ตอนที่แล้วGE276 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 1 ) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE278 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 3 ) [ฟรี]

GE277 แก้แค้นให้เผ่าลั่วหยุน ( 2 ) [ฟรี]


ซัวเถิงเคยกล่าวว่าหนิงฝานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่ามันด้อยกว่าอีกฝ่าย

สิ่งที่ปรากฏนั้นเท่ากับการตบหน้ามัน ทำให้ชื่อเสียงของมันป่นปี้

กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากหนิงฝานยังคงที่ สีหน้าเรียบเฉย

เมื่อมันเห็นสีหน้าสงบของหนิงฝาน มันขบฟันด้วยความแค้น

“เทียบกันแล้ว เจ้าแข็งแกร่งกว่าซูฉิน...” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย

“ฮึ่ม! ปากดีนัก! แค่รับหมัดข้าได้แล้วคิดว่าแข็งแกร่งข้าหรือไง! ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าแข็งแกร่งขนากไหน! วิชาน้ำแข็ง!”

มันกระทบหมัดสองข้างเข้าหากัน น้ำแข็งที่หนานเย็นเกาะกุมร่างทำให้มันดูไม่ต่างจากสวมเกราะน้ำแข็ง

มันขยับนิ้วเป็นท่าทาง โคจรปราณอสูรเสริมกำลังและความเย็น ทำให้ร่างกายของมันทรงพลังมากขึ้น

ความเย็นที่รุนแรงแผ่รอบทิศ เงาร่างของมันหายไปในพริบตาก่อนปรากฏตัวสูงขึ้นไปบนท้องนภา เกร็ดหิมะเริ่มโปรยปราย ความนาวเย็นแผ่ปกคลุมรอบเวที

การเสริมกำลังด้วยปราณน้ำแข็งทำให้ร่างกายของมันทรงพลังจนไม่ด้อยไปกว่าขอบเขตกระดูกหยกที่ 3 ที่สำคัญ ระดับปราณของมันยังคงที่ไม่ผันผวน

เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เห็นด้วยเปล่งเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจ

“ปราณน้ำแข็งชางหลาง! ปราณเยือกแข็งสวรรค์พิเศษเฉพาะที่เผ่าพันธุ์ชางหลางถือครอง!”

“อีกอย่าง วิชาที่มันใช้ก็ยังดูดซับเอาปราณน้ำแข็งเสริมกำลังให้ร่างกาย… ยิ่งปราณน้ำแข็งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ร่างกายของมันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น”

หนิงฝานขมวดคิ้วเมื่อได้ยินผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆพูดคุย

คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะครอบครองปราณเยือกแข็งสวรรค์อย่างปราณชางหลาง ที่สำคัญ ระดับของมันยังเหนือกว่าปราณหยินของเขาเสียอีก

นอกจากนี้ การที่มันมีวิชาเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยปราณน้ำแข็ง ก็ทำให้หนิงฝานสนใจ

วิชาเสริมกำลังด้วยปราณน้ำแข็งช่างเป็นวิชาที่ลึกล้ำ หากหนิงฝานครอบครองวิชานี้ ย่อมไม่มีผู้ใดต้องหวาดกลัว

หนิงฝานยิ้มเย้ยหยันพลางก้าวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่หวั่นเกรง

ในขณะเดียวกัน ซัวเถิงก็เคลื่อนไหว ทะยานเข้าหาหนิงฝานแล้วชกหมัดเข้าใส่

หนิงฝานเบี่ยงตัวหลบ แม้หมัดของมันจะพลาดเป้า แต่ไอเย็นจากหมัดก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งเวที

หมัดเมื่อครู่ของมันทรงพลังเทียบเท่าจุดสูงสุดของขอบเขตกระดูกหยกที่ 2  แต่หมัดของมันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ไอเย็นที่รุนแรงได้ก่อตัวเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่แฝงด้วยปราณสังหาร ทะยานเข้าใส่หนิงฝาน

ลมเย็นที่รุนแรง หิมะที่หนาวเหน็บ มังกรน้ำแข็งที่ก่อตัว… หนิงฝานตกอยู่ท่ามกลางการจู่โจมของศัตรู

ซัวเถิงไม่ได้มีแค่ร่างกายที่แข็งแกร่ง วิชาจู่โจมของมันเองก็ไม่ธรรมดา

“มังกรอ่อนแอ… วิชาเสริมกำลังกายอ่อนแอ… วิชาของเผ่าพันธุ์ก็อ่อนแอ… เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้! ลุกโหม!”

เปลวเพลิงสีเทาลุกโหมทั่วร่างหนิงฝาน จนทำให้กลายเป็นเหมือนมนุษย์เพลิง

ซัวเถิงมองหนิงฝานด้วยสายตาเย้ยหยัน

“เพลิงเทา? เพลิงอะไรกัน… ถ้าเพลิงของเจ้าไม่ใช่เพลิงระดับ 5 ก็ไม่อาจต้านทานน้ำแข็งข้าได้!”

“อา...” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา หิมะที่โปรยปราญไม่อาจสัมผัสร่างหนิงฝานได้ พวกมันถูกเพลิงเทาแผดเผา

ซูฉวนที่เฝ้าสังเกตุการณ์สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันเป็นผู้บ่มเพาะเพลิง เพลิงเทาเบื้องหน้าทำให้เพลิงปีศาจระดับ 4 ของมันเริ่มสูญเสียความควบคุม

ลู่ตู้เฉินเองก็ขมวดคิ้วแน่น ชายชราศึกษาเพลิงปีศาจมาไม่น้อย  เพลิงระดับต่ำกว่า 4 กว่าหลายพันชนิด ชายชราเคยเห็นมาทั้งหมด เพลิงปีศาจระดับ 5 ชายชราก็เห็นมาแล้ว 7 ชนิด แม้เป็นเพลิงระดับ 6 ชายชราก็เคยเห็นมาแล้วหนหนึ่ง

เมื่อเพลิงเทาของหนิงฝานถูกจุด ชายชรารู้ทันทีว่ามันไม่ใช่เพลิงไร้ระดับ

ชายชรารู้ว่าเพลิงเทาเกิดจากการผสานเพลิงปีศาจเข้าด้วยกัน ที่สำคัญ ชายชรายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปราณเยือกแข็งสวรรค์อยู่ในนั้นด้วย

“เพลิงนั่นมีปราณน้ำแข็งแฝงอยู่… เป็นเพลิงระดับไหนกันแน่!”

แม้ชายชราจะมีความรู้กว้างขวาง แต่ชายชราไม่รู้จักเพลิงหยินหยาง

เพลิงหยินหยางคือการผสานเพลิงและน้ำแข็งเข้าด้วยกัน อานุภาพของมันจะทรงพลังเป็นเท่าทวี

เงาร่างของหนิงฝานหายไป ปรากฏเหนือศีรษะมังกรน้ำแข็งที่กำลังทะยาน ความหนาวเย็นของมังกรตัวนั้นรุนแรงจนทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้นไม่กล้าเข้าใกล้ แต่หนิงฝานกลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ที่สำคัญ มังกรตัวนั้นยังละลายลงอย่างรวดเร็ว

“สลาย!”

มังกรน้ำแข็งสลายเป็นไอน้ำในพริบตา สีหน้าซัวเถิงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันเร่งล่าถอย เพราะหนิงฝานก็กำลังเคลื่อนเข้าหามันอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อมันถอยไป 10 ก้าว มันก็ตั้งสติได้ มันโกรธแค้นที่หนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น แต่กลับทำลายการจู่โจมของมันได้อย่างง่ายดาย

“บัดซบ! ไม่ว่าเพลิงของเจ้าจะะอยู่ระดับไหน ก็สู้วิชาเสริมกำลังของข้าไม่ได้!”

แขนทั้งสองข้างของมันกลายสภาพเป็นกรงเล็บน้ำแข็งขนาดใหญ่ตะปบใส่หนิงฝาน เขาเองก็ชกหมัดที่ลุกโหมด้วยเพลิงเข้าปะทะ

เมื่อหมัดและกรงเล็บเข้าปะทะ กรงเล็บของซัวเถิงระเหยไปเป็นไอ เกราะน้ำแข็งคุ้มกายก็ถูกหลอมอย่างรวดเร็ว

ผลจากการปะทะ หนิงฝานถูกผลักถอยไป 50 ก้าว แต่อีกฝ่ายปลิวไปไกล แววตาหวาดกลัวเพลิงเทาของหนิงฝาน

มันคือเผ่าพันธุ์อสูรดอกไม้ เป็นธรรมดาที่จะกลัวเพลิง

“นี่มันเพลิงอะไรกัน?!” มันอยากเข้าไปจู่โจมหนิงฝานต่อ แต่เกราะน้ำแข็งของมันไม่อาจต้านทานเพลิงเทาได้ หากฝืนเข้าไปก็ยิ่งทำให้ร่างกายของมันถูกแผดเผา

แต่ถึงอย่างนั้น ตัวมันระดับพลังที่สูงกว่า เหตุใดมันต้องกลัว เมื่อมันสงบใจได้ แววตาที่มองหนิงฝานก็เปลี่ยนไป

เด็กนี่สังหารแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางก็สังหารได้

“ตัวเจ้าแข็งแกร่ง แต่ข้าได้รับคำสั่งจากท่านหวางให้สังหารเจ้า”

“วางใจเถอะ เทียบกับหวางเซี่ยวแล้ว เจ้าก็ไม่ค่อยจะเท่าไหร่… ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนเป็นคนแรก”

“ดี ...งั้นมาดูกัน!”

ปราณปีศาจที่รุนแรงปะทุออกจากร่างซัวเถิง เป็นปราณปีศาจที่รุนแรงยิ่งกว่าของหนิงฝาน

ดูเหมือนมันผ่านการสังหารผู้คนมามากมาย กระทั่งเหนือล้ำยิ่งกว่าลี่ป่านและนายกองอสูรจากแดนสวรรค์อสูรคนอื่นๆ

หนิงฝาน...มันคือศัตรูที่ต้องกำจัดให้ได้!

ซัวเถิงแข็งแกร่ง การที่มันเคยทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงบาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

การจะสังหารมันไม่ใช่เรื่องง่าย หากหนิงฝานจะทำ เขาต้องใช้วิชาหมอกเมฆาม่วง

ทั้งสองเปล่งพลังอย่างเต็มที่ แรงกดดันเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง

ดวงตาซัวเถิงเปล่งประกายเจิดจ้า ปราณน้ำแข็งทรงพลังมากขึ้น มันขยับนิ้วเป็นท่าทาง สร้างบุบผาน้ำแข็งขึ้นรอบตัว ปกคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างหลายหมื่นลี้

มันรู้ว่าแค่วิชาของเผ่าพันธุ์ชางหลางไม่อาจสังหารหนิงฝานได้ มันจึงนำกระบี่ออกมาแล้วตัดแขนซ้ายของตน!

การกระทำที่บ้าบิ่นทำให้ผู้ที่เห็นตกใจ แต่ยังมีบางคนที่รู้ว่า ซัวเถิงกำลังจะใช้วิชาลับของเผ่าพันธุ์มัน!

“วิชาบุบผาอาบโลหิต!”

ใบหน้าของมันซีดขาว แขนที่ถูกฟันขาดสลายเป็นหมอกโลหิต ผสานกับบุบผาน้ำแข็งรอบทิศ ทำให้บุบผาเหล่านั้นกลายเป็นบุบผาโลหิตน้ำแข็ง!

ปราณในร่างของมันเพิ่มพูนจนแตะจุดสูงสุดของขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง หากมันจู่โจม แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางด้วยกันก็ยากจะรับมือ

ผู้นำเผ่ารอยแยกพิภพกลืนน้ำลาย การจู่โจมที่ซัวเถิงกำลังจะใช้ มันมั่นใจเพียง 4 ใน 10 ส่วนว่าจะรับได้

“ซัวเถิงช่างบ้าบิ่น มันถึงกับตัดแขนตนเองเพื่อสังหารศัตรู บางที...ลู่เป่ยรับการจู่โจมของมันไม่ได้ ฮึ่ม ยังไงมันก็ไม่มีทางรับได้ ให้ตายด้วยน้ำมือของซัวเถิงก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับเผ่ารอยแยกพิภพข้า...”

ทันทีที่มันกล่าวจบ สีหน้าของมันกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ดวงตาของมันเบิกกว้าง แม้สนมอสูรจื่อยังผุดลุกจากที่นั่ง สีหน้าตกตะลึงราวกับไม่เชื่อสายตา

หนิงฝานรู้ว่าแม้ตนเองไม่ใช้วิชาหมอกเมฆาม่วงก็สามารถเอาชนะซัวเถิง แค่ต้องผสานวิชาเท่านั้น

วิชาหอกตะวันไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาของซัวเถิงที่กำลังใช้ แต่หากเสริมเพลิงเทาเข้าไป ก็สามารถสยบบุบผาโลหิตของอีกฝ่ายได้

เพียงแต่ปราณของเขาไม่ได้มีมากขนาดนั้น เขาต้องการพลังงานจำนวนมากเพื่อเสริมพลังเพลิงเทาและหอกตะวัน ดังนั้นจึงตัดสินใจใช้วิชาลับโดยไม่เกรงสายตาผู้ใด

“วิชาดึงวิญญาณ!”

หนิงฝานกำมือ ปราณในพื้นดินรัศมีแสนลี้ของเมืองลั่วหยุนถูกดึงออกมา!

หนิงฝานแปรเปลี่ยนตนเองเป็นเหมือนหลุมดำที่ดูดกลืนทุกสิ่ง ปราณของเขาเพิ่มพูนขึ้นอีก 5 หมื่นเกราะ จนทำให้ระดับปราณของเขาใกล้เคียงกับซัวเถิงมาก

พลังที่ดูดซับมาควบรวมอัดแน่นอยู่ที่ฝ่ามือ

“วิชาดึงวิญญาณ!” ซูฉวนดวงตาเบิกกว้าง

ก่อนหน้านี้ที่หนิงฝานสังหารนายกองของมันไป 3 คน มันยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

แม้จะจุดเพลิงเทาก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

แต่เมื่อมันเห็นวิชาดึงวิญญาณ มันไม่อาจสงบใจได้อีก เพราะวิชาที่หนิงฝานใช้ เป็นวิชาของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก

“เด็กนี่ไม่ใช่มดปลวก แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่! ข้ามองมันผิดไป ดูเหมือนรอบที่สอง นอกจากลู่ตู้เฉินที่เป็นตัวปัญหา ยังมีเด็กนี่เพิ่มเข้ามาอีกคน!”

ซัวเถิงที่สงบใจกลับต้องหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อหนิงฝานใช้วิชาดึงวิญญาณ

“ดึงวิญญาณ… ดึงวิญญาณ… เด็กบรรลุเต๋าแห่งสวรรค์ขั้นสูง อนาคตก้าวไกล ไม่ควรยั่วยุแต่ควรผูกมิตร… ท่านหวางทำผิดพลาดแล้ว… หากมันมีเวลาอีกสักนิด ต่อให้เป็นท่านหวางก็สู้มันไม่ได้… แต่ตัวข้าที่เป็นนายกองของท่าน ต้องปลิดชีวิตมันในวันนี้ให้ได้… วิชาอสูรชางหลาง...บุบผาโปรย!”

ซัวเถิงสัมผัสมือเป็นท่าทาง ลมหายใจของมันเปลี่ยนไป

บุบผาโลหิตน้ำแข็งนับไม่ถ้วนที่มันสร้าง เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต แปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสงสีโลหิต ตรงเข้าใส่หนิงฝานอย่างรวดเร็ว

การเสียดสีอากาศอย่างรุนแรง ทำให้บุบผาน้ำแข็งปรากฏเพลิงลุกโหม ทำให้มันดูราวกับเป็นอุกกาบาต

ในขณะที่บุบผาจำนวนมากเข้าใกล้ หนิงฝานยกแขนซ้าย มือเปล่งแสงสีทองอร่ามราวกับดวงตะวัน ป่าเขา สายน้ำในรัศมีแสนลี้แห้งเหือด ชั่วพริบตานั้น...หอกสีทองปรากฏขึ้นในมือหนิงฝาน

เมื่อหอกสีทองปรากฏ มันแผ่แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว

พลังที่รุนแรงระดับนี้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไม่สามารถควบคุมได้

แต่ในชั่วพริบตานั้น บนหน้าผากหนิงฝานปรากฏดาราเทพ 2 ดวง!

หนึ่งดวงเป็นของจริง อีกหนึ่งเป็นเหมือนภาพลวงของดาราที่ยังไม่สมบูรณ์

การปรากฏของดาราเทพดวงที่สองช่วยเสริมอานุภาพของปราณหยาง ผสานกับปราณหยินจากดาราเทพดวงแรก ทำให้อนุภาพของหอกตะวันเพิ่มพูนมหาศาล จึงเป็นเหตุใดหอกตะวันยามนี้ ทรงพลังเทียบเท่าการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูง

นอกจากนี้ หนิงฝานได้เสริมเพลิงเทาเข้ากับหอกตะวัน ทำให้อานุภาพของมันเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และขยายขนาดขึ้นเป็นหอกยาวกว่าร้อยจ้าง

“ตาย!” หนิงฝานขว้างหอกตะวันออกไป

บุบผาน้ำแข็งที่หอกตะวันเคลื่อนผ่านละลายลงในพริบตา ก่อนทะลวงร่างของซัวเถิงโดยที่มันไม่ทันได้ตอบโต้!

มันรู้ดีว่ามันไม่อาจรับมือกับหอกตะวันได้ หอกตะวันระเบิดภายในร่างของมัน มันพยายามให้ดวงจิตสละร่าง แต่ไม่อาจหลบพลังทำลายของหอกได้ทันจนดวงจิตของมันถูกตรึงและถูกหนิงฝานคว้าไว้

มันรู้ว่ามันไม่มีทางรอด แต่หากมีโอกาส มันก็อยากจะหนีแล้วหาทางกลับมาฆ่าหนิงฝานใหม่

หากวันใดหนิงฝานได้ไปยังแดนสวรรค์ เขาจะกลายเป็นตัวอันตรายสำหรับพวกมัน

“ข้ามีเรื่องอยากจะขอ...”

“ข้าไม่มีทางไว้ชีวิตเจ้า” หนิงฝานกล่าว หนิงฝานพยายามจะอ่านดวงจิตของมันแต่ทำไม่สำเร็จ

“ข้าไม่ได้ร้องขอชีวิต… แต่ข้าไม่อยากให้ปราณน้ำแข็งชางหลางหายไป… ข้าขอใช้มันเพื่อไถ่โทษที่ล่วงเกินเจ้า...”

มันขับเอาปราณน้ำแข็งชางหลางออกมาจากดวงจิต ก่อนที่ดวงจิตของมันจะระเบิด

มันฆ่าตัวตาย มันรู้ว่าตนเองต้องตาย มันจึงชิงฆ่าตัวตายก่อนที่จะถูกหนิงฝานกลืนกิน

มันไม่รู้ว่าสิ่งที่ขอไปจะดีหรือเปล่า มันรู้แค่ว่ามันทำเพื่อให้ตนสบายใจ

หนิงฝานประครองบุบผาน้ำแข็งที่งดงามเอาไว้ หากซัวเถิงไม่ได้มอบให้ เขาคงไม่ได้มา

“บุบผาแห่งชางหลาง… ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า...” หนิงฝานกล่าวก่อนจะเก็บปราณชางหลางไว้ในแหวน

เมื่อสังหารซัวเถิงแล้ว หนิงฝานก็หันมองหวางเซี่ยว

“ซัวเถิงตายไปแล้ว!”

หวางเซี่ยวขบฟัน ซัวเถิงคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางที่โด่ดเด่นของมัน ไม่อาจหาใครมาเทียบได้ง่ายๆอีก

แต่ตอนนี้ หวางเซี่ยวไม่อยู่แล้ว มันถูกสังหารตายอย่างน่าอนาจ

ยามนี้จึงเหลือเพียงตัวมันที่จะต่อกับหนิงฝานได้

“พวกเจ้าสองคนไปสังหารลู่เป่ย!” หวางเซี่ยวบอกกล่าวผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางที่ยืนอยู่

“พวกข้า...” นายกองสองคนนั้นหวาดกลัว พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนซัวเถิง หากฝืนเข้าไปก็มีแต่ตาย พวกมันจึงไม่กล้า

“ไอ้พวกไร้ค่า!” หวางเซี่ยวซัดฝ่ามือใส่พวกมันจนกระอักโลหิต

สนามประลองเงียบสงัด หนิงฝานยืนอยู่กลางสนามเพียงลำพัง ไม่ว่าผู้ใดจึงขึ้นมาล้วนแต่พ่ายแพ้

ผู้นำเผ่ารอยแยกพิภพตกตะลึง เหงื่อไหลอาบทั่วร่าง สองมือสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

ซัวเถิงตาย… ซัวเถิงตายไปแล้ว

หากมันยั่วยุลู่เป่ย มันไม่รอดแน่

“ในเมื่อไม่มีผู้ใดท้าทายข้า ข้าก็อยากให้โอกาสนี้สะสางกับหวางเซี่ยว แต่หากมันไม่กล้า เจ้าก็ถือว่าด้อยกว่าข้า”

แววตาหวางเซี่ยวแปรเปลี่ยนมืดมน มันลุกจากที่นั่งก่อนปรากฏตัวกลางสนามประลอง

“เจ้าสังหารคนของข้าไป 7 คน เจ้ายังคิดจะยั่วยุข้าต่อ… ทำไมเจ้าถึงอยากสู้กับข้านัก”

“เพราะเจ้าคิดร้ายกับว่านเอ๋อร์!” ดวงตาข้างซ้ายของหนิงฝานกลายเป็นสีม่วง

หากเขามาช่วยว่านเอ๋อร์ช้าไปก้าวหนึ่ง นางจะเป็นยังไงบ้างไม่รู้

แรงกดดันหนิงฝานเพิ่มพูน กดทับเข้าใส่ร่างหวางเซี่ยวจนต้องล่าถอยไป 3 ก้าว กลับกลายเป็นว่ามันด้อยกว่าหนิงฝานตั้งแต่เริ่ม

แต่ในชั่วพริบตานั้น มุมปากของมันกลับยกยิ้ม

“ลู่เป่ย… ข้ามีความลับจะบอกเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นมนุษย์… ผู้นำเผ่าเพลิงบอกข้า และข้ายังรู้อีกว่าเจ้าคือซัวหมิงที่มาจากทะเลไร้สิ้นสุด หากข้าป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป แดนสองแห่งนี้จะไม่มีที่ใดคุ้มกะลาหัวเจ้าได้อีก”

หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้คำพูดแทนการต่อสู้ เพื่อทำให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ

คนอื่นรู้แล้วจะทำไม? ต่อให้รู้ไปก็ไม่เห็นมีประโยชน์… หนิงฝานยังคงสีหน้าสงบ แม้ในแดนสองไม่มีที่ใดให้คุ้มหัว ก็ไม่เป็นอะไร ต่อให้ก่อสงครามอีกครั้งแล้วจะทำไม...

หนิงยิ้มเย้ย “หวางเซี่ยว คำกล่าวของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก… แต่จะว่าไป ข้าก็มีความลับจะบอกเจ้า ข้าว่าเรื่องน่าจะส่งผลต่อจิตใจเจ้าแน่นอน… เจ้าจำตอนแดนหนึ่งล่มสลายได้หรือเปล่า ครั้งนั้นประตูมิติของเจ้าถูกทำลาย ทำให้ร่างกายของเจ้าถูกบดขยี้… เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นฝีมือข้าเอง!”

“ว่าไงนะ!”

โทสะหวางเซี่ยวพุ่งพร่าน จิตใจปั่วป่วนสับสน

ที่ประตูมิติระเบิดในวันนั้น ที่แท้เป็นเพราะหนิงฝาน!

“ค้อนอัสนีม่วง!” ค้อนสีเงินปรากฏขึ้นในมือหวางเซี่ยว เป็นอาวุธเทพโบราณ มีอัสนีสีม่วงแปรปราบ มันเหวี่ยงค้อนหนึ่งครั้ง ภูเขาที่อยู่ห่างออกไปถูกเป่าเป็นผง

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีจัดการกับอาวุธ… แต่ค้อนนี้เจ้าไม่อาจทำได้ ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด