ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0298 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0300 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0299 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 299 : ผู้แข็งแกร่ง

ฉินหยุนรับเอาลูกแก้วปีศาจลวงตามาลูกหนึ่ง กระชับมันไว้แน่นในมือก่อนฝีเท้าก้าวออก

ขณะเดินออกไป เขารู้สึกได้ถึงพลังจิตจากคลื่นอารมณ์นานาชนิดแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นจึงไหลสู่สมอง

ขณะก้าวที่สอง พลังจิตนั้นเริ่มรุนแรงขึ้น ราวกับมันคิดกลืนกินจิตสำนึกของเขา ภาพมายานานาชนิดพลันปรากฏ

ความแข็งแกร่ง ความงาม และสมบัติ ภาพมายานานาชนิดปรากฏขึ้น ทันทีเมื่อภาพมายาเหล่านี้เผยให้เห็น คนผู้หนึ่งย่อมต้องยินดีและเกิดความรู้สึกท่วมท้น จากนั้น พวกเขาจะคว้าเอาภาพมายาเหล่านั้น มาครอบครองให้หมดทั้งสิ้น

นี่เป็นเพียงระลอกแรกของภาพมายา เมื่อเขาเข้าสู่ระลอกแรก ย่อมต้องมีระลอกที่สอง

ภาพมายาระลอกที่สอง ฉินหยุนไม่ทราบ มันเป็นเพราะเพียงคิด เขาก็สามารถลบล้างพลังจิตเหล่านั้นที่ไหลเข้ามาได้

เพียงพริบตา เขาก้าวไปแล้วกว่าสิบก้าว!

เรื่องนี้ชวนประหลาดใจ เพราะเท่านี้ถือว่าเกินกว่าศิษย์ของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนจำนวนมากแล้ว!

ทุกคนต่างรู้สึก ว่าเขาไม่น่าจะไปได้ไกลกว่ายี่สิบก้าว

แต่แล้ว เพียงพริบตา ยี่สิบก้าวผ่านพ้น ฉินหยุนยังคงมีสีหน้าสงบ

สำหรับฉินหยุน ลูกแก้วปีศาจลวงตา ไม่ต่างอะไรกับหินก้อนหนึ่ง มันไม่อาจส่งผลกับอารมณ์ของเขาได้

ทุกครั้งที่ก้าวเดิน เป็นเขามั่นใจ เป็นเขาก้าวออกต่อไปไม่หยุด ทั้งยังไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด!

ผ่านไปแล้วห้าสิบก้าว!

ทุกคนที่นี้ ต่างส่งเสียงร้องฮือฮากันออกมา!

มากกว่าห้าสิบก้าว หมายความถึงเขามีระดับเทียบเคียงกับศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามแล้ว!

ลูกแก้วปีศาจลวงตาที่ฉินหยุนถืออยู่ พลันสูญเสียอำนาจภายใต้การสะกดข่มของเขา ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่ส่งผลใดกับเขาแพ้เพียงนิด

เมื่อถึงก้าวที่เจ็ดสิบ ทุกคนล้วนกายแข็งทื่อ!

ฉินหยุนก้าวถึงระดับเดียวกับนักบุญวิญญาณสีคราม กระทั่งเหนือล้ำกว่าพวกเขา และตอนนี้ สีหน้าของเขายังคงสงบเช่นเคย กระทั่งเผยความผ่อนคลายด้วยซ้ำ

จี้ไค่หลินอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น เขาคือผู้ที่ก้าวเดินได้มากที่สุดในการทดสอบรอบแรก แต่แล้วฉินหยุน กำลังจะก้าวเกินกว่าเก้าสิบก้าวแล้ว!

ก้าวที่หนึ่งร้อย!

ทุกคนอุทานร้องเสียงดัง บ้างก็สงสัยว่าลูกแก้วปีศาจลวงตานั่นมีปัญหาอะไรหรือไม่!

ทางด้านฉินหยุน เขายังก้าวเดินออกอย่างต่อเนื่อง!

ผ่านไปหนึ่งร้อยห้าสิบก้าว เขาจึงค่อยหยุด และวางลูกแก้วปีศาจลวงตาไว้กับพื้น!

“ฉิน... ฉินหยุน หนึ่งร้อยห้าสิบก้าว!” ผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ดูแลตะโกนขึ้นเสียงดัง จากนั้นจึงจดบันทึกสถิติของฉินหยุนเอาไว้

ฝูงชนพลันระเบิดเสียงร้องฮือฮาดังขึ้น!

“เหนือล้ำกว่าจี้ไค่หลิน!”

“ลูกแก้วปีศาจลวงตานั่นมีปัญหาอะไรหรือไม่?”

“ตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม สถิติสูงที่สุดคือหนึ่งร้อยสี่สิบก้าว และนั่นก็เป็นผู้อาวุโสเฒ่าชรา เขากระทั่งเหนือกว่าผู้อาวุโสของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม!”

“เป็นไปไม่ได้ ต้องมีการโกงเกิดขึ้นแน่!”

ศิษย์หลายคนของตำหนักดวงดาวต่างพูดคุยกันเองอย่างออกรส

หลันเฟิงจินรับชมอยู่ไกลออกไป นางขมวดคิ้วกล่าว “พลังจิตของฉินหยุนน่าสะพรึงยิ่ง กระทั่งข้ายังได้อย่างมากก็หนึ่งร้อยก้าว เขากระทั่งทำได้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบก้าว!”

“ได้ยินมาว่า สถิติสูงที่สุดคือหนึ่งร้อยสี่สิบแปดก้าวโดยผู้อาวุโส! ฉินหยุนถึงขั้นเหนือกว่าผู้อาวุโส!” เซี่ยอู๋เฟิงอุทานออก

ผู้เฒ่าหลายตอบสนองด้วยสีหน้าไม่ยินดี พวกเขารู้สึกลำบากใจต่อเรื่องนี้!

พวกเขามั่นใจ ว่าฉินหยุนไม่เคยผ่านการฝึกฝนอะไรเช่นนี้มาก่อน นี่ย่อมเป็นครั้งแรกที่เขาใช้งานลูกแก้วปีศาจลวงตา แต่ผลลัพธ์ที่ได้นี้ ไม่อาจเชื่อได้ลง!

“ผู้อาวุโส ฉินหยุนต้องโกงเป็นแน่!” จี้ไค่หลินไม่ยินยอมรับผลลัพธ์ เขาเร่งร้อนตะโกนขึ้น สายตาของเขามองต่ำต่อฉินหยุนมาโดยตลอด แต่ครานี้ฉินหยุนกลับเหนือล้ำกว่าเขา มันทำเอาเขารู้สึกราวกับโดนแมลงวันกัดกิน

นักบุญอื่น รวมถึงศิษย์อื่นจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ต่างก็ทักท้วงเช่นเดียวกัน

ผู้อาวุโสในชุดน้ำเงินเร่งรีบเดินไปหาฉินหยุน เขาตรวจสอบลูกแก้วปีศาจลวงตาด้วยมือตัวเอง เป็นมันไร้ซึ่งปัญหาใด เขาส่ายศีรษะและตอบกลับ “ลูกแก้วทำงานเป็นปกติ หาได้มีปัญหาใดไม่!”

สีหน้าทุกคนต่างสับสน หากลูกแก้วปีศาจลวงตาปกติ เช่นนั้นแล้วปัญหาอยู่ที่ใด? ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าฉินหยุนจะทำได้ดีกว่าจี้ไค่หลินโดยไม่เคยผ่านการฝึกฝนเฉพาะทางมาก่อน

ฉินหยุนมีโทสะ เขาเพียงใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งปกป้องสมองตนเองจากลูกแก้วปีศาจลวงตา อารมณ์ด้านลบที่รุกล้ำทั้งหมดถูกกำจัด แต่เขากลับโดนตั้งข้อสงสัย!

“ผู้อาวุโส โปรดให้ฉินหยุนเริ่มการทดสอบอีกครั้ง นอกจากนี้ พวกเรายังต้องป้องกันไม่ให้เขาโกงได้ในครั้งนี้!” จี้ไค่หลินเป็นคนแรกที่ไม่ยอมรับ เพราะเขามั่นใจว่าตนต้องเหนือล้ำยิ่งกว่าฉินหยุน

ฉินหยุนแค่นเสียง “ในเมื่อเจ้ากล่าวหาว่าข้าโกง จงบอกข้า ว่าข้าโกงในการทดสอบพลังจิตนี้อย่างไร?”

“ง่ายดาย ตราบเท่าที่ไม่ปล่อยให้มือของเจ้าสัมผัสลูกแก้วปีศาจลวงตาย่อมไม่เป็นไร เจ้าเป็นอาจารย์จารึก ย่อมมีวิธีการกระทำโดยไม่ให้ถูกพบเห็นได้” คำกล่าวของจี้ไค่หลินทำเอาหลายคนเห็นด้วย

ผู้อาวุโสกล่าว “เอาตามนี้ ให้ข้าผูกมัดลูกแก้วปีศาจลวงตา แขวนไว้กับหน้าอกของฉินหยุน มือของเขาจะไม่อาจสัมผัสกับลูกแก้วปีศาจลวงตา ด้วยวิธีนี้จะไม่มีทางโกงได้อย่างแน่นอน!”

จี้ไค่หลินพยักหน้า “หากทำเช่นนั้น และยังคงก้าวได้หนึ่งร้อยก้าว ข้าก็ยินยอมรับความพ่ายแพ้!”

“แม้ข้าไม่เคยฝึกฝนโดยใช้ลูกแก้วปีศาจลวงตามาก่อน แต่พลังจิตของข้าแข็งแกร่งด้วยวิธีการฝึกฝนทางอื่น”

ฉินหยุนรู้สึกไม่ยินดีที่ถูกผู้คนมากมายสงสัย “เอาอย่างนี้เป็นไร ให้ผูกลูกแก้วปีศาจลวงตากับข้าสองลูก! หากข้ายังเป็นอันดับหนึ่ง มอบไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรแก่ข้าสักสองฟองเป็นอย่างไร? หากสงสัยข้านัก เช่นนั้นก็ต้องแสดงความใจกว้างออกบ้าง นี่จึงค่อยนับว่ายุติธรรม!”

เขาคิดอยากผูกมัดลูกแก้วปีศาจลวงสองสองลูกไว้กับตัวเอง นี่มันบ้าไปแล้ว!

ลูกแก้วปีศาจลวงตาเพียงหนึ่ง ก็ทำให้ผู้คนร่วงหล่นสู่กับดักของปีศาจร้าย หากเป็นสองลูก อาจเกิดการบ้าคลั่ง การกระทำนี้เสี่ยงเกินไป!

หลังจากผู้อาวุโสหลายท่านหารือกัน พวกเขาค่อยยอมรับข้อตกลงของฉินหยุน

ตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีครามรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องแสดงความใจกว้างออกมาบ้าง

ฉินหยุนมีลูกแก้วปีศาจลวงตาสองลูกผูกกับร่างกาย หนึ่งที่อก หนึ่งที่หลัง เขากางแขนออก ดังนั้นทุกคนจึงได้เห็นว่ามือเขาไม่ได้สัมผัสกับลูกแก้วปีศาจลวงตา

ตำหนักยุทธ์วิญญาณกลายเป็นเงียบงัน พวกเขาล้วนจ้องมองฉินหยุนเดินไปก้าวแล้วก้าวเล่า!

สิบก้าว ยี่สิบก้าว สามสิบก้าว... ห้าสิบก้าว... ตำหนักยุทธ์วิญญาณที่เงียบงันกลายเป็นเดือดพล่านขึ้นมา!

ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดสงสัยว่าฉินหยุนคดโกง ไม่มีผู้ใดคิดว่าลูกแก้วปีศาจลวงตามีปัญหา!

แต่พวกเขายังคงไม่เชื่อ ด้วยอายุเยาว์เพียงนี้กลับควบคุมตนเองได้ถึงระดับนี้ เขาย่อมต้องแข็งแกร่งถึงขนาดที่ลูกแก้วปีศาจลวงตาถึงสองลูกไม่อาจส่งผลกระทบ!

ฉินหยุนมีลูกแก้วปีศาจลวงตาสองลูกมัดไว้กับร่าง หัวใจของเขายังคงสงบ เขาก้าวเดินต่อไปจนกระทั่งถึงหนึ่งร้อยห้าสิบก้าว!

สีหน้าจี้ไค่หลินกลายเป็นน่าเกลียด เขานึกว่าการควบคุมตนเองของเขาถือเป็นที่สุด เขานึกว่าสามารถได้รับอันดับหนึ่งในรอบที่หนึ่ง และนั่นจะทำให้เขาได้ดื่มดำกับคำสรรเสริญจากผู้อื่น!

แต่ตอนนี้ พลังจิตและสภาวะจิตใจของฉินหยุน กลับเหนือล้ำกว่าจี้ไค่หลิน!

จี้ไค่หลินครอบครองเจ็ดเส้นวิญญาณ รวมถึงวิญญาณยุทธ์กิเลนสายฟ้า เดิมเขาคือดาวเด่นในหมู่ดาว

แต่ตอนนี้ ฉินหยุนกลับพรากเอาแสงดาวทั้งหมดไปจากเขา!

ที่น่าหัวเราะขบขันยิ่งกว่า คือก่อนหน้านี้เขาเย้ยหยันฉินหยุน ว่าไม่คู่ควรกับเชี่ยวเย่ว์หลาน!

หลันเฟิงจินหัวเราะเบา “เจ้าหนูนี่ ซุกซ่อนอะไรไว้เยอะนัก! ไม่นึกเลยว่าเขาจะฝึกฝนพลังจิตได้ถึงระดับนี้! จี้ไค่หลินคงโกรธจนหน้าเขียวแทบตายแล้ว!”

“ในชีวิตการฝึกฝนของน้องหยุน บ่อยครั้งเขาต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนานาชนิด มันทำให้เขามีเจตนำจงทางสภาวะจิตที่แข็งแกร่ง!” เซี่ยอู๋เฟิงขมวดคิ้ว “พวกเราไม่ทราบว่าเขาฝึกฝนผ่านอะไรมาบ้าง!”

รอบแรกจบลง ฉินหยุนคือผู้ที่ก้าวได้มากที่สุด ดังนั้นจึงได้รับรางวัล เป็นไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสองฟอง!

หลายคนต่างอิจฉา หากพวกเขานำไปแลกเป็นแต้มเสวียน ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสองฟอง เท่ากับหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน!

“ฉินหยุน ข้าย่อมต้องชนะเจ้า! เพียงเพราะมีพลังจิตแข็งแกร่ง หาได้หมายความถึงเจ้าแข็งแกร่ง!” จี้ไค่หลินเดินผ่านฉินหยุน แค่นเสียงเย็นกล่าวคำ จากนั้นจึงค่อยเดินจากไป

ฉินหยุนมองฝูงชน เขาเห็นหลันเฟิงจิน เซี่ยอู๋เฟิง ฮั่วจง และสหายอีกหลายคน เขาทักทายพวกเขาเหล่านั้นด้วยท่าทางจากระยะไกล

แม้เขามีรอยยิ้มที่ใบหน้า แต่เขารู้สึกผิดหวังไม่น้อย เพราะเขาไม่อาจเห็นหยางฉีเย่ว์

หยางฉีเย่ว์ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ต้องเก็บตัวฝึกฝนในช่วงเวลานี้ นางเองก็เป็นนักบุญของตำหนักศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ทว่านางไม่มา

การประลองยุทธ์รอบที่หนึ่ง กว่าครึ่งของผู้เข้าแข่งขันถูกคัดออก และนี่ก็เกือบได้เวลาบ่ายแล้ว

ถึงตอนนี้ หลายคนเร่งรีบไปจากตำหนักยุทธ์วิญญาณ หลายคนมาที่นี่เพื่อรับชมการประลองยุทธ์ รวมถึงการประลองจารึกด้วยเช่นเดียวกัน

การประลองยุทธ์ แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า

ทว่าการประลองจารึก มีผู้เฒ่าหลายคนเข้าร่วมการแข่งขันด้วยตนเอง

สำหรับผู้เยาว์หลายคน อาจารย์จารึกเฒ่าชราเหล่านี้ คือผู้ที่ทรงศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง

หลันเฟิงจินเองก็เร่งรีบไปยังตำหนักวิญญาณจารึก นางเองก็เป็นอาจารย์จารึกที่ลึกลับและต้องตามากที่สุดคนหนึ่ง!

“หลันเฟิงจินย่อมต้องเหนือล้ำกว่าผู้มีพรสวรรค์ทั้งหลาย นางเป็นหญิงสาว และด้วยอายุเยาว์ขนาดนี้ นางกลับเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เพียงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสกว่า และอาวุโสน้อยกว่าล้วนต้องละอาย!”

“ได้ยินมาว่า หลันเฟิงจินเป็นอาจารย์จารึกที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้”

“ไอ้หยา หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ต้องช่วยเป็นกำลังใจแก่นางแล้ว”

ศิษย์หลายคนของตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีครามเร่งรีบเข้ามาในตำหนัก

ฉินหยุนเองก็เข้าร่วมการประลองจารึก เขานำเอาเหรียญตราหยกยืนยันตัวตนออกมา จากนั้นจึงค่อยเดินเข้าไปยังสนามประลอง

“ฉินหยุนอย่าได้ชักช้า จงทำให้เต็มที่ พวกเราจะได้เห็นชัดกับตา!” เสวี้ยซือเยี่ยกล่าวเร่ง

ฮั่วจงและมู่หรงต้าเหรินต่างก็ตามฝูงชนเดินออกมาจากตำหนักยุทธ์วิญญาณ

อาจารย์จารึกเฒ่าชรา ย่อมได้รับความเคารพอย่างสูง พวกเขาเหล่านั้นล้วนมีลูกศิษย์หรือผู้น้อยติดตามมารับชม เป็นปกติที่จะพวกเขาให้กำลังใจผู้อาวุโสของตนเอง!

ฉินหยุนตามกลุ่มคนไป หลังเข้าในตำหนักวิญญาณจารึก เขาค่อยเห็นกลุ่มคนยืนแยกกันอยู่ ท่ามกลางพวกเขาเหล่านั้น ห้าตำหนักของตำหนักดวงดาวมีคนเยอะที่สุด จากนั้นจึงเป็นสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม!

ตำหนักวิญญาณจารึก มีความกว้างขวางยิ่งกว่าตำหนักยุทธ์วิญญาณ มันสามารถจุผู้คนนับหมื่น ทว่าวันนี้มีคนจำนวนเพียงหลักพันเท่านั้น

ฉินหยุนมองกลุ่มคนจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน พวกเขาเหล่านั้น แท้จริงเป็นพวกผู้อาวุโสที่ขับไล่เขาออกมา!

“พวกเรามีอาจารย์จารึกเข้าร่วมการแข่งขันไม่น้อยเลย!” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นผลให้ทั้งห้องโถงกลายเป็นเงียบงัน

บุคคลที่เป็นประธานการแข่งขัน คือชายชราที่มีเส้นผมและหนวดเครายาวสีขาว ใบหน้านั้นราวกับเด็กหนุ่ม ผู้นี้คือปู่ของหลันเฟิงจิน หลันฮัวอวี้!

น้ำเสียงของหลันฮัวอวี้ปกคลุมพวกเขาด้วยชั้นพลังงาน เป็นผลให้ทุกคนต้องสงบเสงี่ยมไม่กล้าเอ่ยคำใด

ฉินหยุนนำเอาตราหยกออกมา ก้าวเดินออกไปสู่สนามแข่งขันกว้างขวางตรงกลาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด