ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 225
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 227

Returning From The Immortal World - 226


.......................................................................................................................................................................................

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ตราบใดที่เธอไม่ขอร้องเรื่องพวกนั่นอีกก็พอแล้วแต่หากว่าเธอยังจะพูดฉันก็จะถือว่าเราไม่ได้พบกันในวันนี้”

ฮวงจี่ได้พูดอย่างหงุดหงิดว่า

“นายจำเป็นต้องทำขนาดนี้ ? นายรู้ไหมว่าการที่จะได้เป็นโปรเฟสเซอร์ของโรงเรียนสอนดนตรีเรานั้นเป็นความฝันของใครหลายคน ทำไมนายถึงได้ปฏิเสธตลอดเลยละ ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันได้พูดไปแล้วและจะพูดอีกครั้งว่าตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจเกี่ยวกับคนตรีแม้แต่น้อย ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตโดยการเล่นดนตรีอย่างเดียวหรอกนะ ดังนั้นเธอก็ควรเคารพการตัดสินใจของฉัน”

“นายยย.....”

ฮวงจี่ได้หายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเธอนั้นก็ได้จ้องมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่เธอจะดึงแขนเสื้อของฮวงจี่แล้วพูดว่า

“พี่สะใภ้ เขาคือถังซิ่วที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่พี่เคยเล่าให้ฉันฟังใช่ไหม ? สวัสดี ฉันซูซิงเหม่ยเป็นน้องสาวของสามีฮวงจี่ ฉันได้ยินเธอพูดถึงคุณบ่อยๆแต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาที่เมืองนี้”

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“ฮวงจี่ ฉันได้พูดไปแล้วนะ เอาล่ะ ฉันขอตัว ไปกันเถอะโปรเฟสเซอร์ฮู!”

โปรเฟสเซอร์ฮูได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความประหลาดใจส่วนเหล่ใบยี่และมู่หวางหยิงเองก็ได้รู้สึกโง่งมเช่นกัน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนมาขอร้องให้ถังซิ่วไปเป็นโปรเฟสเซอร์ของโรงเรียนสอนดนตรีทองคำ พวกเขารู้ดีว่าโรงเรียนแห่งนั้นเป็น1ใน3ของโรงเรียนที่ดีที่สุด ที่นั่นได้ผลิตนักร้องชื่อดังมามากมาย !

ไปเป็นโปรเฟสเซอร์ ?

อย่าบอกนะว่าความสามารถด้านดนตรีของเขาจะเทียบเท่ากับด้านศิลปะ ?

ใบหยูเองก็ได้หรี่ตาลงก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณถัง ซูซิงเหม่ยนั้นเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของเราและเธอเองก็มีความสามารถด้านการวาดรูปเช่นเดียวกับน้องชายของเธอ ในเมื่อพี่สะใภ้ของเธอนั้นเป็นเพื่อนของคุณงั้นจะให้พวกเขาไปนั่งห้องเดียวกับคุณเลยไหม ? เราจะได้คุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้กับเธอ”

คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันก่อนที่จะมองไปที่ใบหยูแล้วพูดว่า

“น้องชายเธอ ? เธอเองก็สกุลซูอย่าบอกนะว่าไอ้เจ้านั่นเป็นน้องชายของเธอ ?”

ซูซินเหม่ยเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ถังซิ่ว คุณรู้จักน้องชายฉันด้วยงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้กรอกตาก่อนที่จะเดินออกไปข้างๆทันที

ใบหยูได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง

“ซูซินเหม่ย ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนที่มีนิสัยดีแต่น้องชายของเธอนั้นฉันรับไม่ไหวจริงๆ ฉันขอประกาศไว้เลยว่าที่นี่ไม่ต้อนรับเขาอีกต่อไป”

ซูซินเหม่ยเองก็ได้สาปแช่งออกมาว่า

“ไอ้เด็กเวรนั่น ฉันรู้เรื่องที่เขาทำดีว่าสักวันจะต้องสร้างปัญหาเข้าอย่างแน่นอน ผู้จัดการใบ ถังซิ่ว เรื่องในวันนี้ต้องขอขอบคุณพวกคุณมากที่ส่วนสั่งสอนเขาไม่เช่นนั้นจะต้องพบกับหายนะในภายภาคหน้าอย่างแน่นอนหากว่าไม่ทำลายความเย่อหยิ่งของเขา ถังซิ่ว คุณสามารถไว้วางใจได้เลยว่าหากว่าเขาไม่ส่งมอบภาพให้ฉันจะกลับบ้านไปหักขาของเขาเอง”

ถังซิ่วที่ได้เห็นท่าทางจริงใจของเธอนั้นก็ได้พยักหน้าพร้อมถอนหายใจ

“มังกรที่มีบุตรเก้าคนนั้นก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน คำพูดนี้มันช่างสมเหตุสมผลจริงๆ เรื่องคำขอบคุณนั้นไม่จำเป็นหรอกตราบใดที่น้องชายของคุณไม่ลืมสัญญาของเรา”

ซูซินเหม่ยเองก็พยักหน้าตอบพร้อมกับมองไปที่ฮวงจี่

ฮวงนี่นั้นไม่ได้สนใจเรื่องความขัดแย้งระหว่างน้องของสามีเธอแม้แต่น้อยสิ่งที่เธอสนใจนั้นคือความสามารถในการวาดรูปของเขา เธอรู้ดีว่าน้องสามีเธอนั้นมีทักษะด้านการวาดขนาดไหนแต่กลับพ่ายแพ้ให้แก่ถังซิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ

“ถังซิ่ว นายวาดรูปด้วยงั้นหรอ ? ยิ่งไปกว่านั้นคือความสามารถนายอยู่ในระดับไหนกัน?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ก็พอๆกับทักษะด้านดนตรีนั่นละ เอาล่ะ เธอไม่เคยจะถามเยอะนะ ! ฉันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ”

เมื่อพูดจบเขาก็มองไปที่โปรเฟสเซอร์ฮูด้วยท่าทางบอกใบ้

โปรเฟสเซอร์ฮูนั้นเข้าใจได้ทันทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณทั้งสอง พอดีว่าเรานั้นมีเรื่องที่ต้องจัดการดังนั้นคงไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนได้ หากว่าต้องการที่จะพูดกับถังซิ่วแล้วก็ขอให้ไปพบวันหลัง”

ฮวงจี่นั้นรู้สึกไม่อยากเลยแต่น้องสามีเธอได้ไปล่วงเกินเขาดังนั้นเธอรู้ว่าตัวเองไม่มีหน้าพอที่จะขอนั่งร่วมกับถังซิ่ว

เธอมองไปที่หลังของถังซิ่วที่กำลังเดินจากไปพร้อมมองไปที่ซูซินเหม่ยแล้วพูดว่า

“ซินเหม่ย เราจะต้องสั่งสอนน้องชายตัวดีของเธอหน่อยแล้วเขาจะต้องลำบากมากอย่างแน่นอนหากว่าเขายังไม่เปลี่ยนการวางตัวของเขา”

ซูซินเหม่ยเองก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางขมขื่นว่า

“พี่คิดว่าฉันไม่รู้งั้นหรอ ฉันเองก็ได้สั่งสอนเขาไปหลายครั้งแล้วแต่มันไม่ดีขึ้นเลย เขาคิดว่าตัวเองนั้นสำคัญจึงได้หยิ่งทะนงตน อ่อยังมี......เรื่องชั่วๆของเขาที่หากว่าตระกูลเราไม่ได้จัดการให้นั้นเขาจะต้องไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกแล้ว”

ฮวงจี่ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“หรือจะให้ฉันบอกพี่ชายเธอ ? ไม่ว่าเขาจะไม่กลัวใครก็ตามแต่พี่ชายของเขาก็ยังเป็นคนเดียวที่เขากลัว ฉันคิดว่าเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างแน่นอนหากพี่ชายของเธอลงมือ”

ซูซินเหม่ยได้ส่ายศีรษะของเธอก่อนที่จะพูดว่า

“พี่สะใภ้อย่าทำแบบนั้นนะ หากว่าพี่บอกเรื่องนี้กับพี่ชายล่ะก็ ฉันกลัวว่าเขาจะต้องโดนหักขาอีกครั้งแน่”

ฮวงจี่ได้ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

“งั้นเธอจะทำยังไง ? อย่าบอกนะว่าให้ปล่อยไปแบบนี้ ?”

ซูซินเหม่ยเองก็ได้เดินไปคิดไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เราจะลองดูสถานการณ์กันไปก่อน ! หากว่าเขาได้รับบทเรียนในวันนี้ไปแล้วยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เราก็จะไปบอกพี่ชาย !”

ฮวงจี่ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“ก็ดี !”

ห้องส่วนตัวอีกห้อง

หลังจากที่ทุกคนได้นั่งลงแล้วนั้น ใบหยูเองก็ได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่เธอจะออกไปเพราะเธอนั้นไม่ค่อยจะสนิทกับถังซิ่ว เธอได้พยายามลองเข้าหาเขาแล้ว

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ถามคำถามที่เขาอดกลั้นเอาไว้ในใจอยู่นานเมื่อในห้องเหลือเพียงพวกเขา4คน

“ถังซิ่ว นอกจากด้านศิลปะแล้วเธอยังมีทักษะด้านดนตรีด้วยงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วก็ได้พยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า

“มีนิดหน่อย !”

มีนิดหน่อย ?

ทุกๆคนในห้องนั้นยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็ได้ถามถังซิ่วไปว่าเขามีความสามารถด้านศิลปะไหมแต่คำตอบที่ได้ก็คือ นิดหน่อย

ความสามารถระดับฟ้าประทานนั้นกกลับบอกว่า นิดหน่อย ?

ทันใดนั้นผู้คนทั้งหมดในห้องก็สามารถตัดสินได้ว่าความสามารถด้านดนตรีของเขาจะต้องไม่น้อยไปกว่าด้านศิลปะแน่นอนมิเช่นนั้นผู้หญิงคนนั้นคงไม่เชิญให้เขาไปเป็นโปรเฟสเซอร์ที่โรงเรียนอย่างแน่นอน

โปรเฟสเซอร์ !

ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ตำแหน่งขี้ๆที่ใครก็สามารถได้รับยิ่งแล้วใหญ่คือมันเป็นตำแหน่งในโรงเรียนสอนดนตรีทองคำซึ่งเป็นโณงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“ถังซิ่ว เราได้รู้แล้วว่าเธอนั้นมาจากเมืองสตาร์ซิตี้ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอเพิ่งจะสอบเข้าเสร็จใช่ไหม ? ครอบครัวของเธอทำอะไรงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วนั้นเข้าใจถึงสิ่งที่โปรเฟสเซอร์ฮูคิดทันทีก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า

“ไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมเพื่อสืบประวัติของผมหรอก ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆเท่านั้นแต่ผมได้ทำธุรกิจเล็กๆแต่ผมรู้สึกว่าคุณแปลกๆนะ”

โปรเฟสเซอร์ฮูก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“ฉันแปลกยังไงงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วก็ได้ตอบอย่างราบรื่นว่า

“ตั้งแต่ที่ผมเห็นคุณครั้งแรกก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายได้อย่างเข้มข้น หากว่าไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับสัปเหร่อก็น่าจะเป็นนักปล้นสุสาร ที่คอด้านซ้ายของคุณเองก็มีรอบแผลเป็นอยู่และหากว่าผมเดาไม่ผิดก็คือคุณได้ไปเจอซอมบี้มาใช่ไหม ?”

“เฮื้อกกก”

โปรเฟสเซอร์ฮูได้ยืนขึ้นก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาจ้องมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เธอเห็นมันได้อย่างไร ?”

ท่าทางของเหล่ใบยี่ที่อยู่ข้างๆเองก็เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

ถังซิ่วได้โบกมือพร้อมพูดออกมาว่า

“นั่งลง !”

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ตระหนักได้ว่าเขาได้แสดงท่าทางที่ไม่เหมาะสมก่อนที่จะนั่งลงไปแล้วจ้องมองที่ถังซิ่วเพื่อรอคำตอบของเขา

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ยุคปัจจุบันนั้นเป็นยุคที่เงียบสงบ คนปกติมักจะไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องซากศพนักแต่คนที่เพิ่งจะตายนั้นจะปล่อยกลิ่นอายของซากศพออกมา หากว่าเป็นแค่กลิ่นอายของซากศพนั้นใช้เวลาแค่10-15วันมันก็จะจางหายไปเองแต่ของคุณมันไม่ใช่กลิ่นอายของศพแต่เป็นกลิ่นอายของความตาย มันอธิบายได้ว่าคุณนั้นได้ทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศพมานานส่วนเรื่องแผลเป็นที่ต้นคอคุณนั้นน่าจะเกิดจากกรงเล็บที่แหลมคมของซอมบี้ยิ่งกว่านั้นคือรอบแผลเป็นสีดำนั้นหมายถึงการที่มันเป็นพิษ”

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ถามออกมาว่า

“เธอใช้หลักฐานเหล่านี้มาสรุปงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะพูดว่า

“ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมได้เข้าไปที่ร้านของคุณเป็นครั้งแรกนั้นก็พบแล้วว่ามันมีอะไรที่แปลกๆ ทุกๆสิ่งมักเป็นสีดำและนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณชอบบรรยากาศที่มืดมนและโศกเศร้า ผมมั่นใจได้เลยว่าก่อนหน้านี้คุณไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้”

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยใบหน้าหวาดผวาว่า

“ใช่แล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น !”

ถังซิ่วก็ได้พูดออกมาว่า

“รู้ไหมว่าทำไม ?”

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ทำไมงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วก็ได้ชี้ไปที่หน้าอกของตัวเองก่อนที่จะพูดว่า

“ผมเองก็ไม่รู้ว่าในอดีตคุณใช้วิธีการอะไรเพื่อรักษาพิษในร่างกายของคุณแต่มันก็ยังมีพิษหลงเหลือในในนั้น ตอนนั้นมันยังไม่ต้องการชีวิตของคุณแต่หลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของคุณ ยื่นมือมาสิ ผมจะตรวจชีพจรเพื่อดูสภาพร่างกายของคุณหน่อย”

“เธอมีความรู้ด้านการแพทย์ด้วยงั้นหรอ ?”

โปรเฟสเซอร์ฮูได้ถามออกมาอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“นิดหน่อย !”

นิดหน่อยอีกแล้ว!!!!!

เหล่ใบยี่และมู่หวางหยิงที่อยู่ข้างๆนั้นได้มองไปที่กันและกันอย่างว่างเปล่า พวกเขาในตอนนี้คิดว่าถังซิ่วนั้นเป็นดั่งเทพที่จุติลงมาบนโลก

เข้าใจนิดหน่อยอะไรกัน ?

ไอ้นิดหน่อยของเขานั้นหมายถึงความรู้ของเขานั้นอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว

เหล่ใบยี่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“เพื่อนฮู นายรีบๆให้เขาตรวจสิ”

โปรเฟสเซอร์ฮูเองก็ได้ยื่นข้อมือของเขาออกไป

ถังซิ่วได้ตรวจชีพจรของเขาทีละข้างก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“มันแย่กว่าที่ฉันคาดคิดเอาไว้อีก ช่วงนี้คุณจะตื่นนอนจากฝันร้ายทุกวันใช่ไหม ? ระยะเวลาการพักผ่อนเองก็จะน้อยพร้อมกับเหงื่อที่ไหลท่วม ? ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อคุณตื่นนอนก็จะสำรอกเสมหะสีดำๆออกมา ?”

นัยน์ตาของโปรเฟสเซอร์ฮูหดลงทันทีก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยความตกตะลึงว่า

“ใช่แล้ว มันเป็นแบบนั้น !”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“พิษรุกล้ำหัวใจแล้ว หากว่ายังปล่อยไปแบบนี้คุณคงไม่มีชีวิตรอดถึงปีหน้า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด