ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0273
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0275

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0274


ตอนที่ 274 : จำแนก

ด้วยสายตาที่ดีเยี่ยม ฉินหยุนพบเห็นกลุ่มคนตรงหน้าตั้งแต่ไกล พวกเขาล้วนบาดเจ็บสาหัส อ่อนแรง บาดแผลเลือดไหลโชก นอกจากนี้แล้ว ยังมีเด็กสาวอายุราวสิบสามถึงสิบสี่อยู่ด้วย ชุดสีขาวของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด

พอฉินหยุนได้เห็นลุงห้าเกือบโจมตีออก เขาเร่งรีบเข้าขวางกล่าวเสียงเย็นเยือก “ดูให้ดีก่อนลงมือ อย่าได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ผู้คนตรงหน้าล้วนบาดเจ็บ เหตุใดต้องกังวลเรื่องพวกเขาด้วยกัน?”

ได้ยินคำของฉินหยุน ทั้งสองคนไม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง

หากพวกเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงออร่าชวนสะพรึงของฉินหยุน พวกเขาคงหาได้สนใจคำกล่าวนี้ไม่ กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ตอบคำอันใด ชัดเจนว่าไม่ไว้หน้าฉินหยุนแม้สักนิด

ฉินหยุนทราบโดยทันที ว่าชายวัยกลางคนทั้งสอง ต้องมีสถานะสูงส่งในตระกูลหลิน บุคคลเช่นนี้สมควรเป็นชนชั้นสูงที่อหังการอวดดีตั้งแต่ยังเยาว์จึงถูกหล่อหลอมขึ้นมาเช่นนี้ได้

กลุ่มคนตรงหน้า น่าจะใช้ช่วงเวลาที่มีเพื่อหยุดพักอยู่

คนจำนวนหนึ่งที่แนวหน้าของพวกเขา ล้วนเป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ทว่าบาดเจ็บสาหัส ผู้อาวุโสสี่คน เด็กสาวที่ดูเหมือนเพิ่งหนีออกจากเมือง กลับต้องเผชิญกับศึกอันขื่นขมกับสัตว์อสูร

“อย่าได้กังวลไป ข้าไม่ได้มาร้าย!” พอฉินหยุนเห็นผู้อาวุโส สีหน้าพวกเขาเผยความเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน เขาจึงเร่งรีบกล่าวออก “ข้ามาจากตำหนักจารึกเทวะ!”

พอผู้อาวุโสเหล่านั้นได้ยินฉินหยุนกล่าวคำว่ามาจากตำหนักจารึกเทวะ พวกเขาค่อยวางใจระดับหนึ่ง เมื่อพบว่าฉินหยุนยังเยาว์ทว่าแข็งแกร่งเพียงนี้ พวกเขาจึงเชื่อ

เด็กหนุ่มขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า การจะมีพลังระดับนี้ได้สมควรต้องเป็นตำหนักจารึกเทวะแล้ว

“พวกเราบาดเจ็บหนัก เกรงว่าพวกเราจะไปกันต่อไม่ได้แล้ว! เด็กหนุ่มที่กล้าหาญ ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยดูแลเสี่ยวหงเอ๋อ นางเป็นหลานสาวข้า พวกเรายังเป็นกลุ่มเดียวของตระกูลที่เหลือรอด” ชายชราที่ถูกตัดแขนไปกล่าวออกด้วยสีหน้าโศกเศร้า

ฉินหยุนมองที่หงเอ๋อ ปาดเช็ดคราบเลือดจากใบหน้าของนาง จากนั้นจึงนำอุปกรณ์ผังธาตุแสงออกมาสองชุดและกล่าว “ผู้อาวุโส พวกท่านต้องประคองอาการตัวเองไว้ก่อนเพราะได้รับบาดเจ็บ!”

พอตระกูลหลินได้เห็นอุปกรณ์ผังธาตุแสงสองชุด ดวงตาพวกเขาทอประกายวาบพร้อมเพรียงกัน พวกเขาไม่ยินดีอย่างยิ่ง นี่ก็เพราะพวกเขาต่างก็บาดเจ็บ ทว่าฉินหยุนหาได้คิดนำพวกมันออกมาช่วยเหลือพวกเขา

ต้องทราบว่าอุปกรณ์ผังธาตุแสง สามารถช่วยรักษาบาดแผลได้รวดเร็ว มันถือเป็นอุปกรณ์วิญญาณที่ล้ำค่า ผู้ฝึกตนจำนวนมากมายปรารถนาคิดครอบครองมัน

คนของตระกูลหลิน ย่อมรู้ชัดแจ้งถึงมูลค่าของอุปกรณ์ผังธาตุแสง กระนั้นเด็กหนุ่มตรงหน้าพวกเขาถึงกับมีสำรองไว้สองชุด!

“ขอบคุณเจ้าแล้วเด็กหนุ่มผู้กล้าหาญ!” ชายชราที่เสียแขนไปเร่งรีบกล่าวตอบยินดี

เหตุผลว่าทำไมฉินหยุนไม่ใช้ชุดเกราะผังธาตุแสงแก่ตระกูลหลิน ประเด็นหลักก็เพราะพวกเขาอวดดีและอหังการจนเกินไป ก่อนหน้านี้เขาสังหารหมาป่าไปหลายตัว ช่วยเหลือกลุ่มคน ท่ามกลางพวกเขา มีเพียงหลินหยินที่กล่าวขอบคุณ ผู้อื่นล้วนยุ่งกับการแยกร่างของหมาป่าหาได้ตอบสนองใดต่อเขาไม่

เขาไม่เกิดความประทับใจที่ดีใดต่อตระกูลหลิน มีก็แต่หลินหยินที่กล่าวขอบคุณ หากไม่ใช่เพราะนาง เขาไม่มีทางรับคำเรื่องคุ้มกันพวกเขาออกมาแน่

สำหรับผู้อาวุโสทั้งสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บตรงหน้าเขา ท่าทีของพวกเขาล้วนดียิ่ง

นอกจากนี้ พวกเขายังยินดีสละชีวิตตัวเองเพื่อเด็กสาว เรื่องนี้ทำเอาฉินหยุนประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ไม่ช้า อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสทั้งสี่คนดีขึ้นมาก พวกเขาค่อยมีจิตวิญญาณขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อักโข

“ขอบคุณพี่ชาย!” ท้ายที่สุด หงเอ๋อจึงสวมใส่อุปกรณ์ผังธาตุแสงรักษาอาการบาดเจ็บของนาง จากนั้นจึงค่อยส่งพวกมันกลับคืนแก่ฉินหยุน

หงเอ๋อถักเปียเอาไว้สองข้าง ด้วยใบหน้ากลมพร้อมดวงตาชุ่มชื้น นางถือว่างดงามและมีเสน่ห์ กระทั่งว่าสวมชุดขาวเปรอะเปื้อนคราบเลือด ก็หาได้ส่งผลต่อความงามมีชีวิตชีวาของนางไม่

“ยินดีแล้ว ภายหน้า ให้ฝึกฝนวิชายุทธ์ให้ดีจะได้ปกป้องคุณปู่เหล่านี้ได้!” ฉินหยุนยิ้มให้ มันทำเอาเขานึกถึงชี่เม่ยเหลียน นางเองก็ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้

เสี่ยวหงเอ๋อพยักหน้ารับ เผยรอยยิ้มหวานตอบกลับมา

คนของตระกูลหลินล้วนสีหน้าเฉยชา ชัดเจนว่าพวกเขาไม่คิดเผยท่าทีเป็นมิตรด้วย

“นายน้อยหยุน ตระกูลหลินของพวกเราต่างบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน ท่านพอจะให้พวกเราหยิบยืมอุปกรณ์ผังธาตุแสงทั้งสองชุดนั้นได้หรือไม่? พวกเราจะใช้เหรียญผลึกของพวกเราเองเพื่อเป็นพลังงานแก่อุปกรณ์ผังธาตุแสง” หลินหยินก้าวเดินเข้ามา เอ่ยถามเสียงเบา ดวงตาเปี่ยมด้วยความร้องขอ

ฉินหยุนเกาศีรษะ “เรื่องนี้... อุปกรณ์ผังธาตุแสงของข้าไม่อาจใช้เหรียญผลึกหล่อเลี้ยง เป็นข้าต้องนำวัชระกำลังภายในใส่เข้าไป เมื่อครู่ ข้ามอบให้ผู้อาวุโสเหล่านี้เพื่อใช้งาน จึงทำให้พลังถูกใช้จนหมด หากต้องการใส่พลังเข้าไปเพิ่ม อย่างน้อยก็ต้องรอสักสองหรือสามวัน”

หลินหยินหันมองไปยังลุงห้าของนางและกัดริมฝีปาก นางกล่าวกระซิบ “พวกเราสามารถรอที่นี่สักหลายวันได้ เพื่อให้ท่านได้หล่อเลี้ยงพลังสู่อุปกรณ์ผังธาตุแสง! ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นสักหลายวันด้วย”

“เช่นนั้นก็ตกลง!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ นำเอาอุปกรณ์ผังธาตุแสงของตนออกมา ใส่พลังเข้าไปหล่อเลี้ยง

เขาไม่คิดให้ตระกูลหลินหยิบยืม ชัดเจนว่าพวกเราปรารถนาอุปกรณ์ผังธาตุแสง กระนั้นไม่กล้าออกปากเสนอหน้าถามด้วยตัวเอง กลับส่งหลินหยินให้เข้ามาหยิบยืม

ที่ทำให้ฉินหยุนรำคาญใจที่สุดก็คือ ลุงห้าและลุงหกเหล่านี้ ชัดเจนว่าไม่ใช่คนดี ท่าทีของพวกเขาสุดกู่ ทั้งยังหยิ่งผยองอวดดีไม่ปิดบัง

สถานที่ซึ่งพวกเขาอยู่ตอนนี้เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวเข้ม มีธารน้ำขนาดเล็กอยู่ไม่ไกลออกไป สภาพแวดล้อมถือว่าดีไม่น้อย

และก็เพราะเป็นทุ่งหญ้า หากสัตว์อสูรปรากฏตัวออกมา พวกเขาจะพบเห็นได้อย่างรวดเร็ว

ตระกูลหลินเริ่มตั้งกระโจมขึ้น กระโจมของพวกเขาอยู่ห่างจากฉินหยุนอยู่หลายสิบเมตร

ทางด้านฉินหยุน เขาอยู่บริเวณที่เสี่ยวหงเอ๋อและคณะอยู่

ชายชราผู้นี้แซ่ติง มีพี่น้องทั้งสิ้นห้าคน

ปู่ของเสี่ยวหงเอ๋อ เป็นพี่ชายคนโต นามคือติงอี้ เขาเป็นผู้นำของตระกูลขนาดเล็ก เพราะอยู่ใกล้ประตูเมือง เมื่อพวกสัตว์อสูรบุกเข้ามา ตระกูลติงจึงเป็นฝ่ายแรกที่ได้รับความเสียหาย

“ผู้อาวุโสติง อาคมใหญ่คุ้มกันเมืองถูกติดตั้งโดยตำหนักจารึกเทวะของเรา มันย่อมไม่แตกพังโดยง่ายเพราะพวกสัตว์อสูร ต้องมีคนเจตนาปิดการทำงานของอาคมใหญ่และเปิดประตู ทำให้ฝูงสัตว์อสูรเข้ามาในเมืองได้” ฉินหยุนเอ่ยถาม

ติงอี้และคณะพยักหน้ารับ พวกเขาทราบว่าประตูเมืองถูกเปิดโดยคนใน

“เป็นเช่นนั้นจริง แต่พวกเราไม่ทราบว่าผู้ใดที่เปิดประตูเมือง ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน เพราะอาคมใหญ่คุ้มกันทำงานอยู่ และคนของตำหนักจารึกเทวะก็บอกพวกเราว่ากองกำลังเสริมกำลังจะมาถึง พวกเราจึงวางใจหย่อนความระวังในช่วงค่ำคืนลง” ติงอี้ถอนหายใจก่อนจะเริ่มมีโทสะ “หากไม่ใช่เพราะมีคนเปิดประตูเมือง ตระกูลติงของพวกเราคงไม่มีผู้เสียชีวิตมากมายเพียงนี้”

พี่รองตระกูลติงถอนหายใจ “รุ่นเยาว์ในตระกูลติงของเรา มีแต่ติงหงเอ๋อที่เหลือรอดมาได้!”

เป็นเขาใส่ใจเสี่ยวหงเอ๋อด้วยความรัก

ติงหงเอ๋อถือว่าใจกล้าแกร่ง นางอดทนต่อความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียครอบครัว นางรู้สึกเศร้าทว่าเงียบงัน หาได้ร้องออก

กลางดึก ติงอี้และคณะช่วยกันตั้งกระโจมขึ้น ให้ฉินหยุนได้เข้าไปพักผ่อนร่วมกับพวกเขา

พอฉินหยุนเข้ามาแล้ว เขาจึงมอบอุปกรณ์ผังธาตุแสงทั้งสองชุดแก่พวกเขาและกล่าว “พวกท่าน ใช้สิ่งนี้ต่อไปจนกว่าจะฟื้นฟูเต็มที่”

พอได้ยินดังนี้ ติงอี้อึ้งไปวูบ เขากระซิบเอ่ยถาม “แล้วพวกเขาเล่า? พวกเขาก็บาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน!”

“อย่าได้ห่วงเรื่องพวกเขา พวกนั้นไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก เป็นข้าเสียดายยิ่งที่ร่วมทางกับพวกเขา ท่านทราบหรือไม่ว่าชั่วขณะที่พวกนั้นพบเจอพวกท่าน พวกนั้นคิดสังหารพวกท่านทั้งหมด?” ฉินหยุนตอบคำ

พอติงอี้และคณะได้ยินดังนี้ พวกเขาล้วนมองหน้ากันเองด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยความตกตะลึง

“ตระกูลหลินเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในเมือง ด้วยเพราะขาดการติดต่อ พวกเราจึงไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัดของกลุ่มศิษย์ตระกูลหลิน ทว่าพวกเราทราบว่าตระกูลหลิน มีความขัดแย้งกับตระกูลอื่นอยู่” พวกเขาไม่ปฏิเสธความปรารถนาดีของฉินหยุน รับเอาอุปกรณ์ผังธาตุแสงไว้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

ฉินหยุนคิดเติมพลังให้แก่อุปกรณ์วิญญาณผังธาตุแสง ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องใช้สองหรือสามวันอย่างที่กล่าวอ้างต่อตระกูลหลินแต่อย่างใด

ไม่นานนัก อาการบาดเจ็บของผู้อาวุธสตระกูลติงเริ่มดีขึ้นจนเกือบหายดี ทว่า เพราะติงอี้สูญเสียแขนซ้าย จึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะฟื้นฟูได้เต็มที่ เรื่องนี้ทำเอาติงหงเอ๋อเศร้าไม่ใช่น้อย

กลางดึก ฉินหยุนยังคงส่งถ่ายพลังแก่อุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ผู้อาวุโสทั้งสี่คนของตระกูลติงนั่งขัดสมาธิบนผ้าห่ม หลับตาลงแน่น

ติงหงเอ๋อตอนนี้ นอนอยู่บนผืนหนังสัตว์อ่อนนุ่ม นางผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าและความโศกที่โถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง

หลังรุ่งสาง ฉินหยุนจึงเริ่มขัดเกลายันต์สะกดกายระดับสูงจำนวนหนึ่งภายในกระโจมอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านผู้อาวุโสตระกูลติงทั้งสี่คนและติงหงเอ๋อ พวกเขาไปกันอยู่ด้านนอกเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนฉินหยุน

ติงหงเอ๋อออกไปเล่นในทุ่งหญ้า เดินไล่ตามนกไปมา พอได้ละเล่นระบายออก นางค่อยคลายความเศร้าหมองไปได้

อย่างกะทันหัน ชายชราในชุดสีแดงพลันเข้ามาจากระยะไกล

เรื่องนี้ทำเอาหลินหยินและคนของตระกูลหลินที่เหลือต่างยินดี ผู้นี้คือผู้อาวุโสวรยุทธ์เต๋าของตระกูลหลิน

ทันทีเมื่อผู้อาวุโสมาถึง เขาจึงเข้ากระโจมใหญ่ของตระกูลหลินโดยทันที

ติงอี้พอเห็นดังนี้ จึงเร่งรีบบอกต่อฉินหยุนโดยทันที

ฉินหยุนเมื่อได้ยินดังนี้ เขาลอบยินดี ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เขาจะได้ไม่ต้องอยู่คุ้มกันตระกูลหลินอีกต่อไป

ทางด้านคนของตระกูลหลิน พวกเขาล้วนรอคอยเพื่อใช้งานอุปกรณ์ผังธาตุแสงจากเขา ดังนั้นจึงปักหลักรอที่นี่

ฉินหยุนอยู่ภายในกระโจม ขัดเกลายันต์จำนวนหนึ่ง ไม่ทราบว่าภายนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น

ที่ทุ่งหญ้าด้านนอก หลินหยินพลันเดินมาหาติงหงเอ๋อ

หลินหยินเป็นเด็กน่ารัก นางพูดคุยด้วยดีเสมอ ไม่ช้านางจึงเริ่มสนิทกับติงหงเอ๋อขึ้นมาบ้าง จึงพากันไปละเล่นตรงนั้นที ตรงนี้ที

ติงอี้และผู้อาวุโสที่เหลือต่างคิดเห็นกันว่า ติงหงเอ๋อสมควรต้องมีผู้อื่นรุ่นเดียวกันให้พูดคุยด้วย พอได้เห็นว่าไปด้วยดีกับหลินหยิน พวกเขาจึงไม่คิดกล่าวอันใด

ฟ้าเริ่มหม่นแสง ฉินหยุนพลันได้ยินเสียงร้องเบาดังขึ้น เขา ผู้ซึ่งอยู่ระหว่างการขัดเกลายันต์ พลันเร่งร้อนหยุดงานในมือ ทะยานออกไปนอกกระโจมเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“เป็นเสียงของเสี่ยวหงเอ๋อ นางอยู่ที่ใด?” ฉินหยุนมองหาติงอี้ที่อยู่ภายนอกกระโจม เร่งร้อนเข้าไปเอ่ยถาม

“นางไปเล่นกับหลินหยินที่ธารน้ำ!” พอติงอี้เห็นสีหน้าแตกตื่นของฉินหยุน เขาพลันเกิดความกังวลขึ้นมา

ฉินหยุนมั่นใจว่าได้ยินไม่ผิดพลาด พลังจิตของเขาแข็งแกร่ง ทำให้มีประสาทการรับฟังเหนือกว่าผู้คนทั่วไป ทำให้แม้เสียงอ่อนเบาก็สามารถได้ยิน

พอทราบว่าติงหงเอ๋อและหลินหยินอยู่ด้วยกัน เขาจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังกระโจมของตระกูลหลินโดยทันที

ติงอี้และผู้อาวุโสที่เหลือตามติดอย่างเร่งร้อน

ฉินหยุนบุกเข้ากระโจมด้วยความเร็วสูง เพราะเขาสัมผัสได้ถึงออร่าของติงหงเอ๋อและหลินหยิน!

ทันทีเมื่อเข้ามาในกระโจม เขาจึงได้เห็นติงหงเอ๋อถูกลากไปซ้ายทีขวาทีโดยลุงห้าและลุงหก เสื้อผ้าฉีกกระชากออก คนของตระกูลหลินที่เหลือต่างดื่มไวน์มัวเมาหัวเราะกันดังไม่หยุด

ติงหงเอ๋อตอนนี้หวาดกลัวรุนแรง นางได้แต่ร้องไห้ เพราะเป็นเด็กสาวอ่อนแอ นางจึงไม่อาจหลุดพ้นจากเงื้อมมือของปีศาจเฒ่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าทั้งสองคน

หลินหยินถือแก้วไวน์ด้วยสีหน้าแดงก่ำ พอนางเห็นฉินหยุนบุกเข้ามา สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน นางเร่งรีบเดินเข้าหาฉินหยุนคิดกล่าวอธิบาย “นายน้อยหยุน พวกเราเพียงเล่นสนุกกับหงเอ๋อเท่านั้นเอง ทุกคนต่างขวัญหนีเพราะฝูงสัตว์อสูรตลอดช่วงหลายวัน พอได้ดื่มไปบ้างจึงเกิดนึกสนุก...”

พอนางได้เห็นสีหน้าดำมืดของฉินหยุนอย่างน่าสะพรึง นางอดไม่ได้ที่จะเร่งร้องออก “นายน้อยหยุน ทั้งหมดเป็นความผิดข้า โปรดอภัยแก่ข้าที่ไม่ดูแลหงเอ๋อให้ดี เรื่องนี้... เป็นลุงห้าและลุงหกที่บังคับให้ข้าทำ”

ติงอี้และคณะต่างโกรธแค้น ดวงตาพวกเขาแดงก่ำ เร่งรีบทะยานกายออกเข้าไปคุ้มกันหงเอ๋อที่ร้องไห้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด