ตอนที่แล้วGE286 วังทั้งสาม [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE288 ทาส [ฟรี]

GE287 บรรลุเจตจำนงค์ขั้นต้น [ฟรี]


ภายในเขตวังมนุษย์ มีดาราส่องประกายงดงามประดับนภา อิฐที่สร้างจากเงินสะท้อนแสงดาราระยิบระยับ

ความงามเช่นนี้ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังลุ่มหลง ที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นเขาวงกต ทำให้ยิ่งยากที่จะจำแนกทิศทาง

เสียงฝีเท้าไม่เร็วนักย่ำเดินไปในวังมนุษย์ ทุกที่ที่เจ้าของฝีเท้านั้นเดินผ่าน แสงดาราส่องประกาย ก่อนกลายเป็นปราณกระบี่ตัดเฉือนสมุนไพรบริเวณนั้นแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไป

ผ่านไปหนึ่งเดือน หนิงฝานเดินเท้าได้ระยะทางกว่าหลายพันลี้ แต่นั่นก็ทำให้เจตจำนงค์พิรุณยกระดับไปมาก

เขาชูมือขึ้น หยาดฝนพรั่งพรมเป็นประกาย ฉากที่งดงามเบื้องหน้า ไม่รู้ว่าจริงหรือเพียงแค่หลอกตา

แต่เมื่อหนิงฝานขมวดคิ้ว แรงกดดันของหยาดฝนเหล่านั้นแปรเปลี่ยนในพริบตา เม็ดฝนจำนวนมหาศาลกระหน่ำ แต่ในจำนวนนั้น มีเม็ดฝนสีแดงโลหิตอยู่ 999 หยดที่ต่างออกไป

“ก่อนจะยกระดับเจตจำนงค์เทพ สิ่งแรกที่ต้องทำคือกำหนดทิศทางของการฝึกฝน… เจตจำนงค์เทพพิรุณคือเม็ดฝนที่พรั่งพรม หนึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าสร้าง ‘แก่นพิรุณ’  ได้ 999 หยด หากข้าสร้างได้ครบ 1000 หยก เจตจำนงค์เทพของข้าจะยกระดับสู่ขั้นต้น!”

หนิงฝานเอื้อมมือคว้าหยาดฝน ทันใดนั้น เม็ดฝนที่ร่วงหล่นสัมผัสพื้นได้แปรสภาพเป็นหมอกลอยกลับมาอยู่ในร่างของเขา แล้วค่อยๆก่อตัวเป็นหยดฝนสีแดงโลหิตในฝ่ามือ

หยดฝนที่พิเศษเหล่านั้น เพียงหนึ่งหยดก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นได้

ไม่นาน เม็ดฝนสีแดงโลหิตก็ก่อตัวจนสมบูรณ์ เขาควบกลั่นหยดพิรุณได้ทั้งหมด 1000 หยด ซึ่งหมายความว่าเจตจำนงค์เทพพิรุณของเขาบรรลุขั้นต้นแล้ว

“แม้จะเป็นเพียงขั้นต้น แต่หากไม่ใช่สถานที่พิเศษอย่างวังดารา คงยากที่จะทำให้มันยกระดับ… ไม่รู้ว่าถ้าใช้วิชาที่เสริมเจตจำนงค์เทพพิรุณ อานุภาพของมันจะทรงพลังขึ้นขนาดไหน!”

หนิงฝานลองใช้วิชาพิรุณน้ำแข็ง วิชานี้เป็นเพียงวิชาในระดับต่ำที่เขาเลิกใช้ไปแล้ว... เมื่อพิรุณสีโลหิตทั้ง 1000 หยดผสานเข้ากับวิชา อานุภาพของพวกมันเพิ่มพูนจนสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นบาดเจ็บสาหัสได้

การผสานวิชาเข้ากับเจตจำนงค์เทพช่างเป็นสิ่งที่น่าตื่นตะลึง

หากเขาสร้างหยดพิรุณได้หมื่นหยด แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงก็อาจถูกสังหารได้

ยามนี้ แรงกดดันที่กดทับตัวหนิงฝานเบาลงมาก ยากที่จะสยบเจตจำนงค์เทพพิรุณได้

หนิงฝานถอนเจตจำนงค์เทพพิรุณ หยาดฝนเลือนหาย เขายืนนิ่งหลับตาครู่หนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้น ปราณปีศาจที่รุนแรงแผ่ออกจากร่าง เงาร่างสีดำขนาดยักษ์ปรากฏ

“เจตจำนงค์เทพพิรุณยากจะยกระดับแล้ว ช่างน่าเสียดาย… แต่ก็เป็นโอกาสให้ข้ายกระดับเจตจำนงค์ปีศาจ…”

เจตจำนงค์ปีศาจของหนิงฝานมีลักษณะเป็นเหมือนฝุ่นทรายที่ก่อตัวเป็นภูเขายักษ์ 10 วันนับจากเริ่มยกระดับ ฝุ่นทรายได้ก่อตัวเป็นก้อนศิลาขนาดเท่ากำปั้น 1 ก้อน

ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ศิลาขนาดเท่ากำปั้นได้แปรสภาพเป็นศิลาสีดำสนิท

หลังจากผ่านไปจนครบหนึ่งเดือน ทุกที่ที่หนิงฝานเดินผ่าน จะมีเงาของเนินดินขนาดเล็กปรากฏ

ช่วงแรกเนินดินสูงได้เพียง 10 จ้าง แต่เมื่อวันเวลาผันผ่าน มันได้กลายเปนภูเขาที่สูงใหญ่กว่า 999 จ้าง

หนิงฝานหยุดฝีเท้า หลับตานิ่งเป็นเวลานาน

เมื่อเขาลืมตา พื้นดินยกตัวสูงจนกลายเป็นภูเขาที่ปะทุปราณปีศาจที่รุนแรง

“เจตจำนงค์ปีศาจ…ภูเขาปีศาจ ด้วยเวลาเพียงหนึ่งเดือน สามารถสร้าง ‘แก่นภูเขาปีศาจ’ สูง 999 จ้างได้ ข้าแก่นภูเขาปีศาจของข้าสูงถึง 1000 จ้าง เจตจำนงค์ปีศาจจะบรรลุขั้นต้น”

หนิงฝานที่ยืนอยู่บนยอดเขานั้น สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ภูเขากำลังสูงขึ้นทีละนิด

เมื่อภูเขาปีศาจสูงถึง 1000 จ้าง หนิงฝานลืมตา ภูเขาปีศาจหายไป เขาทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ชูมือเหนือศีรษะ ภูเขาปีศาจยักษ์สูง 1000 จ้างปรากฏบนฝ่ามือ!

“ถล่ม!”

หนิงฝานทุ่มภูเขาปีศาจในมือลง เมื่อภูเขาปีศาจกระแทกพื้น พื้นดินในรัศมีแสนลี้รอบตัวหนิงฝาน สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

“ถ้าภูเขาปีศาจสูงหมื่นจ้าง คงสังหารได้ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงได้ไม่ยาก!”

แต่น่าเสียดาย เมื่อเจตจำนงค์ปีศาจบรรลุขั้นต้นก็ยากจะยกระดับได้อีก

หนิงฝานสลายเจตจำนงค์ปีศาจไปชั่วครู่ ก่อนที่ปีกสีม่วงจะสยายออกจากกลางแผ่นหลัง ผมดำสลวยยาวขึ้น บนหน้าผากปรากฏเขายาวคู่หนึ่ง

นี่คือร่างฟู่ลี่ของหนิงฝาน

“เจตจำนงค์อสูรถูกกำหนดด้วยโลหิตอสูร… เผ่าพันธุ์ฟู่ลี่ถูกสังหารล้างเผ่าพันธุ์ แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจตจำนงค์ของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่คืออะไร แต่ข้าเชื่อว่ามันทรงพลังไม่ด้อยไปกว่ามังกรและหงส์เพลิง!”

หนิงฝานหวนนึกถึงฉากที่ลี่เป่ยและนายกองคนอื่นๆกลายร่างเป็นอสูรร่างยักษ์ แต่ตนเองไม่สามารถกลายร่างเป็นเช่นนั้นได้

ดูเหมือนวิถีการฝึกฝนของเผ่าพันธุ์ฟู่ลี่จะไม่ได้มีร่างใหญ่เหมือนเผ่าพันธุ์อื่นๆ

“วิถีทางการยกระดับของอสูร… สายเลือดฟู่ลี่ของข้าสามารถฝึกฝนร่างกายให้ขยายใหญ่ได้ เหมือนกับการฝึกฝนร่างกายของมนุษย์ ที่ยิ่งร่างกายใหญ่โตก็จะยิ่งทรงพลัง แต่หากบีบอัดและขัดเกลาพลังเหล่านั้นไว้ในร่างขนาดปกติ เวลาระเบิดพลังออกมาอานุภาพของมันย่อมทรงพลังยิ่งกว่า… สายเลือดฟู่ลี่ของข้าสามารถพัฒนาไปได้ทั้งสองทาง… แต่หนทางไหนที่ดีกว่ากัน?”

หนิงฝานทบทวนความเป็นฟู่ลี่ ย้อนนึกถึงลักษณะพิเศษของมัน

“ปีกอสูร! ความแข็งแกร่งของฟู่ลี่ด้อยกว่าความเร็ว… เพราะฉะนั้น การสร้าง ‘แก่นขนนก’ เพื่อเพิ่มความเร็วคือหนทางที่ดีที่สุด!”

ผ่านไปหนึ่งเดือน หนิงฝานยกระดับเจตจำนงค์อสูรจนสามารถสร้างแก่นขนนกขึ้นได้ 1000 ขนบนปีกทั้งสองข้าง!

ในเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา แม้หนิงฝานจะไม่ได้ยกระดับพลัง แต่ระดับสัมผัสเทพของเขาพัฒนาไปมาก และในช่วง 3 เดือนนี้เอง เหล่านายกองอสูรต่างพากันทยอยมุ่งเข้าสู่วังพิภพ

บางแห่งหลังบานประตูขนาดยักษ์… นายกองอสูรสองคนกำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรสีเงิน 4 ตัวอย่างดุเดือด

สัตว์อสูรเหล่านั้นมีร่างกายสูงใหญ่นับพันจ้าง บนศีรษะมี 4 เขา เขี้ยวยาวแหลมดูคล้ายหมาป่าที่หิวกระหาย ที่สำคัญ พวกมันแต่ละตัวยังแผ่กลิ่นอายขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นออกมา

สัตว์อสูรตัดวิญญาณ!

พวกมันหลับไหลอยู่ภายในที่แห่งนี้มาเนิ่นนาน เมื่อประตูถูกเปิด พวกมันจึงตื่นจากการหลับไหล

“ผู้ใดย่างกรายเข้ามา ผู้นั้นต้องตาย!” สัตว์อสูรทั้ง 4 ร่วมจู่โจม

นายกองอสูรในอาภรณ์ขาว ใบหน้าหล่อเหลา กลายร่างเป็นจิ้งจอกร่างยักษ์สูงพันจ้าง มีหางห้าหาง

มันอ้าปากพ่นอัสนีที่รุนแรงจู่โจมสัตว์อสูรร่างเงิน 2 ตัว จนพวกมันยากจะต้าน

จิ้งจอกตัวนั้นหัวเราะลั่น

“นี่เหรอวังดารา? น่าสนใจ! ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าทำไมที่สถานที่ที่ท่านลู่หลับไหลถึงได้กลายเป็นวังดารา! เข็มทิศชี้บอกว่านายท่านอยู่ลึกเข้าไป ส่วนลู่เป่ย...ยังอยู่ห่างจากที่นี่มาก ฮ่าฮ่า น่าเสียดายที่น้องเขยข้าไม่ได้มาล่าสัตว์อสูรเหล่านี้ด้วย ถ้าเขามา แค่กระบี่เดียวคงสังหารพวกมันได้แล้ว”

จิ้งจอกตัวนี้คือพี่ชายของลู่ว่านเอ๋อร์… ลู่เฉิง!

นายกองอสูรอีกคนคือบุรุษในชุดเกราะแดง มันไม่ได้กลายร่างเป็นอสูร แต่ใช่ร่างมนุษย์ในขอบเขตกระดูกหยกต่อกรกับพวกมัน

ปราณอสูรของคนผู้นี้ใกล้จะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง มันมีวิชาที่ทำให้ร่างกายยกระดับขึ้นไปอีกขั้นในชั่วระยะเวลาสั้นๆ หมัดของมันจึงทรงพลังมากพอที่จะสร้างความเสียหายให้สัตว์อสูรเงินไม่น้อย ยิ่งสัตว์อสูรเหล่านั้นถูกกระหน่ำชกไปมากเท่าไหร่ อาการบาดเจ็บของพวกมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“สัตว์อสูรตัวไหนกล้าขวางข้า มันต้องตาย!”

หมัดกระหน่ำเข้าร่างของอสูรเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องจนกระดูกของพวกมันหักไปทั่วร่าง ยามนี้ พวกไม่อาจลุกยืนไหว

เมื่อสบโอกาส บุรุษเกราะแดงยกเท้าสูง เหยียบร่างของพวกมันจนเละ จากนั้นควักเอาแก่นอสูรของพวกมันแล้วหัวเราะลั่น

แม้การต่อสู้ครั้งนี้จะกินกำลังกายและปราณไปมาก ทั้งยังทำให้บาดเจ็บไม่น้อย แต่มันยังคงกระหายการต่อสู้

“น้องลู่เฉิง… ร่างจิ้งจอกอัสนีของเจ้ามีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งก็จริง แต่ดูเหมือนการจู่โจมยังด้อยอยู่!”

“ข้าจะแข็งแกร่งสู้ท่านได้ยังไง...” ลู่เฉิงกล่าว แต่ในชั่วพริบตานั้น แววตาของมันเปล่งประกายก่อนที่ร่างจะแปรเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกเก้าหัว แรงกดดันทรงพลังเพิ่มพูน

ศีรษะทั้ง 9 อ้าออก ยิ่งอัสนีที่รุนแรงเข้าใส่สัตว์อสูรเงินสองตัวก่อนหน้ากระทั่งพวกมันถูกสังหาร

ไม่นานร่างจิ้งจอกสลายเป็นหมอกควัน ก่อนปรากฏผู้เยาว์ใบหน้าหล่อเหล่าเดินมาพร้อมกับแก่นอสูร 2 ดวง

แม้ใบหน้าของลู่เฉิงจะดูซีดขาว แต่ก็ยังประดับด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข

“น่าเสียดายที่ลู่เป่ยไม่ได้มาด้วย… แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าแบ่งแก่นอสูรให้เขาหนึ่งดวง ส่วนพวกเราพักรักษาตัวรอจนกว่าลู่เป่ยจะมาเถอะ จะได้ไปต่อพร้อมกัน”

ลู่เฉิงยิ้มพลางกล่าว มันเก็บแก่นอสูรพลางนั่งขัดสมาธิ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก

บุรุษกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อพวกมันเห็นลู่เฉิง จึงทำสีหน้าเย้ยหยัน

“ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้นสังหารอสูรตัดวิญญาณที่ทรงพลังได้… นับว่าพวกเจ้าทรงพลัง แต่น่าเสียดาย ถึงแม้จะทรงพลัง แต่ก็เป็นได้แค่มดปลวก! ส่งแก่นอสูรมาซะ แล้วข้าจะเหลือศพสวยๆไว้ให้พวกเจ้า!”

ผู้ที่มาคือบุรุษในเกราะดำ เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง ลู่เฉิงจำได้ว่าพวกมันเป็นคนของหวางเซี่ยว

“เป็นถึงคนของแดนสวรรค์ แต่กลับคิดจะปล้นสมบัติพวกข้า!” ลู่เฉิงกล่าวอย่างเย็นชา

“ข้าจะปล้นแล้วพวกเจ้าจะทำไม? ถึงพวกข้าจะกลัวลู่เป่ย… แต่พวกข้าไม่กลัวพวกเจ้า! จัดการมัน!”

เมื่อมันออกคำสั่งผู้ติดตาม 3 คนข้างหลังมันก็ลงมือ เพียงแต่ ผู้ติดตามเหล่านั้นกลับแผ่กลิ่นอายขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงออกมา!

บุรุษเกราะแดงขมวดคิ้ว ดูเหมือนวันนี้วันจะโชคร้ายเป็นอย่างมาก

“ลู่เฉิง เจ้ารีบย้อนกลับไปลู่เป่ย ข้าจะต้านพวกมันไว้ให้!”

“ฮ่าฮ่า! ข้าลู่เฉิงเคยผ่านสนามรบมามากมาย เหตุใดจะให้ทิ้งสหายร่วมรบได้! โลหิตคลั่ง!”

ลู่เฉิงเผาแก่นโลหิตเพื่อเพิ่มพลัง!

ลู่เฉิงรู้ดีว่าวันนี้มันไม่มีทางรอด เพราะการเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางและขั้นสูง ก็เท่ากับรนหาที่ตาย!

“กลายร่าง!”

ร่างลู่เฉิงเปล่งแสงเจิดจ้า มันกลายร่างเป็นจิ้งจอกขนาดยักษ์ ทั่วร่างกลายเป็นสีแดงฉาน!

“โอ้? ช่างน่าสนใจ เป็นแค่มดปลวกแต่กลับบรรลุเจตจำนงค์อสูรขั้นต้น ถ้าให้เจ้าดูดซับแก่นอสูรไปอีกสักพัก เจ้าต้องบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณแน่นอน… แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาส! ฆ่ามัน!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด