ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 51
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 53

Returning From The Immortal World - 52


เฉิง เยี่ยนหนาน( ผญ ที่ปกป้อง ถัง ซิ่ว ในห้องเรียน)

ซู เชียงเฟย(ลูกชายของซู ชางเหวิน,ญาติของ ถัง ซิ่ว)

หยวน ชูหลิง (ไออ้วนเพื่อนสนิท)

ซู่ ดวนซิน (ลูกน้องของ ซู เชียงเฟย)

ทาน หลีเขวียน (ลูกน้องของ ซู เชียงเฟย)

.......................................................................................................................................................................................

ผู้คนจากสมัยโบราณกล่าวว่า "หากไม่มีความมั่งคั่งก็ยากที่จะทำอะไรได้ "

ในขั้นตอนหลักของการบ่มเพาะ ความนึกคิดและเวลาของคนนั้นจะถูกใช้ไปทั้งหมดกับการบ่มเพาะพลัง ส่งผลให้ไม่มีเวลาทำเงิน แต่การขาดทรัพยากรการบ่มเพาะก็จะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะยากขึ้น ตอนนี้ ถังซิ่วนั้นยากจนและไม่มีทรัพยากรการบ่มเพาะเลย

แม้ว่าเขาจะมีวิลล่าที่สง่างามในเมืองทิศใต้เนื่องจากโชคและความบังเอิญ แต่ก็เป็นของคนอื่น อย่างไรก็ตามเขายังชอบสถานที่ของวิลล่าและการตกแต่ง เขายังไม่เต็มใจที่จะขายวิลล่าแห่งนี้  วิลล่านี้ได้รับการช่วยเหลือมาจากหลงเซ้งหยูและเป็นไปไม่ได้ที่ถังซิ่วจะขายมัน เขาจะโดนดูถูกโดยหลงเซ้งหยูได้

ถังซิ่วไม่มีวิธีที่จะซื้อบ้านอื่นเพราะเงินออมเขาน้อยกว่า 10,000 หยวน เขาน่าจะเป็นคนที่บ่มเพาะพลังที่เรียกได้ว่ายากจนที่สุด (5555)

ถ้าหลงเซ้งหยูไม่ได้สัญญาว่าจะช่วยเขาอย่างเต็มที่ในการสร้างคฤหาสน์นั่น, ถังซิ่วรู้ว่าเขาจะไม่มีทางที่จะมีที่ดินเป็นของตัวเองที่ใช้สำหรับการบ่มเพาะ

โชคดีที่แม้ว่าการบ่มเพาะของถังซิ่วยังคงอยู่ในขั้นต้น แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะมือใหม่ ดังนั้นเขาจึงสามารถทุ่มเทให้กับเวลาและจิตใจของเขาในการทำเงินได้มากกว่าแค่ใช้เพื่อบ่มเพาะพลังเท่านั้น

"ดูเหมือนว่าฉันต้องเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง!"

หลังจากที่คิดหนักเป็นเวลานาน ถังซิ่วก็หยุดยั้งความคิดมากมายของเขา

ความคิดในใจของเขาไม่ใช่การเล่นการพนันที่หยวนชูหลิงแนะนำให้เขาแต่เขาเลือกเส้นทางที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับยาซึ่งเขาเก่งมาก

แม้ว่าการที่จะสร้างยาที่มาจากดินแดนแห่งนิรันดร์จะทำให้เกิดผลกระทบมากเกินไปในการขายพวกมันบนโลก และขณะที่วัตถุดิบและส่วนผสมสำหรับยายังไม่อาจพบได้ในโลก แต่สิ่งนี้ไม่ได้ขัดขวางถังซิ่วจากการทำอะไรก็ตามที่เขาต้องการ เขาสามารถดำเนินการตามแผนการและเปลี่ยนแปลงผลของยาที่ปรับปรุงตามสถานการณ์ของโลก ดังนั้นผลิตภัณฑ์ของเขาอาจได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้คนบนโลก

"ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มใช้เวลาและพลังงานมากเกินไป นอกจากนี้ถ้าฉันต้องการที่จะขยายธุรกิจในขนาดใหญ่ก็จะต้องใข้เงินเป็นจำนวนมากเว้นแต่ฉันจะได้ความร่วมมือจากคนอื่นๆ "

แนวคิดแรกของถังซิ่วคือการปรับปรุงสูตรการปรุงรสและสร้างรายได้ผ่านทางอุตสาหกรรมการทำอาหาร เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่แล้วก็ลังเลเพราะสูตรเครื่องปรุงรสของตัวเองนั้นไม่มีทางขายในราคาที่สูง,เฉพาะหลังจากที่ใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแล้วค่อยขายในราคาสูงแต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ถังซิ่วไม่สามารถที่จะก้าวกระโดดเข้าสู่ธุรกิจการทำอาหารได้

การร่วมมือกับผู้อื่นเป็นวิธีที่ดีแต่เขาก็มักจะต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ในขณะที่การได้รับความไว้วางใจของคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

"นอกเหนือจากอาหารและเครื่องดื่มแล้วยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกด้วย"

ถังซิ่วรวบรวมสมองของเขาและคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้การปรุงยาในธุรกิจอื่น ๆ

แต่ถังซิ่วพบว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพื้นที่เหล่านี้นั้นทำให้เขาปวดหัวอย่างฉับพลัน

“พี่ชาย นายนั่งอยู่ในห้องเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่านายไม่ได้เจออะไรที่พิเศษเป็นเวลานาน?”

หลังจากเสียงกระดิ่งดัง หยวนชูหลิงวางหนังสือของเขาลงขณะที่ผลักแขนของถังซิ่วและกระซิบ

"ฮะ? อะไรคือสิ่งพิเศษที่ฉันควรจะหา? "

ถังซิ่วงงงวยหลังจากที่ได้ยินคำถามของหยวนชูหลิงขณะที่เขาถามด้วยความรู้สึกสับสน

เมื่อได้ยิน หยวนชูหลิงมองไปที่ถังซิ่ว จากนั้นเขาก็เอนตัวลงและกระซิบกับหูถังซิ่วถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในชั้นเรียน

อย่างไรก็ตามหยวนชูหลิงยังไม่ได้พูดแต่ถังซิ่วก็ยืนขึ้นในขณะที่กำลังเดินออกไปนอกห้องเรียน

หยวนชูหลิงรู้สึกทึ่งขณะที่เขาเปิดปากกว้างและอยากจะถามเหตุผลจากถังซิ่ว แต่เมื่อดวงตาของเขามองไปที่รูปร่างที่สวยงามนอกห้องเรียนเขาก็ขยับริมฝีปากและปิดปาก

"เวรเอ๋ย ... ฉันคิดว่านายไม่สามารถหาเฉินเยี่ยนหนายได้เพราะเธอไม่ได้มาเรียนคาบแรก"

เห็นถังซิ่วเดินไปทางเฉินเยี่ยนหนาน,การแสดงออกของความการใช้ความคิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยวนชูหลิง

"เขาไม่มาตั้ง 10 วัน แต่พี่ชายได้กลายเป็นคนกล้าและดุเดือดเช่นนี้ เวรเอ๋ย ... เขาไม่กลัวที่จะถูกนินทาโดยนักเรียนคนอื่นหรือ? "

หยวนชูหลิงคิดขณะที่เขาลุกขึ้นยืนและเดินช้าๆออกไปนอกห้องเรียน

ที่นั่งของหยวนชูหลิงและถังซิ่วอยู่ที่มุมที่ไกลที่สุดในห้อง เมื่อทั้งคู่ได้เห็นการมาถึงของเธอ คนอื่นๆก็ต้องเห็นเธออย่างโดยเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

ถึงแม้เฉินเยี่ยนหนานจะมาเรียนที่ห้องสิบก่อนถังซิ่วได้หกเดือนแต่เพราะรูปลักษณ์ที่สวยงามและความตรงไปตรงมาของเธอได้รับการยอมรับและได้รับชัยชนะเหนือหัวใจของทุกคน เธอได้รับการจัดอันดับว่าเป็นคนที่สวยติด1ใน10 อันดับแรกของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของเด็กชายห้องสิบชอบเธอ

แต่เมื่อเห็นถังซิ่วเดินตรงไปหาเฉิงเยี่ยนหนานนั่นทำให้เด็กชายคนอื่นๆกังวลใจมาก

ใกล้เวลาสำเร็จการศึกษาแล้ว นักเรียนชายจำนวนมากที่เห็นว่าพวกเขาสิ้นหวังในการสอบเข้าวิทยาลัยกำลังเตรียมที่จะสารภาพกับสาวๆที่พวกเขาชื่นชอบและหวังว่าจะมีชีวิตรักที่มีชีวิตชีวาก่อนสำเร็จการศึกษา

เฉินเยี่ยนหนายจากห้องสิบเป็นเป้าหมายในการสารภาพรักสำหรับนักเรียนชายนับไม่ถ้วน ในเวลาเดียวกันพวกเขายังวางแผนว่าพวกเขาจะสารภาพกับเธอในขณะที่ยังแอบเฝ้าติดตามและต้องการเข้าใกล้เธอ

"ถังซิ่ว! เฉิงเยี่นนหนานเป็นของฉัน! นายต้องยอมแพ้ต่อเธอ! "

"ไอห่า คางคกต้องการกินหงส์ อย่าสะเออะมาขวางทางฉัน! "

"พวกเรา...... พวกพี่ชายเหล่านี้ยังไม่ได้สารภาพกับเธอ เวลาของนายนั้นยังไม่มาถึง ! "

เมื่อถังซิ่วเพิ่งเดินไปที่ประตูห้องเรียน ชายหนุ่มสองสามคนก็หยุดเขาพวกเขามองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางล้อเลียน สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือแม้แต่ซู่ดวนซินและทานหลีเขวียนก็อยู่ท่ามกลางพวกเขา

ขณะที่ซู่ดวนซินและทานหลีเขวียนกำลังหยุดถังซิ่ว ซูเชียงเฟยดึงดอกกุหลาบที่อยู่ข้างหลังเขาออกมาขณะที่เขากระโดดออกมาและวิ่งไปหา เฉินเยี่ยนหนานด้วยความสุข

"เฮ๊!!! เฉินเยี่ยนหนายกำลังตกอยู่ในอันตราย! "

เมื่อถังซิ่วเห็นเพื่อนร่วมชั้นบางคนของเขารีบวิ่งมาขวางกั้นหน้าเขา เขาก็คิดจะเตะออกทีละคน แต่ก็กังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพวกเขาจะหยุดชะงักเขาได้แต่หยุดพวกเขาด้วยเสียงนุ่มนวล

"ฮะ? นายคิดว่าเราเป็นผีหรือเด็ก 3 ขวบหรือ? "

"แม้ว่าเฉินเยี่ยนหนานกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องช่วยเธอ! อัศวินประจำห้องได้ออกมาแล้วพร้อมที่จะช่วยเจ้าหญิงและกลายเป็นวีรบุรุษ "

เมื่อได้ซู่ดวนซิน,ทานหลีเขวียนและคนอื่นๆหัวเราะเยาะเขา ถังซิ่วรู้ได้ทันทีว่าเขาได้ประเมินไอคิวของเพื่อนร่วมชั้นกลุ่มนี้มากเกินไป เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เขาไม่ได้โยนกลุ่มคนโง่เง่าพวกนี้ลงไปในกองขยะ

ในวินาทีต่อมา เงาของบุคคลพุ่งขึ้นบนกลางอากาศและตกลงไปที่พื้น ตามด้วยการลงพื้นของคนนี้ เงาอื่นๆก็ตกลงมาจากอากาศยังกับฝน

"ถ้าพวกแกไม่อยากตาย,หลีกทางเดี๋ยวนี้ !ไม่อย่างงั้นพวกแกก็จะตายเหมือนไอเด็กเวรนี่ ! "

เมื่อทุกคนยังไม่ได้คิดออกและตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ได้มีเสียงคำรามที่ดังก็กระหน่ำเข้ามาตรงทางเดินด้านนอกตามด้วยชายหน้าตาดุร้ายที่เต็มไปด้วยเคราปรากฏต่อสายตาของทุกคน

คราวนี้ทุกคนเห็นว่ามีชายคนหนึ่งจับมือเฉินเยี่ยนหนานไว้ด้านหลังพร้อมกริชจี้ที่คอของเธอ

คนที่ถูกโยนทิ้งกลายเป็นซูเชียงเฟยซึ่งเป็นคนที่เร็วที่สุดในการวิ่งออกจากห้องเรียน ช่อดอกกุหลาบที่เขาเตรียมพร้อมไว้สำหรับเฉินเยี่ยนหนานกลายเป็นเหมือนดอกกุหลาบที่ร่วงลงมาที่พื้นในขณะที่ตัวเขาเองก็ยังเป็นลมในทันที

ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักเรียนทุกคนกลัวจนอึราดในขณะที่ห้องเรียนที่มีเสียงดังก็เงียบลงในทันที

แม้ว่าห้องสิบจะมีวินัยที่เลวร้ายที่สุดในชั้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่สามและเด็กชายส่วนใหญ่ยังเป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับต่อสู้และหนีเรียน แต่พวกเขาก็เป็นเด็กวัยรุ่นทุกคนเท่านั้น ความรุนแรงและความโหดร้ายของชายหนวดเคราได้ฉีกความรู้และความเข้าใจของพวกเขาออกจากกัน

"พวกแกทุกคน เข้าห้องเรียนกับฉันไปทีละคน ถ้ามีใครคิดหนีหรือเตือนคนอื่น พ่อแกคนนี้จะฆ่าแม่งให้หมดเลยและพวกแกทุกคนก็จะต้องตายหลังจากนั้น ”

ขณะที่นักเรียนห้องสิบยังคงมึนงงอยู่ คนที่มีเคราก็เตะนักเรียนสองสามคนที่อยู่หน้าห้องเรียนและปิดประตู จากนั้นเขาก็ยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนในขณะที่กักขังนักเรียนสองสามคนด้วยเสียงเข้มงวด

นักเรียนที่น่าสงสารเพียงไม่กี่คนที่ยืนอยู่ ที่จริงก็มีโอกาสที่จะหลบหนีได้ แต่ภายใต้การจ้องมองที่รุนแรงและดุร้ายของชายที่มีหนวดเครา พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังและวิ่งกลับเข้าไปในห้องเรียน

"ปิดประตู! เด็กผู้ชายทั้งหมดย้ายโต๊ะของพวกแกและไปขวางประตูไว้ รีบๆย้ายก้นของพวกแกได้แล้ว ! ใครที่ไม่ขยับตัวฉันจะฆ่ามัน ! "

เมื่อเห็นว่านักเรียนทุกคนในชั้นเรียนอยู่ในความควบคุมของเขา ชายที่มีเคราเดินไปสองก้าวขณะที่คว้าคอของซูเชียงเฟยและลากเขาเข้าห้องเรียนไปขณะที่เขาตะโกนออกคำสั่งของเขาอย่างดัง

ด้วยการที่ชายมีเคราตะโกนเสียงดัง นักเรียนห้องสิบรู้สึกไม่มั่นคงและไม่มีทางเลือกแต่ต้องปฏิบัติตามคำพูดของเขาเพื่อปิดประตูห้อง จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆย้ายโต๊ะเรียนไปทางประตูเพื่อขวางทาง

เมื่อเห็นว่านักเรียนทุกคนยอมจำนนต่อคำสั่งของเขา การแสดงออกที่พอใจปรากฏบนดวงตาของคนมีเครา เส้นประสาทที่เครียดของเขายังผ่อนคลายเล็กน้อยและกริชของเขาไม่ได้จี้ที่คอของเฉินเยี่ยนหนานอีกต่อไป เขาโบกมือเป็นครั้งคราวเพื่อสั่งการนักเรียน

"เย็ดแม่มึง !แกต้องการอะไรจากที่นี่? แกถึงกล้าที่จะพ่นคำพูดวางกล้ามแบบนั้นออกมาในห้องของเรา? "

เมื่อถังซิ่วเห็นโอกาสและกำลังจะขยับตัว เสียงของใครบางคนก็กระหน่ำออกมาจากข้างหลังห้องเรียน หยวนชูหลิงยกโต๊ะขึ้นและฟาดไปที่ชายมีเคราอย่างดุดัน

หยวนชูหลิงไม่สามารถเทียบกับชายที่มีเคราได้ แต่เมื่อเขาโกรธและตะโกนดังขึ้น นักเรียนทุกคนกำลังสั่นสะท้าน

เมื่อเห็นหยวนชูหลิงกล้าหาญพร้อมกับรีบวิ่งไปข้าง หน้าดวงตาของนักเรียนในห้องก็สว่างขึ้นในรูปลักษณ์แห่งความหวังที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา

ถ้าการโจมตีของหยวนชูหลิงประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแต่เฉินเยี่ยนหนายจะรอดพ้นจากชะตากรรมนี้ได้แต่นักเรียนคนอื่นๆก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานและถูกทำร้าย

เมื่อนักเรียนในชั้นส่งเสียงเชียร์หยวนชูหลิง ฉากต่อมาก็ทำให้พวกเขาแข็งค้าง

ชายที่มีหนวดเคราราวกับมีความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้า เขาก็คว้ามือของเฉินเยี่ยนหนานอย่างฉับพลันและยกเธอขึ้นและวางเธอไว้ข้างหน้าเขา ในขณะเดียวกันมืออีกข้างหนึ่งของเขาที่ใช้กริชก็แทงเข้าไปที่ท้องของหยวนชูหลิงอย่างรวดเร็ว

"ไอ้เด็เปรตฉันเฝ้าระวังแกอยู่นานแล้ว แต่ฉันไม่ได้คาดคิดจริงๆว่าแกจะทำอะไรแบบนี้ ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ฉันไม่รังเกียจที่จะเอาแกเป็นตัวอย่างและฆ่าแกทิ้งซะ "

เห็นความหวาดกลัวและตื่นตระหนกจากดวงตาของหยวนชูหลิง รอยยิ้มปีศาจที่ดุร้ายโผล่ขึ้นมาบนใบหน้าของชายมีเครา

"ไม่นะ !!"

เห็นโต๊ะที่จะไม่โดนชายมีเคราแต่จะฟาดโดนเฉินเยี่ยนหนาน,หยวนชูหลิงโกรธและตื่นตระหนกจากความกลัวเขาไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้เขาตะโกนออกมาอย่างดัง

“ไม่!!!!!”

นักเรียนของห้องสิบที่เห็นการกระทำของทั้งหยวนชูหลิงและชายมีเคราก็ไม่สามารถควบคุมความกลัวของพวกเขาได้ ในขณะที่พวกเขากรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด