Returning From The Immortal World - 227
.......................................................................................................................................................................................
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับทำให้ท่าทางของโปรเฟสเซอร์ฮูถึงกลับเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที
เหล่ใบยี่เองก็ได้ถามออกมาด้วยความกังวลว่า
“ถัง.....น้อยชายถัง ในเมื่อเธอสามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้ก็แสดงว่าเธอก็ต้องมีวิธีรักษามันใช่ไหม ? เธอช่วยรักษาเขาด้วยและไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรเราก็จะยอมรับมันทั้งหมด !”
ถังซิ่วได้หันไปมองที่เขาพร้อมกับพูดว่า
“คริสตัลแห่งลมและหินเศษเสี้ยวดวงดาวที่อยู่ในมือคุณ ตกลงไหม ?”
“ไม่ตกลง !”
เหล่ใบยี่เองก็ได้ส่ายศีรษะของเขา
ประกายแห่งความเย็นยะเยือกได้ถูกส่งออกมาจากถังซิ่ว
เหล่ใบยี่นั้นได้หยุดไปแปปนึงก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“น้องชายถัง ก่อนหน้านี้ฉันได้บอกกับเพื่อนฮูว่าหากเธอชนะนั้นฉันจะให้พวกมันกับเธอฟรีๆดังนั้นข้อเสนอนี้เป็นไปไม่ได้ โปรดเลือดอย่างอื่น”
ให้ฟรี ?
ถังซิ่วได้จ้องมองที่เขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กลิ่นอายของเขาจะค่อยๆจางหายไป หลังจากที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งจึงได้พูดออกมาว่า
“ต้นหญ้าจักจั่นทองคำ ดอกลิลลี่ยามเย็น หากว่าสามารถหาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์สองชนิดนี้มาได้ ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็ไปหาเห็ดผีเสื้อชั้นดีและรากของดอกขนแกะที่อายุเกิน500ปี หากว่าหามาได้แล้วก็ให้มาหาฉัน”
โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“น้องชายถัง เราจะไปหาสมุนไพรบอกนี้ได้จากไหนกัน ? เห็ดผีเสื้และดอกขนแกะนั้นเราพอรู้จักแต่ต้นหญ้าจักจั่นทองคำกับดอกลิลลี่ยามเย็นนั้นเราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ไปที่เมืองสตาร์ซิตี้เพื่อพบกับนายใหญ่ของบริษัทร้อยคุณธรรมเภสัชเฉินซีซ่งซะ เขาขายสมุนไพรและคิดว่าน่าจะมีมันอยู่”
โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ถามออกมาว่า
“เธอรู้จักเฉินซีซ่งงั้นหรอ ?”
ถังซิ่งก็ตอบกลับไปอย่างราบเรียบว่า
“นิดหน่อย เขาเป็นลูกศิษย์ของฉัน”
“อะไรน่ะ ?”
โปรเฟสเซอร์ฮูและเหล่ใบยี่ได้ตะโกนออกมาอย่างดัง พวกเขามองไปที่ถังซิ่วด้วยความไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาคิดว่าประสาทรับรู้ของตัวเองกำลังมีปัญหา
มู่หวางหยิงเองก็ได้มองไปที่ท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อของพวกเขาก่อนที่จะถามออกมาว่า
“ใครคือเฉินซีซ่ง ? บริษัทของเขาใหญ่มากงั้นหรอ ?”
โปรเฟสเซอร์ฮูได้ระงับความตกตะลึงของเขาเอาไว้ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เฉินซีซ่งเป็นนายใหญ่ของบริษัทร้อยคุณธรรมเภสัชซึ่งทำเกี่ยวกับการค้าสมุนไพรในสเกลที่ใหญ่มาก หากว่าฉันจำไม่ผิดทรัพย์สินโดยรวมของเขาต้องมีมากกว่าหมื่นล้านอย่างแน่นอน”
มู่หวางหยิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“จะบอกว่าลูกศิษย์ของถังซิ่วคือนายใหญ่ที่มีทรัพย์สินมากว่าหมื่นล้าน ?”
ถังซิ่วได้พูดออกมาช้าๆว่า
“เขาเป็นเพียงศิษย์สายนอกเท่านั้น การที่จะเป็นศิษย์หลักนั้นเป็นอะไรที่ยากมาก เอาล่ะอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย พวกคุณก็บริหารเวลากันดีๆแล้วกัน ยิ่งนานเข้าก็จะยิ่งรักษายากขึ้น หากว่าใน2-3นี้ไม่สามารถหาสมุนไพรมาได้และเมื่อหัวใจได้ถูกพิษรุกล้ำไปหมดทั้งร่างกายและเลือดผมก็บอกได้เลยว่าต่อให้เทพลงมาจุติก็ไม่สามารถยื้อชีวิตคุณไว้ได้อย่างแน่นอน”
โปรเฟสเซอร์ฮูก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เราจะไปที่สตารซิตี้ในวันพรุ่งนี้”
คิ้วของถังซิ่วได้ยกขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็กลับไปพร้อมผมเลยแล้วกัน ! ผมเองก็เสร็จธุระที่เมืองนี้แล้ว”
เหล่ใบยี่ได้พูดออกมาด้วยเสียงต่ำว่า
“น้องชายถัง แร่เหล่านั้นฉันจะส่งไปที่บ้านของเธอเอง เธอเอาที่อยู่มาให้ฉันและยิ่งไปกว่านั้นคือเธอเองก็ยังไม่ได้บอกเงื่อนไขในการรักษาเพื่อนฮูเลย”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“พวกคุณเป็นเพื่อนกันใช่ไหม ? ในเมื่อคุณต้องการที่จะช่วยเพื่อนงั้นก็ช่วยดูแลผมด้วยตอนที่ผมเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้”
เหล่ใบยี่ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ? เธอต้องการสอบเข้าที่นั่น ?”
ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว ผมกรอกใบแบบฟอร์มไปแล้วและเลือกเรียนคณะเกี่ยวกับโบราณคดีและจะเข้าเรียนวันที่1กันยายน”
มู่หวางหยิงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ไม่ใช่ว่าผลคะแนนของการสอบยังไม่ได้ถูกเปิดเผย ?แล้วนายมีความมั่นใจว่าจะสอบเข้าได้ขนาดนั้นเลย ?”
ถังซิ่วได้ถามกลับว่า
“เธอคิดว่าหากฉันไม่มีความมั่นใจแล้วฉันจะพูดงั้นหรอ ?”
“นี่....”
มู่หวางหยิงถึงกับหงายเงิบเลยทีเดียว
แม้ว่านี่จะเป็ยครั้งแรกที่เธอได้พบกับถังซิ่วแต่เธอก็ได้รับรู้ถึงความน่าทึ่งของเขาและที่สำคัญนั้นคือเรื่องที่เขาทำตัวไม่โดดเด่นและถ่อมตัวมาก เมื่อเธอมองไปที่ท่าทางที่มั่นใจของถังซิ่วนั้นเธอก็มีความรู้สึกว่าเธอจะได้เจอเขาที่มหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ได้มีเสียงเคาะประตูห้องส่วนตัว หญิงวัยกลางคนได้เดินเข้ามาก่อนที่จะกวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องแล้วหยุดลงที่ถังซิ่ว เธอถามออกมาว่า
“คุณคือคุณถังหรือเปล่า ?”
“ฉันเอง !”
ถังซิ่วได้พยักหน้าของเขาช้าๆ
หญิงวัยกลางคนก็ได้ยื่นกล่องใส่ภาพมาให้ถังซิ่วก่อนที่จะพูดว่า
“นี่คือสิ่งที่คุณซูมอบหมายให้ฉันนำมาให้คุณ หากว่าคุณไม่มีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมก็ขอตัวลา”
ถังซิ่วได้พยักหย้าและหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นออกไปเขาก็แกะกล่องนั้นออกมา
เหล่ใบยี่ โปรเฟสเซอร์ฮูและมู่หวางหยิงเองก็ได้จ้องมองมัน
หลังจากที่มองอยู่ครู่หนึ่งโปรเฟสเซอร์ฮูก็ถอนหายใจออกมาว่า
“นี่เป็นภาพวาดของหลี่ซี่ซุนจากยุคราชวงศ์ถังอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าแม้การวางตัวของเขาจะนับว่าแย่แต่นิสัยของเขาก็ยังดีอยู่บ้าง”
ถังซิ่วเองนั้นก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาพวาดของยุคสมัยนี้นักแต่ก็สามารถบ่งบอกได้จากเนื้อกระดาษว่ามันมีอายุกว่าหลายร้อยปีแล้ว หลังจากที่เขาเก็บมันก็พูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้รูปมาแล้ว งั้นฉันขอตัว !”
โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“น้องชาย เธอจะไปไหนงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“หาโรงแรมนอนแล้วกลับเมืองสตารฺซิตี้ในวันพรุ่งนี้เช้า”
โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้พูดว่า
“น้องชายถัง ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องนั้นให้เอง”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาแล้วตอบกลับไปว่า
“ไม่จำเป็นต้องลำบากหรอก ในเมื่อคุณต้องกลับไปที่สตาร์ซิตี้กับผมก็รีบกลับไปเก็บของและเตรียมตัวดีกว่า เราจะเจอกันที่สนามบินในวันพรุ่งนี้ !”
“เอางั้นก็ได้”
โปรเฟสเซอร์ฮูก็ได้พยักหน้าตอบกลับไป
เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“หากว่าน้องชายถังไม่รังเกียจก็สามารถตามมาพักกับเราได้เพราะที่ของเรานั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
ถังซิ่วได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าตอบไป
โรงแรมห้าดาวที่ถังซิ่วได้ไปพักนั้น หลังจากที่เหล่ใบยี่มาถึงที่นี่เขาก็ได้เปิดห้องpresidential suitให้ถังซิ่วทันที
จริงๆแล้วเหล่ใบยี่นั้นอยากจะคุยกับถังซิ่วมากแต่ก็ถูกปฏิเสธเพราะเขาต้องการพักผ่อนแต่ความจริงแล้วเขาอยากจะดูว่าโลงศพที่เขาซื้อมาจากโปรเฟสเซอร์ฮูนั้นมีอะไรอยู่กันแน่ จริงๆมันสามารถเปิดออกได้แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลาพอที่จะศึกษามัน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขากำลังจะเริ่มหาวิธีเปิดมันนั้นก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเหล่ใบยี่”
ประกายแห่งความเย็นยะเยือกได้พวยพุ่งออกมาจากดวงตาของเขาพร้อมกับเดินไปเปิดประตูแต่กลับพบว่าไม่ใช่เหล่ใบยี่ทว่าเป็นมู่หวางหยิงผู้งามสง่าเหมือนเทพธิดาลงมาจุติที่กำลังยืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตู
“มีเรื่องอะไรงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ถามออกมาขณะที่เขายืนอยู่ที่หน้าประตู
มู่หวางหยิงที่เห็นว่าถังซิ่วไม่ได้เชิญให้เธอเข้าไปในห้องนั้นถึงกับประหลาดใจโดยทันทีพร้อมถามออกมาว่า
“อย่าบอกนะว่านายไม่แม้แต่จะเชิญฉันเข้าไป ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ค่ำคืนที่ดึกดื่นและชายหญิงอยู่ในห้องสองต่อสองนั้นมันดูไม่ดี มีเรื่องอะไรก็พูดมาฉันจะพักผ่อนแล้ว !”
“นาย......”
มู่หวางหยิงเองก็ไม่รู้ว่าเธอควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หากว่าถังซิ่วไม่ได้ดูไร้กังวลนั้นเธอก็คงคิดว่าเขาคงจะคิดจริงจังไปแล้วแต่การที่เธอมาที่นี่ในเวลาดึกขนาดนี้นั้นก็เพราะเธอมีเป้าหมายเช่นกัน
“ฉันเป็นผู้หญิงยังไม่กลัวเลยแล้วนายกลัวอะไร ? ฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับนาย”
ถังซิ่วได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดทางให้เธอเข้ามาแล้วเมื่อปิดประตูลงนั้นก็ได้ชี้ไปที่โซฟาแล้วบอกเธอว่า
“นั่งสิ”
มู่หวางหยิงเองก็ได้นั่งลงอย่างช้าๆพร้อมมองไปที่ถังซิ่วที่นั่งตรงข้ามกับเธอแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“หากจะให้พูดตรงๆเด็กอย่างนายนั้นหาได้ยากมาก”
ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า
“แต่ฉันเห็นผู้หญิงอย่างเธอมาเยอะแล้ว”
มู่หวางหยิงเองก็ได้จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
“นายนั้นมันเป็นคนพิเศษจริงๆ ที่ฉันมาหานายตอนนี้นั้นก็เพราะฉันได้ยินนายพูดว่าไม่ชอบในศิลปะดังนั้นฉันจึงต้องการซื้อภาพวาดนั่นต่อจากนาย ว่าราคามาได้เลย!”
ถังซิ่วก็ได้เหลือบไปมองที่ภาพวาดนั้นก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ว่ามาสิ หากว่าฉันพอใจก็จะขายให้เธอหากว่าไม่ก็สามารถออกไปได้เลย”
มู่หวางหยิงเองก็ได้คาดการณ์ราคาที่เธอพอจะรับไหวไว้แล้วก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า
“ภาพนี้มีมูลค่าสูงมากแต่เงินของฉันนั้นมีอยู่จำกัดดังนั้นฉันให้ได้มากสุดแค่6ล้านเท่านั้น !”
ถังซิ่วได้ประหลาดใจเป็นอย่างมาก่อนที่จะถามออกมาว่า
“ไอ้ภาพนี่มันมีค่าขนาดนั้นเลยหรอ ?”
มู่หวางหยิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยความตกตะลึกเช่นกัน
“อย่าบอกนะว่านายไม่เข้าใจถึงมูลค่าของรูปภาพ ?”
ถังซิ่วก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ค่อยได้ค้นหาเพราะงั้นก็ไม่ค่อยรู้หรอก”
มู่หวางหยิงเองก็มองไปที่ถังซิ่วด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ดูเหมือนว่าฉันจะเปิดราคาสูงไปสินะ เป็นไง ? นายต้องการจะขายมันหรือเปล่า ?”
ถังซิ่วได้โบกมือก่อนที่จะพูดว่า
“เอาไปสิ เก็บไว้ก็ไร้ค่าขอเอาไปแลกเป็นเงินดีกว่า”
มู่หวางหยิงเองก็ได้พูดขึ้นว่า
“ฉันจะจัดการโอนเงินให้นายทันที”
ทันใดนั้นถังซิ่วก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนเงินเข้า6ล้าน
ตอนที่เขามาที่เมืองนี้ก็ได้นำเงินมาหลายล้านแต่ใช้ซื้อโลงศพนั่นก็หลายแสนแล้วแถมยังต้องซื้อคริสตัลแห่งลมและหินเศษเสี้ยวแห่งดวงดาวอีก หลังจากหักเงินทั้งหมดออกแล้วก็เหลืออยู่19ล้าน
ตอนนี้เขาได้ขายภาพนี้ไปอีก6ล้านก็เท่ากับว่าเขาได้เงินจากการที่มาเมืองนี้ถึง25ล้านหยวน
ถังซิ่วไม่ลังเลเลยที่จะส่งเงิน20ล้านคืนไปให้คังเซี่ยนพร้อมกับส่งข้อความไปหาเธอจากนั้นก็มองไปที่มู่หวางหยิงแล้วพูดว่า
“เป้าหมายของเธอก็บรรลุแล้วหนิ จะยังนั่งอยู่ทำไม ?”
มู่หวางหยิงนั้นตกตะลึงพร้อมถามออกมาว่า
“อย่าบอกนะว่านายอยากให้ฉันไปจริงๆ ? ถังซิ่ว นายมีปัญหาทางเพศหรือเปล่า ? อย่าบอกนะว่าหน้าตาของฉันไม่น่าหลงใหล?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาพร้อมพูดว่า
“ฉันยังปกติดีและแน่นอนว่าเธอน่าหลงใหลมากๆ หากว่าเธอไปนอนรอฉันที่เตียงฉันก็จะไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อยแต่ก็ยังมีผู้หญิงบางประเภทที่ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยว”
มู่หวางหยิงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ผู้หญิงประเภทไหน ?”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ผู้หญิงที่ยังซิงอยู่ไง หากว่าได้ครั้งแรกของเธอเป็นนั้นจะสร้างปัญหาอย่างมาก ฉันคนนี้ที่ไม่กลัวอะไรแม้แต่น้อยทว่าฉันกลัวปัญหา”