ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 42
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 44

Returning From The Immortal World - 43


หลงเซ้งหลิน (ไอหัวโล้น ตอนที่ห้องพนัน)

หลงเซ้งหยู (พี่ไอโล้น)

ซางดี่ขวิน(พี่สาว ซางหยงจิน)

ซางหยงจิน(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ซูเรนเฟย์(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ฮูหว่านจุน(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

เจี่ยหลุยเดา (ปรมาจารย์นักพนัน )

.......................................................................................................................................................................................

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ถังซิ่วเขย่าลูกเต๋า แต่ความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้ของเขานั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก

ถังซิ่วพึ่งได้สังเกตและเลียนแบบความเคลื่อนไหวของเจี่ยหลุยเดา อย่างรอบคอบในการเขย่าถ้วยลูกเต๋า ดังนั้นเขาจึงเลียนแบบเทคนิคเขย่าของ เจี่ย หลุยเดา

ในตอนแรก การเคลื่อนไหวที่แบบเลียนจากเจียงหลุยเดาของถังซิ่ว ยังคงช้าและติดๆขัดๆ แต่เขาก็ค่อยๆพัฒนาฝีมือมากขึ้น ราวกับว่าการเคลื่อนไหวและเทคนิคของเขาเกือบจะกลายเป็นแบบจำลองของเจี่ยหลุยเดา

"กะ กะ แก ... "

ตอนแรกเจี่ยหลุยเดาไม่ใส่ใจกับการเคลื่อนไหวและเทคนิคของถังซิ่ว เนื่องจากมันแตกต่างจากของเขา แต่เมื่อเขารู้ว่าการเคลื่อนไหวและเทคนิคของถังซิ่ว เริ่มคุ้นๆมากขึ้น เขาถึงกับต้องตะโกนออกมา

เขา ใช้เวลามากกว่า 30 ปีในการวิเคราะห์และปรับทักษะเฉพาะของตนเอง มีแค่เขาเท่านั้นที่จะรู้ถึงเทคนิคนี้ แต่ถังซิ่วเพียงแค่สังเกตการเคลื่อนไหวของเขาชั่วครู่แต่สามารถเลียนแบบได้ถึง 70% ซึ่งทำให้เจี่ยหลุยเดา สงสัยว่าสามทศวรรษที่เขาใช้เวลาขบคิดเกี่ยวกับเทคนิคนี้นั้นเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์หรือเปล่า

แม้ว่าตัวเขาเองนั้นยังรับลูกศิษย์ฝึกหัดไม่กี่คนและยังสอนทักษะเฉพาะให้แก่พวกเขา แต่เขาก็มั่นใจมากว่าแม้แต่ลูกศิษย์ของเขาก็จะไม่สามารถเรียนรู้ทักษะของเขาได้อย่างละเอียด แล้วจะไปเทียบอะไรกับลูกคุณหนูที่ไม่มีอะไรดีพวกนี้

อย่างไรก็ตาม, การเฝ้าดูคนแปลกหน้าที่แสดงให้เห็นถึงทักษะลับของตัวเองต่อหน้าเขา ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ มันเอ่อล้นอยู่ในหัวใจของ เจี่ยหลุยเดา เต็มไปหมด แม้แต่คำพูดก็ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของเขาได้อย่างแท้จริง

"เด็กคนนี้เป็นเพียงคนนอกวงการและเห็นได้ชัดว่าพึ่งจะเข้ามาในสังคมนี้ แต่เขามีการรับรู้ที่แข็งแกร่งมาก ถ้าฉันเอาเขาเป็นลูกศิษย์ มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะมีผู้สืบทอดสืบทอดมรดกวิชาของฉันต่อไปงั้นหรือ? "

ทันใดนั้นความคิดก็โผล่เข้ามาในใจของเจี่ยหลุยเดาและเริ่มเติมเต็มความคิดของเขา

ในขณะนี้ทัศนคติของเขาต่อถังซิ่วนั้นเปลี่ยนไปในขณะที่ถังซิ่วเริ่มเป็นที่ชื่นชอบของเขามากขึ้น

ถึงแม้ถังซิ่วจะสวมชุดธรรมดาและเรียบง่าย แต่ก็สะอาดและเรียบร้อย โดยเฉพาะผมสีดำของเขาแสดงให้ความรู้สึกที่กล้าหาญ คู่ของดวงตาที่สดใสและมีชีวิตชีวา จมูกโด่ง ริมฝีปากบางและรูปร่างสูงให้ความรู้สึกสง่างามและน่าสนใจ

คนอื่นๆสับสนกันอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเจียหลุยเดา

คนอื่นๆ ไม่ทราบว่านักพนันแต่ละคนมักมีทักษะลับของตนเอง ในสายตาของคนทุกคน ลูกเต๋าเคลื่อนไหวคล้ายกัน พวกเขาไม่เคยจดจำการเคลื่อนไหวของเจี่ยหลุยเดา ก่อนหน้านี้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทราบว่าการเคลื่อนไหวและเทคนิคในการเขย่าลูกเต๋าของถังซิ่ว นั้นเหมือนกับของเจี่ยหลุยเดา อย่างกับถอดแบบมา

ไม่กี่นาทีต่อมาถังซิ่ว คว่ำถ้วยเต๋าในมือของเขาไว้บนโต๊ะ ขณะที่เม็ดเหงื่อพุ่งซึมออกมาจากหน้าผากของเขา ในเวลาเดียวกันการแสดงออกของความเหนื่อยล้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาผสมกับความกระวนกระวายใจและวิตกกังวล

ถึงแม้ถังซิ่วจะพยายามอย่างสุดความสามารถและเรียนรู้ได้ถึง 90% ของทักษะลับของเจี่ยหลุยเดาแต่สิ่งต่างๆมากมายนั้นสามารถที่จะพัฒนาได้ด้วยเวลาและประสบการณ์เท่านั้น มันมากกว่าแค่การมองและเลียนแบบ

การเขย่าลูกเต๋าของถังซิ่วนั้นทำได้อย่างสมบูรณ์แบบตามสำเนาจากเจี่ยหลุยเดา แต่เขายังไม่สามารถที่จะเรียนรู้เทคนิคการแยกฟังเพื่อหาจำนวนแต้มของลูกเต๋าภายในถ้วย

เหตุผลที่ทำไมถังซิ่วเขย่าลูกเต๋านานกว่า เจี่ยหลุยเดา ,ในมือหนึ่งก็คือ, เพื่อที่จะคุ้นเคยกับการเขย่าลูกเต๋า เพื่อให้เขาสามารถมีทักษะในการแสดงเทคนิคการเขย่าให้ดีขึ้น ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็เป็นเพราะว่า เขาพยายามที่จะฟังเสียงลูกเต๋ากลิ้ง ในขณะที่เขาพยายามที่จะยืนยันแต้มลูกเต๋าผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งของเสียงเหล่านั้น

"เปิด! นายต้องเปิดมัน! เมื่อลูกเต๋าในถ้วยได้ถูกคว่ำลงบนโต๊ะแล้ว ผลลัพธ์ได้ตัดสินแล้ว แม้ว่าคุณจะไม่เปิดนายก็ไม่สามารถเปลี่ยนหมายเลขลูกเต๋าได้ "

เมื่อเห็นว่าถังซิ่วกำลังกดถ้วยลูกเต๋าและดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะเปิดมัน,  ซางหยงจินพ่นคำพูดออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ

ถังซิ่วไม่สนใจ คำพูดของซางหยงจิน , เขาเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาตรงดวงตาของเขาแล้วค่อยๆเปิดถ้วยลูกเต๋า

ความวิตกกังวลและความหงุดหงิดได้ปกคลุมใบหน้าของถังซิ่ว , เมื่อเขาเปิดถ้วยเต๋า แม้มือขวาของเขาที่กำลังถือถ้วยก็สั่นเล็กน้อย

"ฮ่าฮ่า 1 แต้ม ได้เพียง 1 แต้มเท่านั้น แกเกือบจะฆ่าฉันได้ด้วยเสียงหัวเราะนี่, ด้วยโชคกากๆของแกนี้ ฉันว่าฉันจะออกไปซื้อหวยดีกว่า "

ซางหยงจิน ได้แต่หัวเราะเมื่อถังซิ่วเปิดถ้วยเต๋าแล้ว

เมื่อซูเรนเฟย์และฮูหว่านจุน ได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยได้นอกจากหัวเราะเยาะเย้ย ขณะที่ซางดี่ขวินและเจี่ยหลุยเดารู้สึกโล่งใจ

ก่อนหน้านี้ ซางดี่ขวินและเจี่ยหลุยเดาต่างกังวลใจว่าถังซิ่วจะเป็นนักเล่นการพนันที่แอบซ่อนตัว ดังนั้นการเล่นการพนันในครั้งนี้อาจจะกับดักที่ถูกขุดไว้

แต่ความวิตกกังวลในใจของพวกเขาก็หายไปทันทีทันใดที่ถังซิ่วเปิดถ้วยลูกเต๋า หัวใจของพวกเขาราวกับถูกปลดปล่อย

"นี่ฉันแพ้ ??"

เมื่อถังซิ่วเห็นจุดสีแดงเล็กๆ เขาสัมผัสได้ถึงความสับสนในใจเขา

"น้องชาย ถัง มันไม่เป็นไร อย่าพึ่งท้อแท้ เรายังคงมีโอกาสเหลืออยู่อีก 2 ครั้ง  "

ถึงแม้ว่าหลงเซ้งหยูก็รู้สึกท้อแท้ แต่เขาก็เห็นได้ว่าถังซิ่วนั้นพยายามจริงๆ, ในคำพูดของเขาไม่มีเสียงตำหนิหรือกล่าวโทษ ในขณะที่เขาปลอบโยนถังซิ่วจากด้านข้างด้วยเสียงนุ่มนวล

“พี่ชาย อย่าพึ่งท้อแท้ คนที่จะชนะในที่สุดนั้นจะต้องเป็นคุณ”(งงกับการแทนตัวเองของเรื่องนี้ บางทีเรียกลูกพี่ บางทีพี่ชาย เรียกซักอย่างสิโว้ย 5555)

หลงเซ้งหลินพูดเสริมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อเห็นว่าหลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลินยังคงไว้ใจถังซิ่ว , ใบหน้าที่งงงวยของซางดี่ขวินได้ปรากฏขึ้น เธอช่วยไม่ได้ที่จะต้องมองไปที่ถังซิ่วอีกครั้ง

แต่ทั้งสามสหาย ก็ยังคงเยาะเย้ยเขาอยู่

"น้องชายตัวน้อย เราจะเริ่มเล่นต่อเลยหรือไม่?"

เจี่ยหลุยเดามองไปที่  ถังซิ่วครู่หนึ่งขณะที่เขาก็ยิ้มและถาม

"เชิญ ปรมาจารย์ เจี่ย!"

เมื่อ ถังซิ่วได้ยินการเปลี่ยนแปลงในคำพูดและเสียงจากเจี่ยหลุยเดา ,เขารู้สึกประหลาดใจก่อนแล้วก็รีบเปลี่ยนการเรียกชื่อของเจี่ยหลุยเดาเหมือนกัน

คราวนี้ลูกเต๋าของเจี่ยหลุยเดาเขย่าได้ช้ามากเนื่องจากเขาลดการเคลื่อนไหวที่น่าตะลึงและไม่จำเป็น ลูกเต๋าในถ้วยได้เปล่งเสียงออกมา

เมื่อถังซิ่วได้ยินเสียง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นในขณะที่เขามองไปที่เจี่ยหลุยเดาอย่างไม่รู้ตัว และพบว่าเจี่ยหลุยเดากำลังขยิบตาวิ๊งๆให้เขาและเมื่อเห็นความชื่นชมจากสายตาของเขา, ถังซิ่วเข้าใจเจตนารมณ์ของเจี่ยหลุยเดา ได้ทันที, เขานั้นกำลังแสดงถึงความปรารถนาดีต่อเขา

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเจี่ยหลุยเดา ถึงมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป แต่ถังซิ่วรู้ดีว่านี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เขาจึงเริ่มฟังเสียงจากลูกเต๋าในถ้วย

การเล่นการพนันครั้งที่สองเป็นเรื่องยากมากขึ้นกว่าครั้งแรก

ในการเล่นการพนันครั้งแรกได้ใส่ลูกเต๋าเพียง 1 ลูก แต่สำหรับครั้งที่สอง จำนวนลูกเต๋าที่ใส่ลงในถ้วยถูกเพิ่มขึ้นเป็น 3 ลูก

การแยกแยะเสียงที่ของลูกเต๋า 1 ลูกเป็นเรื่องง่าย แต่ความยากได้ถูกเพิ่มขึ้นเป็น 3 เนื่องจากต้องแยกแยะเสียงที่เปล่งออกมาโดยลูกเต๋าทั้ง 3 ลูก

ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาไม่น่าจะสามารถรับฟังและสังเกตจำนวนลูกเต๋าผ่านการฟังเสียงของลูกเต๋ากลิ้งได้ มันก็ยิ่งไม่ค่อยจะมีโอกาสที่จะสามารถมองเห็นเทคนิคการควบคุมลูกเต๋าในถ้วยเพื่อระบุแต้มของลูกเต๋า พวกเขาคงทำได้แค่เขย่าถ้วยลูกเต๋าเพียงไม่กี่ครั้งก่อนที่จะคว่ำลงบนโต๊ะแล้วสวรรค์ตัดสินสำหรับความโชคดีของพวกเขา

แต่ตอนนี้เจี่ยหลุยเดาไม่ได้คว่ำถ้วยลูกเต๋าทันที แต่สังเกตการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของถังซิ่ว

เมื่อเจี่ยหลุยเดาพบว่าใบหน้าถังซิ่วดูเงียบสงบและผ่อนคลาย ความรู้สึกที่ผ่อนคลายได้ปรากฏบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาค่อยๆคว่ำถ้วยลูกเต๋าลง

เจี่ยหลุยเดายกถ้วยลูกเต๋าขึ้น ในขณะที่ แต้มของลูกเต๋าทั้งสามได้เผยออกมา มันช่างน่าทึ่ง,  5, 5, 6, มีทั้งหมด 16 แต้ม

เมื่อเห็นว่าเจี่ยหลุยเดาไม่ได้ 18 แต้ม เกิดความวิตกกังวลขึ้นบนใบหน้าของซางดี่ขวิน ขณะที่ทั้งสามสหายก็เช่นกัน

แต่เมื่อพวกเขานึกขึ้นมาได้ว่า ถังซิ่วเป็นแค่นักพนันกระจอกเท่านั้น พวกเขาก็ผ่อนคลายโดยทันที

แม้ว่าปรมาจารย์ เจี่ย จะไม่ได้แต้มเต็ม แต่ก็ไม่ไกลนัก, ถังซิ่วทำได้แค่พึ่งพาโชคของเขาในการหาตัวเลขได้ ในขณะที่ความน่าจะเป็นที่จะได้แต้มเต็ม 18 นั้นมีน้อยเหลือเกินซางดี่ขวินและคนอื่นๆ ไม่เชื่อว่า ถังซิ่วจะได้แต้มเต็มโดยการพึ่งพาโชค

เช่นเดียวกับในภาษิตที่กล่าวว่า "ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไปอีก 10,000 ก้าว"

อาจหมายความว่า แม้ปรมาจารย์ เจี่ย จะแพ้ให้กับถังซิ่วแต่ทั้งสองฝ่ายก็จะแค่เสมอและยังมีเกมที่สามอยู่ แต่ถังซิ่วคงจะไม่สามารถพึ่งพาโชคของเขาให้ชนะปรมาจารย์ เจี่ย ได้ถึงสองครั้งหรอกจริงไหม ?

หลังจากที่เขาพยักหน้าต่อเจี่ยหลุยเดาแล้วถังซิ่วก็หยิบถ้วยขึ้นพร้อมลูกเต๋า และเริ่มเกมที่สองของเขา

ผ่านช่วงแรกของการปรับตัวและการฝึกฝน การเขย่าของถังซิ่วได้มีความสามารถมากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้เขากำลังจดจ่ออยู่กับการฟังและแยกแยะเสียงที่เกิดจากการกลิ้งของลูกเต๋าภายในถ้วย

ทุกคนก็โง่งมไปด้วยความประหลาดใจเพราะถังซิ่วได้เขย่าเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น พร้อมกันกับที่เขาคว่ำถ้วยลง

"เฮ้ ไอเวร แกยอมแพ้แล้วใช่ไหม ?"

ระลึกถึงการที่เจี่ยหลุยเดา เขย่าถึง 5 นาทีเต็ม แต่ ถังซิ่วใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาที, เป็นธรรมชาติที่ซ่างหยงจินไม่ได้คิดว่าทักษะการพนันของ ถังซิ่วจะมีประสิทธิภาพมากกว่า เจี่ยหลุยเดาแต่เขาคิดว่า ถังซิ่วไม่ต้องการเล่นต่อและหยุดลง

“ความแข็งแกร่งของ ปรมาจารย์ เจี่ย คงทำให้เขารู้สึกกลัวแล้ว ถ้าเขาไม่รีบยอมแพ้เขาจะต้องตายแน่ ๆ”

"ไอเวร ในที่สุดแกก็รู้ถึงกําพืดตัวเอง ทักษะการพนันของแกต่ำกว่าเขามาก แม้ว่าแกจะเขย่าถ้วยลูกเต๋าของแกนานขึ้นมันก็ไร้ประโยชน์ แกเลยจะพึ่งพาโชคสินะ "

"ก็ดี เราจะได้รีบๆจบเกมนี่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา "

เมื่อ ซูเรนเฟย์ , ฮูหว่านจุนและซางหยงจิน เห็นการกระทำของถังซิ่ว พวกเขาก็ถูกแช่แข็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะล้อเลียนออกมา

ในขณะที่ดวงตาของทุกคนกวาดไปรอบๆ, ขณะที่ใบหน้าของซางดี่ขวิน, ซางหยงจินก็แดงเรื่อยและซูเรนเฟย์, ฮูหว่านจุนและเจี่ยหลุยเดา ก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

เพราะตอนที่ถังซิ่วได้เปิดถ้วยขึ้น แต้มได้เผยออกมาให้ทุกคนเห็นชัดเจน

5, 6, 6 รวมเป็น 17 แต้ม มันเป็นแต้มที่สูงกว่า เจี่ย หลุยเดา ที่ได้ 16 แต้มก่อนหน้านี้

"เราชนะ !!!! เราชนะจริงๆใช่ไหม ? "

แม้ว่า หลงเซ้งหยูจะปลอบใจถังซิ่วก่อนหน้านี้ จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากถังซิ่ว, เขานั้นได้ปลอบใจตัวเองเพราะลักษณะการควบคุมตนเองที่เขาได้รับการปลูกฝังมานานแล้ว เขาเลือกที่จะปลอบใจตัวเขาเองและไม่โทษหรือกล่าวหาถังซิ่ว

“พี่ชาย!!ฉันรู้ว่าคุณสามารถทำมันได้!!!,  พี่ใหญ่ พี่เชื่อฉันตอนนี้หรือยัง ?”

ประโยคครึ่งแรกของหลงเซ้งหลิน มีเล็งไปที่ถังซิ่วขณะที่อีกครึ่งหนึ่งชี้ไปที่หลงเซ้งหยู,  ในเวลานี้หลงเซ้งหลิน กำลังเต้นด้วยท่าทางสนุกสนานเช่นเดียวกับเด็ก

หลังจากที่ได้รับการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกรวมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าดวงตาของเขาไม่ได้เกิดภาพหลอน , หลงเซ้งหยูก็ตื่นขึ้นมาจากอาการช็อกมากขณะที่เขาบีบกำปั้นและคว้าน้องชายด้วยความตื่นเต้นพร้อมน้ำตานองในดวงตาของเขา

เป็นเพราะโครงการหมู่บ้านเขาล้อมมีความสำคัญสำหรับหลงเซ้งหยู เป็นอย่างมาก เขาต้องเดินก้าวแรกอย่างมั่นคง เพราะโครงการนี้มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับแผนทั้งชีวิตของหลงเซ้งหยู ดังนั้นเขาถึงได้คั้นสมองของเขาสำหรับโครงการนี้เป็นเวลาเกือบ 3 ปีเพื่อที่จะทำให้มันเกิดขึ้น

หากโครงการโดนตัดออกอย่างฉับพลัน , หลงเซ้งหยูไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับความล้มเหลวได้หรือไม่ นี่เป็นเหตุผลที่เขาขอความช่วยเหลือจากทุกที่ และเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะเชื่อคำพูดของน้องชายและเชิญคนนอกเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้

“ โชคของแกดีจริงๆ แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะชนะในเกมต่อไป  ”

หลังจากเงียบเป็นเวลานาน, ซางหยงจินพูดด้วยเสียงเย้ยหยัน

แต่คราวนี้โทนเสียงของซางหยงจินก็แตกต่างจากการพูดก่อนหน้านี้ , ตอนนี้ยังไม่มีใครสนับสนุนคำพูดของเขาเพราะ ตอนนี้ผู้คนยังคงไม่ตื่นจากอาการช๊อคจาก 17 แต้มที่ได้รับโดยถังซิ่ว

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด