Returning From The Immortal World - 160
.......................................................................................................................................................................................
อาจารย์ผู้หญิงอีกคนรีบขัดจังหวะคำพูดของฮ่วงจี่โดยทันทีพร้อมพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า
“ฮวงจี่ เธอพูดผิดแล้ว เขาไม่สามารถเป็นนักเรียนของโรงเรียนเราได้”
ฮ่วงจี่จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“เธอหมายความว่ายังไงกัน ? เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนของเราแน่นอน”
ครูคนนั้นก็ได้พูดต่อว่า
“เธอลองคิดดูสิหากว่าเขาเป็นนักเรียนของเราแล้วละก็ ใครกันที่จะมีคุณสมบัติพอที่จะสั่งสอนเขา ? ฉันคิดว่าเขาสามารถเข้าเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนของเราได้เลยและหากว่าเขาฝึกอีกไม่กี่ปีก็จะสามารถขึ้นเป็นโปรเฟสเซอร์ได้อย่างแน่นอน”
เป็นอาจารย์ ?
โปรเฟสเซอร์ ?
ฮ่วงจี่ตบหน้าผากตัวเองเบาๆก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ใช่ ใช่ ความสามารถระดับนี้คงจะเป็นแค่นักเรียนไม่ได้ ถังซิ่ว เธอต้องการมาเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนเราไหม ? และถ้านายฝึกอีกไม่นานก็จะได้ขึ้นเป็นโปรเฟสเซอร์อย่างแน่นอน”
หยวนชูหลิงและเพื่อนร่วงห้องคนอื่นๆนั้นได้แต่งงงวยขณะที่มองไปที่ฉากที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ท่าทางที่จริงจังของอาจารย์ทั้งสองและถังซิ่วที่กำลังมีท่าทางสงบนิ่ง พวกเขานั้นรู้สึกช๊อคเป็นอย่างมาก
นี่มันคือการกระโดดขึ้นไปบนฟ้าโดยการกระโดดเพียงครั้งเดียว ?
เสียงของเพลงนั้นได้ครอบงำจิตใจของครูทุกคนและไม่จำเป็นต้องรอสอบด้วยซ้ำ เขาสามารถไต่ระดับขึ้นไปเป็นอาจารย์ได้ภายในพริบตาและหลักจากที่ได้ฟังคำพูดของพวกเขาแล้วก็รู้ได้เลยว่าถังซิ่วนั้นจะต้องมีเส้นทางที่กว้างขวางในอนาคตและจะได้เป็นโปรเฟสเซอร์อย่างแน่นอน
พระเจ้า !
ผู้เชี่ยวชาญ!
ยังมีคำไหนที่สามารถเปรียบเทียบกับถังซิ่วได้อีกไหม ?
ถังซิ่วมองไปที่อาจารย์ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเขาพร้อมพูดออกมาพลางส่ายหน้าว่า
“ขอโทษด้วยแต่ผมไม่ต้องการ”
“อะไรนะ ?”
อาจารย์ทั้งหมดได้โห่ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน เฉินเสี่ยวเฟินเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เธอได้ยิน
ปฏิเสธ ?
โอกาสที่ใหญ่หลวงและอนาคตที่กว้างขวาง เขาปฏิเสธง่ายๆอย่างงี้เลยหรอ ?
เฉินเสี่ยวเฟินนั้นคิดว่าถังซิ่วน่าจะไม่รู้จักว่าการที่ได้เป็นอาจารย์ในโรงเรียนนี้หมายถึงอะไรจึงได้รีบพูดออกมาว่า
“ถังซิ่ว อาจารย์ภายในโรงเรียนโกลเด้นคลาสสิกแต่ละคนนั้นมีหน้ามีตาทางสังคมอย่างมากและเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลกและการที่จะได้เป็นโปรเฟสเซอร์ในโรงเรียนแห่งนี้นั้นถือว่าเป็นความฝันของใครหลายคนและมันคือตำแหน่งที่พิเศษเป็นอย่างมากนะ”
ถังซิ่วพูดอย่างไม่แยแสว่า
“เงินหรือฐานะนั้นผมจะไขว่คว้ามาแน่นอนแต่ผมจะไม่เดินบนเส้นทางของนักดนตรี ผมชอบดนตรีแต่เป็นก็เป็นเพียงแค่การฆ่าเวลาและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ดังนั้นการให้ผมไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนั้นผมจึงไม่สนใจแม้แต่น้อย”
เฉินเสี่ยวเฟินเองก็อยากจะพูดอะไรต่อแต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะหาคำพูดแบบไหนดี นั่นก็รวมไปถึงอาจารย์ที่เหลือเช่นกันที่มองไปที่ถังซิ่วด้านท่าทางที่เหมือนอยากจะแย้งอะไรบางอย่าง
หยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานนั้นไม่ใช่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดาและรู้ว่าถังซิ่วนั้นมีบริษัทเป็นของตัวเองและเซี่ยหวานเฟิงและหลี่เสี่ยวเขวียนนั้นไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และยิ่งหลี่เสี่ยวเขวียนที่อยากจะเป็นคนดังนั้นได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ถังซิ่ว หากว่านายไปเป็นอาจารย์ที่นั่นได้ นายก็จะได้เป็นคนดังของวงการบันเทิงนะ อย่าบอกนะว่านายไม่อยากเป็นคนดัง ?”
ถังซิ่วพูดพลางส่ายศรีษะว่า
“ฉันเองก็ไม่มีความสนใจที่จะเป็นคนดังเช่นกัน”
หลี่เสี่ยวเขวียนพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“การเป็นคนดังนั้นไม่ดีอย่างไรกัน ? ทักษะด้านดนตรีของนายนั้นสูงขนาดนี้และสามารถเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้อย่างแน่นอน ! นายตอบตกลงกับพวกอาจารย์ทั้งสามเถอะ ! ฉันเชื่อว่าสิ่งที่พวกเธอพูดนั้นจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
ถังซิ่วก็ยังคงส่ายศรีษะพร้อมพูดเบาๆว่า
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าไม่มีความสนใจ เอาล่ะ เรื่องวันนี้ก็จบลงแค่นี้ ! ฉันจะกลับบ้าไปพักผ่อนเพราะฉันยังมีบางสิ่งบางอย่างต้องจัดการในวันพรุ่งนี้”
หลังจากพูดจบ!
ถังซิ่วก็เดินออกไปนอกประตูทันที
“พี่ชาย รอฉันด้วยสิ”
หยวนชูหลิงได้โห่ร้องออกมาพร้อมวิ่งตามถังซิ่วไป
หลังจากที่ถังซิ่วออกไปนั้นและเห็นว่าเฉิงเยี่ยนหนานไม่ได้ตามออกมา เขาก็มองไปที่หยวนชูหลิงพร้อมพูดว่า
“ไม่เป็นไรหรอก นายกลับไปก่อนเลย ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการที่ร้านอาหาร”
หยวนชูหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตกลงพร้อมถามออกมาว่า
“บอส หลังจากการสอบเสร็จสิ้นแล้วนายคิดว่าจะเข้าเรียนที่เมืองไหน ?”
ถังซิ่วพูดขณะที่ส่ายศรีษะว่า
“ยังไม่ได้คิดเลยล่ะ รอให้ผลคะแนนออกมาก่อนแล้วค่อยคิด !”
หยวนชูหลิงพูดพลางพยักหน้าว่า
“จริงๆถ้าพูดตามผลคะแนนของนาย ฉันคิดว่าคงไม่มีปัญหาที่จะเข้ามหาวิทยาลัยไหนเลย ฉันคิดว่าหากนายไม่ได้เข้าเรียนที่มหาลัยระดับสูงมากๆฉันเองก็คิดว่าจะเข้าไปเรียนที่เดียวกับนายแต่หากว่านายจำเป็นต้องเข้าที่เหล่านั้น ฉันคิดว่าผลคะแนนของฉันคงจะไม่สามารถเข้าเรียนที่เดียวกับนายได้แน่นอน”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไปเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ สิ่งสำคัญคือนายได้อะไรจากความรู้ที่ได้มา นายอาจจะอยู่กับฉันได้สักพักหนึ่งแต่ก็จะตามฉันไปตลอดชีวิตไม่ได้ การจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนและเส้นทางที่จะต้องเลือกเดินนั้นก็เป็นสิทธิของนาย ฉันคิดว่าธุรกิจของครอบครัวนายนั้นก็ดีพอแล้ว นายน่าจะลองถามความคิดเห็นจากพ่อของนายดู”
หยวนชูหลิงฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“ฉันได้พูดกับพ่อของฉันมาก่อนหน้านี้แล้วและเขาอยากให้ฉันไปเรียนที่เมืองหลวงเพื่อเข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์”
ถังซิ่วถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“นายไม่ชอบงั้นหรอ ?”
หยวนชูหลิงได้ตอบว่า
“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบแต่ฉันไม่ต้องการที่จะออกไปจากเมืองนี้เพราะฉันรู้ว่าพ่อแม่ของฉันกำลังปิดซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้และการที่พวกเขาส่งฉันออกไปไกลๆนั้นก็จะต้องมีความหมายอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งอย่างแน่นอน”
ถังซิ่วเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า
“พ่อแม่ของนายยังไม่ได้บอกหรอว่าทำใต้องแกล้งหย่าร้างกัน ?”
หยวนชูหลิงส่ายศรีษะขณะที่ตอบกลับไปว่า
“ไม่ ฉันได้ลองพูดกับพวกเขาหลายครั้งแล้วแต่พวกเขาก็ไม่ปริปากแม้แต่น้อย ฉันต้องไปเรียนที่มหาลัยถึงสี่ปีและกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น”
“แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาของตัวเอง”
ถังซิ่วถอนหายใจออกมา
เขาได้ตบไปที่ไหล่ของหยวนชูหลิงขณะที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“พ่อของนายสามารถทำธุรกิจมาได้ขนาดนี้เขาก็จะต้องเก่งเป็นอย่างมากและผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะเช่นกัน ฉันจะว่าเขาจะต้องแก้ไขมันได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา หากว่าในอนาคตพ่อของนายมีเรื่องให้ลำบากใจก็บอกให้ติดต่อฉันมาได้เลย”
“ติดต่อนาย ?”
หยวนชูหลิงจ้องอยู่ครู่หนึ่ง
ถังซิ่วยิ้มออกมาเบาๆพร้อมพูดว่า
“ทำไม ? คิดว่าฉันไม่สามารถช่วยอะไรพ่อของนายได้งั้นหรอ ?”
หยวนชูหลิงฝินยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“พี่ชาย ฉันรู้ว่านายนั้นได้เปิดบริษัทแต่ปัญหาของพ่อฉันนั้นเป็นอะไรที่นายไม่สามารถช่วยได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามฉันก็รู้สึกซึ้งใจกับคำพูดของนายเป็นอย่างมาก”
ถังซิ่วถอนมือออกพร้อมกับพูดว่า
“สิ่งที่ฉันควรพูดก็ได้พูดออกไปหมดแล้ว เอาล่ะ ฉันต้องไปก่อนแล้ว”
เขตพื้นที่เก่าของเฮ้อจี้
หลังจากที่ถังซิ่วได้นั่งรถแท๊คซี่กลับมาที่ร้านอาหารของตัวเองนั้นก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะผู้คนเป็นจำนวนมากกำลังต่อคิวกันอยู่หน้าร้านอาหารของเขา ร้านอาหารนั้นได้รับการขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่าเท่าตัวพร้อมเช่าห้องข้างๆมาเปิดเป็นร้านอาหารเช่นกัน แม้ว่าห้องสองห้องติดๆกันนั้นอาจจะเรียกไม่ได้ว่าหวือหวาแต่ก็ให้ความรู้สึกถึงความโบราณเป็นอย่างมาก
แม้กระทั่ง
สิ่งที่ทำให้ถังซิ่วรู้สึกขบขันที่สุดก็คงจะเป็นชายหนุ่มสองสองคนสวมสูทสีดำพร้อมแว่นตาที่ยืนอยู่หน้าประตูเพราะเขาจำได้ว่าคนเหล่านี้ก็คือพวกอันธพาลที่มาทุบร้านพร้อมกับบั่นโฉวนั่นเอง
“บอส !”
เมื่อทั้งสองคนได้เห็นถังซิ่วแล้วก็ต้อนรับเขาด้วยท่าทางประจบประแจงเพราะหลังจากที่จบเรื่องเกี่ยวกับไทหลงแล้วนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าการตัดสินใจที่จะติดตามถังซิ่วนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดถูก มันจะยังมีอะไรในเมืองที่ที่ถังซิ่วทำไม่ได้กัน ?
“อื้มม ร้านอาหารเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ถังซิ่วเดินเข้าไปข้างในพร้อมเอ่ยปากถามออกมา
ชายหนุ่มคนนั้นรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ธุรกิจนั้นเฟื้องฟูเป็นอย่างมากหลังจากที่เรากลับมาเปิดร้าน ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าหรือบ่ายก็มักจะไม่มีโต๊ะว่างเสมอ ผมได้ยินมาจากที่บั่นโฉวว่ากำลังจะสร้างห้องส่วนตัวเร็วๆนี้”
ถังซิ่วพูดด้วยความรู้สึกประหลาดใจว่า
“มันจะดีหรอ ?”
ชายหนุ่มคนนั้นรีบตอบทันทีว่า
“แน่นอนครับ ! ร้านอาหารของเรานั้นก็ถือว่ามีคุณภาพและสมราคา อาหารเองก็อร่อยและคนก็มากขึ้นเรื่อยๆ”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากที่เข้าไปในร้านแล้วเขาก็ได้เห็นพนักงานมากมายกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานและหลายคนในนั้นก็เป็นคนที่รับสมัครเข้ามาใหม่
“สวัสดีครับ ผมจะไปเรียกบอสมาให้นะครับ”
พนักงานที่รู้จักถังซิ่วนั้นเมื่อเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นก็รีบเรียกออกมาทันที
“ไม่เป็นไร!”
ถังซิ่วก้าวเดินเข้าไปข้างใน
“เห้ย เห้ย เห้ย ทำอะไรน่ะ ? ไม่รู้หรือว่ามาก่อนก็ต้องได้ก่อนน่ะ ? เรามารออยู่ที่นี่เกือบสิบนาทีแล้วนะต่อให้นายไปเรียกบอสออกมาก็ต้องให้ที่นั่งแก่พวกเราก่อน”
นายที่หน้าตาหน้าเกลียดได้มองอย่างดุร้ายพร้อมพูดออกมาเสียงดัง
“พุฟฟฟฟฟฟฟ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา พนักงานของร้านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ถังซิ่วมองไปที่แขกคนนั้นพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ใจเย็นๆ ผมไม่ไปแย่งที่นั่งของคุณหรอก”
ชายวัยกลางคนก็ได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า
“ไม่แย่งโต๊ะกับเรางั้นหรอ นายคิดว่านายเป็นใครกัน ? คิดว่ามีสถานะนิดหน่อยแล้วจะทำอะไรก็ได้ ? ไม่ว่ายังไงหากว่าโต๊ะว่างแล้วก็ต้องเอามาให้พวกเราก่อน”
ผู้หญิงวัยกลางคนก็ได้พูดออกมาว่า
“เราเองก็เป็นลูกค้าประจำของที่นี่นะ เดือนนี้เราได้มาที่นี่ถึงสามครั้งแล้ว เราจะต้องได้เข้าไปก่อนสิ”
พนักงานได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ผมคิดว่าพวกคุณกำลังเข้าใจอะไรผิดนะ เขาคือลูกชายของบอสเรา”
“อะไรนะ ?”
ชายรูปร่างอ้วนรู้สึกช๊อคเป็นอย่างมากพร้อมแสดงท่าทางอึดอัดและพูดออกมาว่า
“เอ่อออ ....... เห้ น้องชาย ฉันไม่รู้ว่านายเป็นลูกชายของบอสถึงได้ทำเรื่องน่าอายไปเมื่อกี้ อ๊า! ฉันแค่ทนรอที่จะทานอาหารกว่าสิบนาทีไม่ไหวก็เท่านั้นเอง..................”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่เป็นไรหรอก”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังพร้อมเดินต่อไปทันที
“รอก่อน !”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขาทันที
ถังซิ่วหันหัวกลับไปพร้อมมองไปที่ชายอ้วนคนนั้นแล้วพูดว่า
“มีอะไรงั้นหรอ ?”
ชายอ้วนวัยกลางคนก็ได้ยิ้มทันทีพร้อมพูดว่า
“ไอดอล นายนั่นเอง ! ฉันเองก็คิดอยู่ว่าทำไมนายถึงได้ดูคุ้นๆนัก อย่าบอกนะว่าจำฉันไม่ได้แล้ว ? ฉันแท๊คซี่ที่นายเคยให้สะกดรอย..............”
ถังซิ่วระลึกถึงเรื่องนั้นทันทีพร้อมกับขัดจังหวะคำพูดของเขาแล้วพูดว่า
“ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง !!! ฉันเองก็อยากจะขอบคุณนายอยู่พอดี !”