารถรักษามะเร็งระยะที่สองได้ ก่อนหน้านี้เธอเองก็ไม่ได้ไว้หน้าถังซิ่วเลยแม้แต่น้อยแต่เธอจะต้องแบกหน้าของเธอไปขอร้องเขา ?
หลี่ฮงจี้เองก็สามารถเข้าใจได้ถึงสิ่งที่เธอกำลังคิดก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ลองดูสิ ! ทักษะด้านการแพทย์ของเขานั้นสูงมาก จำคำพูดก่อนหน้านี้ที่ฉันบอกเธอได้ไหมว่าทักษะของเขานั้นอยู่สูงกว่าฉัน เขาสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยที่ฉันไม่สามารถทำได้บางทีเขาเองก็อาจจะมีวิธีที่จะรักษาโรคมะเร็งนี้ได้ หากว่าเธอไม่มีหน้าพอที่จะไปขอร้องเขางั้นเธอก็ลองให้ญาติๆของเธอพาแม่เธอไปให้เขาตรวจดู”
ซันเหว่นจิงเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ผู้อำนวยการ คุณว่าเขามีความสามารถขนาดนั้นเลย ?”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เขามีทักษะมากๆ ! เหตุผลที่ฉันอยากจะให้เธอนำแม่เธอไปให้เขาตรวจนั้นก็เป็นความเห็นแก่ตัวของฉันด้วยเพราะฉันเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่”
ซันเหว่นจิงเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปพร้อมกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความแน่วแน่และพูดออกมาอย่างจริงจังว่า
“ผู้อำนวยการ ฉันจะนำแม่ของเขาไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลย !”
หลี่ฮงจี้เองก็ได้พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ไปสิ ! เขาเป็นคนที่นิสัยดีมากๆหากว่าเห็นว่าเป็นคนป่วยเขาจะต้องไม่สนใจเรื่องก่อนหน้านี้ของเธอแน่นอน”
ซันเหว่นจิงเองก็ได้แสดงท่าทางอึดอัดออกมาทันทีหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นพร้อมกับก้มหัวลงและไม่พูดอะไรออกมา
เวลาผ่านไป
เมื่อถึงเวลาทานอาหารเที่ยงข้างนอกนั่นเองก็ยังมีคนต่อแถวกันยาวมากซึ่งทำให้ถังซิ่วถึงกับปวดหัว เขาไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ป่วยเยอะขนาดนี้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเขาก็ได้รักษาผู้ป่วยไปอย่างน้อย40-50คนแล้วแต่แถวที่อยู่ข้างนอกนั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่าจำนวนพวกนั้นเลย
เขาลังเล!ก่อนที่จะหันไปหาดั่ยซินหยูพร้อมกับบอกเธอว่า
“เธอไปดูหน่อยสิว่าข้างนอกนั่นมีใครที่จำเป็นต้องรักษาอย่างเร่งด่วนบ้างเพราะฉันจะรักษาให้อีกแค่สามคนก่อนที่จะไปพักทานข้าวแล้วจะมาตรวจต่อหลังจากนั้น”
ดั่ยซินหยูเองก็ได้ตอบตกลงพร้อมกับเดินออกไปทันที
ทันใดนั้นก็ได้มีผู้ป่วยได้ถูกนำมาที่ห้องตรวจและหลังจากนั้นก็มีหนึ่งคนที่สามารถรักษาได้เลยและอีกสองคนที่อาการดีขึ้นมาก
“ขอทาง !”
ถังซิ่วที่กำลังจะถอดเสื้อคลุมเพื่อเตรียมตัวไปยังห้องอาหารนั้นก็ได้ยินเสียงดังข้างนอกพร้อมกับผู้ป่วยที่ช่วยกันถือป้ายประกาศเกียรติยศมาและผู้นำของกลุ่มนั้นก็คือหยางเซียนหยู
“นี่หมายความอย่างไร ?”
ถังซิ่วได้มองไปที่ป้ายนั้นและมองไปที่คนทั้งห้าที่กำลังถือมันไว้พร้อมถามออกมาด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ
หยางเซียนหยูเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หมอเทวดาถัง คุณเป็นหมอเทวดาผู้ทรงเกียรติเราคิดว่าการที่จะให้อั่งเปาคุณนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าเกลียดเพราะคุณเองก็ไม่ค่อยสนใจเงินซักเท่าไหร่ดังนั้นพวกเราเหล่าญาติของผู้ป่วยจึงได้ร่วมกันจัดทำป้ายเชิดชูเกียรติยศนี่เพื่อแสดงถึงความขอบคุณของพวกเรา”
ถังซิ่วได้พูดออกมาอย่างที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า
“ตอนนี้ฉันมีสถานะเป็นหมอดังนั้นหน้าที่ในการช่วยชีวิตและรักษาคนนั้นเป็นงานของฉัน พวกคุณ.......เห้อ ช่างมันเถอะ ฉันจะขอรับน้ำใจของพวกคุณไว้”
หยางเซียนหยูและคนอื่นๆเองก็ได้ชื่นชมเขาก่อนที่จะเดินจากไป
“เอาไปสิ !”
ถังซิ่วได้พูดกับดั่ยซินหยู
เธอเองก็ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“คุณจะไม่เอามันไปแขวนไว้บนผนังงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า
“ไม่จำเป็นหรอกการที่พวกเขาส่งของมาพวกนี้ก็เพื่อแสดงถึงความซาบซึ้งของพวกเขา เรารับไว้ก็พอแต่ไม่จำเป็นต้องไปสนใจของนอกกายนัก”
ดั่ยซินหยูเองก็ได้แสดงความเคารพและชื่นชมออกมาพร้อมกับพยักหน้าซ้ำๆ ตลอดเวลาสองวันที่เธอได้อยู่กับเขามานั้นทักษะด้านการแพทย์ของเธอได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เธอได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆมากมาย
เธอได้มีไอดอลของเธอแล้ว !
ก่อนหน้านี้ไอดอลของเธอคือปู่ของเธอซึ่งเป็นแพทย์จีนที่มีชื่อเสียงเพราะเขานั้นได้ช่วยชีวิตคนไว้มากมาย
แต่ตอนนี้เองเธอก็คิดว่าทักษะของปู่เธอเองก็ยังไม่สามารถเทียบกับถังซิ่วได้ถึงขั้นที่ห่างกันคนละชั้นเลยก็ว่าได้
ดังนั้นไอดอลคนใหม่ของเธอคือถังซิ่วแม้กระทั่งเธอเองก็ยังหวังอยู่เล็กๆว่าจะได้เป็นศิษย์ของเขา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล
ถังซิ่วและดั่ยซินหยูเองก็กำลังทานอาหารและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์ ถังซิ่วชอบนิสัยที่ตั้งใจของเธอเป็นอย่างมากดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะถ่ายทอดความรู้ให้เธอในหลายๆเรื่อง
ในสองวันมานี้เขาได้พบผู้ป่วยและญาติของพวกเขามากมาย เห็นท่าทางตื่นตระหนกตอนที่พวกเขามาถึงและกลับไปด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยมมันทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าความคิดของเขาได้เปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่โลกนี้
ตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับชีวิตมากๆ เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำเงินหรือดูแลครอบครัวและแม้แต่บ่มเพาะพลัง เขาคิดว่าตอนนี้ชีวิตของเขามีความสุขมากๆ
“ขอโทษที่รบกวน !”
เสียงของผู้หญิงได้ดังมาจากข้างๆของเขา
ถังซิ่วได้หันหน้าไปแล้วท่าทางของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีเพราะคนๆนั้นคือซันเหว่นจิง