ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0287
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0289

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0288


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 288 : หน่วยวิญญาณสีคราม

ฉินหยุนตอนนี้ตึงเครียดขณะพยายามหลบเลี่ยงฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่ตรงหน้า มีเพียงเมื่อภูติอสูรนำทางเขาออกห่างจากฝูงสัตว์อสูร หัวใจเขาค่อยสงบลงได้

“น่ากลัวนัก กระทั่งว่าอยู่ห่างออกไปพอสมควร ข้ายังรู้สึกถึงความน่ากลัวจากพวกมันได้!” กระทั่งโมโมยังเผยร่องรอยความหวาดกลัวที่ใบหน้า ทั้งยังมีเหงื่อไหลซึมออกมา

“ตอนนี้ไม่น่าเป็นไรแล้ว” ฉินหยุนถอนหายใจยาวออกมา “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงเดินต่อไป ถึงตอนนั้นคงต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่ รู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว!”

พวกสัตว์อสูรที่เขตที่หนึ่ง ความระแวดระวังของพวกมันย่อมต้องสูง ผู้ใดที่คิดเข้าใกล้พวกมัน คำเตือนคือที่สิ่งไม่มีอยู่จริง พวกมันจะพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงโดยทันที

ดังนั้นแล้ว ในเขตที่หนึ่ง เมื่อทราบว่ามีฝูงสัตว์อสูรอยู่ตรงหน้าล่วงหน้าเพียงใด ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น

แม้ฉินหยุนผ่านฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่มาได้ โมโมก็ไม่คิดหย่อนความระวัง คิ้วของนางยังคงขมวดสัมผัสถึงรอบด้านอย่างระแวดระวัง เป็นนางต้องแบกรับภาระมหาศาล เพราะต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

ฉินหยุนสัมผัสได้ก็แต่สัตว์อสูรที่อยู่ไม่ไกล ไม่อาจสัมผัสถึงพวกที่อยู่ไกลออกไป เช่นนี้ภูติอสูรจึงเป็นตัวช่วยเหลือเขาอย่างมหาศาล ทำให้เขาสามารถรักษาระยะห่างกับสัตว์อสูรฝูงใหญ่ได้

คืนแรกที่เข้าสู่เขตที่หนึ่ง เขาพบเจอสัตว์อสูรทั้งสิ้นสามฝูง หนึ่งในนั้นเป็นขนาดใหญ่มาก อีกสองฝูงก็ยังถือว่าใหญ่

“เขตที่หนึ่ง มีแต่สัตว์อสูรทรงพลังเต็มไปหมด!” พอฉินหยุนได้เห็นท้องฟ้าเริ่มเป็นสีขาว เขาจึงเริ่มมองหาห้องใต้ดินคิดหลบซ่อนตัวเอง

ช่วงกลางวัน เขาไม่อาจใช้พลังเงาปกปิดออร่า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะโดนพบเจอโดยพลังจิต ถือว่าอันตรายเกินไป

เขตที่หนึ่งค่อนข้างใหญ่ จึงมีฝูงสัตว์อสูรจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ พวกมันไม่ได้เดินทางรวดเร็ว และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกมันจะเข้าถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตรงกลางเขต

ในห้องใต้ดิน ฉินหยุนติดตั้งอาคมธงเพื่อผนึกออร่าตนเอง นำเอาเตาหลอมออกมา และเริ่มขัดเกลายันต์สะกดกาย

ที่เขาคิดทำตอนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นยันต์สะกดกายชั้นเลิศ พวกมันเอาไว้รับมือกับสัตว์อสูรระดับวิญญาณโดยเฉพาะ

“หากเราได้ความช่วยเหลือจากผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ยันต์สะกดกายจะยิ่งแข็งแกร่งมากกว่านี้!” ฉินหยุนรู้สึกเสียดาย ก่อนหน้านี้เขาได้หลันเฟิงจินและเชี่ยวเสวียนฉินช่วยเหลือใส่พลังในแผ่นยันต์ พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เพราะพวกเขาจึงทำให้พลังอำนาจของยันต์แข็งแกร่งขึ้นมาก

นอกจากนี้ เขายังค่อนข้างคุ้นชินกับผังสะกดกาย ดังนั้นตราบเท่าที่ถือปากกาในมือ เขาแทบไม่ต้องนึกภาพผังสะกดกาย ก็สามารถแกะสลักมันได้อย่างลื่นไหลเป็นยันต์สะกดกาย

เพราะแกะสลักผังจารึกนี้บ่อยครั้ง ความแม่นยำจึงยิ่งมายิ่งมาก จนแทบถึงขีดสุดของผังจารึกแล้ว มันคือขอบเขตที่อาจารย์จารึกหลายต่อหลายคนคิดฝันถึง

พอฉินหยุนเหนื่อยจากการทำยันต์สะกดกายชั้นเลิศ เขาจึงพัก หลังจากพักได้ไม่นาน เขาก็เริ่มจัดทำต่อ เรื่องนี้วนเวียนซ้ำจนกระทั่งผ่านช่วงเวลากลางวันไป

“ฟ้ามืดแล้ว!” ในที่สุดฉินหยุนก็อดทนทำมาได้ตลอดทั้งวัน ขัดเกลายันต์สะกดกายชั้นเลิศได้สองแผ่น ยิ่งมียันต์ที่เอาไว้สะกดสัตว์อสูรระดับวิญญาณมากเพียงใด มันก็ยิ่งดีมากเพียงนั้น

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงใช้เวลาไปหลายวัน ช่วงเวลากลางวันจะทำยันต์ขึ้นมา และกลางคืน เขาจะหาทางเคลื่อนที่ไปยังที่ซึ่งมีออร่าพิเศษปลดปล่อยออกมา

“เราอยู่ที่เขตหนึ่งมาได้ห้าวันแล้ว!” หลังเดินอยู่อีกหนึ่งค่ำคืน ฉินหยุนพบบอลแสงสีแดงเก้าดวงอยู่ไกลออกไป เขาทราบว่าตอนนี้ฟ้าใกล้สางแล้ว

ขณะคิดหาห้องใต้ดินหลบซ่อน เขาพลันพบออร่าทรงพลังจำนวนหนึ่ง เป็นออร่าของมนุษย์!

“หน่วยมนุษย์ล่าสัตว์อสูร? หลายคนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า แข็งแกร่งนัก!” ฉินหยุนเร่งรีบเก็บซ่อนโมโม จากนั้นจึงวูบไหวเข้าหลบซ่อนในร้านค้ารกร้าง

เขาไม่อาจเห็นว่าเป็นผู้ใด ทราบเพียงแต่ว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้ามาทางนี้!

ฉินหยุนตอนนี้ยืนที่ถนนเส้นหลัก ร้านค้าหรูหราทั้งสองฟากข้างถนนต่างได้รับความเสียหาย พื้นถนนก็เกิดรอยปริแตกจำนวนมาก พวกมันคือร่องรอยหลังการศึกที่รุนแรง

ฉินหยุน ผู้ซึ่งหลบซ่อนตัวในร้าน เป็นกังวลยิ่ง เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ที่โผล่พรวดมา คล้ายกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา

ฉินหยุนกำยันต์สะกดกายชั้นเลิศกว่าสิบแผ่นไว้ในมือแน่น นี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่เขาจะสามารถรับมือกับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้

“ใกล้เข้ามาแล้ว... เดี๋ยวนะ... เหตุใดออร่านี้คุ้นเคยนัก?” ฉินหยุนฝึกฝนพลังจิตโดยวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ทั้งยังมีวิถีหัวใจตะวันดารา เขาสามารถควบแน่นพลังจิตเป็นผลึกแก้ว ทำให้สามารถสัมผัสถึงออร่าที่คุ้นเคยด้วยได้

ออร่าที่ใกล้เข้ามานี้ ฉินหยุนตระหนก เพราะออร่านี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

“ออร่าดาบของพี่ใหญ่เซี่ย!” เขายินดีขึ้นมา ขณะวิ่งออกจากร้าน เขาจึงได้พบกว่าสิบคนในชุดสีน้ำเงิน

ฉินหยุนพบใบหน้าคุ้นเคยหลายคนนัก เซี่ยอู๋เฟิง โฮ่วฉิงเฟิง เชี่ยวเย่ว์หลาน หยางฉีเย่ว์ และหลันเฟิงจิน เหล่านี้เขาล้วนรู้จัก

นอกเหนือจากนั้น ยังมีอีกคนที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาอย่างมหาศาล เชี่ยวหยางหลง!

เขาได้เห็นว่านี่คือหน่วยทรงพลังจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม พวกเขาล้วนยังเยาว์ นอกจากชายชราที่นำหน่วยและโฮ่วฉิงเฟิง พวกเขาล้วนเยาว์วัยกันทั้งสิ้น

“น้องหยุน เป็นเจ้าจริงด้วย!” เซี่ยอู๋เฟิงยินดีที่ได้พบฉินหยุน เขาเร่งรีบเดินเข้ามาตบไหล่ฉินหยุนยกใหญ่

กระทั่งว่าเซี่ยอู๋เฟิงมีแขนเพียงหนึ่งข้าง พละกำลังของเขากลับเติบโตแข็งแกร่งขึ้นไม่อาจหยุดยั้ง บางทีอาจเป็นเพราะเขาฝึกฝนวิถีดาบ ทั้งยังมีพลังจิตกล้าแกร่ง จึงก้าวหน้าได้รวดเร็ว

“พี่ใหญ่เซี่ย เหมือนท่านจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว ช่างน่าทึ่งนัก!” หลังฉินหยุนได้เข้ามีปฏิสัมพันธ์ระยะใกล้ เขาจึงสัมผัสได้ ว่าเซี่ยอู๋เฟิงแข็งแกร่งขึ้นมาก

“ไม่นับเป็นอะไรแล้ว เจ้าต่างหากของจริง! เจ้าถึงขั้นมาที่นี่โดยลำพังตัวเองได้!” พอเซี่ยอู๋เฟิงพบว่าฉินหยุนไม่มีผู้อื่นร่วมทาง เขายิ่งรู้สึกว่าการกระทำนี้อันตรายจนเกินไปแล้ว

เชี่ยวเย่ว์หลานเดินเข้ามา หยิกฉินหยุนไปคราหนึ่ง “เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ไม่รู้หรือว่าอันตราย กระทั่งหน่วยอย่างพวกเรายังได้แต่ระวังภัยในที่นี้อย่างถึงที่สุด”

เชี่ยวหยางหลงแค่นเสียง “พวกเรานึกว่าเป็นสัตว์อสูรแตกฝูง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเด็กน้อยหน้าโง่ผู้นี้!”

“ฉินหยุน เจ้ามาคนเดียวหรือ?” หลันเฟิงจินขมวดคิ้วเอ่ยถาม นางคิดว่าฉินหยุนอยู่กับเหล่าถานและคณะ หากลำพังแต่ฉินหยุน ก็อันตรายเกินไปแล้ว

“แน่นอน! ข้าถูกขับไล่ออกจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ดังนั้นจึงมาแสวงโชคที่นี่เผื่อจะได้เจอที่หลบภัยนั่น!” ฉินหยุนกล่าวอย่างเฉยชา

หยางฉีเย่ว์กล่าว “ฉินหยุน มากับพวกเรา เช่นนี้จะปลอดภัยกว่า!”

“น้องหยุน ไปกับพวกเรา พวกเราจะนำเจ้าออกจากเมืองอี้ ที่แห่งนี้อันตรายเกินกว่าเจ้าจะไปไหนมาไหนเองคนเดียว!” เซี่ยอู๋เฟิงกล่าวเสริม

ได้ยินดังนี้ เชี่ยวหยางหลงเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนเร่งรีบกล่าว “มันมีแต่เป็นภาระ พวกเราพามันไปด้วยไม่ได้!”

จากนั้นเขาจึงหันมองชายชราผมขาวและกล่าว “ผู้อาวุโสเฉวียนเจี้ยน ท่านอย่าได้ให้เด็กน้อยผู้นี้เข้าร่วมหน่วยเรา มีแต่จะทำให้พวกเราอยู่ในอันตราย!”

“เชี่ยวหยางหลง เจ้านั้นเป็นหัวหน้าศิษย์ที่ตำหนักตะวันตกภาคภูมิหนักหนา ตอนนี้กลับมีจิตใจคับแคบไม่อาจให้เขาร่วมทางกับเราหรือ?” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยเสียงเย็น เป็นนางโกรธไม่น้อย

“ผู้อาวุโสเฉวียนเจี้ยน หากท่านไม่อนุญาตให้ฉินหยุนไปกับพวกเรา เช่นนั้นข้าขอออกจากหน่วยนี้อยู่กับฉินหยุนเอง!” เซี่ยอู๋เฟิงกล่าวสีหน้าหนักแน่น

“ข้าก็เช่นกัน!” หยางฉีเย่ว์จ้องมองเชี่ยวหยางหลงสายตายะเยือก

หลันเฟิงจินกล่าว “ผู้อาวุโสเฉวียนเจี้ยน พวกท่านล้วนกลับไปได้ด้วยตัวเอง เป็นข้าจะอยู่ที่นี่กับฉินหยุนเอง!”

โฮ่วฉิงเฟิงก็เข้าข้างฉินหยุนเช่นเดียวกัน

“พวกเจ้า... ล้วนโง่งมกันไปหมดแล้ว!” พอเชี่ยวหยางหลงได้เห็นหยางฉีเย่ว์ออกหน้าปกป้องฉินหยุน เขายิ่งโกรธจัด

ชายชราตอบคำเฉยชา “เช่นนี้ ให้เขาไปกับพวกเรา เขาอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า พละกำลังไม่แย่... ให้ข้าได้เป็นประจักษ์พยานพิสูจน์พละกำลังของเขาด้วยตัวเองแล้วกัน!”

ได้ยินคำผู้อาวุโสกล่าวเช่นนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานและคณะค่อยถอนหายใจโล่งอก

ทว่า ฉินหยุนไม่ยินดี เหตุผลว่าทำไมเขามาที่นี่ บากบั่นฝ่าฟันปัญหาหลายอย่าง ก็เพื่อหาสถานที่หลบภัยแห่งนั้น

หากเขาติดตามพวกเขาเหล่านี้ออกไปตอนนี้ เขาจะมาที่นี่เพื่ออะไรกัน?

“เรื่องนี้... ข้าไม่คิดร่วมทางกับคนเช่นเชี่ยวหยางหลง ข้าไม่คิดขอรบกวนดีกว่า!”แน่นอนว่า เขาทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานและคณะกังวลต่อความปลอดภัยของเขา

“ฉินหยุน หากยังคิดปรามาสต่อข้า ข้าจะสังหารเจ้าเสียที่นี่!” เชี่ยวหยางหลงเผยเสียงออกอย่างโกรธจัด

“สวะเช่นเจ้าคิดสังหารข้าหรือ?” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก “เช่นนั้นเข้ามา ข้าอยู่ตรงนี้ไงเล่า เข้ามา!”

เชี่ยวหยางหลงคิดอยากพุ่งเข้าไป ทว่าเมื่อเผชิญจิตสังหารรุนแรงของเซี่ยอู๋เฟิงและหลันเฟิงจิน เขาไม่คิดเข้าไปอีก

หลันเฟิงจินเป็นนักบุญของตำหนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสีคราม เซี่ยอู๋เฟิงก็เป็นผู้ฝึกตนดาบที่หาได้ยากยิ่ง อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่เชี่ยวหยางหลงสามารถรับมือได้!

“เจ้าหนูที่ดื้อรั้น เลิกวุ่นวายแล้วตามพวกเราไปแต่โดยดี!” เชี่ยวเย่ว์หลานหยิกเข้าที่เอวฉินหยุนคราหนึ่งและต่อว่า

“เย่ว์หลาน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องทำที่นี่ ข้าไม่ได้ดื้อรั้นอย่างไร้เหตุผล!” ฉินหยุนเผยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณที่เป็นห่วงข้า พี่ใหญ่ อาจารย์ พี่หลัน และผู้อาวุโสโฮ่ว ข้าอยู่ที่นี่ด้วยตัวเองได้ ข้าจะไม่เป็นไร! เป็นข้ารอคอยสหายอยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าร่วมกับหน่วยที่แข็งแกร่ง”

ฉินหยุนเกรงว่าพวกเขาจะไม่เชื่อตนเอง จึงกล่าวกับหลันเฟิงจิน “พี่หลัน ท่านได้เห็นหน่วยนั้นกับตาตัวเองแล้ว เป็นพวกเหล่าถาน อยู่กับเขาข้าจะปลอดภัย!”

“แต่ว่า ทางที่ดีท่านควรช่วยดูเชี่ยวหยางหลง อย่าได้ให้มันแตกออกจากกลุ่ม เมื่อมันแยกตัวได้ มันย่อมต้องไล่ล่าสังหารข้า!”

เชี่ยวหยางหลง แน่นอนว่าต้องคิดอยากทุบตีฉินหยุนจนถึงแก่ความตาย แต่ตอนนี้เขาไม่อาจลงมืออะไรได้

“เช่นนั้นก็ได้ ระวังตัวเองด้วย!” เชี่ยวเย่ว์หลานยังคงเชื่อในตัวฉินหยุน ในอดีตหลายครั้งครา นางได้สนับสนุนฉินหยุนให้ทำในสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะทำได้สำเร็จอยู่หลายครั้ง

“ระวังตัวด้วย!” หยางฉีเย่ว์กล่าวเตือน

เซี่ยอู๋เฟิงตบไหล่ฉินหยุนกล่าวออก “ในเมื่อน้องหยุนมีแผนการที่นี่ของตัวเอง เช่นนั้นพวกเราก็ไม่บังคับ!”

“หากไม่อาจเอาชนะจงหนี จำได้ใช่หรือไม่?” หลันเฟิงจินเคาะที่หัวฉินหยุนครั้งหนึ่ง “จงมีชีวิตอยู่รอด เมื่อถึงเวลานั้น จะได้ท้าประลองเชี่ยวหยางหลงและจัดการมันเสีย!”

เชี่ยวหยางหลงแค่นเสียงตอบเดียดฉันท์ “ฝันเฟื่อง!”

“พวกท่านไปเถอะ ข้าจะรอสหายอยู่ที่นี่!” ฉินหยุนตอบ

อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็เป็นสามีของนาง นางจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง

ไม่นานนัก ผู้อาวุโสจึงจากไปพร้อมกลุ่มจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

“ด้วยพละกำลังของพวกเขา รับมือสัตว์อสูรฝูงเล็กหรือขนาดกลางไม่น่ามีปัญหาอะไร!” ฉินหยุนคิดเช่นนี้กับตนเองขณะมองพวกเขาจากไป

แท้จริงเขาคิดอยากเข้าร่วมกับพวกเขาเช่นกัน ด้วยวิธีการนั้น เขาจะได้ไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงฝูงสัตว์อสูร สามารถมุ่งตรงไปต่อได้

หากเชี่ยวหยางหลงไม่ได้ร่วมทางมาด้วย เขาคงยินดีเข้าร่วมกับพวกเขาไปแล้ว ด้วยยันต์สะกดกายของเขาช่วยเหลือ จะทำให้จัดการกับฝูงสัตว์อสูรได้โดยง่าย ทำให้ได้รับไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรอีกหลายฟอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด