ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 40
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 42

Returning From The Immortal World - 41


ซางดี่ขวิน(พี่สาวซางหยงจิน)

ซางเซียนซ่ง (เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ซางหยงจิน(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

เรนเฟย์(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ฮูหว่านจุน(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

.......................................................................................................................................................................................

จริงๆแล้วซางหยงจินต้องการบอกซางดี่ขวิงว่าเขาถูกรังแกมา แต่หลังจากที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปมา 2-3 ครั้ง เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา

เป็นเพราะเขารู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นน่าอับอายมากเกินไปจนเขาไม่สามารถพูดเรื่องนี้ได้, ซางหยงจินไม่ต้องการพึ่งพาความแข็งแกร่งของพี่สาวในการแก้ปัญหา เขานั้นต้องการล้างความอับอายและแก้แค้นด้วยตัวเอง

"พี่สาว,ไม่มีอะไรจริงๆ แล้วผมนั้นขับรถเร็วเกินไปจนเกือบชนคน ผมได้เหยียบเบรกและหัวฟาด "

ซางหยงจินพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

"เธอโกหก มือของเธอจะช้ำได้อย่างไร? เข่าของเธอที่เปื้อนไปด้วยฝุ่นละ? เธอกลัวที่จะพูดว่าเธอแพ้ใครในการต่อสู้? "

เมื่อเห็นสายตาของของซางหยงจินที่พยายามที่จะหลบตาเธอ ความรู้สึกของซางดี่ขวิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอตำหนิเขาอย่างรุนแรง

"ผม ... ผม ... ผมผม ... "

ซางหยงจินอาจจะสูงแข็งแรงและแข็งแรง แต่เขาก็กลัวพี่สาวเขาเป็นพิเศษ ความกลัวถูกฝังอยู่ในกระดูก เขาพยายามที่จะให้ทุกอย่างเพื่อกำจัดมันออกไปแต่เขายังไม่สามารถที่จะทำลายกรงนี้ออกไปได้

เมื่อซางหยงจินกำลังจะบอกความจริง ประตูก็เปิดขึ้นเมื่อพี่น้องหลงและถังซิ่วเดินเข้ามา

เมื่อเห็นหลงเซ้งหยูและคนของเขามาถึง  ซางดี่ขวิงเดินกลับไปที่ที่นั่งของเธอ และท่าทางที่งดงามของเธอถูกเรียกกลับคืนมาด้วย ดังนั้นซางหยงจินก็ถือว่าโชคดีที่รอดพ้นความทุกข์ยาก

"หัวหน้าหลง คุณพาเรามาที่นี่แล้วละเลยพวกเรา นี่เป็นการต้อนรับแขกของห้องอาหารหลงงั้นหรอ? "

ซางดี่ขวิงไม่ได้รอให้หลงเซ้งหยูได้พูด ในขณะที่เธอคว้าโอกาสเพื่อข่มเขาด้วยท่าทางที่น่าหลงใหลของเธอ

“หัวหน้า ซาง ถ้าให้พูดอย่างตรงไปตรงมา, อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากคุณเอง ห้องอาหารหลงก็ยังมีแขกที่สำคัญคนอื่นอีกด้วย มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เราไม่สามารถอยู่ในห้องกับคุณได้ตลอดเวลา”

หลงเซ้งหยูยิ้มขณะที่เขาตอบในลักษณะสบายๆ จากนั้นเขาก็ยังกล่าวต่อ

"นอกจากนี้การให้บริการของห้องอาหารหลง นั้นเป็นชั้นหนึ่งเสมอ ถ้าหัวหน้า ซาง ต้องการอะไร คุณเพียงแค่กดปุ่มโทรศัพท์บนโต๊ะและพนักงานของเราจะรีบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน "

เมื่อเทียบกับท่าทางอหังการของซางดี่ขวิงนั้น คำพูดและสไตล์ของหลงเซ้งหยู ก็เหมือนกับลักษณะของเพชรน้ำหนึ่ง ในขณะที่เขาสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกถึงสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนรู้สึกละอายต่อพฤติกรรมของตัวเอง

"นาย ... "

เห็นได้ชัดว่าซางดี่ขวิงไม่ได้คาดหวังเลยว่าหลงเซ้งหยูจะกัดเธอแบบนี้ เธออยากจะสาปแช่งเขาออกมาดังๆ แต่แล้วก็นึกถึงการพูดที่ไร้ยางอายของหลงเซ้งหยูนั้น เธอไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาและสลับสายตาของเธอไปที่ถังซิ่ว

อย่างไรก็ตามซางดี่ขวิงได้กวาดตาผ่านๆไปที่ถังซิ่วแล้วก็ขี้เกียจที่จะจ้องมองเขาอีกเป็นครั้งที่สอง

เป็นเพราะการปรากฏตัวของถังซิ่ว เป็นเรื่องที่ธรรมดาเกินไปและดูโทรมๆ เสื้อลายสก๊อตของเขาที่สามารถพบได้บนแผงลอยข้างถนนทุกแห่งกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบที่นิ้วเท้าของเขาแทบจะทะลุออกมาแล้ว ทั้งหมดนี้ตั้งแต่บนลงล่าง ร่างกายของเขาไม่ได้มีค่ามากกว่า 100 หยวน (อะไรจะปานนั้น )

ซางดี่ขวิง ได้รับการเอาใจและทำให้เธอนิสัยเสียตั้งแต่เกิด เธอนั้นคุ้นเคยกับการเป็นลูกสาวของสวรรค์ (เอาง่ายๆว่าตามใจทุกอย่าง อยากได้อะไรก็”ได้) ใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย เธอเชื่อว่าคนที่โดดเด่นนั้นไม่มีทางมาจากครอบครัวที่ยากจนและอ่อนน้อมถ่อมตน นี่คือสิ่งที่เธอเชื่อ ดังนั้นมันกลายเป็นธรรมชาติของเธอที่จะดูถูกคนอื่นจากส่วนลึกของกระดูกดำเธอ

"หัวหน้า หลง ไม่ทราบว่าแขกผู้มีเกียรติคนไหนที่คุณพามา คุณจะแนะนำคนนั้นให้ฉันรู้จักได้หรือไม่?"

ซางดี่ขวิงมองไปข้างหลังพี่น้องหลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลินและยิ้มขณะที่เธอถามออกมา

"อา, หัวหน้า ซาง มีอารมณ์ขันมากขึ้นตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เราเจอกัน คุณได้เชิญ เจี่ยหลุยเดาเพื่อช่วยคุณ ในขณะที่เราได้เชิญน้องชายถัง เพื่อช่วยเรา ถ้าหัวหน้า ซาง ไม่ว่าอะไรเราเริ่มเล่นการพนันครั้งนี้ได้เลย "

เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความรังเกียจบนใบหน้าของซางดี่ขวิน,หลงเซ้งหยูไม่สามารถช่วยได้นอกจากเย้ยหยันเธออยู่ในใจ

เมื่อหลงเซ้งหยูได้พบกับถังซิ่วเป็นครั้งแรกนั้น เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เพื่อน้องชายของเขาแล้ว เขาไม่ได้ตัดสินถังซิ่วจากภายนอก แต่สังเกตอย่างระมัดระวัง และแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยก็ไม่ได้พลาดไปจากการสังเกตของเขา ฉากก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าถังซิ่วต้องมีความคิดที่สร้างสรรค์ ซึ่งไกลเกินกว่าจินตนาการของพวกเขาจะนึกได้

แม้ว่าหลงเซ้งหยูไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่าง ถังซิ่วและซางหยงจินแต่เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าไม่ใช่เพราะซางหยงจินจำถังซิ่วผิดกับคนอื่น เพราะเขากำลังสูญเสียท่าทีจากความกลัว

หลงเซ้งหยูยังได้เห็นการแสดงออกของฮูหว่านจุนและซูเรนเฟยเมื่อพวกเขาได้เห็นถังซิ่ว , มันได้แสดงออกถึงความกลัวในชั่วพริบตาที่ออกมาจากดวงตาของพวกเขา ถึงแม้มันจะแค่พริบตา แต่ก็ไม่สามารถหลบสายตาของหลงเซ้งหยูได้

คนหนึ่งอาจบอกว่าเขาเข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่นได้ แต่มันเป็นไปได้เลยที่ทั่ง 3 จะเข้าใจผิดในเวลาเดียวกัน ?

"เขาเป็นคนที่คุณขอความช่วยเหลือ?"

เมื่อได้ยินคำพูดของหลงเซ้งหยู ดวงตาที่สวยงามของซางดี่ขวิงเบิกกว้างขณะที่เธอพูดออกมาด้วยเสียงแหลมคม

"ถ้าความทรงจำของชายชราคนนี้ไม่ได้มั่ว ฉันก็ไม่เคยเห็นคนๆนี้มาก่อนในสังคมการพนันของจังหวัดชวนฉิง"

เจี่ยหลุยเดากลั่นกรองถังซิ่วขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงลึก ๆ ว่า

"หัวหน้า หลง คุณกำลังล้อเล่นกับชายชราคนนี้ ? "

"หัวหน้า ซาง, ปรมาจารย์ เจี่ย, ผมไม่ได้ล้อเล่นกับพวกคุณ , น้อยชาย ถัง ไม่ใช่คนจากสังคมของเราจริงๆ บอกได้เลยว่าหลังจากที่ปรมาจารย์ เจี่ยประกาศว่าจะช่วยตระกูล ซาง , ไม่มีใครจากสังคมของเรากล้าที่จะก้าวออกมาและเป็นตัวแทนของตระกูลหลงเลย ตระกูลหลงได้ถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์เช่นนี้และขอความช่วยเหลือจากผู้คนนอกวงการของเราเท่านั้น "

หลงเซ้งหยู ดูเหมือนจะพอใจกับผลที่เกิดขึ้นโดยถังซิ่ว ในขณะที่เขาอดทนอธิบาย

เมื่อฟังคำพูดที่อ่อนแอและความทุกข์ยากของหลงเซ้งหยู ,การแสดงถึงความภาคภูมิใจได้ปรากฏบนใบหน้าของซางดี่ขวิงและเจี่ยหลุยเดา, ในที่สุดพวกเขาก็เชื่อคำพูดของหลงเซ้งหยู

"หัวหน้าหลง นั้นมีพลังมากจริงๆที่ยังสามารถหาปรมาจารย์ที่ซ่อนอยู่ในหมู่คนธรรมดา ฉันรู้สึกละอายใจต่อความด้อยกว่าของตัวเอง "

ซางดี่ขวิงและเจี่ยหลุยเดา ยังไม่ทันพูด แต่เสียงของซางหยงจินได้ดังขึ้นในขณะที่เขาหัวเราะออกมา

ก่อนหน้านี้เมื่อ ซางหยงจินได้เห็นถังซิ่วอยู่ด้วยกันกับหลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลิน เขาก็ตื่นตระหนกเกินไป และไม่ได้คิดอย่างละเอียด แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าถังซิ่วเป็นคนที่ได้รับเชิญโดย หลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลินเพื่อจัดการกับเจี่ยหลุยเดาเขาคิดว่ามันไร้สาระและไร้เหตุผล ในขณะที่เขามองหลงเซ้งหยูด้วยท่าทีเยาะเย้ย

แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องสถานะจริงๆของถังซิ่ว แต่ซางหยงจินเกือบที่จะมั่นใจว่าถังซิ่วเป็นลูกศิษย์ของชาวนาหรือแม้แต่จะเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านเขาล้อม

มันจะเป็นไปได้ไงที่ไอเด็กหัวฟักทองนี่จะสามารถเทียบกับเจี่ยหลุยเดา , ปรมาจารย์ของเทคนิคการเล่นการพนันนี้มันไม่ใช่เรื่องตลกที่สุดในโลก ?

"น่าสนใจนี่ เป็นวิธีที่น่าสนใจมาก! เราคิดว่าหลังจากที่ปรมาจารย์ เจี่ย ได้ออกตัวแล้ว , จะไม่มีนักพนันคนไหนกล้าโผล่หน้ามาที่จังหวัดชวนฉิงนี่ ไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลหลง จะใช้เส้นทางที่คดเคี้ยวและแม้แต่เชิญปรมาจารย์มาจากที่ไหนก็ไม่รู้! " (ปรมาจารย์บ้าไร เล่นไพ่ยังไม่เป็นเลย)

"หัวหน้า หลง ถ้าคุณต้องการที่จะให้หมู่บ้านเขาล้อมกับเรา แค่ให้เรามาเลยก็ได้ ทำไมถึงต้องทำให้ปรมาจารย์ เจี่ยเสียหน้าด้วย ? "

พร้อมด้วยเสียงหัวเราะอันดังของซางหยงจิน, ซูเรนเฟย์และฮูหว่านจุน

ถ้าพวกเขาต้องเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของพวกเขากับถังซิ่ว , พวกเขายังคงรู้สึกกลัวถังซิ่ว แต่สำหรับเทคนิคการเล่นการพนัน, ถังซิ่ว ไม่คุ้มค่าที่จะเปรียบเทียบกับพวกเขายิ่งไปกว่านั้น คนที่จะรับมือถังซิ่ว ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นราชานักพนันของจังหวัดชวนฉิง เจี่ยหลุยเดา

เมื่อพวกเขานึกถึงความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชของพวกเขาภายใต้ ถังซิ่ว อีกครั้งและอีกครั้ง, ซางหยงจินและสามสหายกัดฟันด้วยความโกรธและตอนนี้ที่พวกเขาได้พบกับโอกาสที่ยากต่อการมาถึง พวกเขาจะมีหรือที่จะไม่คว้ามันไว้และเยาะเย้ยถังซิ่วได้

"พวกนายรู้จักปรมาจารย์ ถัง ได้ยังไง ?"

มองไปที่ปฏิกิริยาที่ผิดปกติของทั้งสามคน  ซางดี่ขวินถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

ในตอนนี้เองที่ทั้งสามคน พึ่งตระหนักว่าพวกเขานั้นกำลังเสียความสงบไปเรียบร้อยแล้ว

"พี่สาว, หยงจินและหว่านจุนได้เดินทางไปที่หมู่บ้านเขาล้อมเมื่อวานนี้ เราได้ไปเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้บนยอดเขา เราต้องการซื้อสัตว์จากมือคนนี้ แต่เขาปฏิเสธ ดังนั้นจึงเกิดความไม่ลงรอยกัน ดังนั้นเราจึงโกรธมากเมื่อได้เห็นไอเด็กพังค์นี้อีกครั้ง! "

ซูเรยเฟย์รู้ว่าเขาต้องโกหกซางดี่ขวิงและสารภาพข้อเท็จจริงบางอย่างออกมา

"พี่สาว, ไอเด็กพังคฺนี้จะไปถูกเรียกว่าปรมาจารย์ได้อย่างไร? "

" ไอพังค์นี้ไม่ได้รับการปลูกฝังเรื่องมารยาทด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เขามีคือการใช้กำลัง "

หลังจากระลึกถึงฝาครอบด้านหน้ารถของเขาที่ถูกทุบ  ฮูหว่านจุนได้เติมน้ำมันลงในกองไฟด้วยพร้อมขบฟัน

ตอนแรกซางหยงจินเองก็มีความคิดที่จะหัวเราะเยาะถังซิ่วแต่อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่แจ่มใสของถังซิ่วมันทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นและร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านพร้อมที่เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา

"ดี ในเมื่อคนจากทั้งสองฝ่ายได้มาถึงแล้ว เรามาเริ่มการพนันกันเถอะ เฒ่าคนนี้ยังต้องบินไปมาเก๊าอีก "

เจี๋ยหลุยเดาจ้องที่หลงเซ้งหยูและพูดด้วยความรู้สึกไม่พอใจ

เป็นที่ชัดเจนว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดจากทั้งสามคน เขารู้สึกว่าการเล่นการพนันในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องตลกอย่างแท้จริงหลงเซ้งหยูขอให้ถังซิ่ว มานั้นเป็นการหยามเกียรติของเขาอย่างแน่นอนและไม่ได้มาเพื่อชนะในการเล่นพนันนี้ ดังนั้นเจี่ยหลุยเดาได้เกิดความคับแค้นภายในใจกับหลงเซ้งหยู

เมื่อเห็นได้ชัดถึงการแสดงออกทางสายตาของเจี่ยหลุยเดา,หัวใจของหลงเซ้งหยูเต้นถี่ขึ้นเล็กน้อย เขารู้ว่าเจี่ยหลุยเดาได้เข้าใจเขาผิดไปและเขาก็รู้ว่าเขาได้ยั่วยุราชาแห่งการพนันและผลที่จะตามมา

แต่เมื่อเขานึกขึ้นมาได้ว่าเจี่ยหลุยเดาได้เลือกที่จะยืนอยู่ตรงข้ามเขาเอง เขานั้นก็รีบสงบใจ

"ถ้าน้องชาย ถัง ไม่มีข้อคัดค้านอะไร งั้นเรามาเริ่มเล่นการพนันกันเถอะ"

หลงเซ้งหยูไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แต่ตาของเขามองไปที่ถังซิ่วด้วยการถามไถ่

ตอนแรกถังซิ่วต้องการถามเกี่ยวกับประเภทการเล่นการพนันกฎของมัน  แต่เขาก็ได้กลืนคำพูดที่เขากำลังจะถามออกมา

ถังซิ่วตระหนักดีว่าถ้าเขาถามนั้น เขาจะถูกหัวเราะใส่ และนี่ก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลงเซ้งหยูและหลงเซ้งหลินด้วย, เนื่องจากพวกเขาจะโดนดูถูกโดยคนเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ถาม

"สำหรับผมแล้วยังไงก็ได้ เราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ก็ได้"

ถังซิ่วกวาดตามองไปที่ซางหยงจินและคนอื่นๆแว๊บหนึ่งด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีความอับอายหรือความโกรธที่สามารถมองเห็นได้บนใบหน้าของเขาแม้แต่น้อย เขาแค่ไม่แยแสในน้ำเสียงที่เขาพูดออกมา

เมื่อเห็นท่าทางที่ลึกซึ้งและไม่อาจคาดเดาได้ของถังซิ่ว, เจี่ยหลุยเดาก็เย้ยหยันเบาๆพร้อมสั่นกระดิ่งที่อยู่บนโต๊ะ

"ไอเด็กเปรต แกต้องการที่จะเทียบสูงต่ำของหมายเลข หรือคู่ขี้ ? หรือแกอยากจะเล่นเกมอื่นๆ หรือไม่? "

ในขณะที่รอคอยผู้เข้าชมคนอื่นๆ เจี่ยหลุยเดาพูดกับถังซิ่วด้วยเสียงข่ม

เมื่อเขาได้ยินคำพูด “เด็กเปรต” ความรู้สึกโกรธฉายขึ้นมาจากดวงตาของถังซิ่ว , คำพูดนี้รุนแรงเกินไปและไม่สุภาพมาก

"ไอแก่เวร เลือกเกมที่แกคิดว่าแกเก่ง ดังนั้นแกจะได้ไม่มีข้ออ้างอะไรเมื่อแกแพ้ ! "

ถังซิ่วพบว่าเขาจะถูกรังแกอย่างต่อเนื่องถ้าเขายังคงให้การยินยอมแก่พวกเขาต่อไป คราวนี้เขาจะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว พร้อมเริ่มตีโต้อย่างรุนแรงแทน

"แก…!! ตั้งแต่แกได้เตรียมตัวที่จะได้รับความอับอายแล้ว งั้นเรามาเล่นเกมลูกเต๋ากัน มันง่ายและใช้เวลาไม่มากเกินไป "

เจี่ยหลุยเดาพูดด้วยความโกรธ

"ฉันตกลง ไม่มีอะไรจะถามแล้ว !"

หลังจากได้ยินคำตอบของเจี่ยหลุยเดา , ถังซิ่วรู้สึกดีใจมากในขณะที่รีบตกลง

ถังซิ่วกลัวว่าเจี่ยหลุยเดาจะเสนอการเล่นการพนันที่ซับซ้อน เพราะนั่นหมายความว่าเขาต้องใช้เวลามากในการจำกฎของเกมและปรับตัวเข้ากับพวกเขา เขากลัวว่าถ้าต้องใช้เวลามากเกินไปในการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับกฎ เขาจะแพ้การเดิมพัน

ลูกเต๋าจีนเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ยกเว้น แม้ว่าถังซิ่วจะไม่เคยเล่นการพนันลูกเต๋านี้ แต่เขาได้เห็นมันในทีวี , และเขาก็ยังได้เล่นมันเมื่อเขาและเพื่อนร่วมห้องได้ไปที่ร้านคาราโอเกะเพื่อร้องเพลง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกแปลกกับการพนันนี้, เพราะกลัวว่าเจี่ยหลุยเดาจะถอนคำพูด  ถังซิ่วรีบตอบตกลงเมื่อเจี่ยหลุยเดาพึ่งพูดเสร็จ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด