ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 50
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 52

Returning From The Immortal World - 51


หยวน ชูหลิง (ไออ้วนเพื่อนสนิท)

เจี่ย หลุย เดา  ปรมาจารย์นักพนัน - ศิษย์ - กง ดาหลง -ซาง เตียชุน-เจี่ย เย่ลี่

หยาง เจียง (คนที่ได้คะแนนสอบเป็นอันดับหนึ่ง ก่อนวิญญาณตัวเอกจะกลับคืนมา)

ซู เชียงเฟย(ลูกชายของซู ชางเหวิน,ญาติของ ถัง ซิ่ว)

Presidential Suite : <a href="https://goo.gl/R26faW"> https://goo.gl/R26faW</a>

.......................................................................................................................................................................................

ณ เกาะ เกาะจิงเหมิน ซึ่งเป็นห้อง Presidential Suite ที่ชั้นบนสุดของโรงแรม Jarvis

ตอนที่ถังซิ่ววางหูโทรศัพท์นั้นชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ติดกับขอบหน้าต่างได้ล้มลงหน้าซีด

ในเวลาต่อมาชายวัยกลางคนหันมาขณะที่เขาตบชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายอย่างรุนแรง

เด็กหนุ่มผู้มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความคาดหวังไม่ได้ป้องกันการตบจากชายวัยกลางคน ดังนั้นเขาจึงโดนตบและล้มลงกับพื้น

"ศิษย์พี่ ... คะ-คะ-คุณ ... ทำไมถึงตีผม?"

ซางเตียชุน จ้องมองที่ กง ดาหลง ด้วยท่าทางงงงวย

เจี่ยหลุยเดา ได้รับศิษย์เพียง 3 คนตลอดชีวิต พวกเขาเป็นศิษย์พี่ กง ดาหลง , คนกลาง  ซาง เตียชุน และคนน้องสุด เจี่ยเย่ลี่

เจี่ยเย่ลี่ เป็นลูกชายของเขาและจะเป็นผู้สืบทอด

ทั้งสามพี่น้องมีความสัมพันธ์ที่ดี พวกเขาสนับสนุนและดูแลกันและกันและเป็นเหมือนพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ความสัมพันธ์ที่ดีของพวกเขาเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งจังหวัดชวนฉิง

ข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงอย่างเดียวของพี่น้องที่สมบูรณ์แบบคือ  เจี่ยเย่ลี่ รักความทะนงและชื่อเสียง นิสัยที่หุนหันพลันแล่นของเขาทำให้ กง ดาหลง และ ซางเตียชุน มักจะต้องเก็บกวาดสิ่งที่เขาสร้างไว้แม้กระทั่ง เจี่ยหลุยเดา ก็ต้องทำเช่นเดียวกัน

เหตุผลที่เจี่ยหลุยเดาต้องรีบไปที่เกาะเป็นเพราะว่าเจี่ยเย่ลี่เสียเงินเดิมพันพนันอย่างย่อยยับ เขายังสูญเสียอารมณ์หลังจากที่เขาสูญเสียและใช้ชื่อเสียงของพ่อทำให้เกิดปัญหาใหญ่

ชื่อเสียงของเจี่ยหลุยเดาอาจมีประโยชน์ในจังหวัดชวนฉิง แต่ไม่ได้มีในสถานที่อื่นๆของประเทศ อย่างเช่นเกาะจิงเหมินซึ่งเป็นสถานที่ที่มีทัศนคติต่อต้านชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งมาก ไม่เพียงแต่เจี่ยเย่ลี่ไม่สามารถยับยั้งผู้อื่นด้วยชื่อพ่อของเขา แต่เขาก็ยังได้รับความอัปยศอดสูเป็นอย่างมากอีกด้วย

ในเวลาเพียง 3 วันภายใต้การเยาะเย้ยของฝ่ายตรงข้ามเจี่ยเย่ลี่สูญเสียกว่า 100 ล้าน ,เมื่อเขาตระหนักถึงปัญหานี้ ในที่สุดเขาเรียกพี่ชายคนที่ 2 ของเขา ซางเตียชุน

ซางเตียชุน ได้ประสบความสำเร็จเกือบทั้งหมดในทักษะของเจี่ยหลุยเดา เขานั้นยังรักจี่ยเย่ลี่เป็นอย่างมาก เขารีบไปที่เกาะ โดยไม่ได้ตำหนิหรือถามเรื่องปัญหาของเจี่ยเย่ลี่ เขาหล่นลงไปในกับดักของฝ่ายตรงข้ามและเสียไปอีก 50 ล้าน

"ทำไมฉันถึงตีนาย? ตอนนี้นายยังถามว่าทำไมฉันตีนาย? คำพูดสุดท้ายของภรรยาอาจารย์ก็คือการขอให้ดูแลเด็กคนนี้ แต่นายทำมันพังยับ ! นายไม่ได้เอาใจใส่ดูแลเขา ปล่อยเขาไปเล่นการพนันที่เกาะ จิงเหมินมานานครึ่งเดือน นายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์และไม่ได้บอกอาจารย์หรือฉันตอนที่เขาโทรหานายเพื่อขอความช่วยเหลือ นายแกล้งโง่กับศิษย์น้อง "

"ซางเตียชุน นายรู้ไหมว่าอาจารย์นั้นจะต้องถึงเคราะห์กรรมแล้วครั้งนี้ แล้วเราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน ห๊ะ? ไม่เพียงแต่เราจะเป็นบุคคลล้มละลาย แต่ชื่อเสียงของเราในจังหวัดชวนฉิงจะพังยับเยิน นายก็รู้บุคลิกของอาจารย์ นายคิดว่าอาจารย์ยังอยากจะมีชีวิตต่อไปหลังจากนี้หรือ ? "

กงดาหลงคำรามไปที่ซางเตียชุน

"ถะ ถังซิ่ว ...ขะ - เขาไม่ต้องการที่จะช่วยเรา?"

ซางเตียชุน ไม่ถกเถียงอีกต่อไปในขณะที่เขาถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

"ฉันไม่รู้ว่าทักษะการพนันของถังซิ่วนั้นดีหรือไม่ แต่เขารู้ดีว่าน้ำนี่ลึกเกินไป เขายอมรับว่าทักษะการพนันของเขาไม่ดีเท่าอาจารย์และไม่สามารถช่วยได้ เขาวางโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้ให้โอกาสฉันพูด "

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ผิวของซางเตียชุนก็ซีดลงขณะที่เขาถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง

"นะ- นี่ ... ถังซิ่วป็นแบบนี้ได้อย่างไร ... สำหรับนักพนันเช่นเราเมื่อเรามั่งคั่งเราก็มั่งคั่งอย่างรุ่งเรือง แต่เมื่อเราสูญเสียเราก็จะสูญเสียไปหมด ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อชื่อเสียงของอาจารย์และศิษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชื่อเสียงของจังหวัดชวนฉิงด้วย เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้ ...? "

ซาง เตียชุน ตอบด้วยท่าทางหน้าซีด

"อาจารย์บอกเราอย่างชัดเจนว่าถังซิ่วไม่ใช่นักพนัน เขาไม่ได้มาจากสังคมของเรา "

กงดาหลงยิ้ม เขาส่ายหัวและเสริมว่า

"ลองคิดถึงวิธีการอื่นๆก่อน เราค่อยๆกล่อมถังซิ่วอย่างช้าๆก็ได้"

หลังจากที่วางสายจากกงดาหลง,ถังซิ่วทำความสะอาดวิลล่าแล้วเดินกลับไปที่โรงเรียน

การออกเดินทางครั้งนี้สำหรับถังซิ่วส่วนใหญ่เพื่อหล่อหลอมร่างกายของเขาและบรรลุขั้นหล่อหลอมพลังฉี, ตั้งแต่ที่เค้าบรรลุแล้ว ถังซิ่วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างนอกต่อไป

ชาติที่ผ่านมาของถังซิ่วได้หมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะ การเล่นแร่แปรธาตุ เครื่องมือ การกลั่น และ เครื่องราง ตลอดจนการสร้างสัญลักษณ์และสร้างเสน่ห์ เขาไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องภายนอกและแทบไม่สนใจกับโลกภายนอกถึงจุดที่เขาถูกคนรักของเขาและเพื่อนสนิททรยศในตอนสุดท้าย (5555555)

นับตั้งแต่ที่เขาได้รับวิธีบ่มเพาะแบบสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์และไร้ที่เปรียบของวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ควบคู่ไปกับความรู้และประสบการณ์ของตัวเองในอดีตของเขา ถังซิ่วไม่ได้กังวลว่าการเพิ่มระดับของพลังจะช้าหรือไม่ ดังนั้นเขาเพียงแค่ต้องการใช้เวลาและพลังงานของเขาเพื่อทำความคุ้นเคยกับเรื่องทางโลกและหล่อหลอมจิตใจของเขาในเวลาเดียวกัน

เมื่อถังซิ่วเข้าห้องเรียน เขาก็ตระหนักว่าการแสดงออกของเพื่อนร่วมชั้นแปลกไปเมื่อพวกเขามองเขาด้วยท่าทีที่แปลกมาก เขายังได้ยินคำพูดน่าเกลียดจากพวกเขา

"เขาต้องโกงการสอบเพื่อให้ได้คะแนนสูงสุดในการทดสอบรายเดือนครั้งก่อนแน่ ถ้าเขามีความสามารถจริงๆเขาก็คงสามารถได้ที่หนึ่งในการสอบรายเดือนครั้งนี้ได้อีกครั้ง "

"บลา! ,เขาคงไม่มีทางทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้อีก,หยานเจียงจากห้องห้าที่ได้รับคะแนนที่หนึ่งในช่วงของการทดสอบรายเดือนที่ผ่านๆมา แค่เขาไม่ได้ตั้งใจศึกษาอย่างจริงจังแค่นั้นเอง "

"ที่ฉันเห็นนะ ฉันคิดว่าถังซิ่วคิดว่าการจบการศึกษาอยู่ใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทนกับการแสดงบ้าๆได้สักที เขาต้องคิดว่าอย่างน้อยเขาจะถูกจดจำได้โดยทุกคน ด้วยไอคิวของเขา ฉันไม่คิดว่าเขาจะได้ที่หนึ่ง "

ทันใดนั้นที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ทำให้หัวใจของถังซิ่วรู้สึกอึดอัด

แต่หลังจากที่เขาคิดลึกๆเขาก็ผ่อนคลายเล็กน้อย

เขาได้ "ตกต่ำ" มานานแล้ว คะแนนของเขาอยู่ที่ล่างสุด ทันใดนั้นเขากระโดดขึ้นไปเป็นที่หนึ่ง ไม่น่าแปลกใจที่คนอื่นจะไม่รู้สึกดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาคาดหวังว่าพวกเขาจะชอบและเคารพเขาในทันที?

บางทีผลที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันอาจทำให้เกิดความรู้สึกสักครู่และกระตุ้นคนบางคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกที่เกิดมันจะค่อยๆจางหายไป บางคนที่มีเจตนาไม่ดีมักจะกระตุ้นและกระจายข่าวลือเพื่อแสดงความอิจฉาและความไม่พอใจของพวกเขาและแม้แต่ดูหมิ่นเขา

“พี่ชาย ไม่ต้องไปสนใจพวกแม่งหรอก พวกแม่งแค่มีเวลามากเกินไปและทำเป็นว่ามีกึ๋น พวกแม่งเป็นเพียงแค่คนที่จะกัดลิ้นของตัวเองในซักวัน”

เมื่อเห็นว่าถังซิ่วกลับมาแล้ว หยวนชูหลิงก็ดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากได้คุยกับเขาสักครู่ เขาก็รู้ว่าใบหน้าของถังซิ่วดูแปลกไปเล็กน้อย เขาเข้าใจและกระซิบอย่างรวดเร็วเพื่อปลอบโยนเขา

"ไม่เป็นไร เราจะตบหน้าพวกเขาด้วยคะแนนของเรา "

ถังซิ่วพยักหน้าจากนั้นเขาก็เปิดโต๊ะเรียนและเตรียมพร้อมที่จะเอาของออกจากภายใน

ขณะที่เขาเปิดโต๊ะ ถังซิ่วก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก 10วันผ่านไปนับตั้งแต่ออกจากโรงเรียนและโต๊ะเต็มไปด้วยกระดาษขาวของข้อสอบเต็มไปหมด

“พี่ชาย ฉันชื่นชมการเลือกที่ชาญฉลาดของนายจริงๆ นายออกไปข้างนอกอย่างะสนุกสนาน นายไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับการทรมานที่ไร้ขีด จำกัดกับไอพวกห่านี่ นี้ ... เฮ้ย ... ทำไมฉันรู้สึกว่านายขาวขึ้นและสูงกว่าก่อน? นายไม่ได้ไปทำศัลยกรรมมาใช่ไหม?”

หยวนชูหลิงก็รู้ว่ามีอะไรผิดปกติในขณะที่เขาพูดแล้วตะโกน

เนื่องจากเสียงของเขาดังมาก ดวงตาของทุกคนในห้องเรียนจึงหันในทันทีทันใด จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็วนเวียนอยู่กับร่างกายของถังซิ่ว

หัวใจของถังซิ่วเต้นถี่มากและการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหยวนชูหลิง

แม้ว่าถังซิ่วจะพบว่าความสูงของเขาสูงขึ้นหลังจากที่ร่างกายของเขาได้หล่อหลอม แต่หลังจากที่เขาโทรศัพท์สองสามครั้งและได้นึกถึงเรื่องอื่นๆ เขาก็ลืมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเรื่องความสูงของเขา

แต่เมื่อเขาพร้อมที่จะอธิบายเรื่องนี้ คำพูดของผู้อื่นก็ก้องอยู่ข้างหลังเขาทำให้เขาตกใจ

"ไอห่าอ้วน นายคิดว่านายจะตายถ้านายไม่โม้บ้างป่าว ? ถังซิ่วยังคงค้างชำระค่าเล่าเรียนคิดว่าเขาจะมีเงินทำศัลยกรรมอย่างไร? "

"ถ้าการทำศัลยกรรมพลาสติกสามารถทำให้ความสูงของฉันสูงขึ้นฉันก็จะไปทำด้วย "

"แหวะ , ฉันรู้ว่าเจ้าอ้วนตะโกนเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคน ไม่ต้องใส่ใจกับไอ้ห่านี้ "

ถังซิ่ว ได้สูงขึ้นแล้ว แต่เนื่องจากเขาเข้าเรียนที่ห้องสิบเพียงเดือนเดียว, เขานั่งลงบนที่นั่งเกือบตลอดเวลาไม่ได้ขยับและไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้น จึงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าการปรากฏตัวของเขาในห้องเรียนจึงไม่ค่อยเป็นจุดสนใจมากนัก

ถ้าไม่ใช่เพราะการยั่วยุโดยเจตนาของ ซูเชียงเฟย , นักเรียนของห้องสิบ อาจไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ พวกเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความสูงของเขาและพวกเขาก็ไม่สนใจว่าผิวของเขาขาวหรือดำ

ก่อนหน้านี้ถังซิ่วยังคิดว่าการเปลี่ยนแปลงความสูงของเขาอาจทำให้เกิดความรู้สึกแปลกและสงสัย แต่ความจริงที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกสบายใจ

ทุกๆคนละเลย หยวนชูหลิงและเยาะเย้ยเขาก่อนที่พวกเขาจะกลับไปหาสิ่งที่ตัวเองยุ่งอยู่และไม่ตอบสนองต่อเขาอีกต่อไป

"ฮะ? เป็นไปได้หรือไม่ที่ฉันคิดผิดจริงๆ? "

หยวนชูหลิงมองถังซิ่วด้วยท่าทางที่งงงวยแต่เขาได้แต่กระซิบ

"ให้ตายเถอะ ตาของฉันได้หลอกฉันจริงๆและทำให้ฉันเข้าใจผิด แต่ ... มันอาจเป็นไปได้ว่าฉันยังอ่านหนังสือสอบผิดและสายตาของฉันเบลองั้นหรอ ? "

ถังซิ่วรู้สึกสบายใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดของหยวนชูหลิง

หยวนชูหลิงเป็นเพื่อนสนิทของเขาคนเดียวที่โรงเรียนนี้ ถ้าแม้แต่หยวนชูหลิงก็ไม่แน่ใจว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คนอื่นก็คงจะไม่สามารถเห็นอะไรได้

ส่วนสมาชิกในครอบครัวของเขา ถังซิ่วไม่เคยกังวลมาตั้งแต่แรก

อายุ 17 และ 18 เป็นอายุเมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เขากลับบ้านเดือนละครั้ง แม่ของเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความสูงของเขา เธออาจจะตะลึงเมื่อเห็นว่าความสูงของเขาสูงขึ้นอย่างฉับพลัน เป็นไปได้มากที่เธอจะต้องแปลกใจและเป็นสุข แต่เธอก็ไม่มีข้อสงสัยหรือกลัว

หลังจากที่ได้พูดคุยกับถังซิ่วสักครู่ หยวนชูหลิงก็เริ่มอ่านหนังสืออย่างจริงจัง

หมุดที่ฝังใจของหยวนชูหลิงอยู่นั้นได้ถูกปลดออกจากกันหมดแล้ว บางทีหลังจากสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมๆกัน

ถังซิ่วสามารถบอกได้เลยว่าหยวนชูหลิงไม่ใช่คนขี้โมโหที่น่าขำเหมือนก่อนหน้านี้เพราะเขาตั้งใจเรียนอยู่ในขณะนี้

หลังจากที่กวาดเอาเอกสารการสอบเข้าในโต๊ะของเขา ถังซิ่วโยนพวกมันเข้าไปในถังขยะ เขาไม่ต้องการเสียเวลาอันมีค่าของเขาในแบบฝึกหัดที่น่าเบื่อและเอกสารการสอบ

"ความมั่งคั่ง คู่ฝึก วิธีการบ่มเพาะ และสถานที่ ความมั่งคั่งจะอยู่ในอันดับหนึ่ง ลำดับความสำคัญต่อไปของฉันคือการสร้างเส้นทางเพื่อหารายได้ ไม่ใช่การสอบเข้าวิทยาลัยขี้หมานั่น "

ด้วยวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ ถังซิ่วไม่ต้องกังวลกับวิธีการบ่มเพาะ นอกเหนือจากตัวเขาเอง ถังซิ่วไม่พบผู้บ่มเพาะพลังรายอื่นๆ และไม่มีความคิดในการหาพวกเขา สำหรับสถานที่บ่มเพาะ เนื่องจากการก่อสร้างของคฤหาสน์สวรรค์นั้นเริ่มสร้างขึ้นที่หมู่บ้านเขาล้อมแล้ว ถังซิ่วจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้

แต่ด้าน "ความมั่งคั่ง" เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการให้ความสนใจในด้านนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด