ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 179
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 181

Returning From The Immortal World - 180


.......................................................................................................................................................................................

เขวียนหน้าบากเองได้โห่ร้องออกมาว่า

“ค่าจ้างรายปี1ล้านหยวน ? โดยไม่รวมหุ้น10%งั้นหรอ ? นายต้องการจะลงทุนเท่าไหร่กัน ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะมีเงินไม่มากนักแต่เฟสแรกคงใช้เงินไม่มาก”

เหมี่ยวเหวินถังที่อยู่ข้างๆได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เพื่อนถัง เราเพิ่งจะโอนเงินไปให้นายถึง2.5พันล้านแล้วทำไมถึงบอกว่าเงินเหลือไม่เยอะ ? ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่านายกำลังพูดเรื่องธุรกิจกันสินะ ? ธุรกิจอะไรงั้นหรอ ?”

ถังซิ่วตอบกลับอย่างสงบว่า

“สร้างโรงบ่มไวน์”

เขวียนหน้าบากเองได้รู้สึกช๊อคกำคำพูดของเหมี่ยวเหวินถังทันที เงินถึง2.5พันล้านแต่กลับบอกว่าเหลือเงินไม่มาก ?

ถังซิ่วที่เห็นท่าทางของเขวียนหน้าบากเองก็เดาได้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรพร้อมพูดออกมาว่า

“ฉันมีหนี้อยู่1.5พันล้านและบริษัทเองก็เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานดังนั้นมันจึงต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก มันเป็นเหตุให้ไม่สามารถลงทุนในโรงบ่มไวน์ได้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้นในเฟสแรกฉันมีงบให้ได้เพียง100ล้านหยวนเท่านั้น”

“เฮือกกกกก”

เขวียนหน้าบากเองถึงกับใจสั่นเลยทีเดียว

ลงทุนเฟสแรกด้วยเงิน100ล้านแต่กลับบอกว่าไม่มาก ? นี่......นี่มันเพียงพอสำหรับการเปิดโรงงานบ่มขนาดใหญ่ได้เลยไหม ?

เหมี่ยวเหวินถังเองก็ได้สังเกตถังซิ่วอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เพื่อนถัง หากว่านายกำลังขาดเงินนั้น ฉันขอเวลาไม่กี่วันก็สามารถหามาให้นายได้1-2ร้อยล้าน หรือนายต้องการจะขายหุ้นให้ฉัน ? ฉันเองก็ไม่ต้องการที่ยุ่งกับการบริหารแค่ต้องการกำไรเท่านั้น นายคิดว่าไง ?”

เซ่าหมิงเจิ้งเองก็พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ฉันเองก็ต้องการที่จะลงเงิน100ล้านเพื่อซื้อหุ้นของนายเช่นกัน”

เขวียนหน้าบากเองถึงกับตัวสั่นเพราะเขาได้รับหุ้นมาจากถังซิ่ว10%ของเงินลงทุน100ล้าน นั่นก็หมายความว่าเขากำลังถือหุ้นที่มีมูลค่าถึง10ล้านและหากว่ายังได้รับเงินลงทุนเหล่านี้อีก เขาจะไม่เป็นมหาเศรษฐีเลยงั้นหรอ ?

นี่............

นี่คงจะเป็นเหมือนดั่งคำสอนที่ว่า ผู้ที่ที่ประพฤติตัวดีก็จะได้รับแต่สิ่งดีๆ ?

อย่างไรก็ตาม

คำตอบของถังซิ่วนั้นถึงกับทำให้เขาต้องหวาดผวา

“หากพวกนายทั้งสองมีการสำรวจอะไรอีกก็สามารถโทรหาฉันได้แต่เรื่องของธุรกิจนั้นช่างมัน ! ฉันต้องการสิทธิในการครอบครองโดยสมบูรณ์”

เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งมองไปที่กันและกันอย่างว่างเปล่าก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมา พวกเขามีความรู้สึกว่าการเปิดโรงบ่มไวน์ของถังซิ่วนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆและมันสามารถที่จะขนาpธุรกิจจนใหญ่โตและแข็งแกร่งอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว

ถังซิ่วได้มองไปที่เขวียนหน้าบากก่อนที่จะพูดว่า

“ฉันเองยังไม่รู้เลยว่านายมีชื่อว่าอะไร !”

เขวียนหน้าบากได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า

“บอส ผมมีชื่อว่าได่เขวียน คุณเรียกผมว่าหน้าบากก็ได้หรือว่าเขวียนน้อยก็โอเคครับ”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ก่อนหน้านี้คนของนายเรียกนายว่าเขวียนหน้าบากและฉันเองก็จะเรียกแบบนั้น! ยิ่งไปกว่านั้นคือฉันกำลังจะออกจากที่นี่และไปทำธุระที่เมืองชางเบ่ยพร้อมกับกลับไปที่สตาร์ซิตี้ นายต้องการที่จะตามฉันไปเลยไหม ? หรือว่าจะเอาอย่างไร ?”

เขวียนหน้าบากเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ผมได้จัดการเรื่องทั้งหมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ! ผมเองก็ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับภรรยาแล้วด้วยและหากว่าผมมีที่ยืนในเมืองเมื่อไหร่ก็จะให้ภรรยาและลูกๆมาอาศัยที่เมืองสตาร์ซิตี้เช่นกัน”

ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะจัดการเรื่องโรงเรียนให้เองเมื่อลูกนายมาถึงที่นี่”

“ขอบคุณครับบอส”

ถังซิ่วโบกมือพร้อมกับพูดว่า

“เราไปกันเถอะ !”

เขวียนหน้าบากได้มองไปที่ผู้คุ้มกันของเหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งด้วยความรู้สึกหวาดกลัว เขาเองก็เป็นคนที่เคยได้ห็นเลือดมามากมายแต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเห็นถังซิ่วและพวกเขาแล้วถึงทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย

เมื่อเห็นว่าถังซิ่วได้นั่งบนรถแล้วเขวียนหน้าบากจึงได้ถามออกมาว่า

“บอส คุณต้องการให้ผมขับรถตามหลังคุณไป ?”

ถังวิ่วได้ถามออกมาว่า

“นายมีรถด้วยงั้นหรอ ?”

เขวียนหน้าบากได้ชี้ไปที่รถโตโยต้าที่จอดอยู่ไม่ไกลพร้อมกับพูดว่า

“นั่นเป็นรถผมเอง”

ถังซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดกับเหมี่ยวเหวินถังว่า

“ในเมื่อเขามีรถแล้วฉันจะไปนั่งกับเขา ! เราจะแยกกันทันทีเมื่อเราไปถึงเมืองชางเบ่ย”

“ก็ดีเหมือนกัน”

เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเจิ้งได้พยักหน้าพร้อมๆกัน

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นเขวียนหน้าบากเองก็ได้อำนวยความสะดวกทุกอย่างแก่ถังซิ่ว เขาไปที่ท้ายรถพร้อมกับแบกสำภาระของถังซิ่วออกมา

“ฉันถือเอง!”

ถังซิ่วได้เดินมาที่ท้ายรถพร้อมกับพูดออกมาอย่างสงบ

เขวียนหน้าบากได้พูดออกมาว่า

“บอส เรื่องยกสำภาระนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”

เมื่อพูดจบ !

เขาก็ใช้แรงแขนทั้งหมดเพื่อพยายามยกสำภาระเหล่านั้น

“เกิดอะไรขึ้น ?”

เขวียนหน้าบากนั้นตกใจเป็ฯอย่างมากเพราะเขาได้ออกแรกไปเยอะมาก เขาได้พยายามเป็นครั้งที่สองโดยใช้แรงทั้งหมดที่เขามีแต่ก็สามารถยกมันได้แค่ไม่กี่ ซ.ม.เท่านั้นก่อนที่มันจะหล่นกลับลงไป

ถังซิ่วได้ตบไปที่บ่าของเขวียนหน้าบากพร้อมพูดว่า

“ฉันจัดการเอง !”

เมื่อเห็นว่าถังซิ่วสามารถยกมันไปได้อย่างงายดายนั้นก็ทำให้หน้าของเขาแดงขึ้นเพราะความอับอายทันที เขาต้องการจะอำนวยความสะดวกแก่ถังซิ่วเพื่อที่จะประจบแต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นการสร้างความอับอายให้แก่ตัวเองซะงั้น

อย่างไรก็ตาม

เขาเองก็รู้สึกช๊อคมากเพราะเขาไม่รู้เลยว่ากระเป๋านั่นใส่อะไรเอาไว้แต่พลังของถังซิ่วนั้นทำให้เขารู้สึกทึ่งยิ่งกว่าก่อนเพราะหลังจากที่ได้เห็นท่าทางการแบกสำภาระแบบสบายๆของเขาแล้วก็ทำให้เขามั่นใจว่าถังซิ่วจะต้องมีพลังมากกว่าเขาหลายเท่าอย่างแน่นอน

“บอส ในกระเป๋านั่นใส่อะไรไว้งั้นหรอ ? ทำไมมันถึงได้หนักขนาดนี้ ?”

เขวียนหน้าบากซ่อนท่าทางอึดอัดไว้พร้อมเอ่ยปากถามออกมาด้วยความสงสัย

ถังซิ่วได้ตอบออกมาเบาๆว่า

“หินสองก้อน”

หิน ?

หัวใจของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไปบอสของเขาถึงได้มีงานอดิเรกแปลกๆโดยการใช้เวลาทั้งวันเพื่อมาที่นี่แล้วแบกหินกลับไป ?

เมืองชางเบ่ย

ร้านซ่อมรถเขตจิงฟาน

หวางหมิงได้มองไปยังเงินน้อยนิดในซองจดหมายที่หัวหน้าของเขาเอามาให้ ทหารปลดประจำการอย่างเขาเองก็เหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่ปฏิเสธการว่าจ้างทั้งหมดพร้อมกับไปที่บ้านเกิดของตัวเอง เขานั้นไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง

น่าเสียดายที่น้องชายของเขาไม่สนใจเรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย หลักจากที่พ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็ไม่มีใครสามารถสั่งสอนน้องชายของเขาได้อีกเลย น้องของเขามักจะไปหมกตัวอยู่กับพวกอันธพาลข้างถนน เขาโดนไล่ออกจากโรงเรียนเพราะหนีเรียนมากเกินไปและตอนนี้เองก็เป็นแค่กุ๊ยธรรมดาๆ

เขาเองก็ได้ทุบตี ดุด่าแต่ก็ไม่เป็นผลแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาทำได้แค่เพียงบังคับให้น้องชายของเขามาทำงานอยู่ที่ร้านซ่อมรถกับเขาซึ่งจะสามารถจัดการกับเขาได้ง่ายขึ้น

“พี่ชาย เอาเงินของพี่มาให้ผม”

หลังหลักจากที่หวังเซียงได้เอาเงินยัดใส่ไปในกระเป๋าของเขาแล้วจึงได้เดินไปที่หวังหมิงพร้อมกับขอเงินทันที

คิ้วของหวังหมิงขมวดเข้าหากันก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เอาไปทำอะไร ?”

หวังเซียงได้ตอบกลับไปว่า

“ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่”

เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะดึงกระเป๋ากางเกงของหวังเซียงพร้อมพูดขึ้นว่า

“หากฉันจำไม่ผิดนายเพิ่งจะซื่อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไปเมื่อเดือนที่แล้วไม่ใช่หรอ ?”

หวังเซียงได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า

“มันออกรุ่นใหม่มาแล้วทำไมผมจะไม่อยากซื้อมันล่ะ ? ผมจะไปหาทางอื่นที่จะได้เงินมาหากว่าพี่ไม่ให้เงินผม”

หวังหมิงเองก็แอบถอนหายใจออกมาก่อนที่จะส่งเงินที่เพิ่งได้รับไปให้น้องชายของเขา เขารู้ดีว่าหากมันไม่ได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ก็จะต้องไปทำอะไรบ้าๆอีกแน่นอน

“วันนี้ผมขอลาหยุด !”

หวังเซียนได้ทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะคว้าเงินแล้วเดินจากไป

ในขณะนี้ได้มีโตโยต้ามาจอดที่ใกล้ๆกับร้านซ่อมรถ หลังจากที่ถังซิ่วเดินลงมาก็ได้มองไปที่หวังหมิงที่ยืนอยู่ หยวนเจิ้งซวนได้ให้ข้อมูลของเขาไว้แล้วและนั่นก็รวมไปถึงรูปภาพของเขาเช่นกัน

“หวังหมิง”

ถังซิ่วได้เรียกออกมาขณะที่กำลังเดินเข้าไป

หวังหมิงเองก็รีบหันไปมองที่ถังซิ่วพร้อมพูดขึ้นว่า

“ฉันเอง นายเป็นใคร ?”

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“ฉันต้องการมาหานาย ฉันรู้ถึงอดีตของนายดีและต้องการให้นายมาทำงานกับฉันส่วนเรื่องการดูแลนั้นไม่ต้องเป็นห่วง”

ดวงตาของหวังเซียงที่กำลังจะออกไปนั้นได้เปล่งประกายขึ้นทันทีก่อนที่จะถามออกมาว่า

“นายจะดูแลพี่ชายฉันยังไง ? เดือนนึงได้ค่าจ้างเท่าไหร่ ?”

“หุบปากซะ”

หวังหมิงได้ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว

หวังเซียงเองก็ได้ส่งเสียงพึมพำออกมาว่า

“พี่ชาย ดูสิว่าการที่เรามาทำงานอยู่ที่นี่ได้ค่าจ้างเท่าไหร่กัน ? มันไม่พอสำหรับค่าเหล้าของผมด้วยซ้ำ! พี่เป็นทหารที่แบกปืนแล้วทำไมถึงไม่ทำอะไรที่มันคู่ควร ? ดูสิว่านี่มันเป็นโอกาสที่ดี พี่ลองคิดดีๆสิ!”

ถังซิ่วได้มองไปที่หวังเซียงก่อนที่จะพูดว่า

“ที่แท้นายก็คือน้องชายที่ไม่มีอะไรดีของเขานี่เอง แต่อย่างไรก็ตามคำพูดของนายนั้นมีเหตุผลดี มันอยากที่จะหาคนที่มีพรสวรรค์ ต่อให้เป็นทหารที่แบกปืนและฆ่าผู้คนมามากมายก็ไม่ควรที่จะจมอยู่กับอดีตแต่ควรจะมองถึงอนาคต”

คิ้วของหวังหมิงได้ขมวดเขาหากันก่อนที่เขาจะถามออกมาด้วยเสียงโทนต่ำว่า

“นายเป็นใครกัน ?”

ถังซิ่วตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“นักธุรกิจ! คนที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของนายได้ เรามาคุยเรื่องเงื่อนไขกันดีไหม ?”

หวังหมิงได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“ไม่ว่านายจะให้เงื่อนไขอะไรฉันก็จะไม่รับมัน ฉันจะไม่ทำงานกับนาย ออกไปได้แล้ว !”

ถังซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ฉันคิดว่าทหารที่แท้จริงนั้นจะมีหัวคิดในการมองเห็นโอกาส ฉันคิดว่าเขาจะมีความเป็นผู้ใหญ่และมีสายตาที่แหลมคมแต่กลับไม่ต้องการที่จะฟังเงื่อนไขของฉัน มันแสดงให้เห็นว่านายมีความทะเยอทะยานที่สูงส่ง หากจะพูดง่ายๆก็คือในกระดูกของนายนั้นมีเลือดที่หยิ่งทะนงตนแต่กลับเลือกที่จะทำอะไรโง่ๆ”

หวังหมิงได้แสยะออกมาพร้อมพูดว่า

“นายจะไปเข้าใจอะไร ?”

ใบหน้าของถังซิ่วได้ปรากฏถึงความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหนอกแต่ฉันแค่รู้สึกผิดหวังในตัวพวกนายเท่านั้นเอง ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องไปเสียเวลาควานหาตัวหลันเถาอีกแล้วเพราะเขาเองก็คนเป็นแค่ขยะที่สามารถมีลูกน้องขยะๆแบบนายได้”

บนหน้าผากของหวังหมิงได้มีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาทันทีก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วด้วยความโกรธและตะโกนออกมาว่า

“แกหุบปากเดี๋ยวนี้ หลันเถาไม่ใช่คนที่แกจะสามารถดูหมิ่นได้ !”

ถังซิ่วได้พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับเยาะเย้ยว่า

“ทำไมล่ะ ฉันบอกว่านายเป็นแค่ขยะ นายคิดว่าฉันพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ ? อับอาย ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด