Returning From The Immortal World - 191
.......................................................................................................................................................................................
ถังซิ่วได้กลับไปที่วิลล่าของเขาอย่างเงียบๆและหลังจากที่เขากลับไปถึงบ้านแล้วก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเหมี่ยวเหวินถังทันที
“ดึกป่านนี้แล้วนายยังไม่นอนอีกงั้นหรอ ?”
เสียงของเหมี่ยวเหวินถังได้ถูกส่งมาทางปลายสาย
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ยัง ฉันโทรหานายเพราะต้องการให้ช่วยบางเรื่องน่ะ”
เหมี่ยวเหวินถังก็ได้ถามออกมาว่า
“มีเรื่องอะไรงั้นหรอ ? นายว่ามาสิ !”
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“นายกำลังขาดเงินอยู่หรอเปล่า ? ต้องการจะทำเงินไหม ?”
เหมี่ยวเหวินถังเองก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“ตอนนี้ฉันเองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยขาดเงินสักเท่าไหร่นะ นายมีอะไรจะขายงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันมีศัตรูที่กำลังจะถอนรากถอนโคนตระกูลพวกเขาทั้งหมด ฉันได้ติดต่อคนบางกลุ่มไปแล้วและต้องการจะดำเนินการเร็วๆนี้ นายสนใจที่จะเข้าร่วมไหม ?”
เหมี่ยวเหวินถังได้ถามออกมาว่า
“ตระกูลไหนกัน ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ตระกูลซางเมืองสตาร์ซิตี้”
เหมี่ยวเหวินถังเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ฉันไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลนี้เลยก็แสดงว่าไม่ใช่ตระกูลใหญ่โตอะไรนัก อย่างไรก็ตามไม่ว่าตระกูลมันจะเป็นใครแต่ในเมื่อนายเอ่ยปากมาแล้วฉันก็จะจัดการพวกมันอย่างแน่นอน นายต้องการให้ฉันติดต่อเพื่อนเซ่าด้วยไหม ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันจะเป็นฝ่ายติดต่อไปหาเขาด้วยตัวเอง พรุ่งนี้ให้มาพบกันที่ห้องอาหารหลงในเมืองสตาร์ซิตี้”
“ดี !”
ถังซิ่วได้วางสายพร้อมกับโทรไปหาเซ่าหมิงเจิ้งและได้รับคำตอบเดียวกันกับเหมี่ยวเหวินถังพวกเขาจะเข้าร่วมแผนการนี้
“ตระกูลโอหยาง!”
ถังซิ่วได้เก็บโทรศัพท์ของเขาพร้อมรู้สึกลังเลเล็กน้อย การจะถอนรากถอนโคนตระกูลซางนั้นเป็นเรื่องไม่เล็กเลยแม้ว่าเขาจะมีตระกูลหลง เฉินซีซ่ง เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งเป็นสี่ขุมพลังแล้วแต่ยังไงตระกูลซางเองก็เป็นหนึ่งในเจ้าถิ่นของเมืองนี้ รากฐานของพวกเขานั้นหนาแน่น เขาไม่รู้ว่าจะดึงตระกูลโอหยางมาเข้าร่วมดีไหมเพราะว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้วเขาจะต้องติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่
หนี้เงินชดใช้ง่ายหนี้ใจชดใช้ยาก
ถังซิ่วไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณคนมากนัก
อย่างไรก็ตามเพื่อให้แผนการเป็นไปโดยไม่ติดขัดเขาก็ตัดสินใจว่าจะไปถามความเห็นจากโอหยางลูลู่ก่อน
ถังซิ่วได้มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วยังเห็นว่ามีรถsuv landrover สีขาวจอดอยู่ข้างนอก เขาเดินกลับลงมาที่ชั้นหนึ่งพร้อมไปที่ห้องของเธอแล้วเคาะประตู
“เอี้ยดดด.....”
ประตูได้ถูกเปิดขึ้นจากด้านในพร้อมกับโอหยางลูลู่ที่อยู่ในชุดนอนที่เซ็กซี่ขณะที่เธอยืนหลับๆตื่นๆอยู่หน้าประตูแล้วพึมพำออกมาว่า
“ดึกดื่นป่านี้แล้วแล้วยังไม่นอนแล้วนายมาที่นี่ทำไมกัน ? ฉันมาอยู่ที่บ้านของนายตั้งนานไม่เคยคิดจะมาหา”
ถังซิ่วได้เดินเข้าไปในห้องของเธอแล้วไปนั่งตรงโซฟาจากนั้นก็พูดว่า
“ฉันมีเรื่องที่จะต้องปรึกษาเธอ ไปล้างหน้าให้ตาสว่างซะ”
โอหยางลูลู่ได้เดินไปล้างหน้าและตื่นตัวขึ้นเป็นอย่างมาก เธอครางออกมาเบาๆด้วยในหน้าที่สวยงามว่า
“มีอะไรกันเล่า ค่อยพูดพรุ่งนี้ไม่ได้หรือไง ~~~? นายไม่เห็นหรือไงว่านี้มันตี1นะ !~~”
ถังซิ่วได้พูดเข้าประเด็นเลยว่า
“มีข้อเสนอ เธอจะสนใจไหม ?”
โอหยางลูลู่ได้ตอบกลับด้วยความสับสนว่า
“ข้อเสนออะไร ?”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“มันไม่ใช่ธุรกิจอะไรหรอกแต่มันเป็นการทำเงิน ตระกูลหนึ่งในเมืองนี้ได้ล่วงเกินฉันและฉันเองก็ต้องการที่จะทำลายตระกูลของพวกมันซะ ตระกูลมันร่ำรวยและมีอำนาจมากฉันจึงได้ติดต่อคนหลายคนเพื่อที่จะถอนรากถอนโคนตระกูลนี้ด้วยกันในไม่กี่วันที่จะถึง แม้ว่าตระกูลโอหยางของเธอจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ก็ตามแต่รากฐานตระกูลของเธอนั้นมั่นคงและฉันก็อนุญาตให้เธอเข้าร่วมได้”
โอหยางลูลู่ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ตระกูลไหนกัน ?”
ถังซิ่วได้ตอบอย่างราบเรียบว่า
“ตระกูลซาง!”
โอหยางลูลู่ได้พูดต่อว่า
“ฉันเคยได้ยินชื่อตระกูลนี้มาจากหลงเจิ้งหยูและเขาบอกว่าพวกเขาเองก็มีข้อขัดแย้งกันเล็กน้อย พวกที่นายติดต่อนั้นคงจะมีเขาด้วยใช่ไหม ?”
ถังซิ่วพยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“หากตระกูลซางล่มสลายนั้นตระกูลที่ได้ผลประโยชน์ที่สุดคือตระกูลหลง หากว่าหลงฮานเหวินและหลงเจิ้งหยูไม่ได้โง่ พวกเขาจะต้องเข้าร่วมอย่างแน่นอน”
โอหยางลูลู่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนั่งลงแล้วถามว่า
“นายบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าตระกูลซางได้ไปล่วงเกินนายยังไง ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันได้สั่งสอนลูกสาวนายหญิงของตระกูลซาง ซางดีขวินและน้องชายของเธอ เมื่อวานนี้ ตอนฉันได้พาหยินหยินออกไปซื้อคู่มือและหนังสือเรียนด้านนอกก็พบว่ามีมือสังหารดักรอฉันอยู่สามคน แม้ว่าฉันจะฆ่าพวกมันทั้งหมดแต่ฉันเองก็เสียเงินก้อนใหญ่เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อของซางดี่ขวิน เธอคิดว่ามันอยากจะฆ่าฉันแล้วทำไมฉันควรจะเก็บมันไว้ให้รกสายตา ?”
โอหยางลูลู่ตอบกลับด้วยความตกตะลึงว่า
“ที่แท้คนทั้งสามที่ตายอยู่นอกโครงการนั้นนายเป็นคนฆ่าพวกเขา ? อ่อใช่ ที่จุดเกิดเหตุเองก็มีปืนตกอยู่ คนพวกนี้มันเป็นพวกชั่วอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องนี้ฉันจำเป็นต้องปรึกษากับตระกูลก่อนเพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“หากว่าตระกูลเธอต้องการที่จะเข้าร่วมก็ให้มาที่ห้องอาหารหลงในเย็นวันพรุ่งนี้”
โอหยางลูลู่ได้ถามต่อว่า
“นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่านอกจากหลงเจิ้งหยูแล้วมีใครที่ร่วมมือกันอีกบ้าง”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ตระกูลหลง เฉินซีซ่งและเพื่อนของฉันอีกสองคน ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอำนาจของพวกเขามีมากแค่ไหน”
โอหยางลูลู่ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“นายไม่ได้บอกชูยี่และไป่เถางั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“แน่นอนว่าตระกูลของพวกเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องกังวลอยู่ที่เมืองของพวกเขาแล้ว ฉันคิดว่าเรื่องนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม”
โอหยางลูลู่เองก็รู้ถึงเรื่องนั้นเช่นกันพร้อมพยักหน้าแล้วพูดว่า
“โอเค แม้ว่าตระกูลชูและตระกูลไป่ของพวกเขาจะมีอำนาจแต่ก็ยังมีตระกูลอื่นๆที่เป็นภัยต่อพวกเขาเช่นกัน หากพวกเขาเคลื่อนไหวมากไปก็คงจะมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน”
ย่านเจียนหนิงเมืองสตาร์ซฺตี้
ที่วิลล่าสูงตระหง่านสามชั้น ซางดี่ขวินกำลังนั่งอยู่บนโซฟาขณะที่มือหนึ่งของเธอกำลังถือแก้วไวน์ เธอไม่ได้ดื่มมานานกว่าครึ่งเดือนแล้วและท่าทางของเธอก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากแต่น้องชายของเธอที่อยู่ตรงหน้ากำลังเดินไปเดินมาเพื่อรอสายของโทรศัพท์ซางดี่ขวิน
พวกเขากำลังรอข่าวการกำจัดถังซิ่ว
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ดึกแล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่ข้อความด้วยซ้ำ
“นายหยุดลุกลี้ลุกลนสักทีได้ไหม ? ถ้าทนไม่ได้ก็ไปนอนซะ ! เรื่องนี้ฉันจัดการเอง !”
ซางดี่ขวินได้ตะโกนใส่น้องชายของเธอ
ซางหยงจินเองก็หยุดเดินพร้อมกับมานั่งตรงกันข้ามเธอและจุดบุหรี่ขึ้น เขาถามออกมาว่า
“พี่สาว มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรอ ? ดึกป่านี้แล้วทำไมถึงยังไม่ทราบข่าว ? ไม่ใช่ว่ามือสังหารที่พี่จ้างมานั้นจะแข็งแกร่ง ?”
ซางดี่ขวินเองก็ตะโกนใส่เขาว่า
“นายมาถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครล่ะห๊า !”
ซางหยงจินเองก็ได้พูดอย่างลังเลว่า
“เหตุฆาตกรรมสามศพที่หน้าโครงการเมืองประตูทิศใต้นั้นจะเกี่ยวข้องกับถังซิ่วและครอบครัวของเขา ? ได้ยินมาว่ามีสามศพและบางทีมันอาจจะเป็นถังซิ่วและคนในครอบครัวของเขา”
ซางดี่ขวินเองก็ได้รับข่าวนี้แล้วเหมือนกันแต่เธอเองก็ยังรู้ไม่แน่ชัดว่าผู้ตายคือใคร ครั้งนี้เธอได้ใช้เงินไปกว่า20ล้านเพื่อจ้างมือสังหารมาจากฟิลิปปินส์ อีกฝ่ายนั้นได้บอกเธอมาแค่ว่าจะจัดการให้แต่ไม่ได้บอกจำนวนคนที่จะส่งไปจัดการ
สิ่งที่เธอกังวลนั้นไม่ใช่การฆ่าถังซิ่วแต่กลัวว่ามือสังหารเหล่านั้นจะถูกฆ่าเสียเอง เธอกลัวว่าพวกมันจะปากโป้งถึงเธอและรู้ว่าชะตากรรมของเธอจะเป็นอย่างไร
“ริ้งงงงงงงง ริ้งงงงงงงงง ริ้งงงงงงงงงง........”
เสียงเรียกเข้าได้ดังขึ้นซึ่งมันทำให้สองพี่น้องเกือบจะหัวใจวายตาย
ซางดี่ขวินได้มองไปที่เบอร์โทรศัพท์ก่อนที่เธอจะรีบกดปุ่มตอบรับทันที
“สืบข้อมูลมาหรือยัง ? คนที่ถูกฆ่านอกโครงการนั้นเป็นใครกันแน่ ?”
“ไม่สามารถระบุตัวตนได้ น่าจะเป็นชาวต่างชาติ”
เสียงโทนต่ำนี้ได้ส่งออกมาทางปลายสาย
จบแล้ว !
โทรศัพท์ของเธอตกลงไปที่พื้นทันที เธอรู้ได้ทันทีว่าคนที่ตายคือเหล่ามือสังหารที่เธอจ้างมา
พวกเขา.......
พวกเขาคงไม่ปากโป้งใช่ไหม ?
น่าจะไม่!
เธอไม่ได้ติดต่อกับเหล่านักฆ่าแต่เธอติดต่อผ่านนายหน้า ตราบใดที่เขาไม่หักหลังเธอนั้นเธอก็จะปลอดภัย
เธอรีบเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหานายหน้าคนนั้นทันทีแต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะว่าเขาได้ปิดเครื่องไปแล้ว
นี่มันเรื่องอะไรกัน ?
ซางดี่ขวินได้มองไปที่ซางหยงจินอยู่หลายนาทีก่อนที่จะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพูดว่า
“นายต้องออกจากเมืองนี้ไปเดี๋ยวนี้ จำไว้ว่าต่อให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่นี่ก็ห้ามนายกลับมา นายไป.......เจียงซูทางเหนือ ฉันมีเพื่อนอยู่ที่นั่น เธอจะเป็นที่พักพิงให้กับนายได้สักพัก”
ซางหยงจินได้ถามออกมาอย่างงงงวยว่า
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอพี่สาว ? เราได้จ้างพวกมือสังหารไว้แล้วไม่ใช่หรอ ? มันเกิดอะไรขึ้น ?”
ซางดี่ขวินได้ตอบกลับไปอย่างขมขื่นว่า
“ฉันวางแผนมาไม่ดีเอง เรื่องนี้มันจะต้องสร้างปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน เอาล่ะ นายไม่ต้องถามอะไรมาก รีบออกไปจากเมืองนี้ให้เร็วและไปหาเพื่อนฉันที่เจียงซูทางเหนือ รีบๆไปเก็บของได้แล้ว”
ซางหยกจินได้ถามต่ออย่างรวดเร็วว่า
“พี่สาว แล้วพี่ล่ะ ?”
ซางดี่ขวินได้ส่ายศีรษะของเธอก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ฉันไปจากที่นี่ไม่ได้ ข้อแรกตอนนี้เราเองก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าถังซิ่วรู้เรื่องที่เราเป็นคนจ้างมือสังหารเหล่านั้นแล้วหรือยัง ข้อสอง ตระกูลของเราเองก็มีอำนาจอยู่ไม่น้อยและฉันคิดว่าน่าจะปลอดภัย หลักจากนี้ฉันจะไปไหนมาไหนกับผู้คุมกันตลอด ข้อสาม ต่อให้ถังซิ่วรู้ว่าพวกเราเป็นคนจ้างมือสังหารเหล่านั้นแต่เขาก็คงไม่กล้าที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลซางของเรา”
ซางหยงจินได้พูดต่อว่า
“พี่สาว ผมไม่ไป หากว่าถังซิ่วไม่กล้าที่จะลงมือกับพี่แล้วพี่คิดว่าเขาจะกล้าลงมือกับผมงั้นหรอ ? เราจะไปก็ต้องไปด้วยกัน จะอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน”
หัวใจของซางดี่ขวินรู้สึกอบอุ่นขึ้นแต่เธอเองก็ได้ตะโกนออกมาว่า
“ไร้สาระ ฉันตัดสินใจแล้วว่านายต้องไปตอนนี้ ฉันจะเป็นคนอธิบายเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟังเอง”
ซางหยงจินเองก็ได้ตอบกลับด้วยความโกรธว่า
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายเพราะผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมเป็นลูกผู้ชายพอและจะอยู่ที่เมืองนี้ !!!!”
ซางดี่ขวินได้พ่นชมหายใจออกมาอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า
“จะไปดีๆหรือให้คนมาอุ้มนายไป ? นายเลือกเอาแล้วกัน”