ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 159
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 161

Returning From The Immortal World - 160


.......................................................................................................................................................................................

อาจารย์ผู้หญิงอีกคนรีบขัดจังหวะคำพูดของฮ่วงจี่โดยทันทีพร้อมพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า

“ฮวงจี่ เธอพูดผิดแล้ว เขาไม่สามารถเป็นนักเรียนของโรงเรียนเราได้”

ฮ่วงจี่จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เธอหมายความว่ายังไงกัน ? เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนของเราแน่นอน”

ครูคนนั้นก็ได้พูดต่อว่า

“เธอลองคิดดูสิหากว่าเขาเป็นนักเรียนของเราแล้วละก็ ใครกันที่จะมีคุณสมบัติพอที่จะสั่งสอนเขา ? ฉันคิดว่าเขาสามารถเข้าเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนของเราได้เลยและหากว่าเขาฝึกอีกไม่กี่ปีก็จะสามารถขึ้นเป็นโปรเฟสเซอร์ได้อย่างแน่นอน”

เป็นอาจารย์ ?

โปรเฟสเซอร์ ?

ฮ่วงจี่ตบหน้าผากตัวเองเบาๆก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ใช่ ใช่ ความสามารถระดับนี้คงจะเป็นแค่นักเรียนไม่ได้ ถังซิ่ว เธอต้องการมาเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนเราไหม ? และถ้านายฝึกอีกไม่นานก็จะได้ขึ้นเป็นโปรเฟสเซอร์อย่างแน่นอน”

หยวนชูหลิงและเพื่อนร่วงห้องคนอื่นๆนั้นได้แต่งงงวยขณะที่มองไปที่ฉากที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ท่าทางที่จริงจังของอาจารย์ทั้งสองและถังซิ่วที่กำลังมีท่าทางสงบนิ่ง พวกเขานั้นรู้สึกช๊อคเป็นอย่างมาก

นี่มันคือการกระโดดขึ้นไปบนฟ้าโดยการกระโดดเพียงครั้งเดียว ?

เสียงของเพลงนั้นได้ครอบงำจิตใจของครูทุกคนและไม่จำเป็นต้องรอสอบด้วยซ้ำ เขาสามารถไต่ระดับขึ้นไปเป็นอาจารย์ได้ภายในพริบตาและหลักจากที่ได้ฟังคำพูดของพวกเขาแล้วก็รู้ได้เลยว่าถังซิ่วนั้นจะต้องมีเส้นทางที่กว้างขวางในอนาคตและจะได้เป็นโปรเฟสเซอร์อย่างแน่นอน

พระเจ้า !

ผู้เชี่ยวชาญ!

ยังมีคำไหนที่สามารถเปรียบเทียบกับถังซิ่วได้อีกไหม ?

ถังซิ่วมองไปที่อาจารย์ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเขาพร้อมพูดออกมาพลางส่ายหน้าว่า

“ขอโทษด้วยแต่ผมไม่ต้องการ”

“อะไรนะ ?”

อาจารย์ทั้งหมดได้โห่ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน เฉินเสี่ยวเฟินเองก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เธอได้ยิน

ปฏิเสธ ?

โอกาสที่ใหญ่หลวงและอนาคตที่กว้างขวาง เขาปฏิเสธง่ายๆอย่างงี้เลยหรอ ?

เฉินเสี่ยวเฟินนั้นคิดว่าถังซิ่วน่าจะไม่รู้จักว่าการที่ได้เป็นอาจารย์ในโรงเรียนนี้หมายถึงอะไรจึงได้รีบพูดออกมาว่า

“ถังซิ่ว อาจารย์ภายในโรงเรียนโกลเด้นคลาสสิกแต่ละคนนั้นมีหน้ามีตาทางสังคมอย่างมากและเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลกและการที่จะได้เป็นโปรเฟสเซอร์ในโรงเรียนแห่งนี้นั้นถือว่าเป็นความฝันของใครหลายคนและมันคือตำแหน่งที่พิเศษเป็นอย่างมากนะ”

ถังซิ่วพูดอย่างไม่แยแสว่า

“เงินหรือฐานะนั้นผมจะไขว่คว้ามาแน่นอนแต่ผมจะไม่เดินบนเส้นทางของนักดนตรี ผมชอบดนตรีแต่เป็นก็เป็นเพียงแค่การฆ่าเวลาและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ดังนั้นการให้ผมไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนั้นผมจึงไม่สนใจแม้แต่น้อย”

เฉินเสี่ยวเฟินเองก็อยากจะพูดอะไรต่อแต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะหาคำพูดแบบไหนดี นั่นก็รวมไปถึงอาจารย์ที่เหลือเช่นกันที่มองไปที่ถังซิ่วด้านท่าทางที่เหมือนอยากจะแย้งอะไรบางอย่าง

หยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานนั้นไม่ใช่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดาและรู้ว่าถังซิ่วนั้นมีบริษัทเป็นของตัวเองและเซี่ยหวานเฟิงและหลี่เสี่ยวเขวียนนั้นไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และยิ่งหลี่เสี่ยวเขวียนที่อยากจะเป็นคนดังนั้นได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ถังซิ่ว หากว่านายไปเป็นอาจารย์ที่นั่นได้ นายก็จะได้เป็นคนดังของวงการบันเทิงนะ อย่าบอกนะว่านายไม่อยากเป็นคนดัง ?”

ถังซิ่วพูดพลางส่ายศรีษะว่า

“ฉันเองก็ไม่มีความสนใจที่จะเป็นคนดังเช่นกัน”

หลี่เสี่ยวเขวียนพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า

“การเป็นคนดังนั้นไม่ดีอย่างไรกัน ? ทักษะด้านดนตรีของนายนั้นสูงขนาดนี้และสามารถเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้อย่างแน่นอน ! นายตอบตกลงกับพวกอาจารย์ทั้งสามเถอะ ! ฉันเชื่อว่าสิ่งที่พวกเธอพูดนั้นจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”

ถังซิ่วก็ยังคงส่ายศรีษะพร้อมพูดเบาๆว่า

“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าไม่มีความสนใจ เอาล่ะ เรื่องวันนี้ก็จบลงแค่นี้ ! ฉันจะกลับบ้าไปพักผ่อนเพราะฉันยังมีบางสิ่งบางอย่างต้องจัดการในวันพรุ่งนี้”

หลังจากพูดจบ!

ถังซิ่วก็เดินออกไปนอกประตูทันที

“พี่ชาย รอฉันด้วยสิ”

หยวนชูหลิงได้โห่ร้องออกมาพร้อมวิ่งตามถังซิ่วไป

หลังจากที่ถังซิ่วออกไปนั้นและเห็นว่าเฉิงเยี่ยนหนานไม่ได้ตามออกมา เขาก็มองไปที่หยวนชูหลิงพร้อมพูดว่า

“ไม่เป็นไรหรอก นายกลับไปก่อนเลย ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการที่ร้านอาหาร”

หยวนชูหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตกลงพร้อมถามออกมาว่า

“บอส หลังจากการสอบเสร็จสิ้นแล้วนายคิดว่าจะเข้าเรียนที่เมืองไหน ?”

ถังซิ่วพูดขณะที่ส่ายศรีษะว่า

“ยังไม่ได้คิดเลยล่ะ รอให้ผลคะแนนออกมาก่อนแล้วค่อยคิด !”

หยวนชูหลิงพูดพลางพยักหน้าว่า

“จริงๆถ้าพูดตามผลคะแนนของนาย ฉันคิดว่าคงไม่มีปัญหาที่จะเข้ามหาวิทยาลัยไหนเลย ฉันคิดว่าหากนายไม่ได้เข้าเรียนที่มหาลัยระดับสูงมากๆฉันเองก็คิดว่าจะเข้าไปเรียนที่เดียวกับนายแต่หากว่านายจำเป็นต้องเข้าที่เหล่านั้น ฉันคิดว่าผลคะแนนของฉันคงจะไม่สามารถเข้าเรียนที่เดียวกับนายได้แน่นอน”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไปเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ สิ่งสำคัญคือนายได้อะไรจากความรู้ที่ได้มา นายอาจจะอยู่กับฉันได้สักพักหนึ่งแต่ก็จะตามฉันไปตลอดชีวิตไม่ได้ การจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนและเส้นทางที่จะต้องเลือกเดินนั้นก็เป็นสิทธิของนาย ฉันคิดว่าธุรกิจของครอบครัวนายนั้นก็ดีพอแล้ว นายน่าจะลองถามความคิดเห็นจากพ่อของนายดู”

หยวนชูหลิงฝืนยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า

“ฉันได้พูดกับพ่อของฉันมาก่อนหน้านี้แล้วและเขาอยากให้ฉันไปเรียนที่เมืองหลวงเพื่อเข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์”

ถังซิ่วถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“นายไม่ชอบงั้นหรอ ?”

หยวนชูหลิงได้ตอบว่า

“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบแต่ฉันไม่ต้องการที่จะออกไปจากเมืองนี้เพราะฉันรู้ว่าพ่อแม่ของฉันกำลังปิดซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้และการที่พวกเขาส่งฉันออกไปไกลๆนั้นก็จะต้องมีความหมายอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“พ่อแม่ของนายยังไม่ได้บอกหรอว่าทำใต้องแกล้งหย่าร้างกัน ?”

หยวนชูหลิงส่ายศรีษะขณะที่ตอบกลับไปว่า

“ไม่ ฉันได้ลองพูดกับพวกเขาหลายครั้งแล้วแต่พวกเขาก็ไม่ปริปากแม้แต่น้อย ฉันต้องไปเรียนที่มหาลัยถึงสี่ปีและกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น”

“แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาของตัวเอง”

ถังซิ่วถอนหายใจออกมา

เขาได้ตบไปที่ไหล่ของหยวนชูหลิงขณะที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“พ่อของนายสามารถทำธุรกิจมาได้ขนาดนี้เขาก็จะต้องเก่งเป็นอย่างมากและผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะเช่นกัน ฉันจะว่าเขาจะต้องแก้ไขมันได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา หากว่าในอนาคตพ่อของนายมีเรื่องให้ลำบากใจก็บอกให้ติดต่อฉันมาได้เลย”

“ติดต่อนาย ?”

หยวนชูหลิงจ้องอยู่ครู่หนึ่ง

ถังซิ่วยิ้มออกมาเบาๆพร้อมพูดว่า

“ทำไม ? คิดว่าฉันไม่สามารถช่วยอะไรพ่อของนายได้งั้นหรอ ?”

หยวนชูหลิงฝินยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“พี่ชาย ฉันรู้ว่านายนั้นได้เปิดบริษัทแต่ปัญหาของพ่อฉันนั้นเป็นอะไรที่นายไม่สามารถช่วยได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามฉันก็รู้สึกซึ้งใจกับคำพูดของนายเป็นอย่างมาก”

ถังซิ่วถอนมือออกพร้อมกับพูดว่า

“สิ่งที่ฉันควรพูดก็ได้พูดออกไปหมดแล้ว เอาล่ะ ฉันต้องไปก่อนแล้ว”

เขตพื้นที่เก่าของเฮ้อจี้

หลังจากที่ถังซิ่วได้นั่งรถแท๊คซี่กลับมาที่ร้านอาหารของตัวเองนั้นก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะผู้คนเป็นจำนวนมากกำลังต่อคิวกันอยู่หน้าร้านอาหารของเขา ร้านอาหารนั้นได้รับการขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่าเท่าตัวพร้อมเช่าห้องข้างๆมาเปิดเป็นร้านอาหารเช่นกัน แม้ว่าห้องสองห้องติดๆกันนั้นอาจจะเรียกไม่ได้ว่าหวือหวาแต่ก็ให้ความรู้สึกถึงความโบราณเป็นอย่างมาก

แม้กระทั่ง

สิ่งที่ทำให้ถังซิ่วรู้สึกขบขันที่สุดก็คงจะเป็นชายหนุ่มสองสองคนสวมสูทสีดำพร้อมแว่นตาที่ยืนอยู่หน้าประตูเพราะเขาจำได้ว่าคนเหล่านี้ก็คือพวกอันธพาลที่มาทุบร้านพร้อมกับบั่นโฉวนั่นเอง

“บอส !”

เมื่อทั้งสองคนได้เห็นถังซิ่วแล้วก็ต้อนรับเขาด้วยท่าทางประจบประแจงเพราะหลังจากที่จบเรื่องเกี่ยวกับไทหลงแล้วนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่าการตัดสินใจที่จะติดตามถังซิ่วนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดถูก มันจะยังมีอะไรในเมืองที่ที่ถังซิ่วทำไม่ได้กัน ?

“อื้มม ร้านอาหารเป็นอย่างไรบ้าง ?”

ถังซิ่วเดินเข้าไปข้างในพร้อมเอ่ยปากถามออกมา

ชายหนุ่มคนนั้นรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ธุรกิจนั้นเฟื้องฟูเป็นอย่างมากหลังจากที่เรากลับมาเปิดร้าน ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าหรือบ่ายก็มักจะไม่มีโต๊ะว่างเสมอ ผมได้ยินมาจากที่บั่นโฉวว่ากำลังจะสร้างห้องส่วนตัวเร็วๆนี้”

ถังซิ่วพูดด้วยความรู้สึกประหลาดใจว่า

“มันจะดีหรอ ?”

ชายหนุ่มคนนั้นรีบตอบทันทีว่า

“แน่นอนครับ ! ร้านอาหารของเรานั้นก็ถือว่ามีคุณภาพและสมราคา อาหารเองก็อร่อยและคนก็มากขึ้นเรื่อยๆ”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากที่เข้าไปในร้านแล้วเขาก็ได้เห็นพนักงานมากมายกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานและหลายคนในนั้นก็เป็นคนที่รับสมัครเข้ามาใหม่

“สวัสดีครับ ผมจะไปเรียกบอสมาให้นะครับ”

พนักงานที่รู้จักถังซิ่วนั้นเมื่อเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นก็รีบเรียกออกมาทันที

“ไม่เป็นไร!”

ถังซิ่วก้าวเดินเข้าไปข้างใน

“เห้ย เห้ย เห้ย ทำอะไรน่ะ ? ไม่รู้หรือว่ามาก่อนก็ต้องได้ก่อนน่ะ ? เรามารออยู่ที่นี่เกือบสิบนาทีแล้วนะต่อให้นายไปเรียกบอสออกมาก็ต้องให้ที่นั่งแก่พวกเราก่อน”

นายที่หน้าตาหน้าเกลียดได้มองอย่างดุร้ายพร้อมพูดออกมาเสียงดัง

“พุฟฟฟฟฟฟฟ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา พนักงานของร้านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ถังซิ่วมองไปที่แขกคนนั้นพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ใจเย็นๆ ผมไม่ไปแย่งที่นั่งของคุณหรอก”

ชายวัยกลางคนก็ได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า

“ไม่แย่งโต๊ะกับเรางั้นหรอ นายคิดว่านายเป็นใครกัน ? คิดว่ามีสถานะนิดหน่อยแล้วจะทำอะไรก็ได้ ? ไม่ว่ายังไงหากว่าโต๊ะว่างแล้วก็ต้องเอามาให้พวกเราก่อน”

ผู้หญิงวัยกลางคนก็ได้พูดออกมาว่า

“เราเองก็เป็นลูกค้าประจำของที่นี่นะ เดือนนี้เราได้มาที่นี่ถึงสามครั้งแล้ว เราจะต้องได้เข้าไปก่อนสิ”

พนักงานได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ผมคิดว่าพวกคุณกำลังเข้าใจอะไรผิดนะ เขาคือลูกชายของบอสเรา”

“อะไรนะ ?”

ชายรูปร่างอ้วนรู้สึกช๊อคเป็นอย่างมากพร้อมแสดงท่าทางอึดอัดและพูดออกมาว่า

“เอ่อออ ....... เห้ น้องชาย ฉันไม่รู้ว่านายเป็นลูกชายของบอสถึงได้ทำเรื่องน่าอายไปเมื่อกี้ อ๊า! ฉันแค่ทนรอที่จะทานอาหารกว่าสิบนาทีไม่ไหวก็เท่านั้นเอง..................”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่เป็นไรหรอก”

หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังพร้อมเดินต่อไปทันที

“รอก่อน !”

เสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขาทันที

ถังซิ่วหันหัวกลับไปพร้อมมองไปที่ชายอ้วนคนนั้นแล้วพูดว่า

“มีอะไรงั้นหรอ ?”

ชายอ้วนวัยกลางคนก็ได้ยิ้มทันทีพร้อมพูดว่า

“ไอดอล นายนั่นเอง ! ฉันเองก็คิดอยู่ว่าทำไมนายถึงได้ดูคุ้นๆนัก อย่าบอกนะว่าจำฉันไม่ได้แล้ว ? ฉันแท๊คซี่ที่นายเคยให้สะกดรอย..............”

ถังซิ่วระลึกถึงเรื่องนั้นทันทีพร้อมกับขัดจังหวะคำพูดของเขาแล้วพูดว่า

“ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง !!! ฉันเองก็อยากจะขอบคุณนายอยู่พอดี !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด