ตอนที่แล้วบทที่ 104 ภัยพิบัติครั้งใหญ่ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 106 บุตรของพระเจ้า

บทที่ 105 จิตวิญญานแห่งดวงดาว


บทที่ 105 จิตวิญญานแห่งดวงดาว

ฉื่อหยานเดินทางต่อไปทางทิศตะวันออก

บึงมรณะที่เต็มไปด้วยแก๊สพิศ และครอบคลุมไปด้วยบึง . การเดินในพื้นที่แห่งนี้ ต้องระมัดระวัง ไม่งั้นเขาอาจจะจมลงไปในโคลน หรือถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรได้

ทางทิศตะวันออกของบึงมรณะนั้นค่อนข้างที่จะสงบ แทบจะไม่มีนักรบปรากฏตัวขึ้นในบริเวณนี้เลย

ตลอดทางฉื่อหยานพบเพียนักรบหรือทหารรับจ้างที่ตามล่าสัตว์อสูน และสมุนไพรพิเศษ พวกเขาล้วนอยู่ในระดับก่อตั้งหรือระดับมนุษย์เท่านั้นซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำ

ฉื่อหยานนั้นต้องการที่จะไปจากบึงมรณะอย่างรวดเร็ว ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ไปยุ่งเกียวกับทหารและนักรบเหล่านั้น เขาหลีกเลี่ยงทุกที่ ที่พวกนั้นชุมนุมกันอยู่ เพื่อไม้ให้พวกนั้นจดจำใบหน้าของเขาและเป็นร่องรอยให้เป่ยหมิงชางตามตัวได้

ในคืนนั้นเอง

หลังจากคิดอย่างรอบคอบ ฉื่อหยานก็หยิบดาบแยกนภาและเกราะคริสตัลของเป่ยหมิงเช้อออกมาจากกระเป๋า เขาโยนมันลงไปในบึงน้ำและดูพวกมันจมหายลงไป

ดาบแยกนภาและเกราะคริสตัลทั้งสองนั้นเป็นอาวุธที่หลอมโดยเป่ยหมิงชาง

เป่ยหมิงชางนั้นสามารถสัมได้ถึงดาบแยกนภาและเกราะคริสตัล ไม่นานมันคงจะรู้จุดที่เขาอยู่แน่

แม้จะรู้ว่า ดาบแยกนภาและเกราะคริสตัลนั้นเป็นสิ่งของที่มีค่า แต่ฉื่อหยานก็ต้องทิ้งมันไปเพื่อปกป้องตัวเอง

ก๊าซพิษในบึงมรณะนั้นสามารถกัดกร่อนได้อย่างรุนแรง ซึ่งฉื่อหยานเองก็ได้ทดสอบมันแล้ว ดังนั้น เขาเชื่อว่า เป่ยหมิงชางจะต้องไม่สามารถสัมพัสถึงมันได้แน่หากมันจมลงไปในบึงที่เต็มไปด้วยพิษ

หลังจากนั้น ฉื่อหยานก็ยังคงเคลื่อนไหวไปทางทิศตะวันออก

ตอนกลางคืน หลังจากนั้นอีก 3 วัน

เขายืนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ ฉื่อหยานกลบกลิ่นอายของเขาและอยู่อย่าง ๆ และจ้องมองไปข้างหน้า

มีเสียงของการต่อสู้ที่โหดร้ายดังมาจากบึงที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งมีอยู่ด้านหนึ่งที่รุนแรงกว่าที่อื่น

แม้ว่าฉื่อหยาน จะสงสัยเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้ไปดู เขาตัดสินใจที่จะไปทางทิศตะวันออกทันที เมื่อการต่อสู้จบลงไปแล้ว

สิบห้านาทีต่อมา การต่อสู้ข้างหน้าก็เงียบลง

ฉื่อหยานยังคงไม่เคลื่อนไหว หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เมื่อมั่นใจว่าพวกนั้นไปแล้ว เขาก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ข้างๆบึง .

มีหนองน้ำล้อมรอบทั้งสองด้านของพื้นดินที่ชุ่มน้ำ ฉื่อหยานนั้นต้องข้ามบึงไปทางทิศตะวันออก

เมื่อเขาได้ข้าม ฉื่อหยาน ก็พบว่ามีศพอยู่บนพื้นเจ็ดถึงแปดร่าง พลังปราณลึกลับของพวกมันล้วนลอยหายไปในอากาศแล้วซึ่งเขาไม่สามารถดูดซับใดๆได้เลย

ศพทั้งหมดเป็นของคนจากสมาคมรับจ้าง เพราะเกราะของพวกเขาดูคล้ายกัน ดูจากบาดแผลที่ศพแล้ว ดูเหมือนพวกมันจะถูกโจมตีโดยสัตว์อสูร และร่างของมันก็ฉีกขาด

เขาจ้องมองไปที่ศพเหล่านั้นอยู่สักพัก และก็พบว่าเขานั้นไม่สามารถหาผลประโยชน์ใดๆได้แล้ว เขาจึงเร่งออกไปโดยไม่สำรวจสิ่งใดเพิ่มเติม

" ปรากฏว่าเจ้าเลือกมาทางนี้จริงๆสินะ "

ตอนนั้นเองเสียงของเซี่ยซินหยานก็ดังออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ

จากนั้น ร่างที่ละเอียดอ่อนของ เซี่ยซินหยาน และใบหน้าที่งดงามของนางซึ่งถูกปิดไว้โดยผ้าพืนหนึ่ง ก็เดินออกมาจากหลังพุ่มไม้

ข้างหลังของนาง เป็นชายร่างยักษ์สูงตระหง่านสองคนที่กำลังเช็ดคราบเลือดออกจากมือของพวกมันด้วยผ้าสีเทา

" คนของเจ้าเป็นคนฆ่าพวกมันงั้นรึ ? " ฉื่อหยานถามนางอย่างใจเย็น

" ถูกต้อง " เซี่ยซินหยานพยักหน้าโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุผลที่พวกมันถูกฆ่าตาย นางมองไปที่ฉื่อหยาน ด้วยดวงตาที่สวยงามของนางและกล่าวว่า " เจ้าได้รับ ตราผนึกดั้งเดิมของโอหยางจื่อ จิตวิญญานแห่งดวงดาวจริงๆสินะ ! "

" โอหยางจื่อ ? " ฉื่อหยานใบหน้าก็เปลี่ยน " เขาเป็นใครกัน ? "

" เขาเป็นคนที่สร้างประตูแห่งสวรรค์ปลอมขึ้นมาและตราประทับจิตวิญญานนั้นก็สร้างมากจากจิตวิญญานต่อสุ้ของเขา โอหยางจื่อเป็นตำนานมากว่าพันปีแล้วในทะเลไม่มีที่สิ้นสุดและเป็นเทพดาราของพรรคสามเทพ เขาเป็นนักรบในนภาที่สามของระดับวิญญาน เพียงไม่กี่ก้าวก็จะบรรลุสู้ระดับแก่นแท้พระเจ้า . " เซี่ยซินหยานกล่าวช้าๆ

" พรรคสามเทพ ? เทพดารา ? พวกมันคืออะไรกัน ? " ฉื่อหยาน ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

" เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน เทพทั้งสามของพรรสามเทพเข้าไปยังพิภพเจ็ดทมิฬด้วยกันและได้ต่อสู้กับราชาแห่งภูติ ราชาทมิฬ ที่มหาสมุทรทมิฬ อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องพัวพันทหารภูติทั้งสามสิบล้านตน ซึ่งเกิดเป็นสงครามที่รุนแรงขึ้นในพิภพเจ็ดทมิฬในระยะเวลาสหัสวรรษที่ผ่านมา เทพทั้งสามของพรรคสามเทพนั้นสูญเสียเป็นอย่างมาก และสาวกหลายคนก็ได้ตกตายไป หลังจากการต่อสู้จบลง มีเพียงเทพดวงตะวันเท่านั้นที่กลับมาส่วนเทพอีกสองตนนั้นหายตัวไป อย่างไรก็ตาม ก็มีเพียง ทหารภูติห้าล้านตนกับราชาทมิฬ ที่เหลือรอดมาได้และราชาทมิฬเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่เคยปรากฏตัวออกมาจากมหาสมุทรทมิฬอีกเลยคลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา . . . . . . . "

" เทพทั้งสาม เทพดวงตะวัน เทพจันทรา และ เทพดวงดารา ? พิภพเจ็ดทมิฬ ? ราชาภูติทมิฬ "

ฉื่อหยานพูดออกมาอย่างสับสนและ เขาก็ส่ายหัว " หมายความว่า ประตูสวรรค์นั่นก็ถูกสร้างขึ้นโดยหนึ่งใน เทพทั้งสามจากพรรคสามเทพงั้นรึ ? "

" ถูกต้อง " เซี่ยซินหยานพยักหน้าเบาๆ " หลังจากสงครามนั้น หลายคนต่างก็คิดว่า เทพจันทรา และ เทพดวงดาราได้ตายไปแล้ว เพราะพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเลยในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าดูจากรประตูสวรรค์ปลอมที่ปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาดในหุบเขาพลังหยิน โอหยางจื่อจะต้องเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บของเขาแน่นอน อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครรู้ว่า เขานั้นได้มาถึงที่นี่และฆ่ามังกรโคลน สัตว์อสูรระดับ แปด และสร้างประตูนี้สวรรค์ปลอม ดินแดนพระเจ้าและตราประทับจิตวิญญานดั่งเดิมตอนไหน”

" ตราประทับจิตวิญญานดั่งเดิมนั่นเป็นจิตวิญญานต่อสู้ของเขาสินะ "

ฉื่อหยานก็มองที่บริเวณหัวใจของเขา ก่อนที่จะเกิดประกายแสงบางอย่างผ่านตาของเขา

" ตราประทับจิตวิญญานดั่งเดิมเป็นจุดกำเนิดของจิตวิญญานต่อสู้ ดังนั้นผู้คนจึงสามารถได้รับจิตวิญญานจากตราประทับจิตวิญญานดั่งเดิมได้ ผู้ที่อยู่ในระดับพระเจ้าสามารถเปิดห้วงตราประทับจิตวิญญานดั่งเดิมของพวกเขาได้ เพื่อให้คนที่มีความสามารถมาสืบทอดจิตวิญญานต่อสู้ของเขา โดบทั่วไปแล้วจิตวิญญานแห่งดวงดาวจะสามารถสังเกตุได้จากจุดแสงที่เกิดขึ้นในหัวใจ ซึ่งรูปแบบของมันจะเป็นเหมือนกับคลื่นดวงดาว . " เซี่ยซินหยาน อธิบาย

" นี่เป็นจิตวิญญาณต่อสู้งั้นรึ ? " ฉื่อหยานดวงตา สว่างขึ้น เขาสังเกตุที่บริเวณหัวใจของเขาด้วยความประหลาดใจ

" มันไม่เพียง แต่จะเป็นจิตวิญญาณการต่อสู้ แต่มันยังเป็นจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ! " เซี่ยซินหยานพูดยืนกราน

" จิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์ ? " ฉื่อหยานกลายเป็นตกตะลึง " จิตวิญญานต่อสู้มีระดับด้วยงั้นรึ ? "

" แน่นอน ด้วพยัลงและจำนวนขั้นในการเพิ่มขึ้น จิตวิญญานสามารถแบ่งออกได้ดังนี้ มนุษย์ , ลึกซึ้ง , วิญญาณ , ศักดิ์สิทธิ์และระดับพระเจ้า ตัวอย่างเช่น จิตวิญญานต่อสู้ของ เทพดวงตะวัน เทพจันทรา และเทพดวงดาวของพรรคสามเทพ พวกเขาทั้งหมดต่างก็ได้รับครอบครองจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญานจุติ จากตระกูลเซี่ยของข้าเองก็เป็นจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

" จิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์หาได้ยากหรือไม่ ? "

" มีจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่น้อยมากในที่ที่เจ้าอยู่ อีกทั้งที่แห่งนี้ยังไม่นับระดับจิตวิญญานต่อสู้ แต่ในทะเลที่กว้างใหญ่ นั้นเต็มไปด้วยทุกประเภทของจิตวิญญานต่อสู้และพวกมันแต่อย่างล้วนมีพลังที่พิเศษและแตกต่างกันไป ถ้าพวกเขาไม่จัดระดับกันขึ้นหละก็ ก็จะไม่มีใครทราบว่าจิตวิญญานนั้นๆมีพลังและระดับขั้นมากน้อยเท่าใด "

" ดังนั้นจิตวิญญานกายาแข็งของตระกูลฉื่อหละจัดอยู่ในระดับใด ? "

" ข้าก็ไม่แน่ใจโดยที่ยังไม่ได้ทดสอบ แต่ข้าคิดว่ามันเป็นจิตวิญญานต่อสู้ที่ดีที่สุดในสถานที่แห่งนี้และอาจจะเป็นจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์ นอกเหนือจากพลังของมันแล้ว เจ้าจะต้องดูว่ามันสามารถเพิ่มระดับได้กี่ขั้นและต้องทำเช่นใดจึงจะเลื่อนขั้น ! รายละเอียดเหล่านี้ซับซ้อนเป็นอย่างมาก ในทะเลกว้างใหญ่ มีสุสานวิญญานเพื่อใช้ประเมินระดับของจิตวิญญานต่อสู้อยู่ . "

" งั้นจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็คงหายากสินะ ? "

" แน่นอน ! ! ! จิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นจิตวิญญานที่ทรงพลังที่สุดในทะเลไม่มีสิ้นสุด ตระกูลใดก็ตามที่สืบทอดจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็จะมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในทะเลไม่มีสิ้นสุด ดังนั้นเจ้ายังคิดว่าจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์ยังหายากอยู่หรือไม่ ? "

" นั่หมายความว่า ข้าได้รับบางอย่างที่น่าหวาดเกรงมาสินะ "

" เจ้าคิดว่าไง ? "

" แม่น่งเซีย ขอบใจที่บอกข้า ข้าเองก็อยากไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุด เราสามารถร่วมเดินทางไปด้วยกันได้หรือไม่ ? "

เซี่ยซินหยานเงียบลงทันที

จะไม่มีความขัดแย้งระหว่างฉื่อหยานและเซี่ยซินหยาน ถ้าเขาไม่ไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อฉื่อหยานเข้าไปที่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุดและถ้าเรื่องที่เขาได้ครอบครองจิตวิญญานแห่งดวงดาวแพร่ออกไปหละก็ พรรความเทพจะต้องหาตัวเขาจพบนและ พวกเขาก็จะให้เขาเป็นเทพดวงดาวคนต่อไป และเขาจะก็จะได้รับสิ่งของที่ช่วยบ่มเพาะที่ดีที่สุดแน่นอน

พรรคสามเทพ และตระกูลเซี่ยนั้นมีข้อพิพาทกันมากมาย ด้วยจิตวิญญานแห่งดวงดาวของฉื่อหยานพรรคสามเทพจะต้องทำให้เขากลายเป็นยอดฝีมือแน่นอน

เมื่อเขาไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุดเขาก็จะเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของตระกูลเซี่ย !

" คุณหนู ! " ชายร่างใหญ่สองคนเตือนนางด้วยเสียงนุ่ม

" อยากไปทะเลที่ไม่สิ้นสุดรึ ? " เซี่ยซินหยานจ้องมองเขาด้วยสายตาวาววับซับซ้อนของนาง

ฉื่อหยาน ก็ตกใจเล็กน้อย แต่ไม่สามารถคิดออกว่าเกิดอะไรขึ้นในใจเซี่ยซินหยาน ดังนั้นเขาจึงคิดสักพักแล้วยิ้มอย่างขมขื่น " เจ้าคงคิดว่าข้าสมควรอยู่ในเมืองเทียนหยุนมากกว่าที่จะไปทะเลไม่มีสิ้นสุดสินะ ? เจ้าก็รู้จักเป่ยหมิงชางดี มันมีอำนาจเป็นอย่างมากในสมาคมการค้า ข้าทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยตัวเอง แต่เพื่อช่วยให้ตระกูลฉื่อรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ ข้าจึงตัดสินใจที่จะไป "

" เอ่อ... บอกตามตรง " เซี่ยซินหยาน หยุดชั่วคราว และกล่าวว่า " ตระกูลเซี่ย และพรรคสามเทพนั้นเป็นศัตรูกัน ด้วงจิตวิญญานแห่งดวงดาวของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นบุคคลสำคัญในพรรคสามเทพทันทีเมื่อเจ้าไปถึงทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ในอนาคตเองเจ้่ก็จะเป็นศัตรูของข้า และนั่นก็คือสิ่งที่ข้ากลัว ! "

ฉื่อหยานใบหน้าจริงจังและก้าวเดินไปไม่กี่ก้าวเพื่อรักษาระยะห่างของเขาจากสามคนที่อยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา เขาถามว่า " แล้วเจ้าทั้งสามจะรออยู่ใย ทำไมไม่กำจัดปัญญานในอนาคตของพวกเจ้าเสียหละ ? แม่นางเซี่ยแล้วทำไมท่านยังบอกเรื่องทุกอย่างกับข้า หรือว่าท่านอยากให้ข้าพอตายไปเป็นผีแล้วรู้ทุกอย่างรึ ? "

แล้วชายร่างยักษ์ทั้งสองก็เดินออกมาจากด้านหลังของเซี่ยซินหยาน และย้ายมายืนอยู่ข้างๆฉื่อหยานทั้งสองข้างด้วย

พวกเขาเตรียมที่จะโจมตีไปที่ฉื่อหยาน

" เดี๋ยวก่อน " เซี่ยซินหยานขมวดคิ้วและหยุดชายร่างสูงทั้งสอง แล้วมองไปที่ฉื่อหยาน " เจ้าสามารถร่วมเดินทางไปกับข้าและแกล้งเป็นสมาชิกในตระกูลข้า แต่ข้าจะฝังยาพิษไว้ในร่างเจ้าและส่งเจ้าไปที่พรรคสามเทพ เพื่อเรียนรู้ทักษะลับของพวกมัน ไม่ว่าตำแหน่งของเจ้าจะสูงเพียงในพรรคสามเทพ เจ้าก็ยังเป็นของตระกูลเซี่ย ? "

" จะให้ข้าเป็นสายลับเข้าไปในพรรคสามเทพสินะ ? " ฉื่อหยาน แสยะยิ้ม

" สายลับ จะเรียกเช่นนั้นก็ได้ เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้หรือไม่ ? " เซี่ยซินหยานต้องไปที่ดวงตาของเขา " ตราบใดที่เจ้าตกลง ข้าก็จะช่วยให้เจ้า ได้เรียนรู้วิชาลับในพรรคสามเทพ และก็ไม่ต้องต่อสู้กับตระกูลเซี่ยของข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนแน่นอน "

" ตกลง ข้า . . . "_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1195 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด