ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0260 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0262 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0261 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 261 : ตำหนักใต้ดินแห่งสุสานราชวงศ์

เชี่ยวเสวียนฉินเดินไปมาอยู่ข้างกายฉินหยุน นางอดไม่ได้ร้องอุทานออกยามเมื่อพบแผ่นหนังสัตว์ซึ่งมีลายเส้นและจุดอยู่เต็มไปหมด “นี่เรื่องจริงหรือ? แล้วผังจารึกนี่ใช้ทำอันใด?”

“ข้ายังไม่ทราบ แต่น่าจะเป็นกลไกซุกซ่อนเอาไว้! เหตุผลว่าทำไมถึงติดตั้งเอาไว้แบบนี้ ก็เพื่อเข้าถึงแกนกลางของสุสาน แกนกลางคงอยู่เพื่อเป็นแหล่งพลังงานแก่อาคมขนาดใหญ่ภายในสุสาน”

นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉินหยุน เขาได้ข้อสรุปนี้ออกมา โดยอาศัยพื้นฐานจากตำราที่เคยอ่าน อาคมวิญญาณขนาดใหญ่จำนวนมาก มักจะมีแกนกลาง

ยกตัวอย่าง นครหลวงแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน แกนกลางของม่านพลังป้องกัน ตั้งอยู่ในส่วนลึกของพระราชวังหลวง

ตามปกติ เพื่อให้อาคมขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับแกนกลางได้ดี มันจะต้องมีรูปแบบซึ่งครบถ้วนเงื่อนไข

ฉินหยุนตอนนี้คาดเดาได้หลายอย่างจากการจัดเรียงบ้านหิน ตอนนี้เขากำลังวิเคราะห์พวกมันอย่างตั้งใจ เพื่อดูว่าจะหาทางเข้าสู่ใจกลางของอาคมขนาดใหญ่นี้ได้หรือไม่

ผ่านการวิเคราะห์อยู่สองชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ได้เบาะแส มือตอนนี้พลันวงกลมชี้เข้าที่ตำแหน่งหนึ่งบนแผ่นหนังสัตว์

“ป้าเชี่ยว ไปตรวจสอบบ้านหินหลังนี้กันดีกว่า” ฉินหยุนชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผ่นหนังสัตว์และกล่าว “บางทีน่าจะมีอะไรซุกซ่อนเอาไว้ในบ้านหินหลังนั้น”

เชี่ยวเสวียนฉินมายังสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว ก็เพื่อตรวจสอบหาความลับที่นี่ เป็นดังนางคาดคิด สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวมีความลับจำนวนมากซุกซ่อนเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะฉินหยุน ลำพังนางไม่มีทางสืบเสาะเบาะแสมาได้

“ได้ ไปกัน!” เชี่ยวเสวียนฉินรับคำ

ฉินหยุนถือแผ่นหนังสัตว์ขณะเริ่มนับจุดที่วาดเอาไว้ ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “แถวนี้ บ้านหินหลังที่ห้า”

อย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินถึงและเข้าในตัวบ้าน ด้วยหินส่องแสงสาดส่องภายใน จากนั้นจึงเปิดฝาโลง เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาจึงไม่พบอะไรเลย

“หรือจะอยู่ด้านล่างโลงหยกแก้วนี้?” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว

โดยทันที ฉินหยุนใช้พลังจิต เคลื่อนโลงหยกแก้วออกพ้นจากตำแหน่งเดิม เดินเข้าไป เคาะแผ่นหินเบื้องล่าง

“พวกเราสำรวจบ้านหินหลังนี้แล้ว ไปสำรวจข้างเคียงดีกว่า” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว “ตามแผ่นหนังสัตว์ของเจ้า มีเป้าหมายที่ต้องสำรวจนับสิบ พวกเราเพียงต้องอดทน สำรวจพวกมันไปทีละหลัง อะไรบางอย่างที่ค้นหาจะต้องพบเจออย่างแน่นอน”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ เดินออกจากบ้านหิน มุ่งหน้าสู่บ้านเป้าหมายหลังถัดไป

ในอีกราวหกชั่วโมงให้หลัง พวกเขาสำรวจพิจารณาบ้านหินทั้งสิ้นสิบสองหลัง ทว่าไม่มีหลังใดมีเบาะแสเลย ตอนนี้พวกเขาเหลือบ้านหินเพียงสามหลังที่ยังไม่ได้ตรวจค้น

เมื่อสำรวจบ้านหลังที่สิบสาม ขยับเคลื่อนโลงหยกแก้วที่หนักออกพ้น พวกเขาจึงพบแผ่นหินที่พื้นซึ่งแตกต่างออกไป โดยเฉพาะเมื่อนำไม้เคาะลงไป เสียงที่สะท้อนกลับมาแสดงให้เห็น ว่าภายในกลวงเปล่า

“เจอแล้ว!” ฉินหยุนยินดี เขายกแผ่นหินจากพื้นขึ้น

หลังแผ่นหินถูกยกขึ้นมา เบื้องล่างคือหลุมว่างเปล่า มีกุญแจสีทองวางเอาไว้ด้านใน เขาจึงใช้พลังจิตยกกุญแจสีทองดังกล่าวขึ้นมา

รูปลักษณ์ของกุญแจคล้ายคลึงกับที่พวกเขาใช้เพื่อเข้ามาคราวแรก ชัดเจนว่านี่ต้องเอาไว้ใช้เปิดประตูพิเศษ

“แล้วจะใช้กุญแจนี้ที่ใดดี?” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม

ฉินหยุนส่ายศีรษะ “ยังไม่อาจทราบ แต่พอจะเดาได้บ้าง กุญแจนี้จะต้องนำไปสู่แกนหลักของสุสาน”

“หรือจะเป็นบ้านที่เจ้าทำสัญลักษณ์เอาไว้บนหนังสัตว์?” เชี่ยวเสวียนฉินพูดขณะมองแผ่นหนังสัตว์ในมือฉินหยุน

“น่าจะ ไปดูกันก่อนดีกว่า” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ในที่สุดก็ได้เริ่มกันเสียที”

หลังค้นพบกุญแจสีทอง เชี่ยวเสวียนฉินมีความหวังขึ้นมาบ้าง ลืมเลือนเรื่องความสูญเปล่าต่อบ้านหินหลายสิบหลังก่อนหน้านี้ หากเป็นนางเพียงลำพัง ต่อให้ค้นหาอย่างไรในบ้านหินทั้งหมดในที่นี้ ก็คงไม่มีทางพบอันใดผิดปกติอย่างแน่นอน

พวกเขาได้แต่อดทน เข้าบ้านหินทีละหลังซึ่งทำสัญลักษณ์เอาไว้บนแผ่นหนังสัตว์ ถือกุญแจสีทองเดินไปมา กระทั่งเคาะทั่วทุกที่เพื่อดูว่ามีประตูให้เปิดหรือไม่

เมื่อมาถึงบ้านหลังที่หก ขณะสัมผัสกับพื้นเบื้องล่างโลงหยกแก้วด้วยกุญแจ พื้นเริ่มจมลงไป!

“มีการตอบสนอง!” ฉินหยุนตะโกนขึ้นตื่นตกใจ

แผ่นหินเบื้องล่างโลงหยกแก้วกว้างถึงสองเมตร ยาวสามเมตร มันค่อย ๆ เคลื่อนลงไป ไม่ช้า มันเคลื่อนลงมากว่าสิบเมตรแล้ว และยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

“พวกเราขึ้นไปยืนให้มันลงไปเรื่อย ๆ ดีหรือไม่?” เชี่ยวเสวียนฉินถาม

“อาจต้องทำเช่นนั้น ไปดูกันดีกว่า!” ฉินหยุนหันมองเชี่ยวเสวียนฉิน เป็นการขออนุญาตก่อนลงมือ

“ไปกัน!” เชี่ยวเสวียนฉินจับมือฉินหยุนไว้ กระโดดลงบนแผ่นหินขณะเคลื่อนลงไปเรื่อย

ความเร็วที่แผ่นหินลดระดับต่ำลงเป็นไปเชื่องช้ายิ่ง ไม่ทราบว่าด้านล่างนี้ลึกเพียงใด

เชี่ยวเสวียนฉินเคาะเท้ารุนแรงบนแผ่นหินขณะเอ่ยคำ “แผ่นหินนี้หนาไม่น้อย ก่อนหน้านี้พวกเราเคยเคาะมันไปแล้ว แต่กลับไม่พบว่าจะมีกลไกลึกลับแบบนี้อยู่ด้วย”

“ผู้สร้างที่นี่มีเจตนาอันใดกันแน่? เหตุใดต้องซ่อนกุญแจสีทอง? สถานที่ซึ่งกุญแจสีทองซ่อนเอาไว้ คล้ายไม่เคยถูกเปิดมานานยิ่ง” ฉินหยุนเอ่ย

เชี่ยวเสวียนฉินมองหินส่องแสงในมือนางขณะนั่งยองลง นางเอ่ยคำ “ฉินหยุน หากข้าไม่พาเจ้ามาด้วย ข้าคงตายตั้งแต่ที่โถงหลักแล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่เย่ว์หลานบอกให้พาเจ้ามาไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม เป็นนางทราบดีจริง ๆ”

“เป็นเช่นนั้น หากนางไม่ทราบว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด นางไม่ตอแยข้าจนตายหรือ?” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มรับคำ

เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ “เย่ว์หลานเป็นเด็กดี เป็นเจ้าไม่ชอบนางหรือ? หากนางทราบว่าเจ้าคิดต่อนางเช่นนั้น ชักสงสัยแล้วว่านางจะมีโทสะเพียงใด!”

“ป้าเชี่ยว อย่าได้บอกเรื่องนี้ต่อนาง! เป็นข้าพูดเล่นเรื่อยเปื่อย” ฉินหยุนกล่าวคำโดยทันที “หากท่านบอกเรื่องนี้ต่อนาง ข้าจะบอกนางว่าข้าเป็นคนรักเด็กของท่าน”

เชี่ยวเสวียนฉินหันมองควับที่ฉินหยุน นางพยายามซ่อนความขื่นขมเอาไว้ขณะแค่นเสียงเบากล่าวออกมา “เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว!”

“ป้าเชี่ยวอย่าได้มีโทสะ ข้าเพียงกล่าววาจาหยอกล้อ แท้จริงเย่ว์หลานรู้จักข้าเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง ครั้งข้าท้าทายเชี่ยวหยางหลง นอกจากนางแล้วไม่มีผู้ใดสนับสนุนความเห็นข้า ไม่มีใครเชื่อว่าข้าสามารถโค่นล้มเชี่ยวหยางหลง” ฉินหยุนตอบกลับ

“พวกเจ้าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก จริงด้วย เสี่ยวเย่ว์เหม่ยก็พอกันเลย” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยคำอย่างเสียมิได้ “คิดว่ากลุ่มพวกเจ้าสามคน จะต้องมีความสามารถทะลวงถึงสวรรค์ได้อย่างแน่นอน”

ขณะฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินสนทนากันไปเรื่อย แผ่นหินพลันหยุด

“หยุดเสียที ดูนั่น ตรงนั้นมีประตู!” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยคำขณะใช้หินส่องแสงในมือมองไปยังกำแพงหิน

แผ่นหินนี้ คล้ายมีหน้าที่เพื่อนำส่งผู้คนที่มีกุญแจสีทองขึ้นลง

ฉินหยุนนำเอากุญแจสีทองออก แตะสัมผัสที่ประตู ด้วยเสียง ‘ครึก ครึก ครึก’ ดังขึ้น ประตูค่อย ๆ เปิดออกเชื่องช้าด้วยตัวของมันเอง

เมื่อประตูหินเปิดออก จึงปรากฏเป็นระเบียงทางเดินยาว ภายในล้วนมืดสนิท

ฉินหยุนควบคุมหินส่องแสงลอยตรงหน้า มุ่งเข้าไปในระเบียงทางเดินก่อนจะนำเชี่ยวเสวียนฉินเข้าไป

ระเบียงทางเดินแห่งนี้ยิ่งเดินเข้ามายิ่งเย็นเยือก สายลมเย็นวาบก็พัดผ่านเช่นเดียวกัน

“หนาวพอสมควร ไม่คิดเลยว่าในนี้จะมีอากาศเย็นขนาดนี้ได้” เชี่ยวเสวียนฉินตัวสั่น นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้พลังภายในต้านทานความหนาว

ที่แปลกก็คือ ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกมากเพียงใด มันก็ยิ่งหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น

กระทั่งระดับเชี่ยวเสวียนฉิน ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ายังแทบไม่อาจทานทน ร่างของนางค่อย ๆ สั่นทีละน้อย

“ป้าเชี่ยว ท่านทนต่อพลังความเย็นนี้ไม่ไหวหรือ?” ฉินหยุนรู้สึกได้ว่านิ้วมือที่สัมผัสกับของตนอยู่นั้นเย็นไม่น้อย

เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้า “แล้วเจ้าเล่า? หากพวกเราทนไม่ได้ ก็มีแต่ต้องกลับไป!”

“ข้าสบายยิ่ง! มา จับมือซ้ายข้าไว้ดีกว่า” หลังจากฉินหยุนเปลี่ยนมือ เขาจึงส่งพลังภายในอสนีบาตอัคคีเขาสู่ร่างของเชี่ยวเสวียนฉินผ่านทางฝ่ามือ

ด้วยวัชระพลังภายในไหลเวียนไปทั่วร่างเชี่ยวเสวียนฉิน นางค่อยรู้สึกอุ่นและสบายขึ้น อาการหนาวถูกกำจัดออกหมดสิ้น

นางอดไม่ได้ร้องอุทานกล่าวชม “เปลวเพลิงของเจ้ายอดเยี่ยมนัก!”

ฉินหยุนยิ้ม “ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว!”

ทั้งร่างเชี่ยวเสวียนฉินอบอุ่นขึ้นมา เมื่อนางนึกถึงความสบายตัวตอนนี้ว่าเป็นเพราะฉินหยุน นางอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดสับสนวุ่นวายไปมาภายในใจ

“อืม ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว!” เชี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจอยู่ภายใน ภายในหัวใจของนางตอนนี้ มันมีอารมณ์ความรู้สึกราวเปลวเพลิงที่ไม่อาจมอดดับ

ทั้งสองเดินเข้าไปเชื่องช้า โดยหลักก็เพื่อความปลอดภัย ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงต้องใช้เวลากว่าสองชั่วโมง ก่อนจะเดินออกพ้นระเบียงทางเดินยาว ถึงห้องหินวงกลม

ห้องหินแห่งนี้ กว้างกว่าสิบเมตร ไม่มีทางเดินไปที่ใดอีก มันคือจุดสิ้นสุดของทางเดินแล้ว ที่ตรงกลางของห้องหิน มีเสาผลึกแก้วหนาสองเมตรตั้งอยู่

เสานี้ส่องประกายแสงและเปลวเพลิงสีขาวอัดแน่นอยู่ภายใน หากสำรวจมองให้ดี จะพบว่าพวกมันมีอักขระจำนวนมากแกะสลักเอาไว้บนเสาผลึกแก้ว

“เสานี้คือแหล่งพลังงานของค่ายอาคมขนาดใหญ่!” ฉินหยุนกล่าว

เชี่ยวเสวียนฉินสำรวจมองด้านในเสาผลึกแก้ว นางกล่าวออกด้วยความผิดหวัง “แท้จริงแล้วสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวซุกซ่อนอะไรไว้กันแน่? จะบอกว่ามีแค่นี้งั้นหรือ?”

“นี่สมควรเป็นสถานที่ลับที่สุดของสุสานแล้ว ส่วนเรื่องศพเหล่านั้นหายไปที่ใด ข้าเกรงว่าจะยังเป็นความลึกลับต่อไป” ฉินหยุนถอนหายใจ “ป้าเชี่ยว พวกเราควรทำลายสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวดีหรือไม่?”

เชี่ยวเสวียนฉินพลันขมวดคิ้ว นางไม่ได้ตอบในทันที เป็นนางมองไปที่เสาผลึกแก้วและจมดิ่งในความคิด

ผ่านการคิดไปพักหนึ่ง นางค่อยเอ่ยคำ “ปล่อยไว้ก่อน กุญแจยังอยู่ในมือพวกเรา ในอนาคตย่อมสามารถเข้ามาได้อีกครั้ง”

“ขอรับ!” ฉินหยุนเองก็รู้สึกว่าสุสานแห่งนี้เหมาะเป็นที่ลี้ภัยชั้นดี มันสามารถสกัดหมีป่าด้านนอกประตูเอาไว้ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

แต่แล้วขณะฉินหยุนสำรวจมองที่อื่น เชี่ยวเสวียนฉินพลันตะโกนขึ้น “ฉินหยุน มาดูตรงนี้หน่อย มีอะไรอยู่ข้างใน!”

เชี่ยวเสวียนฉินจ้องมองแต่เสาผลึกแก้วตลอดเวลา ทั้งยังสำรวจมองอย่างจริงจัง ฉินหยุนเพียงมองผ่านก่อนจะเดินสำรวจทั่วห้องหิน

ฉินหยุนเร่งรีบไปตามเสียงเรียก

“อะไรกันขอรับ? เหตุใดข้าไม่เห็นอะไรเลย?” ฉินหยุนเพียงเห็นแต่เปลวเพลิงสีขาวที่เผาไหม้อยู่

“ดูนั่น... บอลแสงสีขาวลอยอยู่โดยมีเปลวเพลิงโอบล้อม” เชี่ยวเสวียนฉิน ชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งด้านในเสาผลึกแก้ว

ฉินหยุนเข้าไปมองให้ใกล้ขึ้น ไม่ช้า เขาจึงได้เห็นบอลแสงสีขาวขนาดราวกำมือ กำลังลอยขึ้นลงอยู่ภายในเสาผลึกแก้ว และในบอลแสงสีขาวก็คล้ายจะมีอะไรบางอย่างอยู่

“มันไม่เหมือนว่าจะเป็นของที่ควรอยู่ด้านในนะ เจ้าเอามันออกมาได้หรือเปล่า?” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม “เหมือนนี่จะเป็นอะไรเกินพวกเราคาดคิดแล้ว เสาผลึกแก้วนี้เปี่ยมด้วยพลังงาน มันหล่อเลี้ยงโดยพลังงานมหาศาลตลอดหลายปี สิ่งนั้นจะต้องน่าสนใจไม่น้อยแน่”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด