ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 83
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 85

Returning From The Immortal World - 84


.......................................................................................................................................................................................

ความคิดทุกชนิดกำลังเดือดพล่านอยู่ในใจของถังซิ่วเกี่ยวกับเรื่องอาจารย์ของกู่เสี่ยวเสวี่ย มันป็นความรู้สึกที่เหมือนกับสิ่งที่เขาเคยได้รู้สึกมาก่อนแล้วแต่เขาคิดว่าเรื่องเวลานั้นผิดไปเพราะเขาอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนิรันดร์นับหมื่นปีและเวลาบนโลกผ่านไปเพียงแค่ปีเดียวแต่6,500ปีที่ผ่านมากู่หยานเอ๋อนั้นหายตัวไปจากดินแดนแห่งนิรันดร์ต่อให้เธอหลุดมาที่โลกนี้โดยอุบัติเหตุก็ตาม แต่เธอก็ไม่น่าจะมาถึงโลกนี้ได้มากกว่าหนึ่งปี

ในกรณีนี้!

ถ้า ... ถ้าเธออยู่บนโลกมานานหลายทศวรรษแล้วมันก็หมายความว่าเธอใช้ชีวิตอยู่เป็นแสนๆปีในดินแดนแห่งนิรันดร์?

หลังจากที่ได้วิเคราะห์ข้อเท็จจริงและใช้เหตุผลอย่างรอบคอบแล้ว ถังซิ่วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเริ่มแปลกๆขึ้นเรื่อยๆแต่เมื่อเห็นการแสดงออกที่หนาวเย็นบนในหน้าของกู่เสี่ยวเสวี่ยแล้วเขาก็เงียบลงทันที

เขายังไม่ได้มีความสัมพันธ์มากพอที่จะถามต่อไป!

ในส่วนของการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนนั้นเขาไม่สันทัดเป็นอย่างมาก แต่ด้วยสติปัญญาของเขา เขาเชื่อว่าเขาสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นได้เกือบทุกอย่าง กู่เสี่ยวเสวี่ยไม่ต้องการที่จะปริปากและเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะบังคับให้เธอคายมันออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ระงับความสงสัยไว้ในจิตใจและไม่ถามถึงเรื่องพวกนี้อีก

แน่นอนอยู่แล้วว่าในหัวใจของเขานั้นกังวลเป็นอย่างมากเพราะอย่างไรก็ตามเพื่อนๆแล้วภรรยาของเขาที่ปฏิสัมพันธ์ด้วยกว่าร้อยปีนั้นยังกล้าหักหลังเขาเพื่อผลประโยชน์แล้วลูกศิษย์ของเขาหละยังคงจำอาจารย์ของเธอได้ไหม หลังจากที่ผ่านไปหลายปีนี้เธอยังจะยอมรับเขาเป็นอาจารย์ของเธอหรือเปล่า?

เมื่อได้เห็นความเงียบของถังซิ่ว การแสดงออกที่รู้สึกพึงพอใจก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่เสี่ยวเสวี่ย

"ถ้าคุณต้องการที่จะพบกับอาจารย์นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว ตราบเท่าที่คุณสามารถก้าวเข้าไปสู่ชั้นที่สามได้ หลังจากนี้สามเดือนฉันสามารถพาคุณไปพบเธอได้ อย่างไรก็ตามหากตัดโดยระดับพลังบ่มเพาะของคุณแล้วไม่ต้องพูดถึงชั้นสามเลย แค่เข้าไปที่ชั้นสองได้คุณก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสและถอนตัวแล้ว "

“นำทางไป!”

การแสดงออกของถังซิ่วนั้นบ่งบอกถึงความแน่วแน่เป็นอย่างมาก

กู่เสี่ยวเสวี่ยพูดล้อเขาว่า

"คุณเป็นคนที่ไม่หยุดจริงๆถ้าไม่ได้กระแทกกับกำแพง!และดูเหมือนว่าถ้าไม่เห็นโลงศพก็คงไม่หลั่งน้ำตา!อ๊าในเมื่อมันเป็นความตั้งใจของคุณก็อย่าหาว่าไม่เตือนนะถ้าต้องถอนตัวเพราะบาดเจ็บร้ายแรง ไปกันได้แล้ว! "

100 เมตรข้างหน้า ...

พวกเขาถูกหยุดโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ใส่สูท

"เจ้านายน้อย,ปรมาจารย์เซ่าและปรามาจารย์เหมี่ยวได้แล้วและรออยู่ที่ค่ายกลพันโคจร "

กู่เสี่ยวเสวี่ยขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า

"พวกเขามาที่นี่ ? เมื่อสองปีที่แล้วพวกเขายังทำได้แค่ติดอยู่ในชั้นที่สองของค่ายกลและไม่มีความสามารถพอที่จะก้าวไปสู่ชั้นที่สามได้แถมยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย อย่าบอกนะว่าในสองปีมานี้บาดแผลของพวกเขาหายโดยสมบูรณ์แล้วและเพิ่มระดับการบ่มเพาะขึ้น? "

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบว่า

"จากหลักฐานเหล่านี้ น่าจะเป็นอย่างที่ว่ามา"

กู่เสี่ยวเสวี่ยหันกลับไปมองที่ถังซิ่วพร้อมรีบเดินไปทางค่ายกล เธอนั้นรู้สึกเบื่อและเหงาเป็นอย่างมาก ห้องอาหารร้อยงานฉลองนั้นมีคนคอยจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยอยู่แล้ว ทุกๆวันของเธอนั้นมีแค่การบ่มเพาะพลังเท่านั้น วันนี้เธอได้เจอเข้ากับถังซิ่วและนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอสนใจเป็นอย่างมากแต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีเพิ่มมาอีกสองคน

ลึกเข้าไปในป่า ...

พื้นที่สี่เหลี่ยมๆที่ไม่ใหญ่มากถูกล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ที่เขียวขจีและในแต่ระมุมถูกวางไว้ด้วยหินหยกที่มุมๆหนึ่งชายวัยกลางคนสองคนนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ดวงตาของหันไปมองที่พื้นที่ตรงนั้นด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

"พี่ชายเหมี่ยว ครั้งนี้คุณมีความมั่นใจแค่ไหน?"

เซ่าหมิงเซิง ทำลายความเงียบและถามออกมา

เหมี่ยวเหวินถังตอบอย่างมั่นใจว่า

"80%"

เซ่าหมิงเซิงถามต่อด้วยความรู้สึกประหลาดในว่า

"คุณว่ามีความมั่นใจขนาดนั้นเลย?"

เหมี่ยวเหวินถังยิ้มจางๆและตอบว่า

"แน่นอนอยู่แล้วพี่ชายเซ่า คุณหละมีความมั่นใจมากเท่าฉันไหม ? แน่นอนอยู่แล้วว่าคนที่ยังไม่เคยฝ่าเข้าไปในค่ายกลนี้ไม่มีทางรู้แน่นอน ค่ายกลนี้ไม่ได้เป็นค่ายกลที่เอาไว้ฆ่าคนแต่เอาไว้ใช้สำหรับฝึกผู้ที่เรียนรู้ค่ายกล ตราบใดที่ที่ฝ่าเข้าไปแบบผลีผลาม เราไม่มีทางสูญเสียชีวิตหรือบาดเจ็บได้ ฉันคิดว่าประสบการณ์จากเมื่อสองปีที่แล้วได้ให้ประโยชน์เราอย่างมากๆเลยว่าไหม ? "

เซ่าหมิงเซิงพยักหน้าพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า

"แท้จริงแล้วคนที่สร้างค่ายกลนี้ขึ้นนั้นเป็นอย่างอัจฉริยะในหมู่ผู้บ่มเพาะพลังอย่างแน่นอน ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องถึงระดับที่น่ากลัวแล้วอย่างแน่นอน พูดกันตามตรงถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะเป็นศิษย์ของผู้ที่สร้างค่ายกลนี้มาก "

"ฮ่าๆความคิดของเรานั้นเหมือนจะตรงกันนะ!"

เหมี่ยวเหวินถังหัวเราะอย่างเต็มที่

"อาคุณสองคนดูเหมือนจะไม่พอใจจนต้องการที่จะท้าทายค่ายกลนี้อีกครั้ง? หากฉันจำไม่ผิดพวกคุณได้ฝ่าเข้าไปแล้วถึงสามครั้ง ตามที่อาจารย์ของฉันกำหนดไว้ว่าครั้งที่สี่นั้นจำเป็นที่จะต้องจ่ายมา1ล้านหยวน ถ้าอยากจะฝ่าเข้าไปก็จ่ายมาซะ! "

กู่เสี่ยวเสวี่ยเดินมาพร้อมกับถังซิ่วด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่งพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

เมื่อเห็นกู่เสี่ยวเสวี่ยและถังซิ่วเดินมาด้วยกัน,เซ่าหมิงเซิงและเหมี่ยวเหวินถังก็ประหลาดใจพร้อมคาดเดาถึงตัวตนของถังซิ่ว แต่พวกเขายังคงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมหยิบกระเป๋าหนังส่งให้กู่เสี่ยวเสวี่ยและพูดว่า

"เงินนั้นเราได้เตรียมมาแล้ว ได้โปรดรับมันไว้ "

กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ส่งสัญญาณมือให้แก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ๆพร้อมรับกระเป๋าหนังทั้งสองไปเพื่อยืนยันจำนวนเงินในนั้นพร้อมเดินจากไป

"อาเอ้อไปตีร้อยระฆัง!"

"ครับ!"

ชายร่างใหญ่ได้รีบวิ่งไปในที่ๆห่างไกลออกไป …

หลังจากนั้นไม่กี่นาที

"ก๊องงงง ก๊องงงงง ก๊องงงง ..."

เสียงระฆัง27ครั้งที่ดังก้องทะลุสวรรค์และโลกได้ไปถึงหูทุกคนที่อยู่ในห้องอาหารร้อยงานฉลองแห่งนี้ แขกหลายคนได้ออกมาจากห้องอาหารส่วนตัวของตัวเองและสอบถามพนักงานเกี่ยวกับที่มาของเสียงเหล่านี้

"มันเป็นเสียงของร้อยระฆัง มีบางคนคิดจะท้าทายค่ายกลแน่นอน"

"27ครั้ง แสดงว่าจะต้องมีผู้ท้าทายทั้งหมดสามคน"

"เสียงร้อยระฆังได้ดังขึ้นแล้ว แขกทั้งหมดสามารถไปที่นั่นเพื่อรับชมได้"

"..."

ด้วยการแสดงออกตื่นเต้นบนใบหน้าของพวกพนักงานที่กำลังอธิบายและภายใต้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแขกทั้งหมดในห้องอาหารกว่าร้อยห้องได้ออกมาพร้อมกันและตรงไปที่ค่ายกลนั้นเพื่อรับชม

หนึ่งในห้องรับประทานอาหารส่วนตัว ...

เจี่ยหลุยเดาและศิษย์ทั้งสามคนจ้องอย่างงงๆไปที่พนักงานที่กำลังอธิบายเรื่องราวอยู่เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาในวันนี้นั่นก็คือการบริการถังซิ่วและทำให้เขาพึงพอใจไม่อย่างนั้นถ้าถังซิ่วทิ้งหน้าที่ของเขาแล้วพวกเขาจะไม่เพียงแค่สูญเสียทุกสิ่งเท่านั้นแต่รวมไปถึงชีวิตของพวกเขาเองด้วย

"แขกทั้งสามท่านต้องการจะไปรับชมหรือไม่?"

หลังจากได้อธิบายแล้วพนักงานสาวคนสวยก็ได้เอ่ยปากถาม

เจี่ยหลุยเดาโบกมือด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยสนใจและตอบว่า

"เราไม่สนใจ กรุณาออกไป!"

"เดี๋ยวก่อน"

กงดาหลงได้หยุดพนักงานคนนั้นเอาไว้พร้อมมองไปที่เจี่ยหลุยเดาและพูดว่า

"ท่านอาจารย์เท่าที่ผมรู้ ปรมาจารย์ถังนั้นดูเหมือนจะรู้ถึงวิทยายุทธอยู่บ้าง บางทีคนหนึ่งที่กำลังจะท้าทายกับค่ายกลนั้นอาจจะเป็นเขา ท่านลองคิดดูสิว่าใน1-2ปีมานี้มันเป็นเหตุการณ์ที่หายากมากสำหรับผู้ที่พยายามจะลองฝ่าค่ายกลนี้แต่เมื่อปรมาจารย์ถังมาถึงที่นี่กลับมีบางคนต้องการจะทดสอบค่ายกลนั้น ผมคิดว่ามันมีโอกาสสูงมากที่หนึ่งในผู้ท้าชิงนั้นจะเป็นปรมาจารย์ถัง"

ท่าทางของเจี่ยหลุยเดาเปลี่ยนไปทันทีเพราะเขาเองก็เคยได้ยินว่าถังซิ่วนั้นได้เรียนรู้วิทยายุทธอยู่บ้าง เขาพูดพร้อมพยักหน้าว่า

"งั้นไปเถอะ! ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ถังซิ่วก็ตามแต่บางทีเขาอาจจะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน "

ไม่นานหลังจากนั้น ป่าที่ล้อมรอบได้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากขณะที่ขอบลานกว้างทั้งหมดถูกครอบครองโดยเหล่าผู้ชม พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้องอาหารกว่าโหลนึงได้ป้องกันไม่ให้ผู้ชมเดินเข้าไปเหยียบในพื้นที่สี่เหลี่ยมนั้นได้แม้แต่ก้าวเดียว

กู่เสี่ยวเสวี่ยที่กำลังเอามือไคว้หลังอยู่นั้นได้กวาดสายตาไปทางถังซิ่วและทั้งสองคนที่เหลือ เธออยากรู้ว่าการบ่มเพาะพลังของพวกเขาก้าวหน้าไปเท่าไรแล้วในสองปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาจะสามารถฝ่าผ่านเข้าไปยังชั้นที่สามได้หรือไม่?

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยได้มาที่ด้านข้างของกู่เสี่ยวเสวี่ยและกระซิบว่า

"เจ้านายน้อย ทุกอย่างพร้อมแล้ว"

กู่เสี่ยวเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อยและเหลือบไปที่ทั้งสามคนพร้อมพูดออกมาเบาๆว่า

"วันนี้ทั้ง3คนอยากจะท้าทายค่ายกลพันโคจรนี้ ไม่ว่าจะอยู่หรือตายนั้นไม่เกี่ยวกับห้องอาหารของเราแต่หากใครสามารถฝ่าเข้าไปในชั้นที่สามได้แล้วละก็ จะได้รับสิทธิเป็นแขกผู้มีเกียรติของห้องอาหารของเรา"

สามคน?

เซ่าหมิงเซิงและเหมี่ยวเหวินถังมองไปที่กันด้วยท่าทางงงๆพร้อมสายตาของพวกเขาจดจ่อไปที่ถังซิ่วก่อนที่เซ่าหมิงเซิงจะพูดขึ้นว่า

"น้องชายตัวน้อยคุณต้องการที่จะท้าทายค่ายกลพันโคจร?อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ถ้าคุณไม่ใช่ผู้ฝึกวิทยายุทธ คุณอาจจะเสียชีวิตได้นะ "

เหมี่ยวเหวินถังพยักหน้าและพูดว่า

"ถูกต้อง! ชายหนุ่มที่ไฟแรงนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ไม่ควรตั้งเป้าสูงเกินไปโดยที่ยังไม่มีทักษะเพียงพอ แม้ว่าค่ายกลนี้จะช่วยเพิ่มพลังบ่มเพาะแต่ถ้ามีความแข็งแกร่งไม่พอก็สามารถบาดเจ็บหรือตายได้นะ"

"ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว"

ถังซิ่วเหลือบมองไปที่ชายสองคนที่ได้ตัดสินเขาด้วยรูปลักษณ์ภายนอก แต่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเกลียดชังใดๆต่อพวกเขาค่ายกลเหล่านี้เขานั้นเป็นคนสร้างขึ้นแล้วทำไมเขาจะไม่สามารถฝ่ามันไปได้หละ? ยังไงก็ตามเขาเชื่อว่าจะเปิดโลกทัศน์ให้แก่พวกเขา

เมื่อเห็นการแสดงออกของถังซิ่วแล้วนั้น เซ่าหมิงเซิงและเหมี่ยวเหวินถังได้ยิ้มออกมาเจือนๆ พวกเขาเตือนให้เขายอมแพ้ด้วยความปรารถนาดีแต่ดูเหมือนว่าถังซิ่วจะไม่สนใจพวกเขา

"ฟัคยู!!"

ร่องรอยแห่งความโกรธก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในหัวใจของเซ่าเหมิงเซิงพร้อมพูดออกมาว่า

"เนื่องจากน้องชายนั้นมุ่งมั่นจนถึงนาทีสุดท้ายเราเองก็จะไม่เตือนคุณอีกต่อไปแล้ว"

หลังจากพูดจบเขาหันไปทางกู่เสี่ยวเสวี่ยและป้องมือไปที่เธอจากนั้นก็เดินเข้าไปในลานสี่เหลี่ยมนั้น

พื้นที่สี่เหลี่ยมที่มีหยกถูกจัดวางไว้เหมือนสุ่มๆกันเท่านั้น แต่ดวงตาที่เปลือยเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้ว่าหยกเหล่านี้เป็นรูปแบบของค่ายกลพันโคจร ขณะที่เซ่าหมิงเซิงก้าวเข้าไปในพื้นที่ของค่ายกลนั้น เท้าของเขาก็หยุดลงอย่างกะทันหันขณะที่เขาเริ่มขยับตัวในช่วงต่อไป

ในสายตาของผู้ชมนั้นเซ่งหมิงเซิงดูเหมือนกำลังเดินวนไปเรื่อยๆในบริเวณพื้นที่ลานสี่เหลี่ยมกว้างไม่กี่สิบเมตรราวกับว่าเขานั้นเป็นแมลงวันหัวขาดที่กำลังเดินไปรอบๆอย่างไร้จุดหมาย แต่สำหรับถังซิ่ว,กู่เสี่ยวเสวี่ยและเหมี่ยวเหวินถังซึ่งเคยได้ท้าทายค่ายกลเหล่านี้แล้วนั้น พวกเขารู้ดีว่าเซ่าหมิงเซิงกำลังเผชิญหน้ากับอย่างอื่น

ภายในค่ายกลพันโคจร ...

ในพริบตาที่เขาได้ก้าวเข้ามานั้นราวกับว่าเขาได้มาถึงอีกโลกหนึ่งเขามองไปที่นกที่บินอยู่เหนือทุ่งหญ้าฉากฤดูใบไม้ผลิและสายลมที่พัดมาอย่างช้าๆแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีสมาธิอยู่ในขณะนี้เขาคุ้นเคยกับชั้นแรกของค่ายกลนี้ดีเนื่องจากเขาได้เคยท้าทายมันมาก่อนแล้ว เขารู้ดีว่าป่าเขาที่สวยงามที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นล้วนเต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรงนับไม่ถ้วน

ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องได้ถูกแถนที่ฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดที่สุกใสและสวยงามถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำมืดที่ลอยตัว โลกทั้งโลกเปลี่ยนเป็นมืดมนพร้อมฝนน้ำกรดที่ได้ตกลงมาจากฟากฟ้า

"มันกำลังมา!"

หัวใจของเซ่าหมิงเซิงถูกบีบรัด เขารีบมองไปรอบๆพร้อมสัมผัสได้ถึงงูที่มีขนาดตัวหนาเท่าแขนคนเป็นกองทัพที่กำลังพุ่งตรงมาทางเขา

“ฮึ่ม ......”

เนื่องจากเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อนเซ่าหมิงเซิงจึงไม่ตกใจ เขาเอากระดาษยันต์สีเหลืองจากหน้าอกของเขาออกมาพร้อมโบกข้อมือของเขา กระดาษยันต์นั้นได้กลายเป็นเพลิงนรกที่กำลังแผดเผาฝูงงูเหล่านั้น

"ฟ่อ……"

งูเหล่านั้นได้กรีดร้องอยู่ในกองเพลิงพร้อมกับตายลงอย่างช้าๆขณะที่ฝูงงูตัวอื่นๆกำลังพุ่งเข้าหาเขาเช่นเดิมทว่าปรากฏงูตัวสีแดงตัวหนึ่งที่กำลังจดจ่อไปที่เซ่าหมิงเซิงด้วยท่าทางเย็นยะเยือกแต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มือของเขานั้นได้ปรากฏดาบที่คมกริบพร้อมเคลื่อนตัวหลบงูเหล่านั้นที่กำลังพุ่งมาทางเขาพร้อมฆ่าพวกมันทั้งหมดในทันที

"เจอแล้ว"

(ใครที่ถามว่าทำไมตอนต่อไปติดรหัสนะครับ คือมันต้องอยู่ในกลุ่มลับอะครับหรือใครที่ไม่อยากจ่ายตังก็รอก็ได้ครับผม เพราะผมจะปลดให้ 1-2 วันตอนครับ ขอบคุณค๊าบบบ  ส่งข้อความมาทางนี้เลยครับ https://goo.gl/CeevTV)

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด