ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 37
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 39

Returning From The Immortal World - 38


ซางหยงจิน (เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ซูเรนเฟย์ (เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

ฮูหว่านจุน (เจอที่หมู่บ้านเขาล้อม)

Land rover <a href="https://goo.gl/uEgQ4P">https://goo.gl/uEgQ4P</a>

Wrangler Jeep  <a href="https://goo.gl/G7pZ9B">https://goo.gl/G7pZ9B</a>

.......................................................................................................................................................................................

ปรากฏว่า คนขับรถของ Land Rover และวัยรุ่นที่อยู่ในชุดลายดอกไม้นั้นเป็นลูกคนรวยที่ถังซิ่วเจอที่หมู่บ้านเขาล้อม เขาจำได้ลางๆว่าชายที่ใส่เสื้อลายดอกไม้นั่นมีชื่อว่า ซูเรนเฟย์ ซึ่งเป็นวัยรุ่นโง่เขลาที่มักจะใช้เงินเพื่อจัดการกับปัญหา ในขณะที่อีกคนคือชายที่มีสมองกล้ามเนื้อ ชื่อว่า ซางหยงจิน ความกล้าหาญที่โง่งมและชอบข่มเหง

"เด็กน้อย แกต้องการเงินเท่าไหร่? บอกเลขบัญชีธนาคารมา ! ตราบเท่าที่เราคิดว่าไม่มากเกินไป เราจะจ่ายให้ แต่ฉันเตือนนายก่อนว่า, อย่าให้มันมากเกินไป ไม่งั้นนายจะไม่ได้เงินจากเราแม้แต่นิดเดียวและนายอาจถูกจับเพราะเรื่องนี้ "

ซูเรยเฟย์ได้มองไปที่ถังซิ่ว ในขณะที่เขาถามด้วยท่าทางที่น่ารังเกียจ

ตอนแรกซางหยงจินต้องการพูด แต่ภายใต้สายตาที่ของคนรอบช้าง เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไร และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างให้ซูเรนเฟย์นั้นจัดการ

"พวกคุณสามารถไปได้ ฉันนั้นสบายดี!"

แม้ว่าถังซิ่วจะไม่ชอบน้ำเสียงและทัศนคติของ ซูเรนเฟย์แต่เขาไม่ใช่คนสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่สร้างปัญหาโดยปราศจากเหตุผล เขาส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

คำตอบของถังซิ่วนั้นได้ผิดไปจากที่ซุเรยเฟย์และหยงจินควาดคิดไว้อย่างมากนั้นรวมไปถึงฝูงชนที่เฝ้าดู พวกเขายังคิดว่าหูพวกเขามีปัญหา

พวกเขาเห็นได้ชัดว่าร่างกายของถังซิ่ว มีอาการเหงื่อออกมากและความรู้สึกเจ็บปวดที่เขาแสดงออกมานั้นไม่ได้เป็นการแกล้งทำ เขาจะปล่อยให้พวกมันไปเฉยๆและปฏิเสธเงินได้อย่างไร?

"เฮ้ เด็กน้อย ! แกต้องการจะทำตัวเป็นไอโง่กับพวกเรางั้น ? ปล่อยให้เราออกไปสักแปป แล้วแกจะไปหาตำรวจเพื่อรายงานอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่าชนแล้วหนีสินะ  "

หลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่งเสียงดังออกมาจากฝูงชน มันมาจากวัยหนุ่มที่สวมชุดสูทหลังซูเรนเฟย์

หลังจากได้ฟังคำพูดของวัยรุ่นใส่สูทแล้ว ความรู้สึกเข้าใจได้ถูกเปิดเผยบนใบหน้าของซูเรนเฟย์และมีเสียง “อ่อ” ดังออกมาจากฝูงชน เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดว่าวัยรุ่นใส่สูทนี้ได้คาดเดาความตั้งใจที่แท้จริงของถังซิ่วถูกต้อง

"เด็กเวร ฉันรู้ว่าแกมันเน่าในตั้งแต่ฉันพบแกที่ยอดเขา แต่ฉันไม่เคยคิดว่าแกมันเน่าได้ขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อจริงๆว่าฉันจะไม่สามารถอัดแกได้!”

สายตาของซางหยงจิน ที่จู่ๆ กว้างขึ้นขณะที่เขาจ้องมองไปที่ถังซิ่ว ,เขายืดมือออกและพยายามที่จะคว้าคอของถังซิ่ว ในขณะที่ยังสาปแช่งเสียงดังในเวลาเดียวกัน

ถังซิ่วก่อนหน้านี้นั้นฟุ้งซ่านและตกอยู่ในสถานะมึนงงเมื่อเกือบโดนรถ แต่ตั้งแต่ที่เขาอยู่ในสภาพที่เงียบขรึมในขณะนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะถูกจับได้

แสงไฟเย็นประกายในสายตาของถังซิ่ว เมื่อเขาเห็นฝ่ามือของซางหยงจินกำลังใกล้เข้ามา เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งและสามารถหลบฝ่ามือของซางหยงจินได้

"ไอเด็กพังค์ แกแกล้งทำเกิดอุบัติเหตุจริงๆและต้องเรียกเงินจากมัน!"

ซางหยงจินยืนตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่งเมื่อการจับของเขาล้มเหลว ก่อนที่เขาจะตะโกนดังขึ้นในท่าทางตื่นเต้น

เนื่องจากการเคลื่อนไหวของถังซิ่ว เพื่อหลบเขานั้น กระฉับกระเฉงเกินไป นี่ไม่ใช่การกระทำที่ผู้ได้รับบาดเจ็บสามารถทำได้, นอกจากนี้เมื่อถังซิ่ว ก้าวถอยหลังกลับเมื่อก่อนหน้านี้ ยังไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บที่ร่างกายของเขาจากการที่เขาโดนกระแทกจากตัวรถโดยสมบูรณ์

"พังค์ แกแกล้งทำเป็นเจ็บจากอุบัติเหตุจริงๆ และเรียกร้องค่าเสียหาย,คุณลุงแกคนนี้ ไม่ปล่อยแกไปแน่ !"

ซางหยงจินมีเพียงแค่ความรู้สึกผิดเล็กน้อยเท่านั้นและยังไม่ได้ยืนยันสภาพของถังซิ่วว่าจะเป็นอย่างไร, โดยรถชนจริงหรือไม่ ... และตั้งแต่เขายืนยันว่าเขาไม่ได้ขับชนถังซิ่ว . เขาก็โกรธอย่างบ้าคลั่งทันที ในขณะที่ยังรีบวิ่งกระโจนไปข้างหน้าถังซิ่ว

ซูเรนเฟย์และฮูหว่านจุน รู้สึกไม่สามารถช่วยได้ได้แต่ส่ายหัวของพวกเขาเมื่อได้เห็นการแสดงออกที่ตื่นเต้นของซางหยงจิน

ทั้งสองคนตระหนักดีถึงบุคลิกของซางหยงจิน, เขาเป็นคนใจแคบและต้องการแก้แค้นแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สุด เป็นคนที่ไม่เคยต้องการที่จะเป็นหนี้บุญคุณของใคร

ซางหยงจินรู้สึกว่าเขาถูกทำร้ายและถูกกล่าวหาโดยกลุ่มผู้ชมเนื่องจากถังซิ่ว ตั้งแต่เขารู้สึกว่าเขาโดนหลอก ต่อให้ถังซิ่วไม่ตาย, เขาก็ต้องสอนและลอกผิวหนักเขาซะหน่อย

ฮูหว่านจุนยกมือขึ้นและมองไปที่นาฬิกา ด้วยความกังวลอย่างลึกซึ้ง เขาถามออกมาว่า

"เฟย์ นายคิดว่าเด็กคนนั้นแกล้งทำเป็นโดนรถชนและต้องการเรียกค่าชดเชยจริงหรือไม่?"

"เขาไม่น่าจะทำอย่างนั้นนะ ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้ดูเหมือนจะยากจน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนซื่อสัตย์และพอเพียง เขาไม่สนใจเรื่องเงิน, ถ้าเขาแกล้งทำเป็นโดนรถชนจริงๆและต้องการค่าชดเชย เขาก็จะต้องเรียกเงินมาสักระยะหนึ่งก่อนแล้วและจะไม่ปล่อยให้เราออกจากที่นี้ "

ซูเรนเฟย์ ส่ายหัวขณะตอบรับด้วยเสียงที่ลังเล

"อ้าปากของฉันมันแย่จริงๆ! ฉันโกรธมากตั้งแต่เด็กคนนั้นเล่นเราที่ยอดเขาเมื่อวานนี้ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่ปล่อยคำพูดที่ยั่วยุเหล่านั้นออกไป ! "

ภายใต้สายตาของซูเรนเฟย์ ,ฮูหว่านจุนอธิบายด้วยความรู้สึกผิดและกระวนกระวาย

"นาย ... บลา , แม้แต่คนฉลาดอย่างนายก็สับสนในเวลานี้! โครงการหมู่บ้านเขาล้อมนั้นมีความสำคัญมาก แต่จริงๆแล้วนายต้องการระบายความโกรธกับเด็กคนนี้ นายคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่ ? "

ในขณะที่ซูเรนเฟย์กำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหา, ฮูหว่านจุนก็พูดคำเหล่านั้น

"ถ้าเราไปที่นั่นสาย พี่สาวจะต้องจัดการกับพวกเราทั้งหมดแน่ !"

ซูเรยเฟย์โกรธและหันกลับไปที่รถของเขา

"เห้ย ! เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งออกไป หากนายไปแล้วเราควรทำอย่างไรกับปัญหานี้ที่นี่ ? "

ฮูหว่านจุนกำลังงุนงงในขณะที่เขาเฝ้าดูซูเรนเฟย์ ที่กำลังขึ้นรถของเขา

"ฉันจะไปที่โรงแรมก่อน นายอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเจ้าสมองกล้ามนั้นจัดการเรื่องของเขาซะ ฉันหวังว่าเขาจะไม่ทำอะไรเกินไป "

ซูเรยเฟย์ยิ้มและสตาร์ทรถ Wrangler Jeep ของเขา

ในนาทีถัดไปรอยยิ้มของซูเรนเฟย์หายไปจากปากของเขาโดยฉับพลัน

" เฟย์ เกิดอะไรขึ้น ... อุ๊ ... "

เมื่อฮูหว่านจุนต้องการถามเพิ่ม ในเวลานั้นเขาก็มองตามสายตาของซูเรนเฟย์ไปคอของเขารู้สึกราวกับว่าถูกรัด เขาพูดติดอ่างกับตาที่เปิดกว้างทันที

สายตาที่ทำให้ซูเรนเฟย์และฮูหว่านจุนหงุดหงิดคือฉากของคนที่สูงตระหง่านสูง 1.9 เมตรซึ่งดูคล้ายกับซางหยงจินโดนจับกดโดยชายที่เหมือนถังซิ่วที่มีความสูงแค่ 1.7 เมตร

ในเวลานี้แขนของซางหยงจินได้โดนจับโดยถังซิ่ว ขณะที่เขากำลังคุกเข่าอยู่ในท่าที่น่าอับอายบนพื้นดิน เขายังไม่สามารถที่จะกระดิกได้ ในขณะที่ใบหน้าของเขาได้บวมแดง

"แกบอกว่าแกไม่ได้ทำผิดอะไรเลยงั้นหรอ? แกเกือบจะชนฉันด้วยรถของแก ! ฉันใจกว้างมากพอที่จะปล่อยแกไปได้ แต่แกนั้นทำเกินไปแล้ว ข่มขู่และทำให้ฉันรำคาญ นี้มันต่างอะไรกับการที่แกบังคับให้ฉันดื่มฉี่ของฉันเองหลังจากที่ปฏิเสธมื้ออาหารของแก ?  "

ถังซิวเตะตูดซางหยงจินขณะที่เขาเริ่มแช่งสาปแช่ง

หลังจากที่ได้ดูดกลืนกินแก่นวิญญาณมากมายของงูหลามดำนั้น ถังซิ่วยังไม่มีโอกาสที่จะได้ทดสอบความแข็งแกร่งของเขาเลย อยูดีๆก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่เสนอตัวเองให้เขาทดสอบ ถังซิ่วเองก็ยินดีที่จะได้ทดสอบพลังของตัวเองเหมือนกัน

"พังค์ ฉันไม่คิดจริงๆว่าแกจะมีกึ๋น  ถ้าแกแน่จริงก็ปล่อยฉันสิ ฉันจะทำให้แกเละเป็นขี้เลย ! "

แม้ว่าเขาจะถูกคว่ำโดยถังซิ่วแต่ซางหยงจิน ก็ยังคงตะโกนด้วยเสียงดังๆ อย่างไม่สะท้าน

"อะไรของแกไอหมียักษ์, สุภาษิตในตำนานได้กล่าวว่า" พวกมีแต่กล้ามแต่ไม่มีสมอง " จริงๆฉันว่ามันเหมาะกับแก! ฉันได้ตรึงแกไว้ด้วยความยากลำบาก แกคิดว่าทำไมฉันต้องปล่อยแกหละ? คุกเข่าให้กับฉันและยอมรับความผิดของแก แล้วฉันจะปล่อยแกไปหรือแกจะคุกเข่าอยู่กับฉันที่นี่ตลอดทั้งวัน "

ถังซิ่วมองไปที่ซางหยงจินด้วยท่าทางที่ยั่วยุขณะที่ปากของเขาเยาะเย้ยอย่างไร้ความปราณี

“ไอ้เหี้* ! ปล่อยฉันไปในขณะที่ฉันยังไม่โกรธจริงๆเดี๋ยวนี้ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ! ไม่อย่างนั้นแม้ว่าแกจะต้องการจะปล่อยฉันในภายหลัง มันก็จะสายเกินไปแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่ว , ซางหยงจินเกือบจะหายใจไม่ออกเนื่องจากความโกรธเขาตะโกนและสั่ง

"ไอหมียักษ์ ดูเหมือนว่าสมองแกจะเปลี่ยนเป็นบ้าไปแล้ว ฉันจะทำให้แกกลับมารู้สึกตัว "

ถังซิ่วเกลียดนิสัยที่หยิ่งที่ผยองของซางหยงจิน สุดๆ แม้ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ , เขาเยาะเย้ยขณะที่กดมือของซางหยงจิน ลงไปและทำให้เขารู้สึกอัปยศมากขึ้นในขณะที่หัวเขากำลังจะแตะกับยางมะตอยที่พื้นถนน

เมื่อซางหยงจินโห่ร้องคำสาปแช่งเสียงดังกังวานขึ้น ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงกระแทกที่ดังขึ้นของหัวเขาและพื้นถนนยางมะตอย ห่าฝนจากคำสาปแช่งจากปากของเขากลายเป็นเสียงครวญครางและเสียงดังที่เจ็บปวด

"ไอ้เลว แกตายแน่ ! แกได้ตายแน่ๆ ! "

ท่ามกลางความเจ็บปวดของเขา ได้มีเสียงพึมพำของซางหยงจิน ยังไม่สามารถทนที่จะไม่สาปแช่งและข่มขู่ได้

"ดีแล้วเพราะตอนนี้ฉันจะได้เห็นว่าใครจะตายในตอนท้ายสุด!"

ความโกรธของถังซิ่วพุ่งขึ้นมา เขาถูกคุกคามอีกครั้งและอีกครั้ง เขาเยาะเย้ยและกระแทกหัวของซางหยงจินโดยไม่ลังเลเลย

"ระวัง!"

"หยุด!"

เมื่อเห็นว่าหัวซางหยงจินกำลังจะกระแทกกับถนนครั้งแล้วครั้งเล่า เสียง 2 เสียงพุ่งออกมาอย่างฉับพลันที่ข้างหลังของถังซิ่วขณะที่ลมสองเส้นพัดไปทางแก้มของเขา

ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ฮูหว่านจุน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งให้ผู้คุ้มกันของเขาทำหน้าที่ช่วยเหลือซางหยงจินเพราะยังไงก็ตาม เขาเป็นคนที่กระตุ้นให้เกิดการต่อสู้ระหว่างซางหยงจินและถังซิ่ว ,เมื่อเห็นว่าซางหยงจินนั้นได้รับความสูญเสียและในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ฮูหว่านจุนจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ดังนั้นทางออกเดียวคือการช่วยเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และทำให้ซางหยงจินได้รับความเสียหายน้อยลง

เพื่อเป็นการลดความโกรธของซางหยงจิน, ฮูหว่านจุนได้สั่งให้คนคุ้มกันให้หักแขนของถังซิ่ว

แม้ว่าซางหยงจินอาจดูเรียบง่ายและมีเพียงกล้ามเนื้อแต่ไม่มีสมอง แต่ฮูหว่านจุนรู้ดีว่าซางหยงจินนั้นไม่โง่ เขามักจะขี้เกียจเกินไปที่จะคิดและใช้สมองของตัวเอง แต่เมื่อเขาใช้สมองจริงๆเขามักจะฉลาดกว่าคนอื่น

เหตุผลที่ทำไมซางหยงจิน ขี้เกียจเกินไปที่จะใช้สมองเพราะอิทธิพลของตระกูลเขามีพลังมากเกินไป เมื่อความแข็งแกร่งของตระกูลหรือคนมีอำนาจมากจนเกินไป แผนการทั้งหมดและเทคนิคกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับตระกูลเขา ก่อนที่จะมีขอบเขตที่เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้สมองของตัวเองเขาก็จะไม่ใช้มันซางหยงจินเป็นคนประเภทนี้

แม้ว่าซางหยงจินเคยเป็นเพื่อนกับซูเรนเฟย์และฮูหว่านจุน มานานแล้วและมักจะไปเล่นด้วยกัน แต่ก็เป็นซูเรนเฟย์หรือฮูหว่านจุน ที่เข้าใจถึงอำนาจและเงินทุนของตระกูลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดของตระกูลพวกเขารวมกัน นับเป็นเพียง 1 ใน 10 ของตระกูล ซาง เท่านั้น

รอยยิ้มที่โหดเหี้ยมปรากฏบนใบหน้าของฮูหว่ายจุนเมื่อเห็นว่าทั้งสองผู้คุ้มกันของเขาเกือบถึงตัวถังซิ่ว

แม้ว่าฮูหว่ายจุนจะไม่รู้ว่าซางหยงจิน ถูกล่มและทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้โดยถังซิ่วได้ยังไง แต่เขาก็มั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถของผู้คุ้มกันทั้ง 2 คน

เขารู้ว่า 2 คนคุ้มกันของเขานั้นไม่ธรรมดา พวกเขาเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาหลายสิบปีก่อนที่พวกเขาจะเกษียณ, ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาได้บรรลุถึงความสมบูรณ์แบบแล้ว, ฮูหว่ายจุนเคยเห็นพวกเขาสองคนอัดนักเลงหลายสิบคน ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เพราะฉะนั้นเขาไม่ต้องห่วงว่า 2 ผู้คุ้มกันของเขาจะไม่สามารถทำงานนี้ให้สำเร็จได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด