Returning From The Immortal World - 182
.......................................................................................................................................................................................
สถานีรถไฟเมืองสตาร์ซิตี้ โอหยางลูลู่ที่มีรูปร่างสง่างามได้สวมชุดหนังพร้อมหมวกสีดำขณะที่ใช้แว่นกันแดดปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้ เธอกำลังยืนกอดอกขณะที่มองไปที่ผู้คนที่ทางออกของสถานี เธอกำลังคำนวณเวลาที่ถังซิ่วจะมาถึงที่แห่งนี้
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แม่ของเธอที่ไม่ค่อยจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นบ่อยๆก็ได้กลับมาที่บ้านพร้อมกับพูดคุยกับเธอ เมื่อรู้ว่าถังซิ่วได้ไปที่จังหวัดดงหยวนนั้นก็ได้บอกให้เธอมาเชิญเขาไปเป็นแขกที่ตระกูลของเธอ
เธอรู้ว่าถังซิ่วเพิ่งเสร็จสิ้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยและรู้ว่าเขาจะกลับมายังเมืองสตาร์ซิตี้ในวันนี้ ดังนั้นเธอจึงได้รีบตรงมาที่สถานีรถไฟทันทีหลังจากที่เครื่องบินลงจอด
“ป้าคนนี้ถึงกับมาเชิญไปเป็นแขกด้วยตัวเอง หากว่าเขากล้าปฏิเสธก็ลองดูสิ ฉันจะกัดเขาให้ตายเลย”
โอหยางลูลู่กำลังคิดอยู่ขณะที่มุมปากของเธอได้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ทันใดนั้น
ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นขณะที่เธอสังเกตเห็นถังซิ่วที่กำลังปะปนอยู่ในหมู่ผู้โดยสารพร้อมกับรีบเดินตรงไปทางเขาทันที
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน ?”
ถังซิ่วมองไปที่โอหยางลูลู่ที่แต่งตัวสวยหรูพร้อมใส่หมวกและแว่นตาเพื่อปิดบังรูปลักษณ์แต่เขาก็ยังจำเธอได้
โอหยางลูลู่ได้ถอดแว่นกันแดดของเธอพร้อมกับแสดงให้เห็นถึงใบหน้าที่สามารถทำให้ประเทศล่มสลายได้ออกมาก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของเธอแล้วตอบกลับด้วยความสุขว่า
“แน่นอนอยู่แล้วว่าก็มารับนายไง ! เป็นอย่างไรบ้าง ? ตกใจล่ะสิ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“แน่นอนว่าฉันต้องตกใจ ฉันเองก็กำลังคิดอยู่เลยว่าจะกลับรถแท๊คซี่หรือรถสาธารณะดี !”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอได้หายไปทันทีก่อนที่จะเริ่มเตะขาของถังซิ่วพร้อมกับพูดออกมาว่า
“นี่นายยังคิดว่าฉันเป็นคนขับรถส่วนตัวอีกงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วไม่ได้หลบลูกเตะของเธอเพราะเขาไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดว่า
“การที่เธอสามารถเป็นคนขับรถของฉันได้นั้นถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูง มีผู้คนมากมายขอร้องกับฉันแต่ฉันไม่สนใจที่จะมองด้วยซ้ำ ไปกันได้แล้ว ! คนจ้องเธอกันหมดแล้ว !”
โอหยางลูลู่ได้หันหน้ากลับไปมองที่ผู้โดยสารมากมายที่กำลังมองมาที่เธอด้วยความรู้สึกตกใจ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอสังเกตุเห็นเขวียนหน้าบากที่เดินตามหลังถังซิ่วมานั้นเธอก็ได้ถามขึ้นว่า
“ถังซิ่ว เขาเป็นใครงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้หันหัวกลับไปพร้อมกับมองไปที่ท่าทางหงายเงิบของเขวียนหน้าบากก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“คนมีความสามารถที่บังเอิญไปเจอมา ฉันจึงได้พาเขากลับมาที่เมืองนี้”
เขวียนหน้าบากใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาในการกลืนน้ำลายของตัวเองลงไป เขามองไปที่รูปลักษณ์ยั่วยวนและสง่างามของเธอ , ตัวเขาเองนั้นก็ถือได้ว่าเป็นคนที่มีอำนาจคนหนึ่งในเมืองชางเบ่ยแต่ตอนนี้กลับยอมจำนนต่อความงามที่อยู่ตรงหน้าของเขาขณะที่ความอึดอัดค่อยๆปรากฏกขึ้นบนใบหน้าของเขา
ก่อนหน้านี้เขาได้ยกย่องถังซิ่วที่แข็งแกร่งและมั่งคั่งแต่ตอนนี้เขากำลังชื่นชมและเคารพถังซิ่วเพราะเขาเองก็ได้เห็นผู้หญิงมามากมายแต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่สวยเท่าเธอมาก่อนแต่เธอคนนี้กลับมารอรับบอสของเขา
แม่กระทั่ง !
เป็นคนขับรถส่วนตัวของบอส !
โรงแรมชั้นเลิศนอกเมืองสตาร์ซิตี้
ถังซิ่วได้ส่งเขวียนหน้าบากไว้ที่นั้นพร้อมกับสั่งให้มาพบเขาในวันพรุ่งนี้ก่อนที่จะรีบมุ่งหน้าไปยังวิลล่าของเขาโดยให้โอหยางลูลู่เป็นคนขับรถ
ระหว่างอยู่บนถนน
ถังซิ่วได้โทรไปหาเฉินซีซ่งและคังเซี่ยนให้พวกเขามาที่วิลล่า ก่อนหน้านี้เขาได้เก็บเกี่ยวมามากมายและเมื่อเขาเดินทางมาถึงก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนเงิน2.5พันล้านที่ถูกโอนมายังบัญชีของเขา ส่วนเรื่องที่ว่าจะจัดการเงินส่วนนี้ยังไง เขาได้ตัดสินใจเอาไว้หมดแล้ว
ในโครงการเมืองประตูทิศใต้
โอหยางลูลู่ได้จอดรถไว้ในที่จอดพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“นี่เป็นที่อยู่ของนายงั้นหรอ? มันดูอลังการการไปหน่อยไหม !”
ถังซิ่วได้เปิดท้ายรถพร้อมกับหยิบกระเป๋าออกมาแล้วตอบว่า
“วิลล่าหลังนี้เป็นของที่หลงเจิ้งหยูให้มา”
โอหยางลูลู่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“สายตาของเขาดีนะ ผลตอบแทนที่จะได้จะต้องมหาศาลอย่างแน่นอน ได้ยินมาว่านายได้ช่วยเขาเรื่องธุรกิจและทำให้บริษัทของเขาได้รับกำไรมากมาย”
ถังซิ่วยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่เข้าไปในวิลล่าแล้วก็พบกับมู่ขวินปิงที่กำลังอยู่ในห้องครัว
“พี่สาวมู่ ตอนนี้บ้านของเรามีแขก คุณช่วยเตรียมอาหารให้เราหน่อยนะ”
“ได้เลย !”
เธอมีความสุขอย่างมากเมื่อเห็นว่าถังซิ่วได้กลับมาแล้ว หลังจากที่เธอเห็นโอหยางลูลู่ที่อยู่ด้านหลังถังซิ่วนั้นก็พูดออกมาว่า
“ที่แท้ก็เป็นคุณโอหยางนี่เอง ยินดีต้องรับค่ะ”
โอหยางลูลู่ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“สวัสดีดีค่ะพี่สาวมู่ ! แล้วหยินหยินไปไหนหรอค่ะ ?”
มู่ขวินปิงได้ตอบกลับไปว่า
“กำลังทบทวนบทเรียนอยู่ในห้องประชุมน่ะ ! ตอนนี้ก็น่าจะใกล้เวลาที่จะเลิกแล้ว”
ถังซิ่วได้มองไปที่โอหยางลูลู่พร้อมกับเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานของเขาก่อนที่จะหยิบหินออกมาวางเอาไว้ตรงชั้นหนังสือ
“ขาดตู้เซฟ”
ถังซิ่วได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา
หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับลงไปที่ชั้น1
โอหยางลูลู่เองก็ยังคงช่วยมู่ขวินปิงเตรียมอาหารแต่เฉินซีซ่งได้มารอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว
“ท่านอาจารย์!”
เขาเคารพถังซิ่วเป็นอย่างมากหลังจากที่เขาบูชาถังซิ่วเป็นอาจารย์
ถังซิ่วได้โบกมือพร้อมกับแสดงท่าทางให้เขานั่งลงแล้วพูดว่า
“เอาเลขบัญชีของเจ้ามา ก่อนหน้านี้ข้าได้เงินมาก้อนหนึ่งและจะคืนมันให้กับเจ้า”
เฉินซีซ่งได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ท่านอาจารย์ เงินเหล่านั้นถือเสียว่าเป็นความปรารถนาดีของศิษย์ ไม่จำเป็นต้องคืนเพราะศิษย์เองก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินมากนัก”
ถังซิ่วได้พูดว่า
“ข้าจะคืนเงินให้กับเจ้าก่อนส่วนหนึ่งและที่เหลือก็เก็บไว้ยามฉุกเฉิน หลังจากนี้เจ้าต้องไปหาสมุนไพรมากมายและข้าจะเอาใบสั่งสมุนไพรให้ทีหลัง หากว่าเจ้าสามารถหามันมาได้ข้าก็จะกลั่นยาให้ มันจะมีผลดีต่อตัวเจ้า”
ยา ?
ดวงตาของเฉินซีซ่งเป็นประกายพร้อมกับพูดออกมาด้วยความเคารพว่า
“ขอบคุณ ท่านอาจารย์”
หลังจากนั้น
ถังซิ่วก็ได้โอนเงินคืนไปให้เขา2พันล้านผ่านทางโทรศัพท์ก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“การบ่มเพาะของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? พลังฉีภายในร่างได้เปลี่ยนเป็นพลังหยวนหมดแล้วหรือยัง ?”
เฉินซีซ่งเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคือด้วยความช่วยเหลือจากตัวยาก่อนหน้านี้ทำให้ระดับพลังของผมได้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว”
ถังซิ่วได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ระดับพลังบ่มเพาะของเจ้านั้นเพิ่งจะเริ่มเดินบนเส้นทางแห่งผู้เป็นนิรันด์เท่านั้น เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก ! เมื่อระดับของเจ้าถึงเขตแดนดั่นทองคำก็จะถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นต้นแล้ว อีกหน่อยก็จะเป็นเขตแดนก่อตั้งจุดเริ่มต้นซึ่งก็ถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นปลาย หากว่าเจ้าสามารถฝ่าเข้าไปในเขตแดนแห่งนิรันด์ได้ก็จะถือว่าเจ้าได้สำเร็จความต้องการขั้นต่ำสุดของข้า”
เฉินซีซ่งเองก็ได้แสดงท่าทางที่ปรารถนาถึงมันพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ท่านอาจารย์ ข้าจะพยายามทำตามความประสงค์ของท่านและจะจำใส่ใจเอาไว้เสมอ ศิษย์จะพยายามหาสมุนไพรที่ท่านต้องการมาให้ได้อย่างแน่นอน”
“ดิ๊งงงงงงงงงงงงง ดิ๊งงงงงงงงงงงงงงงง.........”
เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของเฉินซีซ่งได้ดังขึ้น
เมื่องเขาหยิบมันออกมาก็พบว่ามันเป็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้า เขารีบเงยหน้าขึ้นไปมองที่ถังซิ่วพร้อมพูดด้วยความประหลาดใจว่า
“ท่าน.........ท่านได้โอนเงินมาถึง2พันล้านเลย ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว เจ้าได้รับมันแล้วอย่างงั้นหรอ ?”
เฉินซีซ่งที่กำลังช๊อคอยู่นั้นก็ได้พูดออกมาว่า
“ยังครับ มันแค่เป็นการแจ้งเตือนเฉยๆ เงินจะถูกโอนเข้ามายังบัญชีของผมในวันพรุ่งนี้ ท่านอาจารย์ ท่านไปทำอะไรมาอย่างงั้นหรอ ? ทำไมถึงได้หาเงินได้มากมายในเวลาอันสั้นขนาดนี้ ?”
ถังซิ่วพูดออกมาอย่างเรียบง่ายว่า
“ขายของบางอย่างให้กับผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียน”
“เฮื้อกกก......”
เฉินซีซ่งที่กำลังช๊อคอยู่นั้นก็ได้พูดออกมาว่า
“ท่านขายอะไรไปงั้นหรอ ? ทำไมมันถึงได้มีมูลค่ามากขนาดนั้นกัน ?”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
“มันก็ไม่ใช่อะไรดีนักหรอก มันก็แค่เทคนิคบ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์กับเทคนิคลับการกำราบสัตว์ร้าย พวกเขานั้นจนอย่างน่าสงสารจึงสามารถจ่ายได้แค่ไม่กี่พันล้านไม่อย่างนั้นคงได้ราคาดีกว่านี้”
พันล้าน ?
จนเกินไป ?
เฉินซีซ่งเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาเพราะมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของเขาเองก็ประมาณหมื่นล้านแต่ในสายตาของถังซิ่วแล้ว เขาเองก็คงจะไม่ต่างไปจากคนเหล่านั้นสักเท่าไหร่
หลังจากผ่านไปหลายนาที
คังเซี่ยนก็ได้รีบมาที่วิลล่าแห่งนี้และเมื่อเห็นว่าที่ห้องโถงนั้นไม่ได้มีแค่ถังซิ่วแต่ยังมีเฉินซีซ่ง เธอก็ได้พยักหน้าให้กับเขาพร้อมกับมองไปทางถังซิ่วแล้วพูดว่า
“บอส คุณให้ฉันมาหาเรื่องอะไรงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“บริษัทเราจะไม่ขาดเงิน ! ตอนนี้ได้เงินมาแล้วและกำลังจะโอนให้เธอ300ล้านหยวน เธอเอาไปใช้ก่อนหากไม่พอก็ค่อยแจ้งฉันอีกที”
คังเซี่ยนเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“ตั้ง300ล้านหยวนเลยหรอ ? ดีจริงๆเลย !”
ถังซิ่วก็ได้ตอบว่า
“ฉันไม่ได้หาเงินเหล่านี้มาง่ายๆเพราะฉะนั้นฉันหวังว่างานที่บริษัทของเราจะดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้น”
คังเซี่ยนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“บอสไม่ต้องเป็นห่วง ได้เงิน300ล้านนี่มาฉันรับประกันเลยว่าเฟสแรกของบริษัทเราจะเสร็จก่อนกำหนดอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็ได้ติดต่อกับธนาคารหลายแห่งในเมืองนี้เพื่อที่จะกู้เงิน หากว่าเราแสดงศักยภาพได้มากพอก็จะไม่มีปัญหาเรื่องกู้เงินเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน”
คิ้วของถังซิ่วได้ขมวดเข้าหากันพร้อมพูดออกมาว่า
“เราต้องกู้เงิน ? มันจำเป็นถึงขนาดนั้นเลย ?”
คังเซี่ยนได้พยักหน้าขณะที่อธิบายว่า
“ตามแผนการที่ฉันได้วางไว้ เราจำเป็นต้องใช้เงินอย่างน้อยถึง3พันล้านแต่เงินทุนของบริษัทตอนนี้ยังห่างไกลจากจุดนั้นมาก ดังนั้นเราจึงทำได้แค่กู้จากธนาคารเพื่อดำเนินงานต่อเท่านั้น”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“เรื่องนี้ก็ขอฝากเธอด้วยแล้วกัน อ่อ เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า ?”
คังเซี่ยนได้ตอบกลับไปว่า
“ยุ่งมาก ! ยุ่งจนงงไปหมดแล้วเนี่ย”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ ตอนแรกฉันมีโครงการที่จะฝากเธอแต่ในเมื่อเธอยุ่งอยู่ฉันก็จะไปหาคนอื่นมาทำแทน ! เธอเองก็อยู่รอทานข้าวเย็นที่นี่แล้วกันก่อนที่จะกลับไปทำงานของเธอ”
คังเซี่ยนได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“บอส คุณมีโครงการอะไรงั้นหรอ ?”
มันจะต้องเป็นโครงการที่ดีแน่นอน !
เธอไม่เคยมั่นใจขนาดนี้มาก่อนไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามก็จะต้องทำกำไรได้มหาศาลอย่างแน่นอน ต่อให้เธอต้องเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดเธอก็จะทำมัน ที่มากไปกว่านั้นคือเธอนั้นยกย่องถังซิ่วเป็นอย่างมาก เธอคิดว่าไม่ว่าถังซิ่วจะคิดโครงการอะไรขึ้นมันก็จะต้องดีอย่างแน่นอน
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“สร้างโรงบ่มไวน์”
ทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ?
คังเซี่ยนเองก็ยืนนิ่งอยู่นานก่อนที่จะถามออกมาว่า
“บอส คุณมีสูตรการบ่ม ? แล้วรสชาติมันล่ะเป็นอย่างไร ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันมีสูตรอยู่และมันเป็นไวน์ชั้นเลิศอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงต้องการจำกัดจำนวนพร้อมทำให้เป็นมันไวน์ชั้นดีที่สุดของโลก”
ดีที่สุดในโลก ?
เธอชอบฟังคำพูดแบบนี้จากถังซิ่วที่สุด ดวงตาของเธอได้เปล่งประกายพร้อมกับพูดออกมาว่า
“บอส โรงบ่มนี้ต้องใช้ชื่อบริษัทถังผู้สูงส่ง ! ฉันเองก็จะสร้างบริษัทลูกด้วย ส่วนเรื่องการบริหารฉันจะเป็นคนจัดการ รายละเอียดยิบย่อยก็ให้คนของคุณเป็นคนจัดการ”