ตอนที่แล้วบทที่ 117 การเปลี่ยนแปลงที่ศิลาพระเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 119 ราชาปีศาจ โปวชุน

บทที่ 118 เทพธิดาแห่งจันทรา


บทที่ 118 เทพธิดาแห่งจันทรา

" ไปกันเถอะ ! "

นักรบที่อยู่บนค้างคาวโลหิตคราม ก็ตะโกนออกมา และ ตบลงบนหลังของค้างคาวโลหิตคราม

ค้างคาวโลหิตครามพุ่งไปเหมือนลูกศรทันที ในขณะที่ข้ารับใช้อสูรที่เหลือใบหน้าก็เริ่มซีดและพวกเขาก็กระตุ้นให้ค้างคาวโลหิตครามไปที่ตระกูลฉื่อโดยเร็ว

ฉื่อหยานตกใจและถามออกไป " เกิดอะไรขึ้น ? "

" พรรคสามเทพคือ ศัตรูของเรา และข้ารู้สึกได้ถึงรังสีอันตรายจากศิลาพระเจ้านั้น ใครก็ตามที่ฟื้นขึ้นมา จะต้องเป็นคนสำคัญในพรรคสามเทพแน่นอน และเมื่อพวกเขาเห็นค้างคาวโลหิตคราม พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเรามาจากตระกูลหยาง เพราะท่านเสี่ยวนั้นไม่อยู่ที่นี่ เราจึงไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถปกป้องคุณชายหยานจากพวกเขาได้หรือไม่ "

ข้ารับใช้อสูรจากตระกูลหยางที่อยู่ข้างๆฉื่อหยานก็พูดเตือนออกไป

พรรคสามเทพ ! ทำไมถึงเป็นพรรคสามเทพอีกแล้ว

ฉื่อหยานขมวดคิ้วและเกิดความกลัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงทะเลไม่มีสิ้นสุด

แม้ว่าเขาต้องการที่จะเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับศิลาพระเจ้า แต่หลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่นักรบพูด ฉื่อหยาน ก็เลือกที่จะจากไปพร้อมกับค้างคาวโลหิตคราม แต่เขาก็หันกลับมาหลายครั้งและมองไปที่ศิลาพระเจ้า

จู่ๆ กระแสของแสงจันทร์ ก็ระเบิดออกมาจากศิลาพระเจ้าอย่างรุนแรง

ด้วยเสียงที่ดังสนั่นขนาดใหญ่ ปรากฏเป็นหญิงลึกลับในชุดนักรบสีขาวขึ้นในศิลาพระเจ้า

จากระยะไกล ฉื่อหยาน พบว่า หญิงสาวนางนั้นงดงามเป็นอย่างมาก นางเหมือนกับเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ด้วยผิวที่ขาวราวกับหิมะ

หญิงสาวนางนั้นลอยอยู่ในอากาศ เหนื่อศิลาพระเจ้า สักพัก แล้วจากนั้นก็กลายเป็น แสงจันทร์ลอยออกไปทิศตะวันออก

" ยอดฝีมือระดับนภา "

นักรบที่อยู่ข้างๆฉื่อหยานก็พูดขึ้นด้วยความกลัว " โชคดีที่เราออกมาก่อน ไม่งั้น เราอาจจะถูกฆ่านางฆ่าก็เป็นได้”

" นางแข็งกว่าลุงเสี่ยวหรือไม่ ? " ฉื่อหยานถามออกไปด้วยความสับสน

" ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ แต่พลังปราณลึกลับของนางนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าท่านเสี่ยวเลย. . . " นักรบพูดอธิบาย " เทพทั้งสาม เทพดวงตะวัน เทพจันทรา เทพดวงดาว ของพรรคสามเทพต่างก็ครอบครองวิชาลึกลับมากมายในพรรคสามเทพ แม้แต่ท่านเสี่ยวเองก็ยากที่จะรับมือนาง " .

สีหน้าของฉื่อหยานเปลี่ยน " ห๊ะ ! ! "

ตอนนั้นเองก็ค้างคาวโลหิตครามบินเข้าหาพวกเขา เป็นเซี่ยซินหยานที่ขี่มันอยู่

ดวงตาของเซียซินเหยียน แสดงถึงความประหลาดใจขณะที่นางตะโกนออกมา " ฉื่อหยาน เจ้าทำอะไรอยู่รึ ? "

" ไม่มีอะไร " ฉื่อหยานขมวดคิ้ว " จ้าไปผ่านที่ศิลาพระเจ้าและจิตวิญญาณดวงดาวของข้าก็กลายเป็นม่านแสงส่อง และมันลอยออกจากร่างกายของข้าและกระทบลงบนศิลาพระเจ้า จากนั้นศิลาพระเจ้าแตกออกและปรากฏแสงเจิดจ้าออกมาพร้อมกับมีหญิงงามปรากฏขึ้น "

" ศิลาพระเจ้าอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาพันปีแล้วใช่หรือไม่ ? " เซียซินหยาน ถามด้วยความประหลาดใจ

ฉื่อหยานพยักหน้า " ถูกต้อง เท่าที่ข้ารู้ ก่อนที่จะมีเมืองเทียนหยุน หินก้อนนั้นก็อยู่ที่นั่นแล้ว เมืองเทียนหยุนถูกตั้งชื่อตามศิลานั่น , ซึ่งแปลว่า ศิลาจากฟากฟ้า เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับมันหรือไม่ ? "

" ไว้คุยกันหลังจากพบกับลุงเสี่ยว " เซี่ยซินเหยียนสูดลมหายใจเข้า และนางก็นึกถึงบางอย่างที่น่ากลัวได้ในความทรงจำ

เมื่อเห็นนางครุ่นคิดอย่างจริงจัง ฉื่อหยานก็ไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ แต่เขาก็ยังคงกังวลอยู่

ค้างคาวโลหิตครามก็บินอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงสวนของตระกูลฉื่อ

เสี่ยวฮานยี่ ฉื่อเจี้ยน , และคนอื่น ๆยังคงไม่กลับมา ดังนั้น ฉื่อหยาน รอพวกเขาอยู่ที่ศูนย์กลางของบ้านเรือน

รุ่งเช้าเสี่ยวฮานยี่ และฉื่อเจี้ยน , พร้อมกับซั่วชูและคนอื่น ๆก็ค่อยๆบินกลับมาจากตระกูลเป่ยหมิง

มองไปที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งก็บอกได้เลยว่าตระกูลเป่ยหมิงนั้นถูกจัดการไปแล้ว

" อะไรนะ ! "

เสี่ยวฮานยี่ มาถึง หลังจากมองฉื่อหยาน เขาก็ร้องออกท่ " คุณชายหยาน ท่าน ท่าน . . . . . . . "

ภายใต้สายตาของเสี่ยวฮานยี่ ฉื่อหยาน ก็ค่อยๆพยักหน้า " บางทียาอายุวัฒนะจะต้องใช้เวลาดูดซับนานกว่าที่คิด ดังนั้นเมื่อคืนระดับของข้าจึงเพิ่มขึ้น . . .

ฉื่อเจี้ยน ตกตะลึงและมองฉื่อหยานด้วยความไม่อยากเชื่อและ เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความสึก " เจ้าเด็กน้อย เจ้าบรรลุถึงระดับหายนะแล้วงั้นรึ ? "

" ถูกต้อง " .

" เจ้าทำได้เช่นไร ? " ซั่วชู ดูแปลกใจ เขาก็สั่นศีรษะของเขา เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาของเขาเช่นกันเมือมองไปที๋ฉื่อหยาน

" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! "

เสี่ยวฮานยี่ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง " เหลือเชื่อ ! ฮ่า ฮ่า นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ ! อายุสิบเจ็ดปี แต่กลับอยู่ในระดับ หายนะ แม้แต่ในตระกูลหยางเองก็ไม่สามารถหาอัจฉริยะเช่นนี้ได้ คุณชายหยาน ข้ามั่นใจเลยว่า ท่านหัวหน้าตระกูลจะต้องทำกับท่านเช่นเดียวกับสมบัติที่มีค่าที่สุดแน่นอน "

เมื่อได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มของฉื่อเจี้ยนก็หาย เขาก้มหัวและเริ่มถอนหายใจออกมา

ฉื่อหยาน มีความสามารถเพียงนี้ ถ้าเขาอยู่ในตระกูลฉื่อ ตระกูลของพวกเขาก็จะกลายเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสมาคมการค้าแน่นอน และอาจจะสามารถเทียบได้กับจักวรรดิ์อัคคีและจักวรรดิ์พรพระเจ้าเลยก็เป็นได้ !

อายุ 17 ปี อยู่ในระดับหายนะ ต่อให้เป็นเป่ยหมิงเช้อก็ไม่สมควรเทียบได้ !

ด้วยความคิดของฉื่อเจี้ยน ที่คิดว่าฉื่อหยานต้องจากไปยังทะเลไม่มีสิ้นสุด , ฉื่อเจี้ยนก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็รู้ดีว่า เขาไม่สามารถห้ามฉื่อหยานได้

" ท่านเสี่ยว ตอนนั้น ตอนที่เราอยู่ที่ศิลาพระเจ้า . . . . . . . " ที่นักรบคนหนึ่งพูดขึ้นและอธิบายทุกย่าง

เสี่ยวฮานยี่ สีหน้าก็เปลี่ยนไป และเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หลังจากนั้น เสี่ยวฮานยี่ ก็มองไปที่เซียซินหยาน และพูดด้วยเสียงจริงจัง " เซี่ยเอ๋อ เจ้าคิดว่าไง ? "

" เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน เทพทั้งสามได้ไปยังดินแดนเจ็ดพิภพทมิฒพร้อมกับสาวกมากมาย หลังจากการต่อสู้กับภูติราชาทมิฬ , ก็มีเพียง เทพดวงตะวันเท่านั้นที่กลับมา และเทพจันทรากับเทพดวงดาวก็หายสาปสูญไป และไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในทะเลไม่มีสิ้นสุดอีกเลย เทพดวงดาว โอหยางจื่อ นั้นได้หลบหนีไปสร้างประตูสวรรค์ปลอมขึ้นที่บึงมรณะและเก็บรักษาตราประทับจิตวิญญานดั่งเดิมไว้ที่นั่น แต่เทพดวงดาวโอหยางจื่อกลับหายตัวไป บางทีหญิงสาวที่ออกมาจากศิลาอาจจะเป็น... "

" เป็นไปไม่ได้ ! " เสี่ยวฮานยี่ ส่ายหัว และพูดขัดจังหวะ เซี่ยซินหยาน" เทพจันทรา โอหยางเซี่ยฮัว เป็นนักรบในระดับพระเจ้า แม้ว่านางจะได้แช่แข็งตัวเองมาเป็นพันปี แต่พลังของนางต้องอยู่แน่นอน จากที่เจ้าพูดมา ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงนักรบในระดับนภา ย่อมไม่ใช่ โอหยางเซี่ยฮัว แน่นอน ! "

" ข้าได้ยินมาว่า โอหยางเซี่ยฮัว มีลูกสาวชื่อ โอหยางลั่วซวง อยู่ . และนางเองก็ยังไปยังดินแดนเจ็ดพิภพทมิฒเช่นกัน และตอนนั้นนางก็เป็นเพียงหญิงสาวอายุ ยี่สิบปี บางทีนั่นอาจจะเป็นนางก็ได้ "

" โอหยางลั่วซวง ? "

เสี่ยวฮานยี่ พลันนึกขึ้นได้ " น่าจะใช่ ! เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้วนางอยู่ในระดับหายนะ เทพจันทราต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะที่อยู่ในดินแดนเจ็ดพิภพทมิฒแน่นอน และนางก็ได้หนีไปกับลูกสาวของนาง และประทับตราไว้ในศิลาพรัเจ้า เพื่อปกป้องลูกของนาง ถ้าเป็นนางจริงหละ ความแข็งแกร่งของพรรคสามนิกายจะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน "

" ทำไมรึ ? " ฉื่อหยานถาม

" จิตวิญญานดวงตะวัน จิตวิญญานจันทรา , และจิตวิญญาณดวงดาว สามารถดูดซับพลังงานของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวได้โดยตรง มากกว่านั้น พลังที่พวกเขาดูดซับได้จะเร็วขึ้นตามขั้นของจิตวิญญานต่อสู้ ในพรรคสามเทพ โดยทั่วไป นักรบที่มีอายุมากขึ้นระดับขั้นของจิตวิญญานต่อสู้ก็จะสูงขึ้นเช่นกัน เพราะนักรบที่มีอายุมากนั้นได้ดูดซับพลังมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จิตวิญญาณของพวกเขาจึงสามารถพัฒนาได้อย่างง่ายดาย "

เซี่ยซินเหยียนสูดลมหายใจเข้า " ถ้าหญิงลึกลับนั่นเป็น โอหยางลั่วซวง จริง แปล่วานางต้องดูดพลังงานจากดวงจันทร์มาแล้วนับพันปี เราไม่สามารถคิดเลยว่าจิตวิญญานจันทราของนางจะอยู่ในขั้นใด ในอดีต นางเองก็เป็นบุตรแห่งพระเจ้าและตอนนี้หลังจากผ่านมาพันปี จิตวิญญานจันทราของนั้นก็ได้พัฒนาขึ้นมาก ไม่อาจคิดเลยว่าสถานะของนางจะเป็นเช่นไร ! "

" ในการต่อสู้เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว พรรคสามเทพสูญเสียเป็นอย่างมาก แม้ว่าเทพดวงตะวันจะรอดมาได้ แต่เขาก็ตายตั้งแต่เมื่อสามร้อยปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลานั้นเขาก็ได้แต่งตั้งเทพดวงตะวันคนใหม่ขึ้นมา ถึงแม้จะไม่มีเทพจันทราและเทพดวงดาวนตั้งแต่นั้นมา แต่เทพพรรคสามเทพก็ยังคงเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ถ้า โอหยางลั่วซวง กลับสู่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุดหละก็ นางจะต้องเป็นเทพจันทราและแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน ! ถึงตอนนั้นพรรคสามเทพก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ! " เสี่ยวฮานยี่ ถอนหายใจออกมา

ฉื่อหยานเงียบและฟังเสี่ยวฮานยี่ และเซี่ยซินหยานพูดคุยกัน และเขาเองก็ต้องการรู้เรื่องของพรรคสามเทพเช่นกัน

" ฉื่อหยานได้รับจิตวิญญานดวงดาวมา ถ้าเขาสามารถเข้าร่วมกับพรรคสามเทพได้ และได้รับวิธีฝึกฝนจิตวิญญานต่อสู้ของพวกเขามาหละ เขาก็จะเป็นเทพดวงดาวคนต่อไปแน่นอน . " เซี่ยซินเหยียน ครุ่นคิด และก็พูดกับฉื่อหยาน " เทพดวงดาวนั้นพิเศษที่สุดในพรรคสามเทพ ถ้าพรรคสามเทพไม่รู้ว่าฉื่อหยานเป็นใคร และพวกเขาได้สอนวิชาต่างให้ฉื่อหยานหละก็ . . . . . . . "

เสี่ยวฮานยี่ ดวงตาสว่างขึ้น เขาพยักหน้า " เรื่องนี้ต้องให้ท่านหัวหน้าตระกูล ตัดสินใจ การส่งคุณชายหยาน ไปที่พรรคสามเทพด้วยจิตวิญญานดวงดาว นั้นเสี่ยเกินไป "

" ฉื่อหยานเป็นคนของตระกูลหยาง มันก็ขึ้นอยู่กับพวกท่านว่าจะตัดสินใจเช่นไร นั่นเป็นเพียงข้อเสนอแนะอันต่ำต้อยของข้า " เซี่ยซินหยานกล่าวอย่างเย็นชา

" ท่านหัวหน้าตระกูลฉื่อ , ข้าวางแผนที่จะต่ออีกไม่กี่วัน แต่ตอนนี้มันต้องเปลี่ยนแล้ว เราต้องกลับสู่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุดแต่เช้าวัรพรุ้งนี้ ตอนนี้ตระกูลหลิง เป่ยหมิง และโม่ต่างถูกฆ่าจนหมดสิ้นแล้ว ข้าเชื่อว่า เรื่องต่อจากนี้ท่านสามารถจัดการได้ "

เสี่ยวฮานยี่ ครุ่นคิดสักพัก แล้วเขาก็เอาหนังสือสองเล่มจากหน้าอกของเขาและส่งไปให้ ฉื่อเจี้ยน , " นี่คือวิชาระดับวิญญานทั้งสองเล่ม ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์แก่ตระกูลท่านเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นวิธีที่ท่านจะสามารถติดต่อตระกูลหยางได้ คุณสามารถบอกกู่ลั่ว ของศาลาหมอกได้ , หากท่านประสบปัญหาอะไร และเราก็จะรู้เอง "

ฉื่อเจี้ยนเปลี่ยนเป็นแปลกใจและมีความสุขเล็กน้อย หลังจากได้รับหนังสือมา เขาก็ไม่รู้จะพูดยังไง

" คุณชายหยาน เราต้องรีบไปกันโดยเร็วที่สุด " เสี่ยวฮานยี่ มองไปที่ฉื่อหยาน

" ได้ ข้าขอเวลาพบพ่อของข้าสักนิด " ฉื่อหยานพยักหน้าและเงียบไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉื่อหยาน ก็บอกลาตระกูลฉื่อและตามเสี่ยวฮานยี่ขึ้นไปยัง ค้างคาวโลหิตคราม

ก่อนฟ้าจะสาง ฉื่อหยาน ก็ขี่ค้างคาวโลหิตครามและมุ่งไปทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศของทะเลไม่มีสิ้นสุด_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1195 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด