Returning From The Immortal World - 167
.......................................................................................................................................................................................
หลิงเจิ้งหยูได้มองไปที่ท่าทางที่สับสนของถังซิ่วพร้อมยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ว่าหลงซูเหยานั้นเป็นญาติของฉัน ?”
ถังซิ่วพูดด้วยความประหลาดใจว่า
“เธอเป็นญาติผู้พี่ของนายงั้นหรอ ? ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร แต่ฉันเองก็ไม่ได้แปลกใจนักเพราะยังไงก็ไม่มีคนที่จะใช้นามสกุลหลงเยอะนักแถมเธอเองก็ยังทำงานที่โครงการของตระกูลนายด้วย การที่จะเป็นญาตินายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกสักเท่าไหร่”
หลงเจิ้งหยูพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ถ้าหากว่านายอยากจะให้เรื่องนี้เป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว นายก็คงต้องอยู่ดื่มกับพวกเราที่นี่ก่อน”
ถังซิ่วมองไปที่แอนดี้ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ก็ได้ ฉันจะอยู่ดื่มกับพวกนายสักพัก นี่คือแอนดี้ เธอเป็นผู้ช่วยของคังเซี่ยนและเธอต้องไปเข้าร่วมงานการกุศลที่จัดขึ้นที่นี่ ตอนนี้เธอหิวเป็นอย่างมาก นายช่วยเร่งให้เขารีบๆส่งอาหารมาให้เธอหน่อยได้ไหม”
หลงเจิ้งหยูพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“แอนดี้ ? แอนดี้แม่มดเจ้าเสน่ห์คนนั้นหรอ ?”
แอนดี้ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณหลง นี่คุณกำลังชมฉัน ? หรือกำลังด่าฉัน ? แม้ว่าฉันจะไม่เก่งเรื่องภาษาจีนแต่ก็รู้ได้ว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
“เฮื้อกกกกก”
ท่าทางของหลงเจิ้งหยูแข็งทื่อทันที ไม่เก่งเรื่องภาษาจีนงั้นหรอ? แต่กลับเข้าใจถึงความหมายที่ลึกซึ้งของคำพูดของเขาได้ ? เขาได้แต่ส่ายศีรษะแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า
“ฉันพูดไม่ระวังเองแหละที่บอกว่าเธอเป็นแม่มดเจ้าเสน่ห์ เธอนั้นสวยงามเป็นอย่างมากเหมือนดั่งเทพธิดาที่ตกจากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ มันจะไปเหมือนแม่มดได้อย่างไรกัน ? หากฉันจำได้ว่าใครเป็นคนตั้งฉายาเธอว่าแม่มดเจ้าเสน่ห์แล้วละก็ ฉันจะทีเขาให้ตายเลย”
“ฮี ฮี”
รอยยิ้มของแอนดี้ได้เบ่งบานออกมาพร้อมกับขีปนาวุธโตสองลูกได้โผล่ออกมา ถังซิ่วและคนอื่นๆเองก็อดไม่ได้ที่จะกลืมน้ำลายของตัวเอง
น่าหลงใหล !
มันยั่วยวนเกินไปแล้ว !
นายน้อยทั้งหลายเองก็แอบกระซิบอยู่ในใจของตัวเองว่า “เธอนั้นไม่ใช่แม่มด ไม่ใช่นางฟ้าหรือเทพธิดา แต่เป็นวิญญาณเด็กที่สามารถทำให้ประเทศล่มสลายได้”
“ค๊อก ค๊อก....”
ถังซิ่วได้เปลี่ยนเรื่องคุยโดยพูดออกมาว่า
“หลงเจิ้งหยู น้องชายของนายเองก็ไม่ได้คอยตามฉันแล้ว เขาหายตัวไปไหนกัน ?”
หลงเจิ้งหยูเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เขาได้ไปที่บลูซิตี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้บอกพ่อว่าจะไปตั้งบริษัทที่บลูซิตี้และหลังจากที่มีการตอบรับที่ดีของที่นั่นเขาก็ได้ไปที่เซี่ยงไฮ้ เขาได้ขอเงินไปทั้งหมด5ล้านและหลังจากที่ไปถึงที่นั่นแล้วก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาอีกเลย”
“ออกจากเมืองนี้ไปจริงๆงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยความไม่คาดคิด
หลงเจิ้งหยูเองก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า
“นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นหรอ ?”
ถังซิ่วตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันเป็นคนบอกให้เขาออกไปเผชิญโลกภายนอกเองแหละ ฉันคิดว่าการที่เขาคอยหลบอยู่หลังนายและพ่อมันจะไม่ทำให้เขามีความสำเร็จในอนาคต เขาเป็นคนที่ฉลาดและหลักแหลมในเรื่องธุรกิจแค่ว่ายังขาดแรงผลักดันเท่านั้นและฉันก็ได้สร้างมันให้กับเขาแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะออกไปจริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี !”
เฟย์ฉานและฮวงซูนั้นมองไปที่กันและกัน พากเขารู้จักอุปนิสัยของหลงเจิ้งหลินดีแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะฟังคำพูดของถังซิ่ว นั้นทำให้ความประทับใจของพวกเขาต่อถังซิ่วนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฮวงซูเองก็ได้พูดต่อว่า
“นายน้อยหลง ไม่คิดเลยว่านายจะไม่บอกว่าน้องชายของนายจะได้ไปทำธุจกิจที่เมืองบลูซิตี้ หลังจากกลับไปแล้วฉันจะติดต่อกับเขาและอนุมัติเรื่องทุกอย่างที่เขาต้องการเอง”
เฟย์ฉานเองก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“นั่นสิ หากว่าเป็นที่อื่นแล้วเราคงจะช่วยเหลืออะไรได้ไม่มากนักแต่หากเป็นบลูซิตี้แล้วละก็ คำพูดของเราก็ยังมีน้ำหนักอยู่บ้าง บางทีเขาอาจจะไปเจอเข้าให้กับคนที่ชั่วร้ายและมีอำนาจ คนเหล่านั้นเองก็ต้องเจอกับพวกเราเช่นกัน นายไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะดูแลเขาเอง !”
หลงเจิ้งหยูได้รินไวน์ให้ถังซิ่วพร้อมกับยกขึ้นแล้วพูดว่า
“แด่คำขอบคุณของฉัน หมดแก้ว.......”
ไวน์เต็มแก้วในตกลงถึงท้อง
ถังซิ่วส่ายหัวขณะที่พูดออกมาว่า
“ไวน์อันนี้ฉันเคยได้เห็นมาก่อนแต่ฉันคิดว่ามันยังไม่แรงพอสักเท่าไหร่ ฉันคิดว่าฉันชอบแบบที่ผลิตในประเทศของเรามากกว่า”
ดวงตาของเฟย์ฉานได้เป็นประกายพร้อมกับเดินไปที่ตู้ก่อนที่จะหยิบไวน์ออกมาขวดหนึ่งแล้วกลับมาที่ที่นั่งของเขาพร้อมยื่นให้ถังซิ่วแล้วพูดว่า
“พี่น้องถังนั้นเป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริง คนจริงนั้นต้องดื่มเหล้าแรงๆ นายลองดื่มไวน์ที่ฉันเอามาจากเมืองของฉันไหม ?”
ถังซิ่วมองไปที่ขวดนั้นก่อนที่จะเห็นคำว่า “เพื่อใช้ประชาชน” ก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“อย่าบอกนะว่าไวน์อันนี้ขายให้แต่เฉพาะทางกองทัพ ?”
เฟย์ฉานได้ยกนิ้วโป้งขึ้นมาสรรเสริญถังซิ่วพร้อมพูดว่า
“นายนี่ตาดีจริงๆ ! นี่เป็นไวน์ที่บ่มมาโดยทางกองทัพและพี่ชายของฉันนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ในกองทัพเหล่านั้น ไวน์ขวดนี้เป็นของฝากจากเขาที่เอามาให้ปู่ของฉันและได้ยินมาว่ามันบ่มมากว่า30ปีแล้ว”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมา อย่าพูดถึงไวน์ชั้นดี30ปีเลย ต่อให้เป็นหลายพันปีเองเขาก็ไม่สนใจที่จะดื่มด้วยซ้ำ แต่ว่านี่เป็นไวน์บนโลกนี้ก็ถือได้ว่าเป็นของที่ดีทีเดียว
เขาได้เปิดจุกของมันพร้อมรินให้พวกเขาทั้งหมด
เมื่อได้ดื่มเข้าไปแล้วพวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งลิ้นของพวกเขา เหมือนกับเปลวเพลิงกำลังเผาไหมลำคอและไประเบิดอยู่ตรงหน้าอกของพวกเขา ความร้อนนั้นได้แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“รู้สึกดีจริงๆ !”
ถังซิ่วอดไม่ได้ที่จะชื่นชมออกมา เขารู้สึกว่าไวน์ขวดนี้นั้นดีกว่าที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองเสียอีก
ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดที่จะเปิดโรงบ่มไวน์ขึ้นมาทันที เพราะผู้คนที่เสพติดในสิ่งเหล่านี้นั้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและหากว่าผู้คนเหล่านั้นได้ลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศของเขาแล้วละก็ นั่นคงจะเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย
ถังซิ่วนั้นสามารถบ่มไวน์ได้และคุณภาพของมันก็ถือว่าเป็นที่สุดของที่สุด
นัยน์ตาของเฟย์ฉานเป็นประกายเหมือนว่าได้เห็นเพื่อนคอเดียวกัน พร้อมมองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“สามารถได้รับคำชื่นชมจากนายได้นั้นก็คุ้มค่ากับที่ฉันขโมยมาจริงๆ ไม่คิดเลยว่านายเองก็เป็นคนที่รักในการดื่มเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไวน์เหล่านี้นั้นเหลือน้อยแล้วเต็มที ไม่อย่างงั้นเราคงได้นั่งดื่มกันอย่างมีความสุข”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หากว่านายอยากจะดื่มไวน์ดีๆแล้วละก็ ครั้งหน้าถ้าฉันไปที่เมืองบลูซิตี้เพื่อดูมหาวิทยาลัย ฉันจะเอาไวน์ชั้นเลิศไปฝากนาย มันน่าจะทำให้นายพอใจเป็นอย่างมาก”
เขาคิดว่าเขาจะต้องทำมัน
ถังซิ่วเตรียมพร้อมที่จะเริ่มบ่มไวน์ชั้นดี วัตถุดิบในการทำไวน์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่หาได้ยากและราคาเองก็ถูกมาก เมื่อมีเวลาว่างช่วงปิดเรียนเขาจะเริ่มทำการบ่มมันและจะเอาไปขายในร้านอาหารของแม่เขา
เฟย์ฉานได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“นายมีไวน์ชั้นดีอยู่ด้วยงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ตอบด้วยรอยยิ้มว่า
“ตอนนี้ยังไม่มีแต่กำลังจะเริ่มบ่มมัน”
เฟย์ฉานได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“นายจะบ่มไวน์งั้นหรอ ?”
ถังซิ่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“มีสูตรอยู่และรสชาติก็ดีทีเดียว”
เฟย์ฉานได้พูดออกมาขณะที่ตบมือว่า
“ดูเหมือนว่านายนั้นจะเป็นคนที่รักการดื่มเช่นกันนะและน่าจะถึงขั้นที่รักมันเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว ! ฉันจะรอไวน์ชั้นดีจากนายและเมื่อมาถึงเมืองบลูซิตี้แล้วให้นายมาที่โรงแรมของฉันได้เลย ฉันจะรอต้อนรับนายอย่างดี”
ฮวงซูเองก็ได้ตบไปที่บ่าของเฟย์ฉานพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“นายจะไปต้อนรับเขาคนเดียวได้อย่างไรกัน ? ฉันเองก็ได้พูดจาไม่ดีไปในวันนี้และยังไม่ได้เลี้ยงขอโทษเขาเลย ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าถังซิ่วนั้นเป็นคนที่ใจกว้างแต่ฉันก็ยังไม่สามารถลืมเรื่องนี้ไปได้ หากว่าพี่ชายถังไปที่บลูซิตี้เมื่อไหร่ฉันจะขอเป็นเจ้าภาพเองและแน่นอนว่าการที่ได้ลองไวน์ชั้นเลิศที่นายเป็นคนบ่มนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เฮ้.......”
ถังซิ่วเองก็ได้แค่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าถังซิ่วเองจะไม่ชอบฮวงซูแต่ก็มีคำพูดที่ว่า อย่ายื่นมือไปฉีกหน้าคนที่กำลังยิ้มและฮวงซูก็กำลังแสดงเจตนาดีต่อเขาดังนั้นถังซิ่วเองก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้แก่คนอื่นๆ
ยิ่งไปกว่านั้น !
เขาตระหนักดีว่าการมีเส้นสายนั้นเปรียบได้กับอาวุธแห่งพระเจ้า หากว่าใช้ให้ดีแล้วละก็ เขาจัสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย
แอนดี้นั้นไม่ได้มีความสนใจในไวน์นี้แม้แต่เล็กน้อยแต่กำลังตั้งใจฟังคำพูดชมเชยของคนเหล่านั้น เธอเห็นได้ชัดว่าคนทั้งหมดนั้นกำลังแสดงเจตนาดีต่อถังซิ่วและเธอเองก็มีความสุขเป็นอย่างมากที่รู้ว่าเธอมองคนไม่ผิด
จริงๆแล้ว !เรื่องที่เธอต้องการเป็นที่รักของถังซิ่วนั้นเป็นเรื่องจริงอยู่20%แต่ที่เหลือนั้นเป็นแค่การพูดเล่นเท่านั้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีสถานะใหญ่โตมากนักแต่ก็สามารถมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เธอสามารถมองคนได้จากคำพูดของพวกเขาว่าเป็นคำพูดที่มีเหตุผลหรือเป็นพวกพูดไร้สาระ
อย่างไรก็ตาม ! จากการที่ได้ใกล้ชิดกับถังซิ่วมากขึ้นนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ถือตัวและไม่สนใจในเรื่องรักใคร่แม้แต่น้อย
เธอนั้นได้มาที่นี่กับครอบครัวเป็นเวลา6ปีและหลังจากนั้นก็ได้กลับไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เธอได้มีเพื่อนที่เป็นคนจีนอยู่มากมายและสามารถรู้ถึงอุปนิสัยและขนบธรรมเนียมของประเทศจีนเป็นอย่างดี หากว่าเธอไม่ได้มีหน้าตาที่เหมือนชาวต่างชาติแล้วละก็ ทุกๆคนจะต้องเชื่อว่าเธอเป็นชาวจีนแน่นอน
“อาหารที่ทุกท่านสั่งได้ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
ขณะที่ผู้จัดการวัยกลางคนกำลังเดินเข้ามานั้นก็ได้มีหญิงสาวหลายคนเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารมากมาย กลิ่นหอมอบอ้วนได้ถูกส่งออกมาแม้ว่ามันจะยังไม่ถูกเปิดออกมาด้วยซ้ำ
หลงเจิ้งหยูได้มองไปที่ถังซิ่วพร้อมถามออกมาว่า
“เรามาทานกันเลยไหม ?”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไวน์ชั้นดีก็ได้ดื่มไปแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องทานแล้วหละ”
พวกเขาทั้งหมดได้เดินไปที่ห้องอาหารในทันที ในขณะที่คนอื่นๆกำลังจะเริ่มทานอาหารนั้น เสียงเรียกเข้าของแอนดี้ก็ได้ดังขึ้น
“หัวหน้าคังโทรมา !”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“แล้วการกุศลนั้นเริ่มไปหรือยัง ?”
แอนดี้ก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ยังเหลือเวลาอีกประมาณ20นาที”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็บอกให้เธอมาทานอาหารด้วยกัน ! เธออย่างลืมไปบอกคังเซี่ยนด้วยหละว่าอย่าได้เอาแต่ทำงานทั้งวัน เมื่อถึงเวลาพักก็ควรจะต้องพัก แยกเรื่องงานกับการพักผ่อนจะได้ทำเงินได้มากขึ้น”
แอนดีพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่สวยงามว่า
“การที่มีบอสแบบคุณนี่ถือว่าเป็นความสุขที่สุดของพวกเราเลยก็ว่าได้”