ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 192
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 194

Returning From The Immortal World - 193


.......................................................................................................................................................................................

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า

“รู้จักและถือได้ว่าเป็นเพื่อนกัน พอดีว่าพวกผมได้ผ่านหลายๆเรื่องมาด้วยกันและเมื่อวานนี้ผมเองก็ได้ติดต่อไปหาเขาเรียบร้อยแล้ว”

หลงฮานเหวินพูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า

“ฉันมีเพื่อนอยู่ที่จังหวัดชิงไฮ่เหมือนกันและธุรกิจที่เขาทำก็ใหญ่โตเป็นอย่างมากแต่ไม่สามารถเทียบได้กับเหมี่ยวกรุ๊ปแม้แต่น้อย แม้ว่าตัวของเหมี่ยวเหวินถังจะไม่ทำตัวเตะตานักแต่สถานะของเขาเป็นที่รู้กันดีในจังหวัดนั้น”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ผมไม่เคยได้ยินเรื่องของชื่อเสียงเขาเลย”

หลงฮานเหวินได้พูดขณะที่หัวเราะว่า

“ถังซิ่ว ก่อนหน้านี้ฉันเองก็คิดว่าเธอจะชวนคนที่ไม่มีน้ำยามาแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเขา จริงๆแค่ฉัน เฉินซีซ่งและเหมี่ยวเหวินถังก็เพียงพอที่จะเหยียบตระกูลซางให้จมดินได้แล้วส่วนคนที่ชื่อ......เซ่าหมิงจิ้งนั้นฉันยังไม่เคยได้ยินชื่อนี้ เขาเป็นคนที่ไหน ?แล้วเขาทำธุรกิจอะไร ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“เป็นคนจากเจียงซูทางเหนือและบริหารบริษัทร่วมทุนส่วนเรื่องสถานะอื่นๆของเขานั้นผมไม่รู้ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นเพื่อนกับเหมี่ยวเหวินถังมานานหลายปีและอาจจะเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องที่ตายแทนกันได้เลยล่ะ”

หลงฮานเหวินเองก็ถอนหายใจออกมาพร้อมพูดว่า

“สามารถเป็นพี่น้องกับเหมี่ยวเหวินถังได้ก็คงจะไม่ใช่คนธรรมดาๆอย่างแน่นอน พวกเขาจะมาถึงที่นี่ตอนไหนงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้พูดว่า

“ผมได้ตกลงกับพวกเขาไว้แล้วว่าจะไปพบพวกเขาที่ห้องอาหารหลงในช่วงบ่ายของวันนี้ เราจะไปที่นั่นด้วยกัน”

คิ้วของหลงฮานเหวินขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ถ้าให้ดีเราไม่ควรจะไปนัดเจอกันที่ห้องอาหารหลง อย่าลืมสิว่าที่นั่นเป็นโรงแรมที่มีระดับที่สุดในเมืองแห่งนี้ มันเป็นที่จับตามองของทุกคนและหากว่ามีขุมอำนาจมากมายมารวมตัวกันที่นั่น ข่าวนี้จะต้องไม่พ้นหูของคนตระกูลซางอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า

“งั้นเราจะไปเจอกันที่ไหน ?”

หลงฮานเหวินได้พูดขึ้นว่า

“หากว่าต้องการความปลอดภัยสูงสุดก็ควรจะเป็นที่วิลล่ากวนฮู ! ที่นั่นเป็นของเพื่อนฉันและถือได้ว่าเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกัน ฉันเองก็เป็นหุ้นส่วนของที่นั่นเช่นกันและยิ่งไปกว่านั้นคือแขกที่เข้าพักก็มีไม่เยอะพร้อมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยชั้นเยี่ยม”

ถังซิ่วพยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“งั้นฉันจะแจ้งพวกเขาเอง”

หลงฮานเหวินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“แล้วเรื่องการยืนยันของตระกูลโอหยางเป็นอย่างไร ? เราจะได้คำตอบที่แน่ชัดตอนไหน ?”

ถังซิ่วได้มองไปที่มู่ขวินปิงที่อยู่ในห้องครัวพร้อมถามออกมาว่า

“พี่สาวมู่ ลูลู่ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

มู่ขวินปิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“เธอออกไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้วและเธอบอกว่าจะต้องรีบกลับไปยังเกาะจิงเหมิน เธอไม่ได้บอกลาด้วยซ้ำ”

ถังซิ่วพยักหน้าพร้อมกับควักโทรศัพท์ของเขาออกมาทันทีพร้อมกับโทรมาหาเธอ ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ได้มีการตอบรับพร้อมกับเสียงของโอหยางลูลู่

“สองชั่วโมง ฉันและพี่ชายจะรีบไปที่นั่นโดยทันที นายมีอะไรจะพูดก็ค่อยพูดตอนนั้น”

“ดี”

ถังซิ่วได้วางสายพร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วพูดว่า

“เธอจะมาพร้อมกับพี่ชายของเธอในสองชั่วโมงนี้”

รอยยิ้มที่มุมปากของหลงฮานเหวินได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“โอหยางเหล่นั้นเป็นผู้สืบทอดของตระกูลโอหยางและเป็นถึงดาวรุ่งในวงการธุรกิจ ธุรกิจของตระกูลของเขานั้นเฟื่องฟูขึ้นตั้งแต่ที่เขาเริ่มรับช่วงต่อ ในเมื่อเขามาที่นี่ด้วยตัวเองก็แสดงว่าตระกูลโอหยางได้ลงเรือลำเดียวกับพวกเราแล้ว”

หลงเจิ้งหยูได้ขัดขึ้นมาว่า

“ขุมพลังถึง5กลุ่มได้ร่วมมือกัน ตระกูลซางถึงคราวชิบหายแล้ว ต่อให้ตระกูลฮูและตระกูลเสวี่ยเข้าช่วยก็ไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วส่ายศีรษะพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า

“ผิดแล้ว หกขุมพลังต่างหาก”

หลงเจิ้งหยูได้ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า

“ยังมีใครอีกงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วได้ชี้ไปที่ตัวเองพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“อย่าบอกนะว่านายเห็นบริษัทฉันเป็นหัวปลี ? แม้ว่าเราจะไม่มีเงินทุนมากนักแต่ก็เป็นหัวใจหลักของการร่วมมือครั้งนี้และเรื่องบางเรื่องเองก็ต้องใช้คนของฉันจัดการ”

หลงเจิ้งหยูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า

“เพื่อนถัง ฉันผิดเองล่ะ ฉันได้ยินมาว่านายมีผู้ติดตามที่แข็งแกร่งมากถึงขณะที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของเรายังไม่สามารถเทียบได้เลยนิ”

ถังซิ่วได้พูดขึ้นว่า

“หลงเสวี่ยเหยาบอกนายงั้นหรอ ? ใช่แล้ว ฉันมีผู้ติดตามอยู่กลุ่มนึงและพวกเขาจะเป็นคนจัดการหลายๆเรื่องในครั้งนี้”

หลงเจิ้งหยูได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“เพื่อนถัง พวกเขาเป็นใครงั้นหรอ ? ทำไมถึงได้เป็นลูกน้องของนายกัน ?”

ถังซิ่วได้แต่ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามของเขาเพราะไม่ต้องการให้พวกเขารู้เรื่องที่เขามีความสัมพันธ์อย่างไรกับห้องอาหารร้อยงานฉลอง จริงๆแล้วแผนการนี้เขาเองก็สามารถใช้พลังจากที่นั่นได้เหมือนกันแต่ว่าเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของกู่หยานเอ๋อจึงไม่สามารถสร้างปัญหาให้แก่ที่นั่นได้

ทันใดนั้นเองหลงฮานเหวินก็พูดขึ้นว่า

“ถังซิ่ว เธอไม่คิดว่าจะเอาหยวนเจิ้งซวนมาเข้าร่วมด้วยงั้นหรอ ? ได้ยินมาว่าเธอเองก็มีความสัมพันธ์เขาเขาเช่นกัน”

ถังซิ่วเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาขณะที่ส่ายศีรษะว่า

“ผมมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกของเขาและตัวเขาก็จริงแต่ธุรกิจของเขานั้นค่อนข้างจะพิเศษและผมเองก็ไม่ต้องการที่จะดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง”

หลงฮานเหวินได้พยักหน้าแล้วพูดว่า

“ก็จริงนั่นแหละที่มันไม่ค่อยจะเหมาะสมเพราะเขาทำเกี่ยวกับธุรกิจทางการทหารและอาวุธแต่อย่างไรก็ตามการที่ให้เขาปล่อยปล่อยข่าวนิดหน่อยก็จะช่วยเราได้มากแล้ว”

ถังซิ่วได้ถามกลับไปว่า

“อย่างบอกนะว่าคุณคิดว่ามีคนร่วมมือกันมากขนาดนี้แล้วตระกูลซางจะยังแบกรับมันได้ ?”

หลงฮานเหวินจ้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายศีรษะของเขาและไม่ได้พูดอะไรอีก

จริงๆแล้วเขาเองก็ต้องการที่จะทำลายตระกูลซางเช่นกันเพราะตราบใดที่ไม่มีตระกูลซางตระกูลของเขาก็จะสามารถครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเมืองนี้ทั้งหมด เขาเข้าใจความคิดของถังซิ่วดีและไม่สนใจมันเพราะตราบใดที่สามารถทำลายตระกูลซางได้ต่อให้ต้องร่วมมือกันเขาก็ยอมตกลง

อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องรู้สึกช๊อคเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กมัธยมที่เพิ่งจะสอบเสร็จไปนี้จะมีเส้นสายมากมายขนาดนี้ มันเป็นอะไรที่เขาไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอนไม่อย่างงั้นเขาเองก็คงจะจัดการกับตระกูลซางไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

ถึงเวลาทานอาหาร

หลงฮานเหวินและหลงเจิ้งหยูไม่ได้อยู่ต่อพร้อมรีบกลับไปที่กวนฮูวิลล่าเพื่อจัดการเรื่องประชุมกันวันนี้

“ถังซิ่ว มีตำรวจมาขอพบเธอ”

มู่ขวินปิงได้เข้ามาในห้องนอนของถังซิ่วพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ

ตำรวจ ?

ถังซิ่วคิดไว้แล้วว่าจะต้องมีตำรวจมาหาอย่างแน่นอนแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะเร็วขนาดนี้แต่จากหลักฐานแล้วก็คงไม่มีทางที่จะรู้ว่าเป็นเขาแน่นอน ตราบใดที่หลันเถาไม่หักหลังเขาก็จะไม่มีทางที่เขาจะถูกจับ

“ผมจะไปพบกับพวกเขาก่อน!”

ถังซิ่วได้ตอบกลับพร้อมกับออกจากห้องไป

ห้องโถงที่ชั้นแรก

เฉิงเสวี่ยเหม่ยและตำรวจอีกคนกำลังนั่งรออยู่บนโซฟาขณะที่มีถ้วยชาถูกวางไว้ตรงหน้า

“หัวหน้าเฉิง ?”

เมื่อถังซิ่วมาถึงที่ชั้นหนึ่งและเห็นว่าเป็นเฉิงเสวี่ยเหม่ยนั้นก็ได้แกล้งทำเป็นเรียกออกมาอย่างประหลาดใจ

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้ยืนขึ้นแล้วมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“คุณถัง ต้องขอโทษที่มารบกวนแต่หวังว่าคุณคงจะไม่ถือสา เรากำลังสืบสวนเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นด้านนอกโครงการเมืองประตูทิศใต้นี้ เราได้พบจากกล้องบันทึกว่าคุณได้อาศัยอยู่ที่นี่จึงได้มาขอความร่วมมือจากคุณ”

ถังซิ่วตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“แน่นอน ผมจะให้ความร่วมมือ !”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้ถามออกมาว่า

“เราเห็นจากกล้องด้านหน้าโครงการว่าคุณได้ออกและรีบกลับเข้ามาในวิลล่าตอนช่วงบ่ายของเมื่อวาน เราอยากจะถามว่าหลังจากที่คุณกลับมาแล้วได้ออกไปไหนอีกไหม ?”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“หลังจากที่ผมกลับมาแล้วก็นั่งอ่านหนังสือและพักผ่อนอยู่ที่นี่ ผมไม่ได้ก้าวเท้าออกจาบ้านหลังนี้แม้แต่ก้าวเดียว”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้ถามออกมาว่า

“ฉันขอถามหน่อยว่าคุณออกไปทำอะไรเมื่อวานนี้ ?”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ผมออกไปซื้ออุปกรณ์การเรียนให้แก่ลูกศิษย์ของผม หากไม่เชื่อก็ลองไปถามเจ้าของร้านดูได้”

คิ้วของเฉิงเสวี่ยเหม่ยได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่เธอจะถามว่า

“คุณได้ยินเรื่องของคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นด้านหน้าโครงการนี้ไหม ?”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า

“เมื่อวานนี้ได้มีเพื่อนผมมานอนที่นี่และรู้มาจากเธอว่ามีคนถูกฆ่าอยู่ด้านหน้าของโครงการถึงสามคนและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาถูกยิงตาย ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ากรมตำรวจกำลังทำอะไรกันอยู่ถึงได้ปล่อยให้เกิดเหตุร้ายแรงแบบนี้ขึ้น พวกคุณเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้”

เฉิงเสวี่ยเหมือนรู้สึกหมดหนทางกับคำตอบของถังซิ่วเพราะเธอไม่ได้รับเบาะแสอะไรเพิ่มเติมแม้แต่น้อย

ไอ้เจ้านี่ !

มันไม่ใช่เด็กมัธยมธรรมดาแต่เป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่า

หลังจากที่เธอรู้แล้วว่าอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้อะไรก็จึงพูดขึ้นว่า

“เรื่องที่ฉันอยากจะรู้ก็ได้คำตอบหมดแล้ว ขอบคุณในความร่วมมือ เราเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเพราะฉะนั้นขอตัว”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“หัวหน้าเฉิงจะรีบกลับไปไหน ? อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับไป ! ความสามารถในการทำอาหารของแม่บ้านผมนั้นถือว่าเป็นชั้นหนึ่งและเชื่อว่าจะทำให้คุณพอใจอย่างแน่นอน”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอหัวเราะอย่างร่าเริงว่า

“คุณคิดว่าฉันยังมีอารมณ์ที่จะกินอีกงั้นหรอ ? ตอนนี้ฉันกำลังสืบเรื่องนี้อย่างบ้าคลั่งและยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวาน เอ่ะ คุณเปลี่ยนไปจากเมื่อสองเดือนก่อนจริงๆ ตอนนี้สามารถทำได้แม้กระทั่งจ้างแม่บ้านมาอยู่ที่นี่”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“คนเรานั้นก็ต้องมีการพัฒนาและผมเองก็ได้ทำธุรกิจเล็กๆในช่วงนี้จึงได้เปลี่ยนไปไม่เช่นนั้นท่าทางที่คุณคุยกับผมก็คงไม่ต่างจากเมื่อสองเดือนก่อนว่าไหม ?”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยเองก็นึกถึงเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนแล้วพยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“เธอเป็นเด็กดีมากที่สามารถแบ่งเบาภาระของแม่เธอได้ อ่อใช่ ขอบคุณสำหรับเรื่องที่เธอทบทวนบทเรียนให้น้องสาวฉันนะ”

ถังซิ่วได้โบกมือแล้วพูดว่า

“เราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันก็ต้องรักและดีต่อกันเป็นธรรมดา”

รักและดีต่อกัน ?

เฉิงเสวี่ยเหม่ยมองไปที่ถังซิ่วแบบแปลกๆเละคิดว่าคำพูดนี้มีอะไรที่ลึกซึ้งแฝงเอาไว้ !! อย่างบอกนะว่าน้องสาวของฉันกับถังซิ่ว.........

หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆก่อนที่จะจ้องไปที่ถังซิ่วแล้วถามออกมาว่า

“ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับน้องสาวของฉันก็คงมีแค่เป็นเพื่อนร่วมห้องกันใช่ไหม ?”

ถังซิ่วไดส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“ไม่ใช่ !”

ท่าทางของเฉิงเสวี่ยเหม่ยเองก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนที่เธอจะพูดออกมาด้วยเสียงโทนต่ำว่า

“นายมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเธอกันแน่ เธอยังเป็นเด็กและยังไม่เหมาะจะมีความรัก”

ถังซิ่วตอบกลับแบบไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“ผมหมายความว่าเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมห้องกันเท่านั้นแต่มีความสัมพันธ์แบบเพื่อนกัน คุณคิดไปถึงไหนกันน่ะ ? ผมชอบผู้หญิงก็จริงแต่คงไม่เลือกเอาผู้หญิงที่ยังไม่โตหรอกนะ ! จริงๆแล้วคุณเองก็ดูดีนะ คุณคิดว่าไงหากว่าเราจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่ปีหลังจากที่ผมเรียนจบมหาวิทยาลัย ? เรามามีลูกด้วยกันไหม ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด