ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0292 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0294 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0293 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 293 : พ่อมดหมอผี

ฉินหยุนคิดอยากไปเมืองมังกรมานานแล้ว เขาอยากตรวจสอบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในเขตที่หนึ่งโดยเร็วเช่นกัน

กล่าวกันว่า บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองอี้ ได้รวมตัวกันเพื่อคุ้มกันเมืองมังกรแห่งนั้น

“ในเมืองมังกร มีมังกรซ่อนเร้นมากมาย พยัคฆ์ร้ายก็มี!” ผู้อาวุโสโจวกล่าว “แม้พวกเราเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พวกเราก็ยังต้องระวังตัวที่นั่น เพราะเมืองมังกร มีอีกหลายคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเรา บางคนกระทั่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาได้ยากยิ่ง!”

“ผู้ใดล้วนสามารถเข้าเมืองมังกร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “พวกเขาบากบั่นสร้างเมืองเช่นนั้นขึ้น ดังนั้นย่อมต้องเรียเก็บค่าเข้าเมืองเพื่อรักษาความปลอดภัยไปด้วยในตัวใช่หรือไม่?”

“เป็นเช่นนั้น ปกติพวกเขาจะเรียกเก็บแก่นอสูรระดับที่แปดหนึ่งเม็ดหากคิดเข้าไป และจะมีค่าภาษีอีกเล็กน้อย” เหล่าถานกล่าว “แก่นอสูรระดับที่แปด สำหรับพวกเราไม่นับเป็นอะไร”

ฉินหยุนมีแก่นอสูรระดับที่แปดจำนวนหนึ่ง ทว่าเขาไม่ทราบว่าจะใช้พวกมันได้อย่างไร

“น่าเสียดายที่พวกเราไม่อาจเก็บร่างของอสูรมังกรราชสีห์มาได้!” ผู้อาวุโสโจวถอนหายใจ “ทุกส่วนของร่างอสูรมังกรราชสีห์ถือเป็นสมบัติ หากได้อาหยุนช่วยขัดเกลา มันต้องออกมาดีอย่างแน่นอน!”

ฉินหยุนยิ้มตอบ “ได้ไข่ผลึกแก้วมังกรอสูร พวกเราก็ทำได้น่าพึงพอใจมากแล้ว! สถานการณ์ในตอนนั้นค่อนข้างคับขัน พวกเราไม่มีอย่างอื่นที่ทำได้อีก”

เขาเองก็เสียดาย แต่พิจารณาจากสถานการณ์ พวกเขาไม่มีเวลามากพอให้ไปรวบรวมร่างของพวกมันจริง ๆ

ผู้อาวุโสโจวพยักหน้ารับ “อาหยุน เจ้าช่างเปิดใจกว้างนัก เป็นข้าที่คิดเสียดายมันมาตลอดทาง!”

“เมื่อพวกเราถึงเมืองมังกร พวกเราต้องเก็บซ่อนตัวตนให้ดี ทางที่ดีอย่าได้ให้ผู้อื่นจดจำพวกเราได้ เพราะพวกเราเพิ่งได้รับไข่ผลึกแก้วมังกรอสูร ต้องมีหลายคนคิดอยากปล้นชิงแน่” เหล่าถานกล่าวย้ำเตือน

ตอนพวกเขาต่อสู้กับฝูงอสูรมังกรราชสีห์ หลายคนต่างรับชมอยู่ไกลออกไป ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น มีหลายคนที่เป็นยอดฝีมือ พวกเขาล้วนต้องเคยอยู่ที่เมืองมังกรอย่างแน่นอน

หากกลุ่มคนเหล่านั้นกลับเมืองมังกร พวกเขาย่อมต้องเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป

เพราะเหล่าถานมีปืนใหญ่ราชันวิญญาณ ชื่อเสียงของเขามิใช่ชั่ว หลายคนล้วนจดจำเขาได้ ดังนั้นเขายิ่งต้องปิดซ่อนตัวตนให้มากยิ่งขึ้น

เดินทางอยู่หลายวัน ในที่สุดฉินหยุนค่อยเห็นเมืองมังกร

กำแพงของเมืองมังกรสูงนับร้อยเมตร ทั้งยังเป็นสีขาวเงิน มันดูแข็งแกร่งยิ่ง เมืองขนาดใหญ่แห่งนี้ กล่าวได้ว่าสามารถจุคนได้นับล้าน

ที่เมืองอี้ ส่วนใหญ่ยอดฝีมือที่รอดชีวิตมาได้ ล้วนอยู่ในเมืองมังกร

เหล่าถานเดินนำหน้าฉินหยุนและคณะสู่ประตูบานเล็ก

หากต้องการผ่านประตูนี้ ก็ต้องก้มหัวลงต่ำเพื่อเข้าไป นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรเข้าไปได้

กระทั่งผู้เฝ้ายามที่ประตูยังหย่อนความระวัง เพราะสัตว์อสูรขนาดใหญ่ยากจะผ่านเข้าประตูนี้ หากมีสัตว์อสูรขนาดเล็กเข้ามา ก็ไม่ใช่เรื่องยากจัดการอยู่ดี

พวกเขานำเอาแก่นอสูรระดับแปด ส่งมอบแก่ยามเฝ้าประตูและเข้าเมืองได้โดยไม่โดนสอบถามอันใด

ภายในเมืองมังกร มีอาคารปลูกสร้างทำจากเหล็กหลายแห่ง พวกมันล้วนสูงหลายสิบเมตร กระทั่งร้อยเมตรมีให้เห็น ชัดเจนว่าพวกมันสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันฝูงสัตว์อสูร หากโดนบุกโจมตี พวกมันจะไม่อาจพังโดยง่าย

ชั่วขณะที่ฉินหยุนเข้ามา เขาถึงกับมึนงงไปเพราะอาคารเหล็กหลายหลัง เป็นตำหนักเหล็กกล้าขนาดใหญ่!

แม้ว่าสาขาหลักของตำหนักจารึกเทวะจะน่าทึ่ง แต่ก็ยังคงมีตำหนักใหญ่เพียงแค่หนึ่งเดียว ทว่าในเมืองมังกร มีหลายตำหนักที่สร้างขึ้นจากเหล็กวิญญาณสีเงิน

“เมืองอี้ช่างร่ำรวยทรัพยากรนัก!” ฉินหยุนมองเพียงครั้งเดียว ล้วนบอกได้ว่าอาคารสิ่งปลูกสร้างที่นี่ ได้รับการคุ้มกันโดยค่ายอาคมใหญ่ โดยเฉพาะกับหอสูงซึ่งใหญ่ที่สุด

เหล่าถานกล่าว “เมืองอี้เดิมเปี่ยมด้วยผู้มีพรสวรรค์ เพราะหลายคนตายจาก ทรัพยากรจำนวนมากจึงถูกรวบรวมมา! ขั้วอำนาจใหญ่ของที่นี่ บ่อยครั้งจะส่งกำลังคนนับพันออกสู่ภายนอกไปรวบรวมทรัพยากร บ้านหลายหลังด้านนอกถูกทำลาย หลายสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในห้องเก็บของ ต่างถูกรวมมาที่นี่

สมาคมที่มีสมาชิกกว่าหนึ่งพันคน พวกเขาย่อมเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ ย่อมไม่หวาดเกรงอันใด!

“เช่นนั้นแล้วเงินตราที่นี่ใช้อะไร? ยังเป็นเหรียญผลึกหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เหรียญผลึกหรือไม่ก็เหรียญม่วง! อย่างไรแล้ว เพื่อคงสภาพค่ายอาคมใหญ่ ยังไงก็จำเป็นต้องใช้เหรียญผลึกจำนวนมาก” ผู้อาวุโสโจวกล่าว “เหรียญผลึกสามารถใช้ซื้อหาหลายสิ่งได้ที่นี่ ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรก็สามารถซื้อหาได้ แต่พวกมันแพงยิ่ง บางทีฟองหนึ่งอาจหลายร้อยล้าน”

ฉินหยุนไม่มีเหรียญผลึกมากมายขนาดนั้น ต่อให้เขาคิดอยากซื้อหา ก็ไม่มีเหรียญผลึกพอให้ไปซื้อ

“ไปหาหมอผีกันก่อนดีกว่า!” ฉินหยุนกล่าวขึ้น ตอนพวกเขาอยู่นอกเมือง พวกเขาปลอมตัวกันอย่างเรียบง่าย โดยเฉพาะเหล่าถาน ที่ปลอมตัวเองเป็นชายชรายิ่ง

ผู้อาวุโสโจวกล่าว “พวกเรายังไม่ไป พวกเราจะเดินไปคุยไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นค่อยไปยังโรงเตี๊ยมเทียนอี้ เมื่อถึงเวลา ค่อยไปพบเจอกันที่นั่น”

เหล่าถานพยักหน้ารับ และกล่าวกับฉินหยุน “อาหยุน พวกเราสองคนไปกันก่อน ตามข้าอย่าให้ห่าง!”

หลังบอกลากับผู้อาวุโสโจวและบุตรชายทั้งสอง ฉินหยุนและเหล่าถานจึงใช้ถนนตรอกซอยคับแคบ มุ่งหน้าสู่ทางตอนเหนือของเมือง

ตรอกซอยคับแคบแห่งนี้มีเสียงดังอึกทึกไม่น้อย มีขายทั้งกระดูกสัตว์อสูร ของแปลกประหลาดนานาชนิด แก่นอสูร รวมถึงอวัยวะของพวกมัน พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนขายของที่ได้รับจากสัตว์อสูร

“ที่นี่มีสัตว์อสูรอยู่หลายประเภทนัก!” ฉินหยุนอดไม่ได้ร้องอุทานออก

เหล่าถานกล่าว “ใช่! เพราะเมืองอี้เต็มไปด้วยพวกสัตว์อสูร พวกมันสังหารคนไปมาก แต่มนุษย์ก็สังหารพวกมันไปมากเช่นเดียวกัน! ทว่าอัตราเกิดใหม่ของสัตว์อสูรรวดเร็วกว่า ทั้งพวกมันที่เกิดขึ้นมาก็ล้วนแข็งแกร่ง ไม่ใช่อะไรที่มนุษย์เทียบเปรียบได้จริง ๆ”

“อาจารย์ถาน หมอผีผู้นั้นอยู่ที่ใดขอรับ? ต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม ตอนนี้เขาเปลี่ยนวิธีการเรียกหาเหล่าถานเสียใหม่

“ไม่นาน เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เพราะเขาต้องการวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อจัดทำยาวิเศษหลายประเภท” เหล่าถานยิ้ม “นามคืออู๋เซี่ยง ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่นี่”

หลังเดินอยู่พักหนึ่ง เหล่าถานค่อยโบกมือให้ฉินหยุนเข้าไปในซอย เขาหันไปพร้อมเข้าซอย เดินผ่านประตูบ้านหลายหลัง หลังจากเดินเป็นวงกลมรอบหนึ่ง ค่อยเข้ามายังบ้านที่มีสวนขนาดเล็ก

ประตูนี้ค่อนข้างพิเศษ มันมีกะโหลกสัตว์อสูรแขวนเอาไว้ พร้อมทั้งหัวหมูสองหัวที่เผยฟันขาว

“ปรมาจารย์อู๋ผู้นี้ช่างพิเศษนัก!” ฉินหยุนมองหัวหมูและยิ้มกล่าว

อย่างกะทันหัน กรามของหัวหมูพลันขยับขึ้นลง มันพูดออกมา “นั่นใคร?”

ฉินหยุนตระหนก!

“เป็นข้า เหล่าถาน!” เหล่าถานยิ้มตอบ “ข้าพาสหายตัวน้อยมาด้วย ที่เคยเอ่ยถึงครั้งก่อน จำได้หรือไม่?”

หัวหมูป่าเผยดวงตาว่างเปล่า ฉับพลันมีแสงสีเขียวปรากฏ พวกมันปกคลุมร่างฉินหยุนและเหล่าถาน

“อาถาน! ได้ เจ้าผลักประตูให้เปิดออกและเข้ามา!” เหล่าถานเร่งรีบผลักประตูเปิดออก บอกให้ฉินหยุนเร่งเข้าไป

พอฉินหยุนเข้ามาแล้ว เขาจึงเห็นโครงกระดูกคนตั้งเรียงรายสองฟากข้างทางเดิน จะกล่าวว่าเป็นมนุษย์ก็ไม่ได้ เพราะโครงกระดูกแม้เป็นมนุษย์ แต่แขนขาทั้งสี่กลับไม่ใช่ รวมถึงหัวด้วย บางหัวก็เป็นของสัตว์อสูร

ดูเหมือนนี่จะสร้างขึ้นจากกระดูกมนุษย์และสัตว์อสูร

“อย่าเข้าไปใกล้ กระดูกพวกนี้แข็งแกร่งนัก!” เหล่าถานเอ่ยเตือนเสียงเบา

“ข้านึกว่าของประดับ!” ฉินหยุนตกใจเล็กน้อย กระนั้นเขาก็หาได้คิดเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามเช่นกัน

พวกเขาเข้ามาในบ้านจนกระทั่งถึงห้องโถงกว้าง จึงได้เห็นชายชราร่างผอมที่มีหางหมูยาวถึงบนฟ้า

ชายชราเข้ามาใกล้ฉินหยุน หนวดเคราของเขายาวลากพื้น หนวดเหล่านี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ยิ่ง บ้างก็ถักเอาไว้ทั้งยังมีหลายสี ไม่ทราบว่าพวกมันแท้จริงไว้ใช้ทำอะไรกันแน่

ชายชราร่างเล็กผู้นี้ คือหมอผีนามอู๋เซี่ยง แม้เป็นชายร่างเตี้ยและผอม กระนั้นกลับมีพลังอย่างประหลาด รอยยิ้มผ่านดวงตาชรานั้นมีประกายเปี่ยมด้วยแสง

ชายชราประหลาดคนนี้ดูท่าทีสุภาพ เขายิ้มและกล่าวคำออก “นั่งก่อน นั่งก่อน!”

ฉินหยุนและเหล่าถานนั่งลงโดยทันที เก้าอี้นี้สร้างขึ้นจากกระดูกสัตว์ หลายอย่างในห้องโถงแห่งนี้ล้วนเป็นกระดูกสีขาว มันชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกประหลาด

“อาถานบอกเล่าเรื่องเจ้าให้ข้าฟัง เจ้ายังเยาว์นัก แต่กลับเป็นอาจารย์จารึกระดับต้น และยังสามารถทำยันต์สะกดกายระดับกลางได้!” พ่อมดมองฉินหยุนอย่างสนอกสนใจ

“ผู้อาวุโสอู๋ ตอนนี้ข้าสามารถขัดเกลายันต์สะกดกายชั้นเลิศได้ขอรับ” ขณะฉินหยุนกล่าว เขานำเอายันต์สะกดกายชั้นเลิศที่ทำขึ้นออกมา ส่งให้แก่อู๋เซี่ยง เขายิ้มกล่าว “นี่ถือเป็นของขวัญการพบเจอแก่ผู้อาวุโสอู๋!”

อู๋เซี่ยงประหลาดใจ เขาเร่งรีบรับยันต์กระดูกไปสำรวจดู กระทั่งแทบแนบเข้าไปตรงหน้าดวงตาจนเกือบสัมผัส

“ความวิจิตรระดับห้า เจ้าทำมันเองจริงหรือนี่?” อู๋เซี่ยงเอ่ยถามประหลาดใจ เป็นเขาตระหนักถึงความวิจิตรได้

“ขอรับ!” ฉินหยุนเองก็ลอบประหลาดใจ หมอผีผู้นี้ถึงขั้นมองเห็นระดับความวิจิตร ชัดเจนว่าเขาต้องค้นคว้าเรื่องอักขระประหลาดมาเป็นอย่างดี

“เจ้าทำให้ข้าสักแผ่นได้หรือไม่?” อู๋เซี่ยงกล่าว “ข้าทราบ เจ้ามาพบข้าเพราะอยากก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ไม่มีปัญหา สบายใจได้!”

พอฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขาค่อยโล่งอก พยักหน้ารับและยิ้มตอบ “ขอรับ ข้าจะทำที่นี่เดี๋ยวนี้!”

“อาถาน หากเจ้ารู้สึกเบื่อให้ออกไปเดินเล่นได้! อย่าได้ห่วง ข้าไม่กินเด็กน้อยคนนี้หรอก!” ฉินหยุนรู้สึกสยองขวัญยามได้ยินคำกล่าวนี้ของอู๋เซี่ยง

เหล่าถานหัวเราะแห้งตอบ “ขอรับ ข้าให้อาหยุนอยู่ที่นี่ ภายหลังข้าค่อยกลับมา”

อู๋เซี่ยงออกไปส่งเหล่าถาน ทว่า ชั่วขณะที่กลับมา เขาเห็นฉินหยุนนำอุปกรณ์เครื่องมือทำงานออกมาพร้อมแผ่นกระดูก เป็นเขาตระเตรียมแกะสลักผังวิญญาณ

“ข้าจะเริ่มงานเดี๋ยวนี้!” ฉินหยุนนำเอาปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตออกมา แต่ขณะที่คิดจรดแกะสลักผังวิญญาณ เขาได้ยินเสียงร้องประหลาดดังขึ้น

“อ๋า! เป็นจารึกวิญญาณ ราชันสัตว์!” อู๋เซี่ยงแตกตื่น ดวงตากลอกมอง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความไม่เชื่อขณะชี้ที่ปากกาลึกล้ำ

ฉินหยุนตระหนก ราชันสัตว์ ถือเป็นความลับใหญ่หลวงที่สุดอย่างหนึ่งของเขา ทว่าตอนนี้กลับถูกมองออกอย่างปรุโปร่ง

“ผู้อาวุโสอู๋ ขอร้องท่านอย่าได้พูดต่อเรื่องนี้!” ฉินหยุนเผยเสียงเป็นกังวล

“อย่าได้ห่วง ต่อให้ข้าสังหารเจ้าที่นี่ ข้าก็ไม่มีปัญญาใช้จารึกวิญญาณราชันสัตว์” อู๋เซี่ยงสูดลมหายใจเข้าลึกและถอนหายใจ

ได้ยินดังนี้ ฉินหยุนค่อยวางใจได้มาก เขากล่าว “เป็นเพราะข้าได้รับปากกาด้ามนี้ ความแม่นยำจึงเพิ่มมากขึ้น เดิมข้าทำระดับความวิจิตรได้เพียงสามถึงสี่ขอรับ”

“เท่านั้นก็ดีเยี่ยมแล้ว!” อู๋เซี่ยงกล่าว “ไม่ต้องทำแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถทำได้แม่นยำจริงดังว่า! ข้าจะไปผสมยาแก่เจ้าหลังจากนี้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะช่วยขัดเกลายันต์ให้แก่ข้าสักสองแผ่น!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด