เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0262 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 262 : ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต
ฉินหยุนมองสิ่งที่อยู่ด้านในเสาผลึกแก้ว เขารู้สึกคันที่หัวใจแต่ยากจะเกา มันไม่ใช่เรื่องง่ายต่อการนำสิ่งที่อยู่ในเสาผลึกแก้วออกมาโดยไม่ทำลายมัน
“หากพวกเราสามารถหลีกเลี่ยงการทำลายเสาผลึกแก้วได้จะดีที่สุด เสานี้คือรากฐานสำคัญของสุสาน หากมันถูกทำลาย พลังป้องกันที่แข็งแกร่งของสุสานก็จะหายไปด้วย” เชี่ยวเสวียนฉินเองก็อยากทราบว่าด้านในนั้นคือสิ่งใดกันแน่
ฉินหยุนเข้าใจความหมายของเชี่ยวเสวียนฉิน นางไม่ปรารถนาทำลายสุสานราชวงศ์ เพราะนางรู้สึกว่าที่นี่คือสถานที่อันดี เหมาะแก่การหลบภัยในอนาคต
เขามองที่เสาผลึกแก้วแล้วกล่าว “ขอข้าคิดก่อน บางทีอาจมีทางอื่น”
เขายื่นมือออก กดลงที่เสาผลึกแก้ว รู้สึกถึงความเย็น อย่างกะทันหัน เขาพลันนึกถึงระเบียงทางเดินที่เย็นเยียบ เป็นไปได้ว่าเสาผลึกแก้วนี้จะส่งถ่ายความเย็นรุนแรงออกมา
ฉินหยุนคิดว่าห้องหินทรงกลมแห่งนี้หาได้เย็นไม่ เป็นไปได้มากว่าอากาศเย็นเหล่านั้นถูกปลดปล่อยจากที่อื่น
“ให้ข้าลอง น่าจะใช้กุญแจสีทองนี้ได้!” ฉินหยุนนำเอากุญแจสีทองออก กดลงที่เสาผลึกแก้ว มันกลับเข้าไปในผลึกแก้วได้ง่ายดาย
จากนั้น แขนของเขาก็จมลงไปในเสาผลึกแก้วเช่นเดียวกัน!
“มีอันตรายใดหรือไม่?” เชี่ยวเสวียนฉินตกใจเร่งรีบเอ่ยถาม
“ยังสบายดีอยู่ พลังภายในค่อนข้างพิเศษ ไม่อาจดูดกลืนออกมาได้ นอกจากนี้ยังไม่ส่งผลกระทบใดต่อตัวข้าด้วย” ฉินหยุนไม่คิดเลยว่ากุญแจสีทองจะมีประโยชน์มากเพียงนี้
อย่างรวดเร็ว เขาคว้าเอาวัตถุด้านในเสาผลึกแก้วออกมา
“เป็นบอลผลึกแก้ว เหมือนด้านในจะมีอะไรผนึกไว้อยู่!” ฉินหยุนสำรวจมองบอลผลึกแก้วที่นำออกมา เป็นเขากล่าวด้วยความตื่นเต้น“อะไรอยู่ข้างในกันนะ?”
“ทรงกลมสีขาวอยู่ด้านในบอลผลึกแก้ว หรือจะเป็นวิญญาณยุทธ์?” เชี่ยวเสวียนฉินจ้องมองลูกแก้วในมือฉินหยุน “แต่มันเป็นวิญญาณยุทธ์ระดับใดกันเล่า? ผลึกแก้วนี้วิจิตรงดงามนัก ทั้งยังปลดปล่อยแสงสีขาว หรือจะเป็นวิญญาณยุทธ์ผลึกแก้ว? แต่ระดับของวิญญาณยุทธ์ทั้งหมดไม่น่าจะมีอะไรสัมพันธ์กันเลยนี่!”
“ข้าไม่อาจทราบ อาจจะใช่หรือไม่ใช่วิญญาณยุทธ์ก็ได้!” ฉินหยุนคิดเช่นเดียวกันนี้แต่ยังไม่กล้ายืนยัน
เชี่ยวเสวียนฉินกล่าวเร่ง “งั้นก็รีบนำมันออกมารับชม! ภายในต้องเป็นสิ่งพิเศษมากแน่ มันดูเหมือนจะเป็นปากกาด้ามสั้นเลย”
ทว่า ปากกานี้กลับคมกริบ ไม่นับว่ายาวหรือว่าสั้นมากเท่าใดนัก ขนาดประมาณนิ้วมือ ทั้งยังแกะสลักขึ้นจากหยกสีขาว มันทั้งเล็กและวิจิตรงดงาม
เขานำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณออกมา พยายามสัมผัสบอลแสงสีขาวที่คิดว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ แต่ชั่วขณะที่พลังจิตสัมผัสบอลแสงสีขาว แสงสว่างพลันสว่างวาบขึ้น
เมื่อแสงเลือนหาย มวลของวิญญาณคล้ายร่างกาย เกิดขึ้นเป็นร่างปากกาหยกสีขาวขึ้นมาด้ามหนึ่ง!
“นี่คล้ายจะเป็นการผสมผสานทางธรรมชาติของวิญญาณยุทธ์และอุปกรณ์วิญญาณ!” ฉินหยุนกล่าวคำด้วยความอึ้ง
รอยแยกปริแตกปรากฏที่บอลผลึกแก้ว เป็นมันที่แตกออกด้วยตัวของมันเอง
ท้ายที่สุด ฉินหยุนจึงได้รับปากกาหยกสีขาวด้ามเล็กมา
“นี่... เป็นอุปกรณ์วิญญาณหรือ? ไม่สิ... ผังจารึกนี้ค่อนข้างซับซ้อนยิ่งนัก!” ฉินหยุนเพียงสัมผัสมันก่อนยืนยันได้ จากนั้นจึงใช้พลังจิตพิจารณามันอย่างถี่ถ้วน
เพียงอึดใจ เขาจึงได้พบว่ามีผังจารึกมากมายอยู่ภายในด้ามปากกา ทว่า เขาไม่อาจยืนยันถึงระดับของผังจารึกได้!
“นี่อย่างน้อยต้องเป็นผังระดับลึกล้ำ!” เขาร้องอุทาน
มีผังลึกล้ำแกะสลักเอาไว้ หมายความถึงนี่เป็นอุปกรณ์ลึกล้ำ!
“เร็วเข้า รีบหยดเลือดไป!” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว
“ขอรับ!” ฉินหยุนหยดเลือดของตนเองลงไป
โลหิตสดใหม่ซึมซับเขาสู่ปากกาหยกสีขาวและหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น หยกสีขาวจึงปลดปล่อยประกายแวววาวโปร่งแสงออกมา
“ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต และจารึกวิญญาณ กับราชันสัตว์...”
หลังจากฉินหยุนหยดเลือดลงไป โดยทันทีเขาจึงทราบว่านี่คืออุปกรณ์ลึกล้ำแน่แท้แล้ว เขายังเข้าใจว่าเหตุใดปลายปากกาจึงหนักและแหลมคม เพราะมันคือมีดแกะสลัก!
นอกจากนี้ เขายังอ่านข้อมูลอื่นจากปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต นามของมันคือ “จารึกวิญญาณ” และ “ราชันสัตว์” สองสิ่งนี้ทำเอาเขาเกิดความสงสัย
เพื่อฝังข้อมูลเอาไว้ภายในปากกาลึกล้ำ มันต้องเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
“ไม่ใช่ว่าเหมาะกับเจ้าไปเลยหรือ?” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม ฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึก หากเขามีมีดแกะสลักที่ดี ก็จะยิ่งทำให้เขาสามารถวาดผังจารึกได้ดีขึ้นและง่ายขึ้น
“เหตุใดจึงเก็บมันเอาไว้ในเสาผลึกแก้ว? เป็นผู้ใดที่ใส่มันเอาไว้? นี่ถือเป็นอุปกรณ์ลึกล้ำที่ดียิ่ง! แล้วเรื่องจารึกวิญญาณกับราชันสัตว์คืออันใดกัน?” ฉินหยุนมองปากกาในมือขณะอุทานชื่นชม “ข้าสงสัยนักว่าอุปกรณ์ลึกล้ำนี้อยู่ระดับใด! อุปกรณ์ลึกล้ำที่ดี จำเป็นต้องมีพิมพ์เขียวจึงสามารถทำได้ หากนี่เป็นมีดแกะสลักลึกล้ำชั้นเลิศ เช่นนั้นแล้วพิมพ์เขียวของมันจะยิ่งมีมูลค่ามหาศาลขึ้นไปอีก”
เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว “ข้าเองก็ไม่ทราบว่าจารึกวิญญาณคืออันใด ถึงกับนำอุปกรณ์ลึกล้ำมาไว้ในที่แบบนี้ บุคคลดังกล่าวต้องเหนือล้ำเกินจินตนาการถึงแน่”
ฉินหยุนพยักหน้า “เมื่อใดที่ข้าเข้าใจ ข้าจะบอกต่อท่าน ถึงตอนนั้นอาจพบเบาะแสอื่นที่เกี่ยวข้องกับสุสานแห่งนี้”
“แต่ตอนนี้พวกเราควรออกไปกันได้แล้ว ที่นี่ไม่น่าจะเหลืออะไรให้สำรวจอีก” เชี่ยวเสวียนฉินมองรอบด้านและถอนหายใจเบา กระทั่งตอนนี้ นางก็ยังไม่ทราบความลับของสายเลือดตระกูลเชี่ยว
“ภายนอกมีหมีป่าอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเราจะออกไปได้!” ฉินหยุนยิ้ม
เชี่ยวเสวียนฉินเพิ่งนึกได้ ว่าภายนอกมีฝูงหมีป่า ทำเอานางปวดหัว เผยสีหน้าอับจนและกล่าวออก “ได้แต่สู้บุกฝ่าออกไปแล้ว หากไม่ไหว ข้าจะล่อความสนใจหมีป่าพวกนั้น แล้วเจ้าค่อยหนีไป!”
“ป้าเชี่ยว ข้าเพิ่งได้รับปากกาลึกล้ำ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ลองทำยันต์!” ฉินหยุนโบกปากกาหยกขาวงดงามในมือไปมาให้เห็น
มันเป็นมีดแกะสลักที่รูปลักษณ์คล้ายปากกา
“เจ้าคิดขัดเกลายันต์ใดเล่า?” เชี่ยวเสวียนฉินทราบว่าฉินหยุนสามารถทำยันต์สะกดกายที่ทรงพลังอำนาจขึ้นได้
“ยันกระดูกชั้นเลิศ เป็นยันต์สะกดกาย!” ฉินหยุนนำเอากระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณจำนวนหนึ่งออกมา
ได้ยินดังนี้ เชี่ยวเสวียนฉินแตกตื่น “นี่เจ้าสามารถขัดเกลายันต์วิญญาณชั้นเลิศได้แล้วหรือ?”
“ขอรับ ไม่ได้หรือ?” ฉินหยุนนำเอาเตาหลอมและแท่นหลอมออกมาขณะยิ้มรับ
“นี่... เจ้าเพียงเป็นอาจารย์จารึกระดับต้น ยันต์วิญญาณระดับกลางถือเป็นเรื่องยากแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าคิดกลับทำยันต์วิญญาณชั้นเลิศ?” เชี่ยวเสวียนฉินยังคงสับสน
ฉินหยุนนำเหรียญตราสีทองออกมายิ้มรับ “ป้าเชี่ยว ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์จารึกระดับสูงแล้ว!”
แน่นอนว่า เชี่ยวเสวียนฉินย่อมทราบถึงตรานี้ กระทั่งจักรพรรดิยังต้องให้ความเคารพแด่อาจารย์จารึกที่ครอบครองเหรียญตรานี้
นางจดจำได้ ครั้งนางยังเด็ก เคยมีอาจารย์จารึกระดับนี้มาเยี่ยมเยือน เป็นองค์จักรพรรดิที่จัดงานฉลองครั้งใหญ่ ให้การต้อนรับอย่างเอิกเกริก
ฉินหยุนยิ้มกว้าง ส่งเหรียญตราแก่เชี่ยวเสวียนฉิน นางอึ้งไปวูบก่อนรับมันไว้
“อาจารย์จารึกที่ครอบครองเหรียญตรานี้ถือว่าพิเศษยิ่ง เพียงถือมันไว้ในมือ ข้าก็รู้สึกได้ถึงเจตนาแรงกล้าของเหรียญตรา เป็นมันคิดอยากกลับคืนสู่มือของเจ้าของ” เชี่ยวเสวียนฉินจับเหรียญตราเอาไว้แน่น ไม่อย่างนั้นมันคงบินกลับไปหาเจ้าของแล้ว
เมื่อนางปล่อยมือ เหรียญตราจึงกลับคืนสู่ฉินหยุน
ฉินหยุนคว้าเหรียญตราไว้และเก็บไป เขายิ้มกล่าว “ป้าเชี่ยว ตอนนี้ท่านคงวางใจแล้ว ข้าสามารถขัดเกลายันต์สะกดวิญญาณชั้นเลิศได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลา พวกเราเพียงสะกดสัตว์อสูรระดับวิญญาณสักหลายวินาทีก็เรียบร้อย”
“เจ้าช่างน่ากลัวนัก อายุเพียงสิบเจ็ด แต่กลับได้เป็นอาจารย์จารึกระดับสูงแล้ว!” เชี่ยวเสวียนฉินร้องอุทานออก “จริงด้วย ยันต์วิญญาณชั้นเลิศ สมควรมีแต่อาจารย์จารึกระดับวิญญาณที่สามารถทำได้ไม่ใช่หรือ?”
“ย่อมไม่เป็นไร! การทำยันต์ถือว่าง่าย มันไม่ได้ยากเช่นอุปกรณ์วิญญาณหรือการติดตั้งอาคม ดังนั้นข้าจึงสามารถทำยันต์วิญญาณที่เหนือกว่าระดับการฝึกฝนได้” ฉินหยุนกล่าวคำจบ จึงโยนกระดูกสัตว์จำนวนมากเข้าไปในเตาหลอม แปรเปลี่ยนพวกมันเป็นก้อนโคลนเหลว
เขากระทั่งสามารถขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เพียงนำกระดูกขัดเกลาออกเป็นแผ่นเพื่อทำยันต์กระดูกชั้นเลิศย่อมไม่ใช่ปัญหา
ผ่านไปสี่ชั่วโมง กระทั่งว่าแปรสภาพจากกระดูกเป็นแผ่น พวกมันกลับบางราวกระดาษ
“ป้าเชี่ยว รบกวนใช้วัชระพลังภายในขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ถ่ายเทเข้าใส่แผ่นกระดูกเหล่านี้หน่อย” ฉินหยุนยินดียิ่งที่มีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าร่วมทางมาด้วย วัชระพลังภายในของขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่ถ่ายเทให้ จะทำให้ยันต์ของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น
เชี่ยวเสวียนฉินทำดังที่ฉินหยุนว่า นางปลดปล่อยวัชระพลังภายในออกอย่างตั้งใจ ทั้งหมดถ่ายเทเข้าสู่แผ่นกระดูก จนกระทั่งวัชระพลังภายในของนางไม่อาจส่งเข้าไปได้อีก จึงค่อยเปลี่ยนเป็นอีกแผ่นหนึ่ง
นางพบว่าการทำยันต์วิญญาณชั้นเลิศนี้กลายเป็นน่าสนใจขึ้นมา นางยอมลดตัวเป็นลูกมือช่วยงานฉินหยุน
ฉินหยุนนำเอาปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตออกมา เพ่งพลังจิตวิญญาณโลหิตเข้าไป เมื่อใส่พลังเข้าไปในปากกา เขารู้สึกแปลกประหลาดโดยทันที ราวกับปากกานี้คือส่วนหนึ่งของตัวเขา มันเชื่อมต่อกับมือของเขาอย่างสมบูรณ์
ที่ทำเขาตกใจที่สุดก็คือ เมื่อทำการแกะสลัก เขาสามารถเห็นเบื้องล่างของปลายปากกา ราวกับมีดวงตาที่สาม เขาสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนกระจ่าง นี่หมายความถึงเขาสามารถแกะสลักผังจารึกได้อย่างพิถีพิถันมากขึ้น
พลังที่ยันต์สามารถปลดปล่อยออกมา ขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันของการจารึกด้วยเช่นกัน
สำหรับอาจารย์จารึกส่วนใหญ่ ผังจารึกที่พวกเขาแกะสลัก ยากดูดซับและโคจรพลัง กระทั่งว่าพวกเขาทำได้สำเร็จ พวกเขาก็หาได้ใส่ใจไม่ว่ามันวิจิตรงดงามหรือไม่แต่อย่างใด
กล่าวโดยทั่วไป ผังจารึกหยาบกระด้างสามารถปลดปล่อยพลังได้เพียงหนึ่งในสิบ ผังจารึกที่ดีขึ้นมาหน่อยก็ปล่อยพลังได้เพียงสองถึงสามในสิบเท่านั้น
หากสามารถทำให้ปลดปล่อยพลังได้สี่ถึงห้าในสิบของพลังทั้งหมดที่ผังจารึกมี คนผู้นั้นก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาจารย์จารึกที่เหนือชั้น โดยปกติแล้ว พวกเขาเหล่านั้นถือเป็นยอดฝีมือชื่อเสียงโด่งดัง ราคาของอุปกรณ์วิญญาณและยันต์วิญญาณที่พวกเขาทำขาย ล้วนแพงมหาศาล
ที่ตำหนักจารึกเทวะ ยังพอจะมีอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยผังจารึกอันวิจิตรอยู่บ้าง ผัจารึกที่วิจิตรเหล่านั้นถูกแบ่งออกเป็นสิบระดับ เหนือกว่าระดับที่สิบยังมีตำนานกล่าวถึงระดับปรมาจารย์และระดับเทวะ แต่ระดับเหล่านั้นถือว่ายากยิ่งแก่การเอื้อมถึง
ก่อนหน้านี้ฉินหยุนเคยประเมินพลังของผังวิญญาณตนเอง พวกมันปลดปล่อยพลังออกมาได้ราวสามในสิบ ถือว่าอยู่ในช่วงระดับสามถึงระดับสี่
สำหรับอาจารย์จารึกอายุเยาว์เช่นเขา ระดับนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว นี่คือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมจ้าวฉวนจึงให้ค่าแก่เขาเอาไว้สูง เป็นเพราะเขายังมีพื้นที่ให้เติบโตได้อีกมาก
“การครอบครองมีดแกะสลักที่ดี ทำให้ผู้คนสามารถจารึกผังจารึกได้แม่นยำมากขึ้น ทั้งยังมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้นด้วย” ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าระดับความวิจิตรเบื้องหลังการจารึกของตนตอนนี้ สมควรก้าวถึงระดับสี่หรือห้าแล้ว
แน่นอนว่า ผังจารึกที่เขาแกะสลักทั้งหมดล้วนเป็นผังวิญญาณระดับสูง ดังนั้นแล้วจึงยิ่งยากแก่การแกะสลักให้แม่นยำไม่ใช่น้อย
นี่ถือเป็นการทดสอบความรู้และเข้าใจของอาจารย์จารึกผู้หนึ่งด้วย หากมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงแก่นของผังจารึก แบบนั้นแล้ว จะทำให้สามารถแกะสลักได้แม่นยำและวิจิตรงดงามได้มากขึ้น
เชี่ยวเสวียนฉินกำลังวุ่นกับการทำแผ่นกระดูก นางเอ่ยถามฉินหยุนไปหลายคำถาม แต่คล้ายฉินหยุนไม่ได้ยินนาง เขาเพียงแต่ตั้งใจกับปลายปากกา ความเร็วที่ปลายปากกาเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนจากเร็วไปช้า
เขาไม่เคยตั้งใจขนาดนี้มาก่อน นี่ทั้งให้ความพยายามและเวลามากขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่น้อย
เชี่ยวเสวียนฉินเองก็ทราบว่าฉินหยุนกำลังใช้สมาธิ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นท่าทีจริงจังขนาดนี้ของเขา โดยเฉพาะเมื่อจ้องมองใบหน้าที่จริงจัง มันยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้หล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้ เป็นผลให้นางรู้สึกคล้ายสูญเสียสติไปครู่
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงตั้งอกตั้งใจแกะสลักยันต์สะกดกาย เขาต้องการแกะสลักผังสะกดกายทั้งสิ้นแปดชุด ทั้งหมดจะอยู่ในแผ่นกระดูกขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น!