ตอนที่แล้วNYSS บทที่ 2: เก้าหยางข้ามเวลา (ส่วนที่ 2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปNYSS บทที่ 4: ชายชราลึกลับ (ส่วนที่ 2)

NYSS บทที่ 3: ชายชราลึกลับ (ส่วนที่ 1)


NYSS บทที่ 3: ชายชราลึกลับ (ส่วนที่ 1)

ตอนนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดแล้ว เนื่องจากถ้ำอยู่ลึกเกินไปในใต้ดิน ยามเมื่อหยางติงเทียนเงยหน้ามองก็จะเห็นเพียงท้องฟ้าที่มีขนาดเท่าฝ่ามือผ่านโพรงถ้ำขนาดใหญ่

ในเวลานี้ดวงจันทร์ลอยสู่ท้องฟ้าแล้วและผ่านท้องฟ้าเหนือหัวของหยางติงเทียน อย่างไรก็ตามเขาเห็นอย่างชัดเจนว่ามีดวงจันทร์สองดวง

มีประโยคที่เขียนขึ้นโดยซูตงปอว่า “ขอให้คุณมีชีวิตยืนยาว ถึงแม้ว่าเราจะห่างกันหลายไมล์” มันเศร้าที่แม้แต่ดวงจันทร์ที่หยางติงเทียนกำลังดูอยู่ก็แตกต่างจากดวงจันทร์ที่พ่อแม่ของเขามองเห็น ยิ่งไปกว่านั้นมีดวงจันทร์สองดวงที่นี่

(หมายเหตุผู้แปลภาษาอังกฤษ : ซูตงปอเป็นนักเขียนจีนที่มีชื่อเสียง)

หยางติงเตียนเหนื่อยและอารมณ์เสีย เขามองไปที่ชายชราซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล อีกฝ่ายยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมหลับตาและไม่ขยับเขยื้อน

ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไปหยางติงเทียนหลับตาลงอย่างช้าๆและหลับไป

หลายสิบชั่วโมงหลังจากนั้นเขาก็ตื่นขึ้น

หยางติงเทียนต้องการลุกขึ้นแล้วออกค้นหาทางหนีออกจากถ้ำต่อ อย่างไรก็ตามเขาพลันตระหนักว่าเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้แม้แต่น้อย ความอดอยากหลายวันติดต่อกันทำให้พลังงานของเขาทั้งหมดสูญสิ้นไป เช่นเดียวกันพลังงานความร้อนที่เก็บกักไว้ในร่างกายของเขามานานหลายปีถูกนำมาใช้จนหมดสิ้นเพื่อช่วยชีวิตชายชราจากแท่งน้ำแข็ง

ในช่วงสองสามวันนี้หยางติงเทียนดื่มเพียงน้ำแข็งละลายไปเพียงไม่กี่คำ เขาไม่ได้กินอาหารแมแต่น้อยหลังจากเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าตอนนี้เขาอยากจะลุกขึ้น แต่เขาก็ไม่มีพลังงานเหลือแม้แต่น้อยเพื่อที่จะทำเช่นนั้น

ในขณะนี้ท้องฟ้าด้านนอกนั้นมืดครึ้มและเต็มไปด้วยเมฆดำหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

ในไม่ช้ามันก็เริ่มมีหิมะและก้อนหิมะขนาดเท่ากำปั้นก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรุนแรง หลังจากนั้นชั่วครู่พื้นถ้ำก็ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ ร่างของชายชราก็ถูกฝังอยู่ในหิมะอย่างช้าๆ เพียงหนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็กลายเป็นมนุษย์หิมะ ร่างกายของเขาทุกส่วนมองไม่เห็นอีกต่อไป

เมื่อหิมะที่ปกคลุมร่างของค่อยหนาขึ้น ร่างที่รุ่มร้อนของเขาก็ไม่สามารถละลายหิมะได้อีกต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฝัง หยางติงเทียนส่ายหน้าอย่างแรง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกหิมะปกคลุมอีกครั้งและก็ต้องส่ายหัวอีกครั้ง

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…

สุดท้ายหยางติงเทียนก็ไม่มีแรงส่ายหัวอีกต่อไป ร่องรอยของความร้อนในร่างกายของเขาหมดไป และเขาเพียงได้แต่มองขณะหิมะปกคลุมร่างและพรากชีวิตเขาไป

ทันใดนั้นหิมะที่ปกคลุมชายชราที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักก็สั่นไหว สุดท้ายชายชราก็ขยับ เขาเอื้อมมือไปยังแขนเสื้อแล้วดึงวัตถุสีแดงออกมาและโยนมันไปยังหยางติงเทียน

มันเป็นยาเม็ดสีแดง เม็ดยาตกลงบนกองหิมะและละลายหิมะบริเวณนั้นไปทันที ตัดกันกับหิมะสีขาวสะอาดที่ปกคลุมพื้นถ้ำ เม็ดยาสีแดงโดดเด่นเห็นชัดราวกับเปลวไฟ

ในขณะนี้ความปรารถนาที่จะอยู่รอดของหยางติงเทียนได้มอบความแข็งแกร่งหยาดสุดท้ายให้เขา เขารีบตรงไปข้างหน้าแล้วอ้าปากเพื่อกินยาเม็ดสีแดง

ส่วนที่ว่ามันเป็นพิษหรือไม่นั้น ผลที่ตามมาจากการกินจะเป็นอย่างไร หยางติงเทียนไม่ได้สนใจอีกต่อไป

จากเม็ดยาที่เพิ่งเข้าไปในปากของเขา มันทำให้รู้สึกเหมือนกับไฟที่ลุกโหมได้ละลายไปในปากของเขา ไหลเข้าไปในช่องท้อง และแพร่กระจายไปทั่วเส้นเลือดในร่างกายของเขา

เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นทันที เหมือนกับผู้คนที่ต้อนรับการกลับมาของฤดูใบไม้ผลิ ร่างกายที่แข็งกระด้างของหยางติงเทียนก็เริ่มฟื้นตัวทีละเล็กละน้อย

ในไม่ช้าร่างกายของเขาก็ฟื้นคืนเป็นปกติกลับมาเป็นเตาร้อน และในที่สุดเขาก็ฟื้นฟูพละกำลัง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพลังที่ทรงอำนาจวิ่งพล่ายอยู่ในร่างของเขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะระเบิด หยางติงเทียนไม่รู้สึกอะไรไปมากกว่าพละกำลังที่ไม่สิ้นสุดในตัวเขา

"สิ่งนี้นี่คืออะไรกัน มันราวกับเป็นเวทมนตร์" หยางติงเทียนรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน เขาเดินไปที่ชายชราโค้งคำนับแล้วพูดว่า "ขอบคุณคุณมาก"

“แต่ร่างกายของคุณก็ไม่สามารถทนความหนาวได้เช่นกัน ทำไมคุณไม่ทานยาพวกนั้น” หยางติงเทียนถาม

ชายชรายังคงนั่งอยู่ในท่าตั้งตรงพร้อมกับหลับตา เขาไม่สนใจชายหนุ่มและปล่อยให้หิมะปกคลุมร่าง เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นมนุษย์หิมะอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่ว่าหยางติงเทียนจะพูดอะไรเขาก็ไม่เคยตอบสนอง

หยางติงเทียนเต็มไปด้วยพลังงานความร้อนและไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ถ้ำก็มีขนาดใหญ่เพียงแค่นั้น ดังนั้นเขาจึงได้แต่เต้นไปมาอย่างง่ายๆท่ามกลางหิมะหนาขณะที่โบกหมัดไปในอากาศ มันเป็นความยุ่งเหยิงอย่างสิ้นเชิง

หิมะยิ่งตกหนักและหนักขึ้น ในเวลาเพียงครึ่งวันหิมะก็กองสูงขึ้นประมาณหนึ่งเมตรทำท่าคุกคามเหมือนจะฝังชายชราจนมิด ด้วยเหตุนั้นหยางติงเทียนจึงตรงเข้าไปปัดหิมะออกจากชายชราทุกครึ่งชั่วโมง

"หิมะตกหนักมากและกองสุมขึ้นมาเกินไป ผมกลัวว่าหลังจากผ่านไปไม่กี่ปี ถ้ำก็จะถูกท่วมเต็ม” หยางติงเทียนคิด

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขารีบวิ่งไปที่ชายชราแล้วพูดว่า "ท่านผู้เฒ่า ท่านผู้เฒ่า ผมพบวิธีที่จะออกจากที่นี่แล้ว ผมพบวิธีออกจากที่นี่แล้ว"

อย่างไรก็ตามยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากชายชรา

ตามความเป็นจริงหยางติงเทียนได้คิดวิธีที่จะออกจากถ้ำแล้วจริง เขาคิดว่าเขาสามารถใช้หิมะในการสร้างบันไดโดยติดมันเข้ากับผนังถ้ำ ในเมื่อถ้ำลึกประมาณสองสามกิโลเมตรเขาก็จำเป็นจะต้องสร้างประมาณหนึ่งหมื่นขั้นเพื่อขึ้นไปให้ถึงยอดเขา

หยางติงเทียนเริ่มบีบหิมะให้เป็นก้อนหิมะ โดยต่ละก้อนยาวหนึ่งฟุตและกว้างครึ่งฟุต จากนั้นเขาก็กดก้อนหิมะลงบนกำแพงถ้ำน้ำแข็งด้านหนึ่ง จากนั้นเขาก็ใช้ร่างของตัวเองละลายก้อนหิมะไปเป็นน้ำซึ่งก็จะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง อิฐหิมะแต่ละก้อนจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ ติดแน่นกับผนัง

หลังจากใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงหยางติงเทียนก็สามารถสร้างบันไดขั้นแรก ซึ่งสูงขึ้นจากพื้นดินครึ่งเมตร หยางติงเทียนปีนขึ้นไปบนนั้น อย่างที่เขาคาดไว้มันสามารถรับน้ำหนักของบุคคลได้โดยไม่แตกหัก

จากนั้นหยางติงเทียนก็เริ่มทำขั้นที่สอง ขั้นที่สองวางไว้สูงกว่าขั้นแรกสามสิบเซนติเมตรและเยื้องไปด้านหน้าอีกสามสิบเซ็นติเมตร แต่ละขั้นจะถูกจัดเรียงให้ชันขึ้นด้านบน ถ้าเขาสร้างมันในแนวตั้ง ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินไปบนนั้น

สิบชั่วโมงต่อมาหยางติงเทียนก็ทำได้เพียงแค่ 10 ขั้นเท่านั้น แม้ว่าเขาจะทุ่มเทอย่างหนัก เขาเหนื่อยมากจนต้องนั่งลงและหลับ หลังจากตื่นขึ้นมาเขาก็กลับไปทำงานทันที

ผ่านไปสิบวันหยางติงเทียนก็ได้สร้างบันไดน้ำแข็งกว่า 120 ขั้น ขั้นสูงสุดอยู่ที่ 40 เมตรเหนือพื้นถ้ำ ในช่วงสิบวันนี้ชายชรานั่งนิ่งๆหลับตาไม่พูดอะไรสักคำเดียวเหมือนเช่นเคย ในทางตรงกันข้ามหยางติงเทียนใช้เวลาทุกเวลานาทีที่ตื่นสร้างขั้นบันไดจนกว่าจะหมดแรง จากนั้นเขาก็จะนอนลงบนหิมะ หลับ และเริ่มงานเมื่อเขาตื่นขึ้นมา

อย่างไรก็ตามหลังจากถึงจุดหนึ่งหยางติงเทียนก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อีก หิมะตกหนักหยุดตกหนึ่งวันหลังจากที่เขาเริ่ม และบันไดน้ำแข็ง 120 ขั้นที่เขาสร้างขึ้นมานั้นได้ใช้ในถ้ำจนหมดไปแล้ว หากเขาต้องการทำขั้นต่อไปเขาจะต้องรอหิมะก่อน

นอกจากนี้พลังงานที่หยางติงเทียนได้รับจากยาเม็ดก็ถูกใช้จนหมดแล้ว ร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกหนาวอีกครั้งเนื่องจากเขาไม่เหลือพลังงานอีกต่อไป

หยางติงเทียนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า สวดภาวนาขอท้องฟ้าให้มืดมนและมีหิมะตกลงมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน น่าเสียดายที่มันเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสและไม่มีแม้แต่เมฆก้อนเดียวบนท้องฟ้า

ทันใดนั้นชายชราก็ลืมตาขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสิบวันที่ผ่านมา เขาเหลือบมองดูบันไดที่สร้างขึ้น ก่อนจะหันไปมองหยางติงเทียน

หยางติงเทียนพลันตื่นเต้น มองไปยังบันไดน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้นมา เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า "ดูสิท่านผู้เฒ่า นี่เป็นบันไดที่ผมสร้างขึ้น เราจะสามารถหลบหนีออกไปได้ในไม่ช้า ไม่ต้องห่วง บันไดของผมแข็งแรงมาก และผมจะพาคุณออกไปโดยใช้พวกมัน"

เหมือนก่อนหน้านี้ใบหน้าของชายชรานั้นไร้ความรู้สึก ไม่แม้จะเอ่ยอะไรที่เหมือนการขอบคุณออกมา จากนั้นเขาก็หลับตาลงอีกครั้งราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นอะไรเลย อย่างไรก็ตามเขาหยิบเม็ดยาออกมาจากแขนเสื้อของเขาแล้วโยนมันไปยังหยางติงเทียน

มันเป็นยาเม็ดสีแดงแบบเดียวกัน หยางติงเทียนรีบหยิบมันขึ้นมาใส่เข้าไปในปาก

ทันใดนั้นร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกถึงความรุ่มร้อนอีกครั้ง เติมพลังให้เขาไม่รู้จบ ทำให้มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะตะโกนเสียงดัง แต่เพราะว่ากลัวจะรบกวนชายชรา ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่ต่อยหมัดของเขาเพื่อระบายพลังงานทั้งหมดในร่างกายของเขา

ยาเม็ดนั้นมหัศจรรย์ สิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ไม่อาจพบได้ในโลก มันควรจะมีค่าอย่างยิ่ง อาจมีค่ามากกว่าทองคำหมื่นแท่ง ด้วยยานี้หยางติงเทียนก็เต็มไปด้วยพลังงาน แม้ว่าจะไม่ได้กินอาหารเป็นเวลาหลายสิบวันก็ตาม

แม้ว่ายาเม็ดจะมีค่าแต่หยางติงเทียนก็ไม่มีเจตนาจะขโมยมันเลยแม้แต่น้อย หลังจากทานยาแล้วหยางติงเทียนก็มีพลังงานเหลืออยู่ในตัวเขาจนไม่สามารถระบายออกมาได้ทั้งหมด ตอนนี้เขาโหยหาต้องการหิมะเพิ่มมากขึ้น ทันทีที่หิมะตกเขาจะสามารถสร้างบันไดต่อไปและออกจากสถานที่น่ากลัวแห่งนี้เร็วขึ้น

ในที่สุดพระเจ้าก็ดูเหมือนจะได้ยินคำอธิษฐานของหยางติงเทียน หรืออาจเป็นเรื่องบังเอิญของฤดูหนาว ในวันที่ห้าหลังจากที่หยางติงเทียนกินเม็ดยาก็เริ่มมีหิมะตก ถึงแม้ว่าหิมะจะไม่หนักเหมือนครั้งก่อน แต่ก็ไม่ได้น้อยเช่นกัน

หยางติงเทียนเริ่มร่ำร้องด้วยความตื่นเต้น

เขาเริ่มทำอิฐหิมะโดยไม่รอให้หิมะได้สุมเป็นกอง

ทันใดนั้นร่างของชายชราขยับเล็กน้อยและหิมะบนร่างของเขาก็ร่วงลงไป ชายชราลืมตาและโบกมือไปที่หยางติงเทียน จากนั้นเขาก็อ้าปากแล้วพูดอะไรบางอย่าง แม้ว่าหยางติงเทียนยังคงไม่เข้าใจคำพูด แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่านั่นหมายถึง “มาที่นี่”

หยางติงเทียนรีบเข้าไปหาและกล่าวว่า "ดูสิท่านผู้เฒ่า หิมะกำลังจะตกอีกครั้ง เราสามารถออกจากที่นี่ได้ในเวลาไม่นาน"

ชายชรายิ้มเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาที่ชายชรายิ้ม

จากนั้นชายชราก็เขียนอะไรบางอย่างบนหิมะด้วยนิ้วของเขา มันเป็นคำที่หยางติงเทียนไม่รู้จัก จากนั้นชายชราอ่านออกมาดังๆ และชี้ไปที่ตัวเอง

หยางติงเทียนไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้ เขาถามว่า "ท่านผู้เฒ่า ท่านช่วยสอนคำและภาษาที่ใช้ในโลกนี้ให้ผมได้ไหม"

ชายชราไม่เข้าใจสิ่งที่หยางติงเทียนพูด เขาชี้ไปที่คำบนหิมะแล้วอ่านออกเสียงอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ตัวเองอีกครั้ง

"คำที่คุณเขียนควรหมายถึง “ตัวเอง” ใช่ไหม“หยางติงเทียนถาม จากนั้นเขาเขียนคำว่า”ผท" บนหิมะอ่านออกเสียงและชี้ไปที่ตัวเขาเอง

“ผม…” ชายชราฟังอย่างใกล้ชิดและออกเสียงทวนได้ถูกต้องอย่างน่าประหลาด จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่คำที่เขียนบนหิมะแล้วชี้ไปที่ตัวเขาเอง ในที่สุดเขาใช้นิ้วของเขาเขียนคำว่า "ผม"

หยางติงเทียนตกใจมากจนพูดไม่ออก ชายชราคนนี้ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน เขาฟังและดูเพียงครั้งเดียว แต่สามารถอ่านและเขียนคำได้แล้ว การเขียนของหยางติงเทียนถือว่าดี แต่เขาไม่คาดคิดว่าคำที่เขียนโดยชายชราเป็นครั้งแรกจะดูดีกว่าของเขา

หลังจากนั้นชายชราก็เขียนคำที่เขาเคยเขียนบนหิมะก่อนหน้านั้น ก่อนที่จะอ่านและชี้ไปที่ตัวเอง

หยางติงเทียนรีบอ่านคำนั้นและเขียนคำเดียวกันบนหิมะอีกครั้ง นี่คือคำว่า “ข้า” ในโลกนี้

การออกเสียงและการเขียนของหยางติงเทียนค่อนข้างแม่นยำ ชายชรายิ้มและพยักหน้า จากนั้นเขาเขียนคำอีกคำลงบนหิมะอ่านออกเสียงและชี้ไปที่หยางติงเทียนเวลานี้สิ่งที่เขาเขียนควรเป็นคำว่า "เจ้า" ของโลกนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด