ตอนที่แล้วเล่ม 1 ตอนที่ 115 มอคอฟ ตอนที่ 2 (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 1 ตอนที่ 117 หลังฉาก ตอนที่ 2 (ฟรี)

เล่ม 1 ตอนที่ 116 หลังฉาก ตอนที่ 1 (ฟรี)


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

หลังจากที่เดินทางผ่านมหาสมุทรมา 3 วันเต็ม ๆ เรือก็ได้ออกจากเส้นทางทั่วไปแล้ว และในที่สุดเมื่อถึงเช้าวันที่ 4 เยสเซ่-วา-อิลู ก็ปรากฏขึ้นให้เห็นตรงเส้นขอบฟ้า เกาะแห่งนี้มีความกว้างกว่า 10 กิโลเมตรและมีน้ำพุที่อยู่บนภูเขาทางทิศตะวันออกเพื่อเป็นแหล่งผลิตน้ำไว้ใช้ และครึ่งเกาะแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้หนาทึบ หลังจากที่ริชาร์ดได้ก้าวเท้าเหยียบบนเกาะแห่งนี้แล้ว เขาก็ตั้งหมู่บ้านเล็ก ๆ พร้อมด้วยท่าเรือทันที

เรือใหญ่ทอดสมอเรือลงก่อนที่จะใช้เรือลำเล็กในการเคลื่อนย้ายส่งผู้คนภายในเรือและข้าวของของพวกเขา ริชาร์ด โฟลว์แซนด์ และลีน่าเดินผ่านเข้าไปในป่าเพื่อสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมในการติดตั้งจุดเทเลพอร์ตในขณะที่ผู้พิทักษ์วิญญาณของริชาร์ดอย่างวอเตอร์ฟลาวเวอร์ก็คอยแฝงตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเขา ในเวลานี้ริชาร์ดรู้สึกได้ว่านางรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อยภายหลังการเชื่อมต่อทางจิต เขาคิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่นางได้กลับมาใกล้ชิดกับป่าอีกครั้ง

 

หลังจากเดินอยู่ในป่าครู่หนึ่ง ในที่สุดลีน่าก็ตัดสินใจใช้เชิงเขาเล็ก ๆ เป็นจุดติดตั้งวงเวทย์เทเลพอร์ต เมื่อได้ที่ทำเลที่เหมาะเจาะแล้ว นางก็รีบนำคริสตัลเวทมนตร์ออกมาจากกระเป๋ามิติเพื่อติดตั้งวงเวทย์ใหมในทันที วงเวทย์นี้ค่อนข้างที่จะซับซ้อนจนแม้แต่ลีน่าเองก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันเต็มกว่าจะติดตั้งเสร็จ

 

ในคืนนั้น ริชาร์ดก่อกองไฟไว้รอบ ๆ บริเวณที่พวกเขาอยู่ เขานั่งลงข้าง ๆ โฟลว์แซนด์แล้วเริ่มย่างเนื้อที่วอเตอร์ฟลาวเวอร์ไปตามล่ามาได้ก่อนหน้านี้ ลีน่านั้นยังคงทำงานอย่างหนักโดยที่ตอนนี้นางกำลังวางแผ่นคริสตัลลงในตำแหน่งของมันอย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งที่นางวางมันลงไป วงเวทย์ก็จะเกิดประกายแสงวาบออกมาอย่างต่อเนื่องจนดูน่าอัศจรรย์ใจ

 

แสงที่สาดส่องอยู่ท่ามกลางความมืดทำให้ริชาร์ดสามารถมองเห็นได้จากมุมของพวกเขาที่มีเต็นท์กางไว้จำนวนนับสิบ หากการเดินทางสู่เพลนของเขาประสบความสำเร็จ รุ่นหลังจากเขาในอนาคตก็สามารถเดินทางมายังที่แห่งนี้เพื่ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านและใช้ท่าเรือที่พวกเขาสร้างไว้ได้

 

กองไฟที่ถูกก่อไว้สั่นไหวไปมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับสาดส่องมาที่ใบหน้าของทั้งสอง ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปโดยปราศจากการพูดคุย แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางไปยังเพลนที่มีระดับต่ำแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร ก่อนวันเดินทาง ความกดดันได้ขยายตัวอยู่ในความรู้สึกที่หมุนวนของพวกเขาอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

……

 

เฟาสต์ในค่ำคืนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เงียบสงบเท่าไหร่นัก เหล่ากริฟฟินบินข้ามผ่านท้องฟ้าในยามราตรีขณะที่แสงจากดวงจันทร์ดวงที่ 7 สาดส่องไปยังตัวของพวกมัน พวกมันบินอยู่บนฟากฟ้าก่อนจะโฉบตัวลงมาอย่างแม่นยำที่เกาะแรกของเฟาสต์บนชั้น 7 ในเวลานี้บุคคลสำคัญได้รวมตัวกันอยู่ภายในห้องรับแขกที่มีความโอ่อ่าและกว้างขวาง ซึ่งนอกจากคนเหล่านั้น ยังมีเหล่าคนในตระกูลที่ยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขาด้วย

 

ตรงกลางของทั้งสองฝั่งเป็นตำแหน่งของชายแก่ผู้หนึ่งที่มีท่าทางเคร่งขรึม ชายผู้นี้คือดยุกบิคการ์ เมนซ่า ผู้นำของตระกูลเมนซ่าที่ได้ครอบครองเกาะ [7-1] ตระกูลของเมนซ่าเป็นที่รู้จักกันดีในนามของเหล่าผู้ดีที่มีมรดกตกทอดสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนเช่นเดียวกันกับตระกูลโจเซฟ การดำรงอยู่ของพวกเขามีช่วงอายุที่ยาวนานกว่าสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์และพลังของพวกเขาก็ชัดเจนมากท่ามกลางตระกูลทั้ง 14 ที่อยู่ภายในนี้

 

ด้านซ้ายมือของดยุกคือบารอนเรย์มอนด์ โจเซฟ ขณะที่ด้านขวามือของเขาคือเด็กหนุ่มรูปงามที่มีแววของความน่ากลัวปรากฏอยู่บนใบหน้า ชื่อของเขาคือไวเคานต์แดชเชอร์แห่งตระกูลเวลลิงตัน ตระกูลของเขาเป็นผู้ครอบครองเกาะ [6-3] ส่วนตัวแทนคนสุดท้ายคือหนึ่งในตระกูลชัมปีเตอร์ที่ครอบครองเกาะ [7-7] ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างไวเคานต์แดชเชอร์

 

การรวมตัวของตระกูลทั้ง 4 มีพลังอำนาจที่มหาศาล และจะมีประเด็นอะไรเล่าที่ทำให้พวกเขาต้องมารวมกันในตอนนี้หากไม่ใช่เพราะภัยคุกคามจากอาเครอนที่เกิดจากริชาร์ด อาเครอน

 

หลังจากที่ทักทายกับดยุกแล้ว เรย์มอนด์ก็กวาดสายตามองดูทุกคนในห้องก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ทุกท่าน ตระกูลอาเครอนอยู่บนเกาะลอยแห่งเฟาสต์ได้ไม่ถึง 2 ปีด้วยซ้ำ พวกเขาทำพิธีกรรมสังเวยไปเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้นทว่าในเวลานี้พวกเขาสามารถที่จะเลื่อนชั้นได้แล้ว และข้ามั่นใจว่าทุกท่านที่มาที่นี่ต่างก็เข้าใจดีว่ามันหมายความว่ายังไง เราไม่สามารถปล่อยให้กลุ่มคนบ้าคลั่งอย่างพวกเขาขยายตัวมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว และเราจำเป็นที่จะต้องใช้กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อหยุดยั้งพวกเขา

 

เป้าหมายแรกของพวกเราคือริชาร์ด อาเครอน ข้ารู้มาว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ศิษย์ของเลเจนดารี่เมจเท่านั้น ทว่าเขายังเป็นคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นแกรนด์รูนมาสเตอร์ในอนาคตอีกด้วย ขอย้ำว่าแกรนด์รูนมาสเตอร์ ! นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่ข้าเอามาพูดเพื่อปลุกปั่นพวกท่านเท่านั้น รายงานครั้งล่าสุดที่ข้าได้รับคือรูนดัดแปลงที่เขาเคยสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ได้ถูกประมูลขายเป็นมูลค่ามากกว่า 5,000,000 เหรียญ !”

 

*ปัง !* ตัวแทนของตระกูลชัมปีเตอร์ตบพนักวางแขนของตัวเองอย่างแรงก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “ถ้าเรารู้เรื่องนี้เร็วกว่านี้พวกเราคงจะฆ่าเขาตั้งแต่ในคืนที่กาตอนพาเขาเดินทางไปเพื่อทำพิธีกรรมแล้ว”

 

ทว่าแดชเชอร์ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ฆ่าเขางั้นเหรอ ? ข้าได้ยินมาว่ามีหลายตระกูลที่รอซุ่มโจมตีอยู่ในที่มืดของคืนนั้นแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าลงมือเพราะเกรงกลัวกาตอน เหอะ ! ข้ามั่นใจเลยว่าตระกูลชัมปีเตอร์คือหนึ่งในนั้นใช่ไหมล่ะ ?”

 

ใบหน้าของตัวแทนตระกูลชัมปีเตอร์เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ ทว่าเขาก็ไม่กล้าที่จะโต้ตอบไวเคานต์ สำหรับตระกูลของเขาที่ครอบครองเกาะ [7-7] นั้นเป็นตำแหน่งที่สร้างความลำบากใจอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลใหม่ ๆ ที่สนใจอยากจะเข้ามาอยู่ในเฟาสต์ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการสนับสนุนของตระกูลเวลลิงตันในสถานการณ์เช่นนี้

 

ด้วยตำแหน่งที่บอบบางของพวกเขา พวกเขาจะกล้ากระตุ้นความโกรธของตระกูลอาเครอนได้อย่างไรกัน ? หากเขาเริ่มทำสงครามกับตระกูลที่บ้าคลั่งเหล่านั้น แม้ว่าจะสามารถเอาตัวรอดออกมาได้ แต่พวกเขาเองก็ต้องสูญเสียทรัพยากรไปจำนวนมาก และใครจะไปรู้ว่าจะมีตระกูลอื่น ๆ นอกจากอาเครอนอีกกี่ตระกูลที่กำลังมองหาโอกาสที่จะโจมตีพวกเขาด้วยเช่นกัน ?

 

นี่เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาก็ยังเกิดความสงสัยอยู่ว่าจะสามารถต่อสู้กับอาเครอนได้อย่างไร เป็นที่รู้กันดีว่ากาตอนคือผู้ที่ทำลายล้างตระกูลที่ครอบครองเกาะ [7-3] จากความน่ากลัวของเขาในครั้งนั้น แล้วใครจะกล้าเผชิญหน้าต่อสู้กับคนอย่างเขา ? ดูเหมือนว่าเรื่องเช่นนี้จะลืมไปได้เลยเพราะขนาดตระกูลโจเซฟเองก็ยังไม่คิดที่จะทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น

 

เรย์มอนด์พูดขึ้นเพื่อขับไล่บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ “ทุกท่าน ตามที่ข้ารู้มา กาตอนไม่ได้เป็นคนที่เข้าร่วมพิธี แต่คนที่เข้าร่วมพิธีในคืนนั้นคือริชาร์ด”

 

“ริชาร์ด ?” ดยุกเมนซ่าเปล่งเสียงออกมาก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม

 

“และทันทีที่พิธีกรรมนั้นสิ้นสุดลงเขาก็เดินทางออกจากเฟาสต์ไปเลยด้วย และจากที่ข้ารู้ เหมือนว่าเขาจะได้รับพรที่เกี่ยวกับกาลเวลาที่ทรงพลัง หากในคืนนั้นเขาโชคดีมากพอก็เป็นไปได้ว่าเขาจะได้รับการยืดระยะเวลาชีวิตให้ยาวขึ้นหรือไม่ก็อาจจะสามารถเร่งเวลาในเพลนอื่น ๆ ได้ ซึ่งครั้งต่อไปที่เราต้องเผชิญหน้ากับเขา ริชาร์ดจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราทุกคน

 

และยิ่งถ้าเขาได้รับพรที่เกี่ยวกับความสามารถพิเศษที่ติดตัวมาหรือเกี่ยวกับรูนที่มีลักษณะเฉพาะ พวกเราก็อาจจะต้องเผชิญหน้ากับเซนต์รูนมาสเตอร์ในอนาคต ! หึ ๆ ช่างเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวซะจริง ถ้าถึงตอนนั้นเราก็เตรียมตัวเผชิญหน้ากับชุดเซนต์ปีเตอร์และอุปกรณ์ระดับเลเจนดารี่ที่เขาเป็นคนสร้างได้เลย !” เรย์มอนด์กล่าวเสริม

 

ทันทีที่ได้รับรู้เรื่องของริชาร์ด บรรยากาศภายในห้องก็แปรเปลี่ยนเป็นความสลดใจมากขึ้นไปอีก ริชาร์ดกำลังจะกลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ของพวกเขาในหลังจากนี้ และดูเหมือนอาจจะมีแนวโน้มว่าเขาจะเป็นภัยคุกคามมากกว่าอลิซด้วยซ้ำ ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็จะอยู่ลำดับที่ 2 ของตระกูลอาเครอนซึ่งรองลงมาจากกาตอนคนเดียว และสิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ... ริชาร์ดได้รับพรมากกว่าที่กาตอนเคยได้รับเสียอีก แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าตระกูลโจเซฟเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าพวกเขามีปัญหาส่วนตัวกับอาเครอน แต่ทว่าตระกูลอื่น ๆ ที่เหลือเองก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้นด้วยแล้วเช่นกัน เดิมทีแล้วเงาของกาตอนเป็นเหมือนกับดาบที่สาดส่องอยู่บนศีรษะของพวกเขาและมีความเป็นไปได้ว่าโจเซฟจะเป็นคนแรกที่ศีรษะจะถูกตัดออกไปด้วยดาบของกาตอน และตอนนี้ยังมีริชาร์ดอีก ! พวกเขาจะทำอย่างไร

ทันใดนั้นดยุกเมนซ่าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาจึงพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบว่า “เราต้องลงมือเดี๋ยวนี้ เราไม่สามารถปล่อยให้ริชาร์ดมีอำนาจเติบโตมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว !”

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด