Returning From The Immortal World - 157
.......................................................................................................................................................................................
เจ้าของร้านที่กำลังยืนอยู่หลังเค้าเตอร์พร้อมผู้คุ้มกันทั้งสี่คนนั้นได้ตอบคำถามของถังซิ่วด้วยท่าทางที่ไม่สามารถต่อรองได้
ถังซิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วตอบไปว่า
“ฉันต้องการมัน เอาเลขบัญชีของคุณมาให้ผมแล้วอีกไม่กี่นาทีเงินจะถูกส่งเข้าไป”
เจ้าของร้านได้มองอย่างดูถูกไปที่ถังซิ่วพร้อมกับเปิดปากพูดทันทีว่า
“น้องชายตัวน้อย อย่าทำอวดเก่งเลย ฉันบอกว่ามันมีราคา100ล้าน ไม่ใช่ 1000หยวนนะ”
ถังซิ่วพูดว่า
“ฉันจะมีปัญญาจ่ายได้ไหมนั้นมันก็เป็นเรื่องของฉัน นายแค่เอาเลขบัญชีมาก็พอและหลังจากที่เงินโอนเข้าไปแล้วก็ถือว่าการทำธุรกิจของเราลุล่วง เงินนั้นเป็นของนายส่วนสมุนไพรนี่ก็เป็นของฉัน หากว่าเงินนั่นไม่เข้าก็แปลว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อส่วนนายก็ไม่ได้เสียหายอะไรหนิ”
เจ้าของร้านเองก็คิดว่าคำพูดของถังซิ่วนั้นมีเหตุผลและจึงได้บอกให้ผู้คุ้มกันคนหนึ่งให้เลขบัญชีกับถังซิ่ว
ถังซิ่วแหวกตัวออกจากฝูงชนพร้อมกับโทรหากู่เสี่ยวเสวี่ยทันที
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านมีอะไรให้ศิษย์ช่วยงั้นหรอค่ะ ?”
เสียงประหลาดใจของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ถูกส่งออกมาจากปลายสาย
ถังซิ่วพูดออกมาว่า
“ตอนนี้ฉันต้องการเงิน100ล้านหยวน เธอพอจะมีบ้างหรือเปล่า ?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“มีค่ะ แค่เงิน100ล้านนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ศิษย์จะโอนไปให้ท่าน1,000ล้านเลยค่ะ !”
1,000ล้าน ?
ถังซิ่วอดไม่ได้ที่จะถลึงตาออกมา เขาพบว่าเขานั้นช่างจนถึงขั้นที่น่าอนาถใจยิ่งนัก ศิษย์หลานของเขานั้นสามารถโยนเงิน1,000ล้านได้อย่างสบายๆแต่เขากลับต้องมานั่งเป็นกังวลเกี่ยวกับเงิน100ล้านเหล่านี้
อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าการขอความช่วยเหลือจากกู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วเพราะสมุนไพรดอกบัวหิมะนี้เป็นอะไรที่สำคัญกับกู่หยินเป็นอย่างมาก มันสามารถทำให้ระดับการบ่มเพาะของเธอก้าวกระโดดอย่างน่ากลัวแถมมันยังสามารถช่วยกู่หยานเอ๋อได้เช่นกัน
“ไม่จำเป็น ฉันต้องการเพียงแค่100ล้านเท่านั้น ฉันจะส่งเลขบัญชีไปให้เธอแล้วต้องโอนมาโดยทันที”
ถังซิ่วได้พูดออกมา
“ได้ค่ะ !”
กู่เสี่ยวเสวี่ยตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที
เจ้าของร้านนั้นมองไปที่หลงเซ้งหลินอย่างทำไรไม่ถูกพร้อมกับพูดว่า
“น้องชาย เพื่อนของเธอยังไม่ได้กลับมานั่นก็หมายความว่าเขาไม่สามารถจ่ายเงิน100ล้านได้ อย่าทำให้ฉันต้องขายหน้า บัวหิมะอันนี้ฉันจำเป็นต้องขายมัน! เธอก็เห็นหนิว่ามีผู้คนรออยู่จำนวนมาก”
“คุณ.......บอส เงินได้ถูกโอนมาแล้ว ผมนับมันเรียบร้อยแล้วมันได้100ล้านเปะๆ”
ผู้ช่วยในร้านกำลังมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของเขาหลังจากที่ได้รับข้อความแจ้งเตือนขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เจ้าของร้านได้จ้องมองอย่างไม่อยากจะเชื่อขณะที่พูดออกมาว่า
“คน.....คน เด็กคนนั้นสามารถจ่ายเงินได้ถึง100ล้านจริงๆงั้นหรอ ? นายดูมันอีกครั้งสิว่านับผิดหรือเปล่า”
ผู้ช่วยในร้านได้ตรวจสอบอีกครั้งพร้อมพูดออกมาว่า
“บอส มันเป็นเรื่องจริง นี่เป็นเงินทั้งหมด100ล้าน ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูสิ !”
ชั่วขณะนี้
ถังซิ่วได้แหวกผ่านฝูงชนมาอีกครั้งพร้อมพูดกับเจ้าของร้านว่า
“เงินเข้าหรือยัง”
เจ้าของก็ได้ตอบกลับว่า
“เข้าแล้ว”
ถังซิ่วเองก็พูดต่อว่า
“งั้นก็แปลว่าสมุนไพรนี่เป็นของฉันแล้ว ? หากว่านายไม่มีความเห็นอะไรงั้นฉันก็จะเอามันไปล่ะนะ”
เจ้าของร้านได้พูดออกมาด้วยปากที่กระตุกเล็กน้อยว่า
“มันเป็นของเธอ”
ถังซิ่วยิ้มออกมาจางๆส่วนหลงเซ้งหลินนั้นกำลังตกอยู่ในห้วงของความประหลาดใจขณะที่เขายื่นมือออกไปเพื่อรับกล่องหยกแล้วเดินออกไปจากฝูงชนพร้อมกับหลงเซ้งหลิน
กลับมาที่โรงเรียน
หลงเซ้งหลินมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดว่า
“พี่ชาย ฉันได้ทำหน้าที่ที่ดีไหม ? ฉันได้ยินมาว่านายกำลังหาสมุนไพรล้ำค่าไปทั่วทุกที่และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ฉันไปที่ตลาดนั้นบ่อยครั้ง ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอเจ้ากับสมุนไพรนี่ เป็นอย่างไรบ้าง ? นายจะให้รางวัลอะไรฉันดี ?”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เอาจูบฉันไปเป็นรางวัลไหมหละ ? นายต้องการไหม ?”
“ไปตายซะ !”
หลงเซ้งหลินได้ชูนิ้วกลางใส่ถังซิ่วอย่างรวดเร็ว
ถังซิ่วได้มองไปที่กล่องหยกที่อยู่ในมือของเขาก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่งพร้อมพูดว่า
“เรื่องเกี่ยวกับรางวัลนั้นนายรออีกหน่อยและฉันจะบอกนายเองเมื่อถึงเวลานั้น ฉันแน่นอนว่านายจะต้องประหลาดใจมากอย่างแน่นอน”
หลงเซ้งหลินได้พูดออกอย่างตื่นเต้นว่า
“อะไรงั้นหรอ? มันคืออะไรกัน ?”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ตอนนี้นั้นมันยังเป็นความลับอยู่ เรามาเปลี่ยนหัวข้อกันดีกว่า ฉันนั้นจะต้องกลับเข้าไปในโรงเรียนแล้ว นายจะทำอะไรต่อไปล่ะ ?”
หลงเซ้งหลินได้กอดอกพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ! ฉันก็เล่นไปทั่วทุกที่นั่นแหละ ไม่มีอะไรจะทำเหมือนกัน”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“อย่าบอกนะว่านายจะอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆน่ะ ? นายไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ฉันว่านายควรจะไปทำงานอะไรสักอย่างได้แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้มีเป้าหมายใหญ่มากแต่อย่างน้อยก็ควรจะมี นายนั้นเป็นคนที่มีความสามารถ มีหลงกรุ๊ปมีพี่ชายที่คอยช่วยเหลือนาย นายนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอนาคตอะไรแม้แต่น้อย นายมีทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้แล้วไม่คิดจะทำตามความฝันของตัวเองบ้างหรอ ?”
หลงเซ้งหลินพูดออกมาว่า
“ความฝันของฉันนั้นก็มีแค่การนอนแล้วตื่นมาแล้วนอนต่อเท่านั้นรวมถึงนอนนับเงินอยู่จนกว่านิ้วจะเป็นตะคริวและนี่ก็ถือว่าความฝันแรกของฉันนั้นสำเร็จลุล่วงแล้วที่เหลือก็คือความฝันถัดไป”
ถังซิ่วได้พูดออกมาแบบสบายๆว่า
“ในเมื่อความฝันที่สองของนายยังไม่สำเร็จนายก็ต้องพยายามไขว่คว้ามันสิยิ่งไปกว่านั้นคือนายควรจะไปจากเมืองนี้ ออกไปต่อสู้กับโลกภายนอกเหมือนดั่งคำพุดที่ว่า พ่อที่เป็นเสือนั้นจะมีลูกเป็นหมาไม่ได้ พ่อของนายนั้นเก่งและน่าทึ่งเป็นอย่างมากและฉันคิดว่านายเองก็ไม่ใช่ขยะอย่างแน่นอน”
ออกไปสู้กับโลกภายนอก ?
หลงเซ้งหลินมองไปที่ถังซิ่วด้วยความประหลาดใจพร้อมพูดว่า
“หากว่าฉันอยากจะหาเงินนั้นทำไมฉันจะต้องออกไปยังโลกภายนอก? ที่เมืองนี้ฉันมีตระกูลคอยหนุนหลัง ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายหรือเส้นทางธุรกิจ ฉันสามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย มันทำเงินได้ง่ายกว่าการออกไปยังโลกภายนอกตั้งไม่รู้กี่เท่า”
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“ลูกเหยี่ยวที่หลบอยู่หลังปีกของนกอินทรีย์นั้นไม่มีทางที่จะสามารถโบยบินอยู่บนท้องฟ้าได้ ฉันสมมุตินะ หากว่าวันหนึ่งพ่อกับพี่ของนายตายและเหลือเพียงแค่นายจะทำไง ? และยังมีคำบางคำที่ว่า การพึ่งพ่อแม่อย่างเดียวนั้นไม่ถือว่าเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง บอกฉันหน่อยสิว่านายไม่ต้องการเป็นลูกผู้ชายงั้นหรอ ?”
“นี่.......”
ตัวของหลงเซ้งหลินได้สั่นสะท้านหลังจากที่ได้ยินคำพูดของถังซิ่ว เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเพราะไม่มีใครเคยพูดเรื่องนี้กับเขาเลย
คำพูดของถังซิ่วในตอนนี้นั้นเปรียบได้กับฝ่ามือที่ได้ตบเขาให้ตื่นขึ้น
หลงเซ้งหลินได้เงียบไปนานก่อนที่รถกำลังจะถึงที่โรงเรียนนั้นเขาก็ได้พูดขึ้นว่า
“พี่ใหญ่ นายคิดว่าฉันควรจะทำอะไรดี ?”
ถังซิ่วตอบกลับไปว่า
“นายต้องการจะทำอะไรนั้นก็ต้องถามใจตัวเอง ตอนนี้นายนั้นไม่ได้ขาดเงินแม้แต่น้อยเพราะงั้นก็จงตามหาสิ่งที่นายต้องการ สำหรับฉันแล้วเมืองนี้นั้นเล็กเป็นอย่างมากและในอนาคตฉันจะต้องออกไปจากเมืองนี้เพื่อไปเผชิญหน้ากับเวทีที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนของตัวเองนั้นไม่ประสบความสำเร็จหรอกนะ”
หลงเซ้งหลินพูดด้วยเสียงที่แน่วแน่ว่า
“พี่ชาย ฉันเข้าใจความคิดของนายดี นายไม่ต้องเป็นห่วง ! หากฉันคิดได้แล้วฉันจะบอกนายเป็นคนแรก”
หลังจากที่พูดจบเขาก็บอกให้แท๊คซี่หยุดรถและเดินจากไป
ถังซิ่วมองไปที่หลงเซ้งหลินขณะที่ถอนหายใจออกมาเพราะจริงๆแล้วถังซิ่วนั้นไม่ต้องการสร้างแรงจูงใจให้หลงเซ้งหลินแม้แต่น้อยแต่เขาแต่ทนดูหลงเซ้งหลินหายใจทิ้งไปวันๆไม่ได้เพราะเขาไม่อยากให้หลงเซ้งหลินเป็นเหมือนพวกเพลย์บอยลูกหลานคนรวยเหล่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้น
ถังวิ่วก็กระโดดข้ามรั้วกลับเข้ามาในโรงเรียนและสิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจนั่นคือฮั่นชิงหวูไม่ได้เข้าสอนและนักเรียนคนอื่นๆก็นึกว่าเขานั้นยังคุยกับฮั่นชิงหวูไม่เสร็จจึงได้ไม่มีใครเอะใจแม้แต่น้อย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
หลังจากที่ฮั่นชิงหวูได้ประกาศเกี่ยวกับเรื่องวันหยุดที่จะมาถึงนั้นทำให้นักเรียนทั้งหมดร่าเริงเป็นอย่างมาก
“พี่ชาย ช่วงวันหยุดสองวันนี้พวกเราไปนอนที่บ้านนายได้ไหม ?”
หยวนชูหลิงได้เอ่ยถามออกมาขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ถังซิ่วถามออกมาอย่างสับสนว่า
“มานอนที่บ้านฉันทำไม ? นายเองก็มีครอบครัวให้ต้องกลับไปหาไม่ใช่หรอ ?”
เฉิงเยี่ยนหนานได้หันหลังกลับมาทันทีพร้อมกับพูดว่า
“เราตั้งใจจะใช้เวลาสองวันที่เหลือเพื่ออัดฉีดการเรียนน่ะและต้องการนายเป็นคนสอน อาจารย์ถังคงไม่ทอดทิ้งเราในช่วงเวลาเป็นตายอย่างงี้ใช่ไหม ?”
“อะไรนะ ?”
ถังซิ่วกลัวทันทีเพราะเขาเองก็ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงวันหยุดนี้ร่วมกับแม่ของเขาและพักผ่อนแต่เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานนั้นเขาก็แทบจะร้องไห้ออกมา
ถังซิ่วตอบทันทีว่า
“นี่ พวกเธอห้ามนอนที่บ้านฉันและให้มาทบทวนกันในช่วงเช้าส่วนช่วงบ่ายนั้นอยากจะทำอะไรก็ไปทำเพราะฉันต้องการพักผ่อน”
“ตกลง!”
หยวนชูหลิงรีบพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
แววตาของเฉิงเยี่ยนหนายได้เป็นประกายพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ถังซิ่ว พวกเราทั้งหมดได้ตัดสินใจกันแล้วว่าจะเลี้ยงฉลองให้กับนายที่ช่วยทบทวนบทเรียนให้พวกเราโดยการไปทานอาหารและร้องเพลงกันในวันนี้และนายเองก็ไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธมันได้”
ทานอาหาร?
ร้องเพลง ?
ถังซิ่วไม่ค่อยแคร์เรื่องทานอาหารสักเท่าไหร่แต่เขาสงสัยเรื่องการร้องเพลงอย่างมาก ครั้งเดียวที่เขาเข้าไปในคาราโอเกะนั้นคือตอนที่ไปช่วยโอหยางลูลู่และเขาก็สงสัยว่าเขาจะมีความสามารถในการร้องเพลงแค่ไหนกัน ?
“ดีมาก ! ถือว่าเป็นการผ่อนคลายก่อนจะเริ่มการสอบ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉิงเยี่ยนหนานนั้นหนาขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ขอบคุณอาจารย์ถังที่มากับเรา เราเก็บของแล้วไปกันเถอะ !”
“ก็ดี !”
ถังซิ่วได้พยักหน้าของเขา
พวกเขาทั้งห้านั้นได้ทานอาหานกันที่ร้านที่ถือว่าดีใช้ได้ หลังจากที่กินดื่มกันอย่างอิ่มหนำสำราญแล้วพวกเขาทั้งห้าก็ได้ไปที่ห้องคาราโอเกะ
ภายใต้การนำของคนอื่นๆนั้นพวกเขาก็ได้เข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ถือว่าหรูหราเลยทีเดียวพร้อมกับต่อสายไมโครโฟนและทุกคนก็ได้ขอให้ถังซิ่วร้องเพลงให้พวกเขาฟัง
“ฉันจะไม่ร้องและยิ่งไปกว่านั้นคือฉันแทบจะไม่เคยฟังเพลงอะไรเลยด้วยซ้ำ ! และไม่รู้ว่าจะร้องอะไรด้วย! ฉันจะนั่งกินน้ำและฟังพวกเธอร้อง”
ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
เซี่ยหวานเฟินได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาว่า
“นายจะไม่ร้องจริงๆงั้นหรอ ? ไม่เคยฟังเพลงเลยด้วย ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับด้วยท่าทางจริงจังว่า
“แน่สิ!”