ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 200
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 202

Returning From The Immortal World - 201


.......................................................................................................................................................................................

บ่ายวันรุ่งขึ้นถังซิ่วก็ได้ออกไปจากวิลล่าแบบเงียบๆก่อนที่จะไปยังร้านกาแฟแถวๆนั้นแล้วตกลงเรื่องข้อเสนอกับตัวแทนของตระกูลชูและตระกูลไป่ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วพวกเขาก็กลับไปที่เมืองหลวง

ตกลง ! ทั้งสองคนตกลง

คนที่ดีใจที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่ถังซิ่วแต่เป็นชูยี่และไป่เถาที่รีบกลับไปที่เมืองหลวง ถังซิ่วรู้มาว่าพวกเขาเป็นตัวเก็งของผู้นำตระกูลคนต่อไป ครั้งนี้ที่พวกเขากลับมานั้นก็ได้เอาเงินมาด้วย8พันล้านหยวน

ในช่วงกลางดึกได้มีรถเข้ามาที่วิลล่าอย่างเร่งรีบ

ถังซิ่วที่อยู่ในวิลล่าได้เห็นว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นเซ่าหมิงเจิ้ง

“ได้ยินมาว่าเมื่อวานซืนนายเพิ่งกลับไปที่เจียงซูทางเหนือแล้วนายกลับมาที่นี่ทำไมงั้นหรอ ?”

ริมฝีปากของเซ่าหมิงเจิ้งยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนที่จะพูดว่า

“เพื่อนถัง ที่ฉันรีบกลับมาที่นี่ก็เพราะฉันมีข่าวดีจะมาบอกนาย”

ถังซิ่วได้ถามด้วยความสับสนว่า

“ข่าวดีอะไรงั้นหรอ ?”

เซ่าหมิงเจิ้งได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกดปุ่มเล่นวีดีโอ

“นี่เป็นวีดีโอที่ฉันถ่ายมาเอง นายดูมันเดี๋ยวก็รู้เอง”

ถังซิ่วได้รับโทรศัพท์มาจากเขาและสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือมันแสดงถึงภาพของชายและหญิงที่ถูกมัดเอาไว้ ชายคนนั้นเป็นซางหยงจินแน่นอน เขาได้แจ้งให้ขั้วอำนาจทั้งหมดควานหาตัวมันมาแต่ก็ไม่มีเบาะแสแม้แต่น้อยทว่าอยู่ดีๆเซ่าหมิงเจิ้งกลับไปเจอซางหยงจินได้อย่างไรกัน

“เจอมันแล้วงั้นหรอ ? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ?”

เซ่าหมิงเจิ้งได้รับโทรศัพท์กลับมาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยท่าทางร่าเริงว่า

“ก่อนหน้านี้สี่วัน ลูกน้องของฉันได้ใช้กลอุบายในการชนะพนันมามากมาย ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าซันฮงและเป็นนักพนันที่มีชื่อเสียงในเป็งซิตี้ เธอได้ตกหลุมพรางในการพนันครั้งนั้นและเสียเงินไป2ล้านแต่เมื่อร่วมทั้งของเธอและซางหยงจินก็เกิน10ล้านไปแล้ว หลักจากนั้นเธอก็ได้ยืมเงินจากโต๊ะพนันมา6ล้านแต่ก็แพ้อยู่ดีดังนั้นลูกน้องของฉันจึงมัดพวกเขาไว้”

“ตามกฎของการพนันนั้นหากว่าไม่มีเงินจ่ายก็จะต้องติดต่อหาครอบครัวของพวกเขาเพื่อเรียกเงินแต่ลูกน้องของฉันคิดว่าเธอดูดีจึงได้ตกลงแลกเปลี่ยนให้เธอนอนกับเขาครึ่งเดือนและเธอก็ตอบตกลง อย่างไรก็ตามซางหยงจินไม่ได้โชคดีขนาดนั้นเพราะหลังจากนั้นเขาก็โดนอัดแล้วก็ถูกทิ้งไว้ให้หิวโซถึงสองวัน”

“ฉันได้กลับไปก่อนหน้านี้แล้วก็ได้มีโอกาสไปที่บ่อนการพนันกับเพื่อนเก่าของฉันและบังเอิญไปได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนแรกฉันเองก็คิดว่าชื่อมันคุ้นๆและไม่ได้สนใจเกี่ยวกับมันแต่พอได้ยินว่ามันเป็นซางหยงจินที่เป็นลูกหลานตระกูลที่มีอำนาจจากสตาร์ซิตี้ฉันก็ตื่นตัวทันที”

เซ่าหมิงเจิ้งที่ท่าทางร่าเริงได้หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“เราได้ตามหาตัวมันในเมืองนี้มาตั้งนานแต่ไม่คิดเลยว่ามันจะไปหลบอยู่ในถิ่นของฉัน เพื่อนถัง ในเมื่อเราพบมันแล้วจะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่นายเลย”

“ฆ่ามันซะ !”

ถังซิ่วได้ตอบกลับอย่างไม่ลังเล

เซ่าหมิงเจิ้งได้พยักหน้าก่อนที่จะถามออกมาว่า

“แล้วผู้หญิงที่ชื่อซันฮงนั่นล่ะ ?”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“นายได้สืบสวนเรื่องราวของเธอหรือยัง ? เธอเกี่ยวข้องกับซางหยงจินอย่างไร ?”

เซ่าหมิงเจิ้งได้ตอบกลับไปว่า

“สืบสวนมาเรียบร้อย เธอเป็นแม่ม่ายที่เป็นเพื่อนเก่าของซางดี่ขวิน เธอเองก็เป็นคนที่ดีใช้ได้และการที่ซางหยงจินไปที่เจียงซูทางเหนือนั้นก็เพื่อหาที่หลบภัย !”

หาที่หลบภัย ?

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยความสับสน

เซ่าหมิงเจิ้งตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“พวกมันกลัวนายอย่างไรล่ะ ! หลังจากที่นายฆ่ามือสังหารพวกนั้นก็ทำให้ซางดี่ขวินหวาดกลัวเป็นอย่างมากดังนั้นเธอจึงได้ส่งเขาไปอยู่กับเพื่อนของเธอที่เจียงซูทางเหนือ ซันฮงเองก็เลยได้ให้ที่หลบภัยแก่เขา”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าเธอด้วยเลย ฉันไม่ต้องการให้เรื่องนี้หลุดรอดออกไป”

เซ่าหมิงเจิ้งได้พยักหน้าก่อนที่จะโทรไปสั่งการพร้อมกับพูดต่อว่า

“ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ขับรถมาที่นี่ฉันเองก็ได้ติดต่อกับเพื่อนเหมี่ยวแล้ว เขาบอกว่าแผนการที่นี่เองก็กำลังจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“ตระกูลซางได้ติดกับของเราและไม่สามารถถอนตัวได้แล้ว หลงฮานเหวินและเหมี่ยวเหวินถังเองก็กำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ด้วยส่วนเรื่องการเงินนั้นฉันไม่เข้าใจนัก ฉันมีหน้าที่รับผิดชอบในการลักพาตัวคนระดับสูงของตระกูลพวกเขาเท่านั้น”

เซ่าหมิงเจิ้งได้หรี่ตาลงก่อนจะพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า

“คนของเราได้เฝ้าพวกเขาอยู่ตลอดเวลา เราสามารถลงมือได้ทุกเมื่อ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“โรงงานมากมายของตระกูลซางเองจะถูกแบ่งกันหลังจากที่แผนการนี้เสร็จสิ้น นายและตระกูลโอหยางก็ทำด้านนี้ นายตัดสินใจกันได้หรือยังว่าใครจะเป็นคนเอามันไป”

เซ่าหมิงเจิ้งได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ฉันไม่ต้องการธุรกิจที่นี่ ให้ตระกูลโอหยางไปแล้วกัน”

หลังจากผ่านไปสองวัน

คังเซี่ยนให้สั่งการให้เริ่มแผนการล้มล้างตระกูลซางโดยทันที พวกเขาเริ่มสร้างปัญหาให้กับอสังหาริมทรัพย์อย่างมากมาย นอกโรงงานแต่ละที่ของตระกูลซางเองก็ได้มีคนไปสร้างปัญหามากมายยิ่งไปกว่านั้นคือคนงานเองก็พากันลาออกพร้อมๆกันเป็นจำนวนมาก

ที่แรงที่สุดคือเรื่องอื้อฉาวที่ผู้คนระดับสูงของตระกูลซางเคยทำไว้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปแม้กระทั่งกรมตำรวจเองก็เริ่มสืบสวนเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน ในอินเตอร์เน็ตเองก็ถูกโหมกระหน่ำด้วยการโจมตีทางข่าวสารมากมาย เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว

สาขาหลักของซางกรุ๊ป

ซางเฟิงเซี่ยนได้นั่งเครียดอยู่ในห้องพร้อมเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมาตามหน้าผากของเขา เขามองไปที่เหล่าคนระดับสูงของบริษัทพร้อมตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“ใครบอกฉันได้บ้างว่ามันกำลังเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน ? ใครกันที่กล้าหาเรื่องบริษัทของฉัน ! ?”

พนักงานระดับสูงเองก็ได้แต่ก้มหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมา

พวกเขาไม่รู้ !

สำนักงานสาขาของซางกรุ๊ปเองก็หยุดทำการพร้อมกับมีผู้คนมากมายมายืนประท้วง คู่ค้าบางรายก็เริ่มโทรมายกเลิกสัญญากับพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการรับมือไว้เลย

“ก๊อก ก๊อก...”

ครั้งนี้ประตูของสำนักงานได้ถูกเคาะพร้อมกับซางดี่ขวินที่กำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทางซีดเผือดขณะที่เธอมองไปที่ซางเฟิงเซี่ยนที่กำลังโกรธ

“พ่อ เมื่อกี้หนูเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากธนาคารว่าให้พวกเรารีบคืนเงินให้เร็วเพราะมันจะถึงเวลาที่กำหนดแล้ว หนูจำได้ว่าก่อนหน้านี้เองเขาได้บอกว่าไม่จำเป็นต้องคืนตรงเวลาเปะๆก็ได้ไม่ใช่หรอ แต่ตอนนี้........”

ซางเฟิงเซี่ยนได้หายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับปรากฏสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ เขาและประธานหลุ่ยของธนาคารนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จำนวนหนี้สินนั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่ามูลค่าของบริษัทเขาเลย

ทำไมเขาถึงได้.......

ซางเฟิงเซี่ยนได้รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนที่จะโทรไปหาเขา หลังจากผ่านไปนานก็ได้มีการตอบรับพร้อมเสียงโทนต่ำที่ถูกส่งผ่านมาว่า

“สวัสดี ผมหลุ่ยฉานเจียง”

เมื่อได้ยินเสียงตอบรับก็ทำให้ซางเฟิงเซี่ยนรู้สึกโล่งใจในทันที เขาพยายามควบคุมอารมณ์พร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เพื่อหลุ่ย เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ? เมื่อกี้ฉันเพิ่งได้ยินเรื่องมาจากลูกสาวว่าให้เรารีบคืนเงิน ? ก่อนหน้านี้เราเองก็ได้คุยกันแล้ว ! รออีกสักครึ่งปีแล้วฉันจะรีบเอาไปคืนโดยทันที”

“เพื่อนซาง ให้พูดตรงๆนี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบนและฉันเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ดังนั้นฉันหวังว่าตระกูลของนายจะรีบคืนเงินทั้งหมดของเรามา ! ไม่อย่างนั้นฉันเองก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน”

เสียงที่ฝืนยิ้มก็ได้ถูกส่งออกมาจากปลายสาย

ซางเฟิงเซี่ยนเองก็ได้พูดต่อว่า

“เพื่อนหลุ่ย ฉันคิดว่านายก็น่าจะได้ยินว่าฉันเพิ่งจะลงเงินก้อนใหญ่ไปกับโครงการเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้ฉันเองก็ไม่มีเงินในมือมากนัก นายช่วยลองหาวิธีให้ฉันหน่อยได้ไหม ตราบใดที่โครงการเป็นไปตามที่วางไว้แล้วจะรีบเอาเงินไปคืนทันที ยิ่งไปกว่านั้นคือข้อตกลงระหว่างเรานั้นฉันจะเพิ่มให้เป็นสองเท่า !”

“เพื่อนซาง มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยแต่ฉันหมดปัญญาแล้วจริงๆ เอาล่ะ ฉันเองก็ยังมีอย่างอื่นต้องทำและหวังว่านายจะคืนเงินให้กับเราภายในสิ้นเดือนนี้”

หลังจากที่ได้วางสายไปนั้นก็ได้ปรากฏความกลัวขึ้นบนใบหน้าของซางเฟิงเซี่ยน

เขารู้ได้ว่าตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นที่ธนาคารอย่างแน่นอนเพราะขนาดเขาให้ผลประโยชน์ไปขนาดนั้นแล้วก็ยังโดนปฏิเสธอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้กลัวมากนักเพราะเขาเองก็ยังมีเงินอยู่กว่า5พันล้านแล้วจากข้อตกลงของเขาและตระกูลฮูและตระกูลเสวี่ยอีก4พันล้าน

ตอนนี้เขาแค่ต้องการที่จะรู้ว่าใครกันที่กล้าลงมือกับตระกูลของเขา

ตระกูลหลง ?

คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ตอนที่เขากำลังจะโทรหาหลงฮานเหวินนั้นเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น

“คังเซี่ยน ?”

หัวใจของเขากระสับกระส่ายทันทีพร้อมกับกดปุ่มรับสายแล้วพูดออกไปว่า

“ฉัน ซางเฟิงเซี่ยน หัวหน้าคังมีเรื่องอะไรงั้นหรอ ?”

เสียงของคังเซี่ยนก็ได้ตอบกลับมาว่า

“บอส ผู้รับผิดชอบของโครงการเราคือน้องสองของคุณ ซางเฟิงหมิงใช่ไหม ?”

เขารู้สึกว่าเริ่มมีลางสังหรณ์ใจไม่ดีเกิดขึ้นพร้อมตอบกลับไปว่า

“ใช่แล้ว เขาเป็นน้องของฉันเอง ทำไมหัวหน้าคังถึงได้ถามเรื่องนี้งั้นหรอ ?”

คังเซี่ยนตอบกลับอย่างเย็นชาว่า

“เมื่อวานนี้เขาได้ยักยอกเงินทุนของโครงการเราแล้วโอนไปที่ธนาคารสวิตเซอร์แลนด์และพวกเขาทั้งห้าคนก็ได้หายตัวไปโดยไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย ฉันคิดว่าพวกเขาหนีไปดังนั้นจึงได้แจ้งตำรวจแล้ว ฉันอยากจะรู้ว่าเงินหลายร้อยล้านนั่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลของคุณหรือเปล่า ?”

“อะไรน่ะ ?”

ร่างกายของซางเฟิงเซี่ยนเริ่มสั่นสะท้านพร้อมกับหัวใจที่ตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม

หวาดผวา! คลื่นแห่งความกลัวกำลังโหมกระหน่ำอยู่ในใจของเขา

ซางเฟิงหมิง ?

เขากล้าทำงั้นหรอ ?

เขาได้ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ก่อนที่จะพยายามโทรติดต่อหาซางเฟิงหมิงและพบว่าเขาได้ปิดเครื่องไปแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด