ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0279
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0281

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0280


ตอนที่ 280 : ยอมรับ

หลังจากฉินหยุนแกะสลักเส้นสว่างเรียบร้อย เขาจึงพักผ่อนชั่วครู่หนึ่ง ก่อนค่อยเริ่มแกะสลักผังวิญญาณชุดที่สองอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งสิ้นเขาใช้เวลาไปหกชั่วโมง จึงค่อยทำแส้ให้เมิ่งเฟยหลิงได้สำเร็จ และตอนนี้ ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว

สำหรับอาจารย์จารึกระดับสูงหลายท่าน การขัดเกลาอาวุธวิญญาณระดับสูงถือเป็นเรื่องยากเย็น จำเป็นต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำได้สำเร็จ

แต่แล้วฉินหยุน เขาเพียงใช้เวลาราวครึ่งวันจึงค่อยทำจนสำเร็จได้

“พี่เฟยหลิง ข้าแกะสลักผังอสนีบาต ผังพิษ ผังสะกดกาย ผังบ้าคลั่ง ผังอัคคี และผังเสริมพลังเอาไว้! ท่านต้องปรับตัวศึกษาวิธีใช้งานผังจารึกเหล่านี้ให้ดี!”

ฉินหยุนปาดเช็ดคราบเหงื่อและกล่าวต่อ “แส้นี้ไม่ได้มีอำนาจทำลายล้างอย่างกระบี่หรือค้อน โดยหลักแล้วใช้เพื่อความคล่องตัวและยืดหยุ่น หากหวดแส้ออก ก็สามารถใช้ผังวิญญาณซึ่งแตกต่างกันออกไปตามแต่สถานการณ์ของคู่ต่อสู้ หรืออาจเปลี่ยนพลังของผังวิญญาณนานาชนิดได้เพื่อให้อีกฝ่ายไม่ทันระวัง!”

เมิ่งเฟยหลิงยิ้มทรงเสน่ห์ให้ตอบกลับ “น้องหยุน ถึงกับมอบของดีเช่นนี้แก่ข้า เป็นข้าไม่ทราบว่าควรขอบคุณอย่างไรดี! ครั้งล่าสุดเจ้ามอบสร้อยข้อมือมิติเก็บของ ข้ายังชดใช้ให้ไม่หมดเลย!”

“พวกเรานับเป็นสหายกันนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่! นอกจากนี้ ศิษย์พี่ยังช่วยข้าดูแลเสี่ยวเม่ยเหลียนเป็นอย่างดี!” ฉินหยุนยิ้มตอบกลับ

เมิ่งเถากล่าวคำขึ้น “องค์ชายรัชทายาท พวกเราไม่อาจรับสิ่งของโดยไม่จ่าย! พวกเราไม่อาจรับสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ไว้ได้!”

ผู้อาวุโสท่านอื่นล้วนพยักหน้ารับ

สำหรับฉินหยุน การขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงใช้เวลาเพียงเล็กน้อย พวกเขาสามารถได้รับอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนการว่าจ้างผู้อื่นที่ต้องรอคอยเป็นเวลานานยิ่ง

ดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสเหล่านี้ของตระกูลเมิ่งจึงคิดอยากสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุน ในภายหน้า หากตระกูลเมิ่งต้องการอุปกรณ์วิญญาณหรืออะไรทำนองนั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกค้นหาร้องขอความช่วยเหลือจากอาจารย์จารึกอื่นใดอีก

ฉินหยุนเป็นทั้งองค์ชายรัชทายาทและอาจารย์จารึก กระนั้นกลับไม่ถือตัว เรียกหาเมิ่งเฟยหลิงเป็นศิษย์พี่ ดังนั้นผู้อาวุโสของตระกูลเมิ่งจึงประทับใจในตัวฉินหยุนไม่น้อย

พวกเขาพลันรู้สึก ว่ามันไม่ผิดอะไรนักหากจะให้เมิ่งเฟยหลิงแต่งกับฉินหยุนเพื่อเป็นนางสนม

ฉินหยุนนึกเรื่องโมโมในมิติเก็บของขึ้นได้จึงกล่าว “เช่นนี้แล้วกัน ข้าขาดแคลนไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูร หากมีสักหนึ่งหรือสองฟอง มอบให้แก่ข้าเท่านั้นก็เพียงพอ!”

เมิ่งเถาเร่งรีบนำเอาไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรออกมาสามฟอง ส่งมอบพวกมันแก่ฉินหยุน

พอฉินหยุนได้เห็นไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรสามฟอง เขาเผยรอยยิ้มยินดีออก โดยทันทีเขากล่าวขอบคุณพวกเขาพร้อมเก็บพวกมันใส่มิติเก็บของ

พอโมโมได้เห็นว่ามีไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรเพิ่มเข้ามาอีกสามฟอง นางกลายเป็นยินดีเหลือล้น กระทั่งวิ่งไปรอบไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรพร้อมหัวเราะไม่หยุด

“ผู้อาวุโสเมิ่ง พวกเราต้องจับพวกเขาเดี๋ยวนี้!” ฉินหยุนหันมองทางเชี่ยอวี้เซินและคณะพร้อมเอ่ยถามโดยทันที

เมิ่งเถาพยักหน้ารับรัวเร็ว เผยสัญญาณให้ผู้อาวุโสด้านหลังเข้าจับกุมเชี่ยอวี้เซินและคณะ

“พวกเราเป็นอาจารย์จารึก!” เชี่ยอวี้เซินตะโกนร้องโกรธเคืองออก “กระทั่งไม่ต้อนรับพวกเรา ก็ไม่มีสิทธิ์จับพวกเราเช่นนี้ พวกเราอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตำหนักจารึกเทวะ!”

ใบหน้าของอวี้เซินแตกตื่น เขาเผยซึ่งออร่าของขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเตรียมสู้หาทางถอยหนี

“ฉินหยุน ข้ายอมรับว่าเจ้าเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง กระนั้นเจ้ากลับขายของที่ทำขึ้นแก่มิตรสหายด้วยราคาที่ผิดเพี้ยน หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เจ้าจะต้องถูกเหยียดยามโดยอาจารย์จารึกท่านอื่น!”

เชี่ยอวี้เซินโกรธแค้นฉินหยุนไม่น้อย “พวกเราเพียงมีเรื่องพิพาทเล็กน้อย กระนั้นเจ้ากลับใช้สถานะองค์ชายรัชทายาทกดดันข้า เป็นเจ้าต่างหากถึงเป็นวายร้ายไร้ยางอาย!”

ท่าทีกราดเกรี้ยวของเชี่ยอวี้เซินทำเอาฉินหยุนหัวเราะออก

“ผู้อาวุโสเมิ่ง พวกท่านทำให้พวกเขาบาดเจ็บย่อมไม่เป็นไรหากจับตัวได้! หากโลกภายนอกคิดตั้งคำถาม เช่นนั้นให้บอกว่าคนพวกนี้พรากเอาอิสรภาพของหญิงรับใช้ในคฤหาสน์แห่งนี้ไป!” ฉินหยุนกล่าวคำ

ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลเมิ่งเคลื่อนไหวโดยทันที

พวกเขาใช้โซ่พิเศษซึ่งเอาไว้ใช้กับสัตว์อสูรทรงพลัง รัดพันเชี่ยอวี้เซินและคณะเอาไว้

พวกเชี่ยอวี้เซินไม่อาจต่อต้าน ผู้อาวุโสเหล่านี้แข็งแกร่งเกินกว่าพวกเขาจะรับมือได้

“ผู้อาวุโสเมิ่ง ส่งคำสั่งผนึกการออกจากเมืองแห่งนี้ ผู้คนสามารถเข้า แต่ไม่อาจออกไป! หากผู้เข้ามาในเมืองเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ให้จับตาดูอย่างใกล้ชิด” ฉินหยุนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“รับบัญชา! ข้าจะจัดแจงเดี๋ยวนี้!” เมิ่งเถาส่งผู้อาวุโสข้างกายถ่ายทอดคำสั่ง จากนั้นจึงมองเชี่ยอวี้เซินและคณะพร้อมเอ่ยถาม “องค์ชายรัชทายาท บอกพวกเราได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้? ตอนนี้คนกลุ่มนี้ถูกจับกุมแล้ว ท่านสามารถพูดกล่าวได้อย่างวางใจ!”

ผู้อาวุโสอีกสามคนที่เหลือต่างก็มองฉินหยุนด้วยท่าทีสงสัยเช่นเดียวกัน

“ผู้อาวุโสคงทราบเรื่องเมืองฉีเฟิง ที่ถูกฝูงสัตว์อสูรรุกรานแล้วใช่หรือไม่?” ฉินหยุนมองไปยังเชี่ยอวี้เซินและคณะพร้อ้มแค่นเสียง “คนเหล่านี้มาที่นี่ ด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้น!”

เมิ่งเฟยหลิงเอ่ยถาม “เมืองฉีเฟิงได้รับการคุ้มกันโดยตำหนักจารึกเทวะ แต่แล้วกลับโดนฝูงสัตว์อสูรบุกเข้าไปได้ เรื่องนี้แทบไม่อาจเชื่อ!”

“เพราะมีสายลับในเมือง มีคนเปิดประตูเมืองจากด้านใน ทั้งยังปิดอาคมใหญ่คุ้มกันเมืองก่อนให้ฝูงสัตว์อสูรเข้าโจมตี!” พอฉินหยุนกล่าวถึงตรงนี้ ดวงตาของเชี่ยอวี้เซินกลิ้งกลอกหลบเลี่ยง ความหวาดกลัวฉายชัดในดวงตาคู่นั้น

ฉินหยุนยังคงกล่าวต่อ “คนกลุ่มนี้รับหน้าที่คุ้มกันค่ายอาคมใหญ่ของเมืองฉีเฟิงมาก่อน ดังนั้นแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะเป็นคนร้าย! เพราะพวกเขาบอกว่าเป็นอาจารย์จารึกที่รับผิดชอบหน้าที่คุ้มกันค่ายอาคมใหญ่ของเมืองฉีเฟิง ข้าคิดว่าพวกเขาต้องเล่นลูกไม้อะไรเอาไว้ยามเข้าสู่ส่วนกลางของอาคมใหญ่อย่างแน่นอน!”

พอได้ยินดังนี้ เมิ่งเถาพลันมีโทสะ ดวงตาเปี่ยมด้วยจิตสังหาร สายตาจับจ้องไปยังเชี่ยอวี้เซินและคณะพร้อมกล่าวถามเย็นเยือก “เรื่องของเมืองฉีเฟิง พวกเจ้าเป็นคนทำหรือ?”

“อย่าได้ฟังวาจาไร้สาระของฉินหยุน! เขาปรักปรำข้า!”

“ข้าจะส่งสารไปยังผู้อาวุโสใหญ่จ้าวฉวน เป็นเขามีโทสะไม่น้อยที่เมืองฉีเฟิงถูกทำลาย เขาย่อมขุดคุ้ยทุกสิ่งขึ้นมา ข้าเชื่อว่าเขาจะพบว่ามันเป็นเรื่องที่เจ้าก่อ!” ฉินหยุนแค่นเสียงเย็นเยือก

ร่างกายเชี่ยอวี้เซินสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวในดวงตานี้ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

“นำตัวพวกมันไป พวกเราจะคุยกันอีกครั้งเมื่อผู้อาวุโสใหญ่ของตำหนักจารึกเทวะมาถึง!” เมิ่งเถาสั่งการ ตอนนี้เอง เขาพลันรู้สึกถึงความหวาดกลัวสะท้านในใจ หากสิ่งที่ฉินหยุนกล่าวเป็นจริง นครราชาปีศาจอาจต้องตกเป็นเหยื่อของฝูงสัตว์อสูรเช่นเดียวกัน

เมิ่งเฟยหลิงก็คิดเช่นนั้น ร่างกายนางอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้มออก

“น้องหยุน เจ้ามาพบข้าที่นี่เพราะเรื่องนี้?” เมิ่งเฟยหลิงเอ่ยถาม

“ได้เจอเชี่ยอวี้เซินเป็นเรื่องบังเอิญแล้ว ข้ามาที่นี่เพราะคิดบอกต่อ ว่าพวกมนุษย์อสูรครอบครองความสามารถพิเศษซึ่งสามารถควบคุมฝูงสัตว์อสูรทรงพลังได้!”

ฉินหยุนหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งยังนึกถึงภาพฉากที่ฝูงสัตว์อสูรบุกเข้าโจมตีเมืองฉีเฟิง เขาถอนหายใจยาวออก เริ่มทบทวนถึงเรื่องราวที่เมืองฉีเฟิงโดนบุกโจมตีโดยฝูงสัตว์อสูร

“ท่านพ่อกับอีกหลายคนกำลังรับมือกับพวกมนุษย์อสูรอยู่ พวกเขาตอนนี้ยังไม่กลับมา! ข้าชักเป็นห่วงสถานการณ์ทางด้านนั้นแล้ว!” เมิ่งเฟยหลิงจับแส้ในมือเอาไว้แน่น

เมิ่งเถาเองก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ เพราะพวกเขาตอนนี้ยังไม่ทราบเลยว่าเรื่องราวอย่างกระจ่างชัด

ฉินหยุนมาที่นี่เพียงลำพัง เพื่อบอกต่อพวกเขาถึงเรื่องนี้ เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมการ ทั้งยังทำให้พวกเขาต่างรู้สึกยินดีที่มีองค์ชายรัชทายาทมากความสามารถและความรู้กว้างไกลถึงเพียงนี้

“ใช่แล้ว หากกลุ่มของเชี่ยอวี้เซินมาที่นี่เพื่อทำลายอาคมใหญ่จริง เช่นนั้นคงอีกไม่นานนัก สัตว์อสูรฝูงใหญ่จะต้องบุกเข้าโจมตีเมืองแน่!” ฉินหยุนพลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นได้จึงกล่าว “ข้าต้องส่งสารไปยังผู้อาวุโสใหญ่ เพื่อแจ้งให้เขานำคนมาด้วย!”

“ดี! เมื่อเวลามาถึง ตราบเท่าที่กำแพงเมืองไม่พังทลาย พวกเราจะสามารถยืนหยัดต้านรับเอาไว้ได้!” เมิ่งเถาพยักหน้ารับ “องค์รัชทายาท ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านแล้ว ไม่เช่นนั้นทั้งเมืองได้ถูกทำลายเพราะข้าสายตามืดบอด!”

“ข้าคือองค์ชายแห่งเทียนฉิน เมืองของจักรวรรดิย่อมเป็นความรับผิดชอบของข้า!” ฉินหยุนยิ้มและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเมิ่ง ท่านมีมนุษย์อสูรที่ยังรอดชีวิตอยู่หรือไม่? มอบมันแก่ข้าให้ได้ศึกษา เป็นข้าคิดอยากทราบว่าพวกมันควบคุมฝูงสัตว์อสูรได้อย่างไร!”

“ท่านกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะจัดแจงส่งมนุษย์อสูรจำนวนหนึ่งให้แก่ท่านวันพรุ่งนี้แต่เช้า!” เมิ่งเถากล่าวตอบ “เฟยหลิง รีบนำองค์ชายรัชทายาทไปพักผ่อนก่อน!”

“น้องหยุนตามข้ามา!” เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะคิกคัก ขณะดึงแขนฉินหยุนให้เดินตามไป

ตามปกติ เมิ่งเฟยหลิงไม่กล้าบินไปไหนมาไหน แต่ตอนนี้นางรับหน้าที่พาองค์ชายรัชทายาทไปพักผ่อน ดังนั้นจึงไม่เกรงคำต่อว่าของเมิ่งเถา

เมิ่งเฟยหลิงฉุดฉินหยุนลอยข้ามสระน้ำขนาดใหญ่ มุ่งหน้าไปยังชายฝั่งอีกฟากหนึ่ง

ที่นี่มีบ้านพักหลังเล็กปลูกสร้างไว้ เป็นส่วนพักอาศัยของตระกูลเมิ่ง

“น้องหยุนช่างน่าทึ่งนัก! ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้เจอกัน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายเพียงนี้!” เมิ่งเฟยหลิงเปิดห้องเชื้อเชิญให้พร้อมถอนหายใจเบา

ฉินหยุนนั่งข้างหน้าต่าง ยิ้มตอบรับ “ช่วยไม่ได้นี่ ข้ามีแต่ต้องบังคับให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้นไป!”

“พักผ่อนก่อน อย่างไรข้าก็เชื่อในตัวเจ้า ว่าจะต้องสามารถจัดการเชี่ยวหยางหลงได้อย่างแน่นอน!” เมิ่งเฟยหลิงยิ้มกว้างให้พร้อมเอ่ยถาม “ที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดพวกนั้นขับไล่เจ้าออก? พวกเขาไม่ทราบหรือว่าเจ้าเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง?”

“พวกเขาตอนแรกไม่ทราบ รู้ก็ภายหลังเกิดเรื่องแล้ว พวกเขาหน้าเขียวเสียดายอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยละ!” ฉินหยุนหัวเราะคิกคัก “จะอย่างไรก็ตามแต่ ข้าได้เรียนรู้หลายเรื่องราวที่ต้องการรู้จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนแล้ว ในภายหลังตราบเท่าที่ข้าจัดการเชี่ยวหยางหลง ข้าจะได้เป็นหัวหน้าศิษย์ของตำหนักตะวันตกวิญญาณสีคราม!”

เมิ่งเฟยหลิงพลันถอนหายใจ “พี่สาวผู้นี่ครั้งก่อนแข็งแกร่งกว่าเจ้า แต่แล้วไม่นาน กลับถูกเจ้าทิ้งห่างไว้เบื้องหลังแล้ว”

“พี่เฟยหลิง เหตุใดท่านไม่เข้าร่วมตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม? ข้าแนะนำให้ท่านเข้าร่วมตำหนักสัตว์ยุทธ์วิญญาณสีคราม ท่านครอบครองวิญญาณยุทธ์เหยี่ยว ที่นั่นเหมาะสมแก่ท่านเพื่อฝึกฝน!” ฉินหยุนกล่าว “ข้ารู้จักคนจากตำหนักดวงดาว ข้าเป็นธุระจัดแจงให้แก่ท่านได้!”

“เรื่องนี้เป็นไปได้? ข้าได้ยินว่าการเข้าร่วมตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อได้เข้าไปแล้ว ความก้าวหน้าจะพุ่งทะยาน!” เมิ่งเฟยหลิงเองก็อยากแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ทว่าสมรภูมิรบตอนนี้กลายเป็นโกลาหล ทั้งนางยังเป็นผู้หญิง นางไม่มีทรัพยากรให้หยิบใช้ได้มากนัก

ฉินหยุนกล่าว “แต่ในท้ายที่สุด ท่านก็ต้องผ่านการทดสอบก่อนจึงสามารถเข้าร่วมตำหนักสัตว์ยุทธ์ได้! ข้าเชื่อว่าพี่เฟยหลิงย่อมต้องผ่านการทดสอบอย่างแน่นอน!”

“อืม ข้าย่อมรับโอกาสที่น้องหยุนมอบให้ ให้ข้าได้ลอง!” เมิ่งเฟยหลิงเดินไปจิ้มที่ใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุนพร้อมหัวเราะ “พักผ่อนเสีย! หากกลางคืนนอนไม่หลับ สามารถไปเคาะประตูห้องหลับนอนกับข้าได้ ข้าจะกล่อมเจ้าให้หลับเอง!”

“ข้าย่อมไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่อมข้าแต่อย่างใด!” ฉินหยุนหัวเราะออกจากใจ

เมิ่งเฟยหลิงบุ้ยปากเล็กน้อย ก่อนเดินออกจากห้องไป

ฉินหยุนยืดกายคิดหลับพักผ่อนสักตื่นหนึ่ง

กลางดึกเงียบสงัด ฉินหยุนพลันสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นต่อเนื่อง เขาสะดุ้งขึ้นจากเตียงพร้อมเดินออกไปนอกห้อง เมิ่งเฟยหลิงตอนนี้กำลังเร่งรีบวิ่งออกมาพอดี

เมิ่งเฟยหลิงยังสวมใส่ชุดนอนสีขาวบาง เส้นผมยังยุ่งเหยิง นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “นี่เป็นเสียงพวกสัตว์อสูรบุกโจมตีเมืองหรือ?”

“มันไม่ควรเร็วเพียงนี้! เร็วเข้า พาข้าไปยังแกนกลางของอาคมใหญ่!” ฉินหยุนเร่งร้อนกล่าว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด