ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 38
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 40

Returning From The Immortal World - 39


ซางเซียนซ่ง (เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ซางหยงจิน(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ซูเรนเฟย์(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ฮูหว่านจุน(เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

หยวนชูหลิง(ไออ้วนเพื่อนสนิท)

หลงเซ้งหลิน(ไอหัวโล้น ตอนที่ห้องเกม)

.......................................................................................................................................................................................

ความสนใจของถังซิ่วนั้นดูเหมือนว่าจะเน้นไปที่ซางหยงจิน ,เขาไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของนายทหารคุ้มกัน 2 คน ถึงขั้นที่เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงหรือตีโต้ทั้ง 2 คน ในขณะที่การโจมตีของทั้ง 2 นั้นกำลังจะโดนถังซิ่ว

"ไอเด็กกระโปก โลกนี้มันกว้างนัก ! แกคิดว่าแกจะสามารถทำกร่างได้ต่อหน้าพวกเรางั้นหรอ ? "

ฮูหว่านจุนร้องตะโกนออกมาอย่างเย็นชา ขณะหันกลับไปและเดินไปที่รถของเขา

ดูเหมือนว่าในสายตาของฮูหว่านจุน แม้ว่าถังซิ่วจะมีพลังมาก แต่คราวนี้การตายของเขาได้ถูกตัดสินแล้ว

เมื่อเท้าฮูหว่านจุนยกขึ้นและยังคงแขวนอยู่ในอากาศโดยยังไม่ได้เข้าไปในรถของเขา เขาได้ยินเสียงดังก้อง เสียงดังสองครั้งติดกันที่เขารู้สึกว่าทำให้รถของเขากำลังสั่นอย่างรุนแรง

"อะไรกันวะเนี้ย !"

เมื่อฮูหว่านจุนได้ค้นพบว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่สามารถช่วยได้นอกจากอุทานออกมา

เพราะสิ่งที่อยู่ในจินตนาการของฮูหว่านจุนนั้นไม่ได้เกิดขึ้น, เขาคิดว่าผู้คุ้มกันทั้งสองจะหักแขนของถังซิ่ว แต่ภาพที่เขาเห็นกลับเป็นภาพของถังซิ่วที่กำลังเตะผู้คุ้มกันทั้งสองของเขาอย่างเมามันส์

ถ้าทั้งสองผู้คุ้มกันของเขาแค่ล้มลงไปตรงนั้นอย่างมากเขาก็จะแค่รู้สึกช๊อค และคงไม่รู้สึกเศร้าหมองขนาดนี้

แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของฮูหว่านจุนหายฮวบนั้นก็คือ ผู้คุ้มกันทั้งสองของเขาลอยมาอัดรถที่เป็นที่รักของเขาทำให้หน้ารถของเขาถูกอัดแบน

“เย็*แ* !!! ฉันไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ของรถได้รับพังหรือไม่ ถ้าเครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย ฉันชิบหายแน่นอน !”

ปรากฏท่าทางที่เจ็บปวดบนใบหน้าของฮูหว่านจุน ตอนที่เขามองหน้ารถ ขณะที่กล้ามเนื้อหน้าของเขากระตุก

ก่อนหน้านี้ฮูหว่านจุนรู้สึกว่าทั้งสองผู้คุ้มกันมีความกล้าหาญและแข็งแกร่งเป็นพิเศษดั่งหมีขาว แต่ตอนนี้เขาต้องการจะเอาไม้ไผ่บาง ๆให้พวกผู้คุ้มกันเคี้ยวจริงๆ

ขณะที่ฮูหว่านจุนกำลังทุกข์ใจกับรถที่รักของเขา ผู้คุ้มกันของเขาก็ลุกขึ้นจากรถแล้วรีบวิ่งไปหาถังซิ่วอีกครั้ง

ครั้งนี้ ผู้คุ้มกันก็ไม่ได้แสดงความรังเกียจและการแสดงออกที่ไม่แยแสอีกต่อไป แต่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความรอยแห่งความอับอายและความไม่พอใจบวกด้วยความโกรธจาง ๆ

พวกเขาเป็นทหารผ่านศึกที่เกษียณแล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งในการสู้รบของพวกเขาอาจจะแย่กว่ามากกว่าเมื่อตอนพวกเขาอยู่ที่จุดสูงสุดและไม่สามารถเทียบกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในตอนนี้ได้ แต่พวกเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับนักเรียนผอมสูงธรรมดาคนหนึ่ง

พวกเขาไม่เคยฝันเลยว่าพวกเขาจะไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของลูกเตะนั้นและโยนพวกเขาออกไปอย่างไร สำหรับทั้งสองคน นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากและเป็นบทเรียนลึกๆ

"ผมได้ปล่อยให้คุณสองคนออกไป แต่ถ้าคุณยังคงช่วยคนชั่วร้ายเหล่านี้ และยังไม่สามารถแยกแยะความถูกต้องได้ ต่อไปอย่าคิดเลยว่าผมจะลังเลที่จะสอนบทเรียนที่คุณจะไม่มีวันลืม! "

ด้วยการแสดงออกที่เย็นเยือกในสายตาของเขาถังซิ่ว พร้อมกล่าวด้วยเสียงเข้มงวด

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ผู้คุ้มกันทั้งสอนได้แต่ยืนตัวแข็ง พวกเขามองไปที่กันและกัน

"ไอเด็กเวร แกทำให้เราประหลาดใจเพียงนิดเดียวนั้นทำให้แกประสบความสำเร็จในการโจมตีเราได้ แกคิดว่าแกแข็งแกร่งมากงั้นหรอ ? "

"ไอ้เด็กระยำ แกกำลังวางแผนให้พวกเราเราเงียบและสงบศึก ? ไม่ทีทางที่แกจะมีโอกาสนั้นหรอก ! ตอนแรกเราต้องการที่จะหักแขนของแก แต่แกทำให้เราอับอายและดูถูกเรา แกจะต้องจ่ายมันด้วยความทุกข์ทรมาน! "

สองผู้คุ้มกันหัวเราะเยาะ พวกเขามองข้ามดวงตาที่เย็นชาของถังซิ่วและรีบวิ่งไปที่เขาด้วยความโกรธ

ถังซิ่วทำได้แค่ถอนหายใจ

เป็นเพราะเขาได้ยินจากญาติของแม่ว่า พ่อของเขาเป็นทหารที่มีเกียรติและรุ่งโรจน์ หลายปีที่ผ่านมาถังซิ่วได้อยากเป็นอาชีพทหาร เขาเป็นแฟนตัวยงของทหาร ไม่เพียงแต่เขาจะดูทุกอย่างเกี่ยวกับทหารในทีวี เช่นภาพยนตร์และสารคดี แต่เขายังเคยอ่านหนังสือทุกอย่างเกี่ยวกับทหารอยู่เสมอ ไม่แม้แต่ครั้งเดียวที่เขาเคยพลาดข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา

เขายังได้ติดตามหนังสือรุ่นเก่าทั้งหมดเกี่ยวกับ มวยของกองทัพ จากร้านหนังสือไปจนถึงการบังคับให้ตัวเองฝึกมวยกองทัพเป็นเวลาหลายปี

นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าเหตุใดถังซิ่วจึงอัดไปที่ผู้คุ้มกันทั้งสองคนนี้อย่างเบาๆ เนื่องจากเขาได้สังเกตเห็นพื้นหลังของทหาทั้งสองคนนี้ว่า เป็นทหารผ่านศึกที่เกษียณแล้ว และไม่อยากทำรุนแรงเกินไป

แต่เนื่องจากเขาเหล่านี้ไม่สนใจคำพูดของเขา ความเห็นอกเห็นใจและความเมตตาต่อพวกเขาในหัวใจของถังซิ่วจึงหายไปในทันที

ในสายตาของถังซิ่วเมื่อทหารลดตัวลงไปอยู่ในกลุ่มนักเลงที่ได้รับว่าจ้างและไม่สามารถแยกแยะได้ว่าถูกหรือผิด และจมลงไปอยู่ในสิ่งชั่วร้าย พวกเขาก็ไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าทหารอีกต่อไป

พวกเขาคิดว่าหลังจากที่พวกเขาตั้งใจจัดการกับถังซิ่วอย่างจริงจัง, ถังซิ่วนั้นจะไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือพวกเขาไปได้ ขณะที่พวกเขาขยับตัวและรีบวิ่งอีกครั้ง

เมื่อทั้งสอง ยังไม่ทันได้ตอบสนองและตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ได้ยินเสียง "แคร๊ก" ไม่กี่ครั้ง ในขณะที่ตัวพวกเขาค่อยๆล่วงลงสู่พื้นถนน

จนกระทั่งหายใจไม่กี่ครั้ง พวกเขารู้สึกปวดร้าวเฉียบพลันอย่างรุนแรงและไม่สม่ำเสมอจากขาของพวกเขา ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่าเสียงเหล่านั้นเป็นเสียงของขาที่ถูกหักของพวกเขา

ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาทั้งสองลืมส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังๆ พวกเขามองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางที่น่าสะพรึงกลัว พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะพูดคำพูดใดๆ, ด้วยความที่ว่าความรู้สึกเสียใจไม่มีที่สิ้นสุดเพิ่มขึ้นๆและเต็มหัวใจของพวกเขาในที่สุด

เมื่อพวกเขาจำได้ว่าถังซิ่วพึ่งจะเตือนสติพวกเขาอย่างเป็นกันเอง แต่เมื่อคิดถึงตอนที่พวกเขาคิดว่าคำเตือนนของถังซิ่ว นั้นเป็นเพียงการประนีประนอมและหยิ่งยโส ทั้งสองคนก็รู้สึกว่าใบหน้าของพวกเขาร้อนและกำลังไหม้ด้วยความเจ็บปวดและความอัปยศ. พวกเขาต้องการที่จะหาอุโมงค์เพื่อมุดตัวเองเข้าไปในนั้น

หัวใจของผู้คุ้มกันทั้งสองคนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่วุ่นวาย ในขณะที่ฝูงชนที่เฝ้ามองอยู่รอบๆ ก็งุนงงและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน

คนที่ตกใจมากที่สุดกับการแสดงออกมากที่สุดคือสามคนคือฮูหว่านจุน, ซูเรนเฟย์และซางหยงจิน

ทั้งสามรู้ดีว่าความสามารถในการสู้รบของสองผู้คุ้มกันนี้เป็นยังไง ดังนั้นพวกเขาจึงมีความกล้าหาญและความมั่นใจตั้งแต่ต้นจนจบ ในขอบเขตที่พวกเขาจะไม่ต้องกังวลว่าจะประสบความสูญเสียใดๆอีกในเรื่องนี้

แม้ในขณะที่ซางหยงจินกำลังตกอยู่ในความสูญเสียนี้ แต่เขาก็ยังสงบและ ไม่แม้แต่ครั้งเดียวที่เขาคิดจะลดศีรษะลงต่อถังซิ่ว

แต่เมื่อเสาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเขาจะพึ่งพาได้ ได้ถูกโค่นลงไปโดยถังซิ่ว, นี้คือช่วงที่พวกเขาตกใจจริงๆ

ความเงียบเหมือนป่าช้าเข้าปกคลุมสภาพแวดล้อมหลังจากที่ผู้คุ้มกันทั้งสองถูกหักขา

ซางหยงจินยังอยู่ในท่าทางที่น่าอับอายของเขา พร้อมหัวของเขายังคงถูกกดลงบนยางมะตอยโดยถังซิ่ว

ซูเรนเฟย์นั่งอยู่บนรถจี๊ป Wrangler ของตัวเองและยังไม่ได้เริ่มสตาร์ทรถของเขา

หนึ่งในเท้าฮูหว่านจุนกำลังอยู่ในรถของเขาในขณะที่อีกข้างหนึ่งยังคงอยู่บนพื้นท่าที่แปลกประหลาดที่ไม่รู้ว่าจะเข้าหรือออกดี

ในเวลานี้ฮูหว่านจุนต้องการตบหน้าของตัวเองอย่างดุเดือด เขาไม่เคยคิดเลยว่าปากที่ร่ารังเกียจของเขาจะถึงขั้นนี้มาก่อน เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะปากของเขา ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้อาจได้รับการแก้ไขไปแล้วและจะไม่กลายเป็นเช่นนี้

"โย่  หมียักษ์! ทำไมแกถึงเงียบหละ ? พ่นเศษอึออกมาจากปากแกอีกสิ! ลองสิ! "

ในขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงและจมอยู่ในความรู้สึกช๊อคที่เกิดจากพลังในการต่อสู้ของถังซิ่วนั้น, เขาได้ข๊ากออกมาพร้อมกับที่เขากดหัวของซางหยงจินลงบนยางมะตอยอีกครั้ง

"ฉัน ... ฉัน ... "

แม้ว่าซางหยงจินจะมีสมองและความดื้อรั้น แต่ความรู้สึกนี้ ทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว

ซางหยงจินยังลังเลอยู่ว่าเขาจะต้องยอมจำนนต่อถังซิ่วหรือไม่, เขาคิดว่าจะทำอย่างนั้น และแสวงหาโอกาสที่จะแก้แค้นในอนาคต, แต่เมื่อเสียงโทรสัพเพลงของทหารดังขึ้นเจาะหูของเขา เขาก็ตกใจจนเขารู้สึกเจ็บปวดนิดๆเนื่องจากอาการช็อคและความรู้สึกกลัวที่เกือบจะทำให้เขาสะดุ้ง

ภายใต้ดวงตาที่โกรธของซางหยงจิน ,ถังซิ่วมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางที่งงงวยก่อนที่เขาจะค่อยๆเปิดกระเป๋านักเรียนของเขาและเอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อใหม่ของเขาออกมา

"... อืม ... ฉันได้ยินนาย ... แต่ฉันไม่เล่นการพนันจริงๆนายรู้ ... อ๊า ... อะไร ... นอกเหนือจาก 1 ล้านหยวนนายจะปฏิบัติตามเงื่อนไขใดก็ได้ ? เยี่ยมมากฉันจะไปที่นั่นทันที! "

ตอนแรกคำตอบของถังซิ่วก็กระวนกระวายใจ แต่เมื่อเขาได้ยินเงื่อนไขอื่นๆจากผู้โทร ใบหน้าของเขาเริ่มตื่นเต้นทันที

คนที่โทรหาเขาคือหลงเซ้งหลินซึ่งเขารู้จักกันที่ห้องพนัน

หลงเซ้งหลินได้เบอร์ของเขาผ่านทางหยวนชูหลิง

หลงเซ้งหลินบอกหยวนชูหลิงซ้ำๆว่า เขาต้องโทรหาเขาให้เร็วที่สุดเมื่อถังซิ่วกลับมาที่โรงเรียน

หยวนชูหลิงเองก็ได้จำเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เขาไม่เคยคิดว่าการมาถึงและการจากไปของถังซิ่วจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาที่จะโทรหาหลงเซ้งหลินก่อนที่ถังซิ่วจะหายตัวไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

ในความสิ้นหวังสิ่งสุดท้ายที่หยวนชูหลิงสามารถทำได้คือให้หมายเลขโทรศัพท์ของถังซิ่วแก่ หลงเซ้งหลิน

เมื่อหลงเซ้งหลินได้หมายเลขโทรศัพท์ของถังซิ่ว , เขาทำได้แค่โทรไปขอความช่วยเหลือตรงๆ

เนื่องจากการแข่งขันการพนันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญการพนันของคู่แข่งได้มาถึงสถานที่ที่กำหนดแล้ว ขณะที่ตระกูล หลง ยังไม่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นการพนันที่มีชื่อเสียงได้ ซึ่งทำให้พวกเขากังวลมาก

เนื่องจากไม่มีหนทางใดที่จะรับมือกับสถานการณ์ได้หลงเซ้งหยูจึงเลือกที่จะเชื่อหลงเซ้งหลิน และได้บอกเขาเพื่อให้ถังซิ่วเล่นการพนันแทน

"คิดซะว่าตัวเองโชคดีในวันนี้! แต่ถ้าครั้งต่อไปที่ฉันพบว่าพวกแกที่ยังคงไม่สามารถแยกแยะว่าอันไหนถูกอันไหนผิด ฉันจะไม่ลังเลที่จะให้บทเรียนที่ลึกซึ้งมากขึ้นกว่านี้ "

ถังซิ่วรีบออกจากที่นั่นหลังจากพูดจบเพราะเขาต้องรีบไปที่สถานที่พนัน

จนถึงเมื่อร่างของถังซิ่วได้หายตัวไปแล้ว , ซางหยงจินเชื่อในที่สุดว่า ตอนนี้เขานั้นได้รอดพ้นจากความทุกข์ยากของเขา ร่างกายของเขาอ่อนแอลงในขณะที่เขาล้มลงกองกับพื้น

"หยงจิน, ฉันขอโทษจริงๆฉันหุนหันพลันแล่นเองในตอนนั้น ฉันไม่ควรชักจูงให้นายไปจัดการไปเด็กนั้น "

เมื่อซางหยงจินนั่งอยู่บนพื้นอย่างกระวนกระวายใจฮูหว่านจุน ได้วิ่งรีบวิ่งไปหาเขาเป็นคนแรกในขณะที่เขาขอโทษด้วยความรู้สึกผิด

ซางหยงจินจ้องมองอย่างเงียบๆไปที่ฮูหว่านจุนสักครู่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและตอบกลับ

"ไอแก่ ฮู เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ฉันไม่รู้เกี่ยวกับความคิดเล็กๆน้อยๆที่นายมีในใจ แต่ฉันรู้ว่านายก็ได้เติมน้ำมันลงไปในกองไฟ เหตุผลประการอื่นนั้นมันเป็นเพราะฉันไม่สามารถทนยืนดูไอเด็กเหี้*นั้นได้ ... โอ๊ย ... เจ็บชิ*หายเลยโว้ย ** เจ็บ ... !!!!"

ซางหยงจินสามารถพูดได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นเพราะอาการปวดเฉียบพลันและก็ส่งออกมาจากข้อมือทั้งสองข้างของเขา

เมื่อซางหยงจินเห็นรอยฟกช้ำที่ข้อมือทั้งสองข้างของเขา ที่บิดเบี้ยวจนทำให้พวกมันกลายเป็นสีม่วงเข้ม เขาได้แต่สูดลมหายใจเย็นๆและร่องรอยแห่งความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

"ซูเรนเฟย์,นายไปที่รถของฉันและหยิบขวดไวน์ออกมาฉันจะใช้มันเพื่อล้างแผลของหยงจิน"

เมื่อได้ยินคำพูดของซางหยงจิน โบว์ในหัวใจของฮูหว่านจุนก็คลายออกและในวินาทีถัดไปเขาไม่ลังเล ที่จะคว้ามือของซางหยงจินและถูมืออย่างระมัดระวัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด