ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 218
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 220

Returning From The Immortal World - 219


.......................................................................................................................................................................................

บนใบหน้าที่สวยงานของซางซินหยานั้นได้ปรากฏความรู้สึกที่ประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเพียงแต่เธอพูดชื่อสมุนไพรแต่ถังซิ่วกลับสามารถรู้ถึงอาการป่วยของพ่อเธอได้

อย่าบอกนะ! ว่าเขาเป็นหมอเทวะ ?

ความคิดนี้ได้แวบเข้ามาในหัวสมองของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะหายไป

หากว่าจะบอกว่าคนอื่นนั้นเป็นหมอเทวะเธอก็อาจจะเชื่ออยู่บ้างแต่หากว่าบอกว่าเป็นถังซิ่วนั้นต่อให้ฆ่าเธอก็จะไม่เชื่ออยู่ดีเพราะอย่างไรก็ตามถังซิ่วในตอนนี้นั้นยังเด็กอยู่มากแล้วเขาจะไปมีความสามารถด้านการแพทย์ที่น่าทึ่งด้วยอายุเพียงเท่านี้ได้อย่างไรกัน ?

“ใช่แล้ว เขาเป็นโรคมิติเพลิง”

ซางซินหยาได้พยักหน้าพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“สมุนไพรนั่นสามารถเป็นยารักษาโรคนี้ได้อย่างดี หากว่าสามารถผสมเข้ากับหญ้าเงินได้มันก็จะส่วนเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ช่างมันเถอะในเมื่อลูลู่ยอมพูดเพื่อเธองั้นฉันจะถือซะว่าทำบุญแล้วกัน”

เมื่อพูดจบถังซิ่วก็ได้โทรไปหาเฉินซีซ่งโดยทันที

“ท่านอาจารย์ ท่านโทรหาผมทำไมงั้นหรอ ?”

เสียงของเฉินซีซ่งได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“ข้าโทรหาเจ้าเพราะมีเรื่องที่จะสอบถาม เจ้ารู้จักกับซางซินหยาไหม ?”

เฉินซีซ่งเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ศิษย์รู้จักเธอ !”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“อืม เธอต้องการสมุนไพรแม่น้ำอสรพิษ เจ้าก็ช่วยไปหาให้เธอด้วยแล้วกันส่วนเรื่องราคาก็ให้มันเบาๆหน่อยนะเพราะเธอเป็นเพื่อนของโอหยางลูลู่”

เฉินซีซ่งเองก็ได้ตอบกลับอย่างไม่ลังเลว่า

“รับทราบ ศิษย์จะติดต่อกลับไปหาเธอทันที”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ไม่จำเป็นเพราะเธออยู่กับข้า เจ้าก็พูดกับเธอดูแล้วกัน !”

เมื่อพูดจบแล้วถังซิ่วก็ได้ยื่นโทรศัพท์ไปให้กับซางซินหยาแล้วพูดว่า

“เธอเองก็ลองคุยกับเขาดู”

ซางซินหยาเองก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากก่อนที่จะรับโทรศัพท์มาแล้วพูดว่า

“สวัสดีค่ะ ฉันซางซิงหยาคุณคือลุงเฉินงั้นหรอค่ะ ?”

เฉินซีซ่งเองก็ได้พูดขึ้นว่า

“ก่อนหน้านี้อาจารย์ของฉันได้บอกสถานการณ์ของเธอมาหมดแล้ว ฉันจะตั้งใจหามันให้อย่างสุดความสามารถแล้วจะรีบแจ้งเธอโดยทันที”

“อาจารย์ของคุณ ?”

ซางซินหยาเองก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมากก่อนที่จะถามออกมา

เฉินซีซ่งเองก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“อ่อ ที่แท้เธอก็ไม่รู้นี่เองว่าเจ้าของโทรศัพท์นี้เป็นอาจารย์ของฉัน เอาล่ะ เรื่องนี้ก็เรียบร้อยแล้วก็ส่งโทรศัพท์คืนให้เขาหน่อยเพราะฉันยังมีเรื่องที่ต้องคุยกับเขา”

“ได้เลยค่ะ.....”

ซางซินหยาได้ตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้สนใจเสียงโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอรู้สึกช๊อคเป็นอย่างมาก เธอมองไปที่ถังซิ่วเหมือนกับว่าเขาเป็นเอเลี่ยน

อาจารย์

ถังซิ่วเป็นอาจารย์ของเฉินซีซ่ง ?

สวรรค์ ! นี่มันเป็นเรื่องจริงงั้นหรอ?

เฉินซีซ่งเป็นใครกัน ? เขาเป็นนายใหญ่ของบริษัทร้อยคุณธรรมเภสัชนะ มูลค่าทรัพย์สินโดยรวมของเขาก็ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านอย่างแน่นอน คนมีอำนาจขนาดนี้กลับเคารพบูชาเด็กอายุ20ปีเป็นอาจารย์ ?

ซางซินหยาพยายามกลืนน้ำลายลงไปพร้อมกับถามออกมาว่า

“ถัง...ถังซิ่ว นายเป็นอาจารย์ของเฉินซีซ่งจริงๆงั้นหรอ ?”

“มีปัญหา ?”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปอย่างสงบ

ซางซินหยานั้นได้รีบโบกมือทันทีพร้อมพูดว่า

“ไม่มี ไม่มีอย่างแน่นอน .....ฉันแค่รู้สึกช๊อค อ่อใช่ ขอบคุณนายจริงๆหากว่านายไม่ได้ติดต่อให้ฉันก็คงจะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้คุยกับเขา”

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาเบาๆก่อนที่จะพูดว่า

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพนักหรอกตราบใดที่เธอไปพบลูลู่และบอกให้เธออย่าพูดเรื่องไร้สาระอีกฉันก็พอใจแล้ว เอาล่ะ ใกล้จะได้เวลาแล้ว ฉันจะต้องไปขึ้นเครื่องแล้วลาก่อน”

ซางซินหยาได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ฉันจะไปส่งนายเอง!”

ถังซิ่วได้หยุดเธอไว้พร้อมกับพูดว่า

“ฉันไม่ต้องการให้พาดหัวข่าววันพรุ่งนี้เป็นดารานักร้องสาวสวยแอบมาเดทกับหนุ่มนิรนาม เธอมีเส้นทางของเธอ ฉันเองก็มีของฉันดังนั้นเธอรออยู่นี่แหละ !”

หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้หยิบกระเป๋าพร้อมกับเดินไปที่ประตูขาออกโดยทันที

ซางซินหยาได้มองไปที่หลังของถังซิ่วที่กำลังเดินจากไป เธอไม่คิดเลยว่าในชีวิตนี้จะได้พบกับเรื่องที่แปลกประหลาดและคนที่โดดเด่นแบบนี้

จริงๆแล้วนี่เป็นแค่การพบกันโดยบังเอิญเท่านั้น ทำกระเป๋าหายและใช้ผลประโยชน์จากการยืมโทรศัพท์และได้พบว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนรักเธอแม้กระทั่งฝ่ายตรงข้ามก็เป็นถึงคนที่มีความรู้ด้านการแพทย์เป็นอย่างมาก

จินซิตี้ !

เพราะว่ามันอยู่ใกล้กับเมืองหลวงจึงมีการพัฒนาที่รวดเร็ว ตึกสูงตระหง่านตั้งอยู่มากมายทั่วทุกพื้นที่ เส้นทางการค้านั้นแผ่ขยายไปทั่วทุกพื้นที่เส้นสายของรถที่สัญจรไปมานั้นเหมือนดั่งมังกรที่กำลังเลื้อยผ่านถนน

ถังซิ่วได้มาถึงที่นี่ในช่วงบ่ายพร้อมกับโทรไปหาชายแก่คนนั้นทันทีเพื่อที่จะสอบถามที่อยู่ของเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้รีบมาที่ย่านการค้าของเมืองนี้

“นิกายฮวงหยวน”

ชื่อร้านช้าที่แปลกประหลาดพร้อมการตกแต่งที่ดูมืดมน

ถังซิ่วที่กำลังแบกกระเป๋าอยู่ก็ได้เดินผ่านเข้าไปนั้นก็ได้มีความรู้สึกแปลกๆทันที ทุกอย่างในร้านนั้นแทบจะเป็นสีดำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด

ในขณะนี้นอกจากแขกที่อยู่ในร้านทั้งสองแล้วก็ไม่ได้มีแม้แต่พนักงานอยู่เลย ถังซิ่วนั้นประหลาดใจเป็นอย่างมากว่าทำไมเจ้าของร้านนี้ถึงได้ไม่กลัวว่าใครจะขโมยของไปหรือไงกัน ? อย่างไรก็ตามการที่เขาจะหาผู้ค้าหินของเขานั้นถังซิ่วจึงได้แผ่จิตสัมผัสออกไปรอบๆจนไปถึงที่ชั้นสองและพบว่ามีคนอยู่ทั้งหมดสามนอกจากชายที่มีผมหงอกและใส่แว่นตานั้นก็ยังมีชายและหญิงวัยกลางคน พวกเขากำลังมองไปที่โลงศพที่ถูกแกะสลักธรรมดาๆโลงเล็กๆที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

“นั่นคือ.....”

เมื่อเห็นมันถังซิ่วก็ได้ใช้จิตสัมผัสของเขาทันทีและผมว่าจะพบกับหินปีศาจบนโลกนี้

หินปีศาจนั้นเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้ที่บ่มเพาะวิชาของปีศาจอย่างแท้จริง ภายในนั้นถูกอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งปีศาจซึ่งสามารถดูดกลืนและเพิ่มระดับบ่มเพาะและความแข็งแกร่งได้ มันก็เหมือนกับหินนิรันด์ในหินแดนแห่งนิรันด์ที่ถูกอันแน่นไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุดซึ้งมีประโยชน์เหมือนๆกัน

“ต้องเป็นของฉัน !”

แววตาของถังซิ่วนั้นได้ระเบิดประกายแห่งแสงออกมา

หากว่าเป็นหินนิรันด์นั้นจะไม่ช่วยอะไรถังซิ่วแม้แต่น้อยแต่หากว่าเป็นหินปีศาจนั้นต่างกันลิบลับเพราะว่าเขาบ่มเพาะวิชาศิลปะเชื่อมต่อแห่งสวรรค์ซึ่งมีรากฐานมาจากเผ่าปีศาจเช่นกัน หากว่าเขาได้ดูดกลืนพลังงานนั้นไปก็จะช่วยเขาได้อย่างมหาศาล

ถังซิ่วนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมากก่อนที่จะรีบเดินขึ้นไปยังชั้นสองพร้อมกับเคาะประตูโดยทันที

“คุณคือ ?”

ประตูได้ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับชายหัวหงอกที่กำลังสังเกตถังซิ่วด้วยประกายตาแห่งความสงสัย

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ถังซิ่วจากเมืองสตาร์ซิตี้”

ชายหัวหงอกนั้นก็รู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วจะเด็กถึงขนาดนี้ เขาพูดออกมาว่า

“ขอโทษที ฉันมันขี้ลืมไปหน่อย เธอเป็นคนที่โทรมาก่อนหน้านี้นี่เอง ถ้างั้นเธอรอสักครู่..ฉันยังต้องตอนรับแขกบางคนพวกเขาเอาของโบราณมาให้ฉันดู”

ถังซิ่วเองก็แกล้งทำเป็นประหลาดใจแล้วพูดว่า

“โบราณงั้นหรอ ? ผมขอดูด้วยได้ไหม ?”

ชายคนนั้นต้องการปฏิเสธเป็นอย่างมากแต่เมื่อคิดว่าถังซิ่วต้องการที่จะซื้อแร่ล้ำค่าของเขาแล้วนั้นก็ได้แต่พยักหน้าออกมาด้วยความยากลำบาก

เมื่อเข้าไปในห้อง

ชายหัวหงอกคนนั้นก็เหมือนว่าลืมการคงอยู่ของถังซิ่วไปแล้วพร้อมกับพูดคุยเกี่ยวกับโลงศพเล็กๆนี้

“เปิดไม่ได้งั้นหรอ ? พวกเธอบอกว่านี่ได้รับการสืบทอดมาใช่ไหม ? อย่าบอกนะว่าบรรพบุรุษของพวกเธอเองก็ไม่สามารถเปิดมันได้ ?”

ท้ายที่สุดชายผมหงอกก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

ชายวัยกลางคนเองก็ได้แสดงท่าทางที่จริงจังพร้อมกับส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“นี่เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสได้คิดว่ามันไม่เป็นมงคลจึงได้ทิ้งมันไว้ในวัดที่บ้านแต่ก่อนหน้านี้หมู่บ้านของเรานั้นได้ประสบเหตุเพลิงไหม้และทุกอย่างรวมไปถึงวัดของเราเองก็ถูกเผาจนหมด พวกเราคิดว่ามันคงไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่แล้วจนถึงช่วงที่เราไปทำความสะอาดซากปรักหักพังแล้วจึงพบว่าสิ่งนี้ยังอยู่ดี เราเองก็ต้องการที่จะเปิดมันแต่ไม่ว่าจะใช้ค้อนทุบหรือเผามันก็ไม่ได้มีผลกระทบแม้แต่น้อย มันแข็งยิ่งกว่าเพชรเสียอีกแต่ผมสามารถรับประกันได้ว่าสิ่งของที่อยู่ภายในต้องมีค่ามากกว่าเพชรอย่างแน่นอน”

ชายหัวหงอกเองก็ได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า

“ใช่ มันแข็งเป็นอย่างมากเพราะเมื่อกี้นี้ฉันก็ได้ใช้เครื่องเจาะเหล็กดูแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นคือนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบของแบบนี้ ฉันไม่สามารถบ่งบอกถึงวัสดุและช่วงอายุของมันได้เลย”

ชายและหญิงวัยกลางคนเองก็มองไปที่กันและกันด้วยท่าทางผิดหวัง

พวกเขาได้ไปที่ร้านแบบนี้มาหลายที่แล้วและให้ผู้เชี่ยวชาญของแต่ละที่ประเมินราคาแต่ก็พบว่าราคาที่ได้สูงสุดนั้นเพียงแค่5หมื่นเท่านั้น

ชายวัยกลางคนก็ได้ถามออกมาว่า

“ท่านผู้อาวุโส ท่านลองว่าราคามาได้ไหมหากว่าเราคิดว่ามันสมเหตุสมผลก็จะขายคุณแต่หากว่าไม่เราก็จะกลับทันที”

ชายหัวหงอกได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยกนิ้วขึ้นมาแล้วพูดว่า

“1แสนแล้วฉันจะจ่ายทันที”

เมื่อได้ยินราคานี้ก็ทำให้ชายและหญิงนั้นถึงกับแสดงความรู้สึกผิดหวังออกมาทันทีพร้อมกับหญิงคนนั้นที่ได้พูดออกมาว่า

“ขอมากกว่านี้ได้ไหม ? เรามีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆและ1แสนนั้นก็ไม่เพียงพออย่างแน่นอน !”

ชายหัวหงอกก็ได้เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า

“1.2แสน นี่เป็นราคาสูงสุดที่ฉันจะให้ได้เพราะการที่จะซื้อสิ่งนี้นั่นก็เท่ากับว่าฉันเองก็ได้แบกรับความเสี่ยงเช่นกัน ! หากว่ายอมรับราคานี้ได้ก็จะจ่ายทันทีแต่ถ้ารับไม่ได้ ทางออกอยู่ตรงนั้น ฉันไม่ไปส่ง”

ชายและหญิงวัยกลางคนก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ขอโทษด้วย 1.2แสนนั้นไม่เพียงพอ”

เมื่อพูดจบพวกเขาก็เริ่มที่จะห่อโลงศพนั้นกลับไปด้วยท่าทางเศร้าสร้อย

“โปรดรอก่อน !”

ถังซิ่วได้เอ่ยปากออกมาทันที

ชายหญิงวัยกลางคนและชายหัวหงอกเองก็จ้องมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ

ถังซิ่วได้มองไปที่ชายวันกลางคนก่อนที่จะถามออกมาว่า

“บอกผมหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวคุณงั้นหรอ ? ทำไมถึงได้รีบใช้เงินขนาดนั้น ?”

ชายวัยกลางคนเองก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ก่อนหน้านี้ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นจึงทำให้บ้านของพวกเราถูกเผา พ่อของฉันเองก็ถูกไฟคลอกและเราเองก็ได้ไปกู้เงินมาเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นค่ารักษาเหล่านั้น หากว่าของสิ่งนี้ราคาต่ำกว่า3แสนก็จะไม่พอสำหรับจ่ายหนี้นอกระบบได้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด