Returning From The Immortal World - 202
.......................................................................................................................................................................................
ซางดี่ขวินได้ถามออกมาหลังจากที่มองไปที่ใบหน้าหวาดผวาของซางเฟิงเซี่ยนว่า
“พ่อ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอค่ะ ?”
ซางเฟิงเซี่ยนได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยความยากลำบากก่อนที่เขาจะพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า
“เมื่อกี้คังเซี่ยนได้โทรมาหาฉันแล้วบอกว่าลุงของลูกได้ยักยอกเงินไปหลายร้อยล้านพร้อมกับหนีไปแล้ว หล่อนคิดว่าพ่อเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จึงได้แจ้งตำรวจไปแล้ว”
“อะไรน่ะ ?”
ซางดี่ขวินเองก็ตื่นตระหนก ขาทั้งสองของเธอไร้เรี่ยวแรงจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น
ท้องฟ้าทล่ม!
เธอเข้าใจดีว่าหากลุงของเธอทำเรื่องนี้ไปจริงๆตระกูลของเธอต้องถึงจุดจบแน่นอน หากว่าตระกูลหลงและตระกูลโอหยางรู้เรื่องเหล่านี้เข้าพวกเขาจะต้องไม่ให้อภัยตระกูลซางของเธอแน่ๆ
“มันไม่ถูกต้อง!”
แม้ว่าในใจของซางดี่ขวินเองยังรู้สึกกลัวอยู่บ้างแต่เธอก็ได้มองไปที่ซางเฟิงเซี่ยนพร้อมพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า
“คุณพ่อ เรื่องนี้ลุงสองต้องไม่ใช่คนทำอย่างแน่นอน นี่เป็นการวางกับดัก หนูคิดว่าตระกูลหลง ตระกูลโอหยางและคังเซี่ยนเองก็น่าจะเกี่ยวข้องกับแผนการครั้งนี้ หนูคิดว่าพวกเขาจะต้องเป็นคนโอนเงินนั่นส่วนลุงสองเองก็จะต้องถูกจับตัวไปอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่าทางของซางเฟิงเซี่ยนเองก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขากระโดดออกจากเก้าอี้พร้อมกับตะโกนออกมาอย่างดังว่า
“ไปติดต่อหลงฮานเหวินเดี๋ยวนี้ ฉันต้องพบเขา !!!”
“ครับผม !”
เลขาฯหนุ่มได้ปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมพูดว่า
“บอสครับ หลงฮานเหวินอยู่ที่ห้องอาหารหลง เขาบอกว่าเขากำลังต้อนรับแขกและหากว่าบอสต้องการพบเขาก็ต้องไปหาเขาด้วยตัวเอง”
มือของซางเฟิงเซี่ยนได้บีบแน่นเพราะเขาสามารถตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นเรื่องที่ตระกูลหลงและตระกูลโอหยางสร้างขึ้นอย่างแน่นอน
“ไปเตรียมรถ เราจะไปที่ห้องอาหารหลงทันที”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็มีความเกลียดชังต่อหลงฮานเหวินและโอหยางเหล่โดยทันที เขารีบตะโกนออกมาอย่างดัง
ซางดี่ขวินเองก็ได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“คุณพ่อ หนูจะไปกับพ่อด้วย”
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที
รถสามคันได้แล่นออกมาจากที่จอดรถชั้นใต้ดินของซางกรุ๊ปพร้อมมุ่งหน้าไปตามเส้นทางของห้องอาหารหลงโดยทันที
ที่ตึกสูงใกล้ๆกับซางกรุ๊ปได้มีชายร่างกายกำยำคนหนึ่งกำลังส่องกล้องส่องทางไกลอยู่และเมื่อเขาสามารถยืนยันป้ายทะเบียนรถแล้วก็ได้โทรไปยังหมายเลขหนึ่งทันที
“งูได้ออกมาจากรูแล้ว เตรียมการให้พร้อมสำหรับแผนการของเรา”
“รับทราบ !!”
หลังจากผ่านไปหลายนาที
กลางถนนได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นและมันกำลังขวางทางขบวนรถของซางเฟิงเซี่ยน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันโดยทันทีพร้อมกับพูดว่า
“ออกไปดูสิ บอกให้พวกมันหลบไป”
“ครับผม !”
ชายที่นั่งอยู่ข้างคนขับได้ก้าวออกจากรถทันที
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ได้มีรถตู้หกคันขับมาจากรอบทิศทางพร้อมกับเสียงเบรกที่ดังลั่น ชายร่างกายกำยำมากมายได้ลงมากจากรถพร้อมล้อมรถทั้งสามคันเอาไว้แล้วจับตัวทุกคนในนั้นทันที
นัยน์ตาของซางเฟิงเซี่ยนหดเล็กลงทันทีหลังจากที่โดนชายรูปร่างกำยำคว้าคอเสื้อของเขาไว้ เขาพยายามตะเกียกตะกายไปกับพื้นพร้อมตะโกนออกมาว่า
“แกเป็นใคร ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นนายใหญ่ของซางกรุ๊ป ซางเฟิงเซี่ยน แกรู้ไหมว่าแกจะต้องเจอกับอะไรหากล่วงเกินฉัน ? ปล่อยฉัน........ปล่อยสิวะ”
“ผั๊ว...........”
กำปั้นได้อัดเข้าไปที่หน้าของเขาอย่างรุนแรงและทำให้เขาสลบโดยทันที ซางดี่ขวินเองก็ถูกทำให้สลบพร้อมกับอุ้มขึ้นไปไว้บนรถเช่นกัน
ในขณะนี้ สถานที่ต่างๆอีก8แห่งเองก็กำลังเกิดเหตุการณ์คล้ายๆกัน
ความรวดเร็วและสถานที่ที่ไม่พลุกพล่านทำให้พวกเขาไม่ถูกพบเห็นโดยผู้คนทั่วไป
โครงการเมืองประตูทิศใต้
ถังซิ่วได้เก็บโทรศัพท์ลงขณะที่ประกายตาแห่งความดุร้ายได้แผดพุ่งออกมา คนระดับสูงของซางกรุ๊ปทั้ง12คนถูกจับเอาไว้ทั้งหมดพร้อมกับพนักงานธรรมดาอีก9คน พวกเขาทั้งหมดถูกส่งไปที่สถานที่ลับที่หลงฮานเหวินได้จัดเตรียมเอาไว้
เขาคงจะสั่งให้ฆ่าโดยทันทีหากว่าเป็นตัวของถังซิ่วในช่วงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามตระกูลซางนั้นมีหน้ามีตาในสังคมเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นที่จับตามองของทุกคนและมันจะเป็นปัญหาอย่างมากหากว่าพาดหัวข่าวของเช้าวันพรุ่งนี้จะเป็นเรื่องที่พบศพตระกูลซางมากมายอยู่ข้างถนน
ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องนี้เองก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด
ถังซิ่วได้ออกมาจากวิลล่าของเขาก่อนที่จะตรงไปยังสำนักงานบริหารพร้อมพูดกับหลงเสวี่ยเหยาว่า
“ช่วยพาฉันไปส่งที่กวนฮูวิลล่าหน่อย ! ฉันไม่มีรถใช้จึงลำบากมากเวลาจะออกไปไหนมาไหน”
หลงเสวี่ยเหยาได้ตอบกลับไปว่า
“รีบหรือเปล่า ? ฉันยังติดธุระอยู่นิดหน่อย รอสักครู่เดี๋ยวฉันจะมาคุยกับนายอีกครั้ง”
ถังซิ่วได้พยักหน้าตอบรับ
เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าของที่นี่จึงได้เดินไปที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับพนักงานที่ได้นำชามาเสิร์ฟ เขากำลังคิดว่าจะจัดการกับตระกูลซางยังไงดี
ผลคะแนนการสอบเข้าเองก็ใกล้จะออกมาแล้วด้วย
เขาเองไม่ได้เป็นห่วงเรื่องผลคะแนนแม้แต่น้อยทว่าสิ่งที่เขากังวลคือเรื่องที่ว่าเขาควรจะเข้าเรียนที่ไหนดี บลูซิตี้เองก็เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะที่นั่นเองก็เป็นเมืองใหญ่และถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแต่ถังซิ่วเองก็คิดว่าเซี่ยงไฮ้เองก็โอเคเหมือนกันเพราะถึงอย่างไรก็ตามที่นั่นก็เป็นที่เจริญแล้วและเขาเองก็สามารถเดินทางไปที่ต่างๆได้อย่างง่ายดาย
ตั้งแต่ที่เขาซื้อเกาะมาก็ไม่เคยได้ไปที่นั่นเลยสักครั้ง ตอนนี้เขากำลังคิดว่าหลังจากที่ไปจัดการเรื่องมหาลัยแล้วจะหาเวลาไปที่นั่น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเงินที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงก็ตามแต่ก็ต้องไปวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า
“ริ้งงงงง ริ้งงงง ริ้งงงงงง....”
เสียงเรียกเข้าได้ดังขึ้น
ถังซิ่วได้ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นมู่ชิงปิง เขารีบกดปุ่มตอบรับทันทีพร้อมกับพูดว่า
“พี่สาวมู่ มีอะไรงั้นหรอ ?”
“แม่ของเธอมาที่นี่ !”
“เข้าใจแล้ว ผมจะรีบกลับไปทันที”
เมื่อพูดจบถังซิ่วก็ได้มองไปที่หลงเสวี่ยเหยาที่กำลังวุ่นอยู่กับงาน เขาเดินออกไปทางวิลล่าของเขาโดยที่ไม่บอกเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อกลับไปถึงเขาก็เห็นว่ามู่ชิงปิงและแม่ของเขากำลังนั่งสนทนากันอยู่
“คุณแม่ !”
ถังซิ่วได้รีบเดินไปทักทายเธอทันที
ตาของเธอเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นถังซิ่ว เธอพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ซิ่วน้อย พรุ่งนี้เป็นวันยื่นผลคะแนน ? แม่มาที่นี่ก็เพื่อจะถามลูกว่าอยากจะเข้าเรียนที่ไหนกัน ?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
“ผมยังไม่ได้คิดเลยครับ”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นก็ทำให้ซูหลิงหยุนพูดออกมาโดยทันทีว่า
“มันจะดีหรอลูก ? พรุ่งนี้เขาก็สมัครกันแล้วนะ หากว่ายังไม่ได้คิดก็คิดซะเดี๋ยวนี้เลย ลูกคิดว่าคะแนนของลูกน่าจะเข้าที่มหาวิทยาลัยไหนได้บ้าง ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ผมกล้ารับประกันเลยว่าคะแนนของผมสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ไหนในประเทศก็ได้ ตอนนี้ผมมีอยู่สองตัวเลือก ข้อแรกคือบลูซิตี้เพราะว่ามันอยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองนี้นักและหากว่าแม่ไม่ต้องการปิดร้านผมเองก็สามารถมาเยี่ยมแม่ได้ทุกเมื่อ อีกข้อหนึ่งคือเซี่ยงไฮ้เพราะที่นั่นอาจเรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจ ผมคิดว่าการที่จะเรียนที่นั่นจะสามารถสร้างเส้นสายได้ในอนาคต”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ถามออกมาว่า
“ลูก.........ลูกไม่สนใจมหาวิทยาลัยของเมืองหลวง ?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับไปว่า
“ผมเคยลองคิดดูแล้วแต่ผมไม่อยากไปที่นั่น !”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทำให้ซูหลิงหยุนรู้สึกผ่อนคลายโดยทันที เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่เป็นไรหรอก แม้ว่าที่นั่นจะเป็นเมืองหลวงของประเทศเราก็ตามแต่มันจะต้องทำลายความสงบของครอบครัวเราแน่นอน แรงกดดันก็มาก แม่คิดว่าลูกไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ก็ดีเหมือนกัน”
คิ้วของถังซิ่วขมวดเข้าหากันทันที
ทำลายความสงบ ?
แรงกดดัน ?
ก็จริงว่าสถานการณ์ของที่เมืองหลวงเองจะเป็นเช่นนั้นแต่ทำไมแม่ของเขาถึงได้ไม่อยากให้เขาไปที่เมืองหลวงกัน ? เขาสามารถฟังออกได้จากคำพูดของเธอเพราะทุกๆครั้งเธอมักจะดูกระวนกระวายเมื่อเธอพูดว่าเมืองหลวง อย่าบอกนะว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ที่นั่น ?
ถังซิ่วได้ถามออกมาตรงๆว่า
“คุณแม่ หากว่าผมจะไปเรียนที่เมืองหลวงล่ะ แม่มีความเห็นอย่างไร ?”
“นี่.....”
ซูหลิงหยุนลังเลที่จะพูด
ตาทั้งสองข้างของถังซิ่วได้หรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาเป็นท่าทางปกติพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ผมล้อเล่น ! แม้ว่าแม่จะบังคับให้ผมไปที่นั่นผมก็จะไม่ไปโดยเด็ดขาด เอาอย่างงี้ไหม ? หากว่าแม่เต็มใจที่จะปิดร้านอาหารผมก็จะไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้แต่หากว่าไม่ผมก็จะไปเข้าเรียนที่บลูซิตี้”
ซูหลงหยุนได้รีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ซิ่วน้อย แม่รู้สึกเสียดายเพราะธุรกิจของเรากำลังเป็นไปได้ด้วยดี ลูกไปสมัครเรียนที่เซี่ยงไฮ้และไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงแม่! ยังไงที่นั่นก็เป็นถึงโรงเรียนชั้นหนึ่ง ลูกต้องตั้งใจเรียนจะได้เก่งขึ้นในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นคือการขนส่งสมัยนี้ก็ก้าวหน้าแล้ว ลูกสามารถกลับมาที่นี่ได้ในวันหยุดหรือหากว่าแม่คิดถึงก็สามารถไปเยี่ยมลูกได้ทุกเมื่อ”
ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้าตามพร้อมพูดว่า
“โอเค ผมจะทำตามที่แม่แนะนำ ! อย่างไรก็ตามผมจะซื้อบ้านใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยและแม่ก็สามารถไปที่นั่นได้ตลอดเวลา อ่อ ยิ่งไปกว่านั้นคือหากว่าผมย้ายไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้แล้วแม่จะต้องย้ายมาอยู่ที่วิลล่านี้เพราะที่นี่ไม่ควรจะถูกทิ้งร้าง !”
ซูหลิงหยุนได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“หากว่าลูกสามารถเข้าเรียนที่นั่นได้แม่ก็จะย้ายมาอยู่ทีนี่อย่างแน่นอน”
“แม่พูดแล้วนะ แม่ห้ามคืนคำเด็ดขาด”
ถังซิ่วได้คำตอบในหัวใจของเขาแล้วพร้อมพูดออกมาด้วยความสุข