ตอนที่แล้วGE270 การทดสอบเพื่อบรรลุตัดวิญญาณ (2) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE272 สงครามของแดนอสูร [ฟรี]

GE271 ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ ดรรชนีหมอกเมฆาม่วง [ฟรี]


จื่อเฮ่ออยู่กับหนิงเฉียนในห้อง

นอกบ้าน หนิงฝานขี่วันแบกท่อผืนมาจากในป่า แววตานิ่งสงบ

แม้ร่างกายของหนิงฝานจะดูผอมบาง แต่เขาแข็งแรงพอที่วัวตัวใหญ่จะไม่กล้าขัดขืน

หนิงฝานมีสายเลือดของเผ่าฟู่ลี่ แค่วัวธรรมดาย่อมไม่กล้าขัดขืน

ช่างไม้หวางรู้จิตใจบุตรสาวตน รู้ว่านางเลือกหนิงฝาน จึงไม่ได้ขัดขวางนางแต่อย่างใด

แต่ตระกูลหวู่ไม่ยอม ส่งคนมารังควานหนิงฝาน

พวกมันมากัน 4 คน ยืนขวางไม่ให้หนิงฝานเข้ากระท่อม หนึ่งในพวกมันถือคบเพลิง และข่มขู่ว่าหากไม่ยอมยกจื่อเฮ่อให้ พวกมันจะเผากระท่อมทิ้ง

“ฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบนางให้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือน… ได้ยินว่ามารดาของเจ้าก็งดงาม แต่เป็นสตรีที่งดงามโดดเด่นในหมู่บ้าน ถึงจะอายุได้ 30 ปีแล้ว แต่ยังงดงามสะพรั่ง… นายท่านต้องการตัวจื่อเฮ่อ พวกข้าไม่กล้าทำอะไรนาง แต่หนิงเฉียนไม่ใช่...”

พวกที่มาเป็นเหมือนโจรชั่วร้าย

แต่พวกมันไม่รู้ว่าหนิงฝานชั่วร้ายยิ่งกว่า

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขากระตุ้นให้วัวเคลื่อนไหว เฆี่ยนแส้ในมือเข้าผู้ที่ขวางทาง โดนพวกมันอย่างแม่นยำ

แม้แส้จะไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ก็ทำให้พวกมันเจ็บตัวไม่น้อย

เสียงร้องของพวกมันดังลั่นไปทั่วหมู่บ้าน จนทำให้คนในหมู่บ้านตกใจ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หนิงฝานใช่ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ ไม่ได้ฆ่าฟันผู้ใด เพราะหากเขาลงมือสังหาร จิตใจจะย้อมไปด้วยเจตนาสังหาร ทำให้ไม่อาจหลุดออกจากหมอกลวงตาได้

อีกอย่าง หากมารของเขาเห็นเขาสังหารคน นางจะหวาดกลัว

“คิดจะล่วงเกินมารดาข้า… แต่ก็คาดไม่ถึงว่าข้าจะใช้ชีวิตอยู่โดยไม่สังหารได้...ไม่สังหารแต่ใช้วิธีข่มขู่ให้หวาดกลัว”

หนิงฝานจ้องมองหัวหน้าโจรที่กล่าวว่าจะล่วงเกินมารดาของเขา เขาขยับมือเป็นท่าทาง ท่อนไม้ที่มัดไว้หลุดร่วง แปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ที่แหลมคม ตัดลิ้นของพวกมัน

แม้พวกมันจะเจ็บปวดสุดแสน แต่ไม่อาจเปล่งเสียง

พวกมันหวาดกลัวจนตัวสั่นพลางคุกเข่าอ้อนวอนหนิงฝาน

เมื่อครู่วิชาอสูร… หนิงฝานไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอสูร

พวกมันไม่น่ามาหาเรื่องหนิงฝานเลย พวกมันสู้เขาไม่ได้ แถมยังโดดตัดลิ้น

พวกมันเร่งหลบหนีกลับไปยังตระกูลหวู่ ผ่านไป 7 วัน หวู่ตงหนานที่เห็นพวกมันถูกตัดลิ้นก็โกรธแค้นเป็นอย่างมาก

โจรพวกนี้ไม่ระวังจนไปยั่วยุผุ้เชี่ยวชาญเข้า

เหตุที่หนิงฝานตัดลิ้นพวกมันก็เพราะไม่อยากให้ข่าวนี้แพร่งพราย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น! แค่ผู้หญิงคนเดียวยังเอากลับมาไม่ได้ แล้วยังไปให้เขาตัดลิ้นอีก! ใครเป็นคนทำ? มันกล้ายามหน้าตระกูลหวู่!”

พวกมันแต่ละคนอยากกล่าวว่าหนิงฝานหนิงฝานน่ากลัวแต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้นำกระดาษออกมาเขียนว่า ‘หนิงฝานคือผู้หมอผี ห้ามไปยุ่ง’

“หมอผี? ฮ่าฮ่า หมอผีมีที่ไหน? ในโลกนี้มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ ข่าวลือว่าผู้ฝึกยุทธ์มีพลังที่ลึกล้ำ จนสามารถใช้ใบไม้สังหารคนได้ ข้าจะไปขอให้อาจารย์หงลงมือ คราวนี้หนิงฝานไม่รอดแน่”

หลังจากนั้น 3 วัน หวู่ตงหนานได้เตรียมของขวัญไปพบอาจารย์หง์และผู้เชี่ยวชาญอีกคน พวกมันเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง

“ท่านหวู่วางใจได้ เด็กนั่นมีพรสวรรค์ก็จริง ใช้วิชาได้ก็จริง แต่สำหรับข้า มันไม่นับเป็นอันใด!”

ผู้เชี่ยวชาญอีกคนแซ่ฉู่ มันแค่นเสียงพลางกล่าวเย้ยหยัน

“เป็นแค่เด็กยังไม่รู้จักโลกกว้าง แม้ข้าจะบรรลุเพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 4 แต่ข้าสังหารผู้เชี่ยวชาญมามากมาย เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมืออาจารย์หง ข้าจะลงมือเอง แค่ยันต์เพลิงแผ่นเดียวก็พอแล้ว”

อาจารย์หงและผู้เชี่ยวชาญแซ่ฉู่ ครั้งหนึ่งพวกมันเคยเป็นศัตรูกัน เมื่อทั้งสองรับปากว่าจะจัดการให้นั้น หวู่ตงหนานก็ดีใจ

“อาจารย์หงท่านฉู่ อย่าได้ประมาทมันเชียวหล่ะ!”

การที่หวู่ตงหนานกล่าวเตือน เพราะมันอยากให้ทั้งสองสังหารหนิงฝานให้ตาย

อาจารย์หงและผู้เชี่ยวชาญแซ่สู่มองหน้ากันพลางเย้ยหยัน

หวู่ตงหนานยื่นส่งค่าจ้างให้พวกมัน 120 เหรียญเงิน

เมื่อพวกมันรับเงินมา พวกมันก็มุ่งหน้าไปหาหนิงฝานทันที!

ในขณะที่พวกมันมุ่งไปหาหนิงฝาน ยังไม่ทันได้ถึงหมู่บ้าน พวกมันก็เห็นหนิงฝานกำลังขี่วัวผ่าอากาศอันหนาวเหน็บ ในมือถือท่อนไม้

“นั่นไงหนิงฝาน!” เด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่นำทางชี้ไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังขี่วัว

เมื่อได้ยินดังนั้น อาจารย์หงและคนแซ่ฉู่ก็เข้าล้อมหนิงฝาน

อาจารย์หงทรงพลังกว่า มันเข้าประชิดตัวหนิงฝานพร้อมกับเง้อดาบฟาดฟัน

“หนิงฝาน...ตายซะ!”

“อย่าเจ้าหน่ะเหรอทำได้!”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เมื่อพวกมันเห็นแววตาหนิงฝาน พวกมันทั้งสองเข่าอ่อน สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

พวกมันรู้ว่าหนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตที่สูงชั้นกว่ามาก แค่พลังระดับพวกมัน เป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น

พวกมันเลือดลมปั่นป่วนจนกระอักโลหิตพลางหันมองหวู่ตงหนานที่ตามมา

หวู่ตงหนานไม่ได้บอกพวกมันว่าหนิงฝานแข็งแกร่งมากขนาดนี้

อาจารย์หงที่อยู่ไกลที่สุด ถูกแรงกดดันที่ทรงพลังของหนิงฝาน ทำให้มันไม่อาจลุกยืน แขนข้างหน้าระเบิดขาด บริเวณตันเถียนถูกจู่โจมอย่างรุนแรงจนทิ้งรอย ร่างปลิวไปไกลคลุกฝุ่นและกระอักโลหิตดำโต

นี่มันผู้เชี่ยวชาญระดับไหนกัน

เด็กคนนี้ไม่ได้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้ใช้กำลังภายใน มันเป็นหมอผีจริงๆ!

“ใครหน้าไหนกล้าชิงภรรยาข้า!”

หนิงฝานกล่าวเบาๆ แต่พวกมันที่ได้ยินกลับรู้สึกราวกับเหมือนอัสนีฟาดผ่า

หวู่ตงหนานตกตะลึงจนลืมผู้เชี่ยวชาญทั้งสองไป มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะทรงพลังขนาดนี้ แบบนี้...ไม่ใช่คนอีกแล้ว!

หวู่ตงหนานเคยฝันว่ามันเป็นเซียนผู้โบยบินอยู่บนสวรรค์ แต่ในความฝันนั้น มันจะถูกคนผู้หนึ่งสังหารตาย

ผู้เยาว์เบื้องหน้าไม่อาจยั่วยุ

หากมันรู้ก่อนว่าจื่อเฮ่อเป็นของหนิงฝาน ต่อให้มันกล้าหาญกว่านี้อีกหมื่นเท่า มันก็จะไม่ยั่วยุหนิงฝานอีก

มันเชื่อว่าต่อให้มันนำตัวจื่อเฮ่อไปได้ แต่หนิงฝานจะทำทุกทางเพื่อชิงตัวนางกลับมา

“ท่านหนิงโปรดให้อภัยข้าด้วย!”

หวู่ตงหนานคุกเข่าพลางโขกศีรษะกับพื้น

“ไสหัวไป… ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก!”

“เด็กนี่โหดเหี้ยมอัมหิต แต่หากลงมือสังหารก็จะทำให้บรรลุเซียนได้ยากขึ้น”...

หวู่ตงหนานเร่งจากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหนิงฝานก็รีบขี่วัวกลับไป

มารดาและจื่อเฮ่อ… ทั้งสองคือความรู้สึกอันอบอุ่นที่หนิงฝานปรารถนา

เขาหลับตา ยิ้มอย่างพอใจ แม้ที่นี่จะเป็นโลกแห่งภาพลวงตาก็ตาม

ราตรีมาเยือน หนิงเฉียนและจื่อเฮ่อหลับไหล หนิงฝานขี่วัวออกจากหมู่บ้าน ตรงไปยังทางเหนือ

ที่นั่นมีภูเขาไม่สูงนัก ที่นั่นมีผู้เยาว์ในอาภรณ์ม่วงคนหนึ่งยืนอยู่ ราวกับกำลังมองโลกที่อยู่ใต้อาณัติตน

หนิงฝานลงจากวัว ลูบหัวมันเพื่อบอกลา

แต่มันไม่ยอมจากไป มันส่ายหน้าและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่หนิงฝานก็ไล่มันไป

ร่างหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีม่วงหายไปยังยอดเขา ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังผู้เยาว์คนนั้นพลางป้องมือกล่าว

“ผู้เยาว์หนิงฝานคารวะเทพเซียนสื่อเซ่า!”

“อืม”

ผู้เยาว์ในอาภรณ์ม่วงหันมา

ผู้เยาว์คนนี้เหนือกว่ามนุษย์ทุกผู้ เพราะเป็นถึงเทพเซียนในแดนสวรรค์

“เจ้าและข้านับเป็นสหาย! ที่เจ้ามองเห็นข้าได้นั้น ก็เพราะจิตใจของเจ้าเข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์… ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า เจ้าไม่สังหารโจรและผู้เชี่ยวชาญพวกนั้น แม้จะโอกาสได้อยู่กับมารดาและภรรยาของเจ้าที่นี่ เหตุใดเจ้าถึงเลือกมาหาข้า?”

“เพราะข้าอยากฝึกฝนในโลกแห่งความเป็นจริง และอยู่กับพวกนางในโลกของความเป็นจริง!”

“อืม… เป็นคำตอบที่น่าพอใจ… ด้วยพลังเจ้าตอนนี้ยังไม่อาจมองออกได้ว่าถูกหรือผิด แม้โลกภายนอกจะเป็นของจริง แต่โลกแห่งภาพลวงตานี้ก็ใช่ว่าจะไม่จริง… วันหนึ่งเจ้าจะเข้ใจพลังแห่งชีวิต...”

เมื่อกล่าวจบ ผู้เยาว์ในอาภรณ์ม่วงค่อยๆจางหายไป

ทันใดนั้นเอง หมอกม่วงที่ห้อมล้อมกายหนิงฝานในโลกเบื้องได้แตกกระจายออกไปรอบทิศ หนิงฝานสะดุ้งราวกับตื่นจากความฝัน และรับรู้ว่าตนเองยังอยู่บนยอดเขาที่รับการทดสอบ!

“เจ้าเข้าสู่ดินแดนล่มสลายในทะเลไร้สิ้นสุด แต่จิตของเข้าเข้าสู่โลกแห่งเมฆ หัวใจของเจ้าก็เข้าถึงภาพแห่งชีวิต แต่ส่วนใดเป็นของจริงนั้น...เจ้ารู้หรือเปล่า?”

“คำตอบของมัยเจ้าไม่ต้องใส่ใจ เพราะจะจริงหรือไม่จริงนั้น ขึ้นอยู่กับความคิดของเจ้า”

“ข้าได้ใช้พลังแห่งชีวิตสร้างหมอกม่วงขึ้น เจ้าจงสัมผัสทำความเข้าใจมันให้ดี ตัวเจ้าจะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับวาสนา”

เมื่อสิ้นสุดคำกล่าวของเทพเซียนสื่อเซ่าแล้ว หมอกม่วงที่แผ่ซ่านออกไป ได้เข้าสู่ร่างหนิงฝานทั้งหมด

หนิงฝานหลับตาพลางสัมผัสถึงหมอกม่วงในร่าง

เขายังไม่อาจเข้าใจพลังแห่งชีวิตได้อย่างถ่องแท้ เพราะยังไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น

ในแดนสวรรค์มีระดับพลังอยู่หลายระดับที่ยังไม่กระจ่าง แต่เท่าที่รู้ เทพเซียนนั้นแข็งแกร่งกว่าเซียน

ในเมื่อเทพเซียนสื่อเซ่ามอบพลังให้ หนิงฝานจะไม่ใช้อย่างสูญเปล่า

ยามนี้หนิงฝานรู้สึกว่า อีกก้าวเดียวตนเองจะเข้าใจความหมายของพลังแห่งชีวิต และเข้าถึงพลังแห่งชีวิตที่เมิ่งชานสื่อหวาดกลัว

“ขอบเขตพลังของข้ายังไม่อาจเข้าใจพลังได้อย่างถ่องแท้ แต่ยามนี้ยังไม่จำเป็นต้องเจ้า… แค่สร้างวิชาขึ้นมาจากมันได้ก็พอ แม้จะไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่อย่างน้อย วิชาที่สร้างก็สมควรมีกลิ่นอายของพลังแห่งชีวิตอยู่บ้าง”

หนิงฝานหลับตา เพ่งสมาธิไปกับการสร้างวิชา

จาก 98 วัน เป็น 99 วัน วันคืนผันผ่านกระทั่ง 247 วันในพริบตา

เมื่อถึงวันที่ 248 หนิงฝานก็ลืมตา แม้ยามนี้เขายังไม่อาจเข้าใจพลังได้หมด แต่อย่างน้อยก็สร้างวิชาเป็นของตนได้

หนิงฝานหลังกลับไปมองเมิ่งชวนสื่อและโคจรวิชาใหม่ของตน

ยามนี้ สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง หนิงฝานอยู่ในหมอกได้ 248 วัน!

และจากวิชาที่โคจรแล้ว ดูเหมือนเขาจะสร้างวิชาที่ยังไม่มีระดับเป็นของตนได้

“วิชาอยู่ระดับไหนกัน? เหตุที่มันไม่มีระดับ มีเหตุผลเดียวเท่านั้น… นั่นคือวิชายังสามารถยกระดับได้ จนแข็งแกร่งเกินว่าจะวัดระดับได้… ยามนี้เด็กนั่นยังไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ วิชายามนี้จึงสมควรอยู่ในระดับตัดวิญญาณ แต่หากเด็กนี่ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ วิชาจะกลายเป็นระดับไร้ดัดแปลง หากวันใดบรรลุเซียน วิชาจะยิ่งพลังขึ้นไป”

ชายชราขมวดคิ้ว แม้วิชาของหนิงฝานจะยังไม่สมบูรณ์ มีข้อผิดพลาดมากมาย แต่ด้วยระดับพลังของหนิงฝานตอนนี้ การที่มีวิชาระดับนี้ก็ถือว่าทรงพลังมากแล้ว

แม้วิชาใหม่จะเป็นวิชาดรรชนี แต่เมื่อใช้มัน ดวงตาของเขาก็จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงทอง

หนิงฝานชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง โคจรวิชา หมอกสีม่วงทองก่อตัวที่ปลายนิ้วก่อนจะยิงออกไปอย่างรวดเร็วเกินจนเกินจินตนาการ

“แม้ข้าจะไม่เข้าใจพลังแห่งชีวิต แต่ข้ามั่นใจว่าข้าทำได้...”

หนิงฝานสูดหายใจลึกพลางดูดซับปราณเซียนรอบข้างเข้ามา และพยายามยกระดับวิชาของตน

เก้าย่างเหยียบสวรรค์ กระบี่วารีผันแปร แม้พวกมันทั้งสองจะทรงพลัง แต่พวกมันจะทรงพลังขึ้นตามความเข้าใจ

“เป็นวิชาที่งดงาม… ข้าจะช่วยตั้งชื่อมันว่า ‘วิชาหมอกเมฆาม่วง’ !”

ดรรชนีที่ทรงพลังขนาดที่เปลี่ยนผิวดินให้เป็นฝุ่นผงได้

หนิงฝานชี้นิ้วไปหาชายชราและโคจรวิชาอีกครั้ง

สีหน้าชายชราแปรเปลี่ยน ชายพริกฝ่ามือต้านรับวิชาหนิงฝานอย่างง่ายดาย

แต่ในชั่วพริบตานั้น แม้ดูเหมือนจะหยุดวิชาหนิงฝานได้ แต่จู่ๆพวกมันกลับสลายตัวและเข้าล้อมชายชราเอาไว้ แต่มันยังไม่ทรงพลังพอที่จะทำให้ชายชราบาดเจ็บ

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ชายชรายังสัมผัสได้ว่า ความแข็งแกร่งของร่างกายได้ลดลง

เป็นแค่วิชาระดับตัดวิญญาณ แต่กลับลดทอนกำลังกายของตนได้ หากชายชราสัมผัสไม่ผิด พลังที่ลดทอดกำลังกายตนคือพลังแห่งชีวิต

“เด็กนี่เข้าใจในพลังแห่งชีวิตบางส่วน! แต่หากวันหนึ่งมันบรรลุเซียนจักรพรรดิเหมือนข้า ดรรชนีเมื่อครู่คงสังหารข้าไปแล้ว”

แววตาหนิงฝานเปล่งประกายราวกับเข้าใจบางอย่าง เขายกระดับได้อีกขั้นจากการลองจู่โจมชายชรา แต่ชายชราก็ไม่ได้ตำหนิอะไร

หนิงฝานมีความสุข เพราะอานุภาพพลังรุนแรงพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลางและขั้นสูงได้

ระยะเวลา 248 วันในหมอกม่วง เขาได้ปราณดั้งเดิมมาเพิ่ม 2480 เกราะ รวมของเดิมเป็น 3495 เกราะ!

ยามนี้ ปราณอสูรของเขากำลังจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนเดียวคือการสลักชื่อ

“ขอบคุณท่านอาจารย์สื่อเซ่า...”

หนิงฝานจ้องมองหมอกม่วงที่อยู่ห่างออกไปพลางป้องมือ

เทพเซียนสื่อเซ่าสมควรตายไปนานแล้ว แต่หมอกม่วงเหล่านั้นสมควรเป็นสิ่งที่ท่านตกทอดไว้

แม้จะยังไม่เข้าใจโดยสมบูรณ์ แต่เมื่อวันใดที่เข้าใจ วันนั้นก็จะเข้าถึงพลังแห่งชีวิต

“เด็กน้อย เจ้าช่างน่าสนใจนัก หากวันใดเจ้าขึ้นมาแดนสวรรค์ ข้าอยากให้เจ้าเข้าร่วม ‘วังจ่างฉิง’ ของข้า”

เป็นครั้งแรกที่ชายชรากล่าวชวนด้วยตนเอง

“ผู้เยาว์มีอาจารย์อยู่แล้ว...”

“เห้อ… ช่างน่าเศร้า” ชายชราถอนหายใจ ชายกล่าวรับศิษย์เป็นครั้งแรก แต่กลับถูกปฏิเสธ ชายชราคงไม่กล้ากล่าวรับใครอีก

ชายชราโบกมือ นำหนิงฝานไปยังใต้จารึกที่สลักชื่อของผู้ที่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ

เมื่อปราณอสูรบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ เขาก็ต้องสลักชื่อลงบนจารึกของอสูร

“นี่คือวิชาภู่กันแห่งโชคชะตา หากเจ้าใช้มันเขียนชื่อ มันจะสลักชื่อของเจ้าและโชคชะตาลงบบจารึก”

ชายชรามอบแผ่นหยกให้หนิงฝาน เขารับมาและวางทาบที่หน้าผาก

ไม่นานเขาก็สำเร็จวิชา

“สลัก!”

หนิงฝานพับแขนอาภรณ์ โคจรวิชาสร้างภู่กันสีทอง และจารึกชื่อของตนลงบนจารึกอสูร

แล้วชื่อหนิงฝานก็เป็นสีดำ!

“สีดำ?” ชายชราประหลาดใจก่อนจะหัวเราะ

“ถ้าเป็นคนทั่วไป ผู้ได้โชคชะตาสีดำสมควรเป็นเซียนได้อย่างยากลำบาก แต่เจ้าไม่เหมือนคนพวกนั้น พรสวรรค์ของเจ้าเหนือล้ำกว่าผู้ใด การที่เจ้าได้โชคชะตาสีดำ สมควรหมายถึงเจ้าจะได้มาเยียบแดนสวรรค์อย่างแน่นอน… ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ดาราเต่าทมิฬ รอวันที่เจ้าได้เป็นเซียน… กลับไปได้แล้ว ได้เวลาที่เจ้าต้องทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณแล้ว!”

ชายชราพับแขนอาภรณ์ ส่งจิตของหนิงฝานกลับไปยังโลกพิรุณ

แต่ก่อนจะส่งหนิงฝานกลับ ชายชรานำบางสิ่งให้

“สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับเจ้า!” แล้วหนิงฝานก็ถูกส่งกลับ

หนิงฝานหลับไหลอยู่ใต้สระมังกรเป็นเวลา 11 ปีเต็ม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มังกรทมิฬไล่กินอสูรทมิฬในสระจนเกือบหมด ยามนี้ ระดับพลังของมันเกือบจะบรรลุกึ่งไร้ดัดแปลงแล้ว แต่น่าเสียดายที่มันมาถึงจุดตีบตัน ต่อให้ดูดกลืนอสูรทมิฬเพิ่มก็ไม่เป็นผล

ยามนี้มังกรทมิฬได้ร่างกายของมันคือ โลหิตสีทองกลุ่มเล็กๆก่อตัวขึ้นในร่างของมัน หากมันก่อโลหิตสีทองกลุ่มนี้ได้สำเร็จ มันก็มั่นใจว่าจะบรรลุกึ่งไร้ดัดแปลงที่แท้จริงได้

หากมันทำได้ มันจะห่างจากหนิงฝานที่อยู่เพียงขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณ หนึ่งขอบเขตใหญ่พอดี

“ถ้าข้าบรรลุกึ่งไร้ดัดแปลงที่แท้จริง ข้าจะลองทำลายตราประทับวิญญาณ!”

มันแอบดีใจที่กำลังจะเป็นอิสระ

“ถ้าข้าหลุดจากพันธะนาการ ข้าจะเหยียบมันให้จมเท้าเลย!”

แต่แล้วความฝันเหล่านั้นของมันก็ต้องพังทะลาย เพราะหนิงฝานที่นั่งอยู่นาน จู่ๆแรงกดดันของเขาก็เพิ่มขึ้น จนทำให้มังกรทมิฬหวาดกลัว

“ไอ้เด็กบ้านี้ทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณสำเร็จ! แรงกดดันของมันมากถึงระดับกึ่งไร้ดัดแปลง!”

แรงกดดันของหนิงฝานทำให้มังกรทมิฬบาดเจ็บ ลมปราณปั่นป่วน

แรงกดันที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของหนิงฝาน มาจากสิ่งที่เมิ่งชวนสื่อมอบให้ และยามนี้ เขาก็ลืมตามองมังกรทมิฬด้วยสายตาเย็นชา

“เจ้าจะเหยียบข้าให้จมเทาเหรอ?”

ปราณอยู่ 14750 เกราะ ปราณดั้งเดิม 3495 เกราะ

ยามนี้ หนิงฝานอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นกลาง!

ทั้งสายตาที่เย็นชา และแรงกดดัน ทำให้มังกรทมิฬยอมแพ้

“นายท่านยกโทษให้ข้าด้วย! เรามาพูดคุยกันก่อน!”

“พูดคุย?”

หนิงฝานแค่นเสีย เขายื่นมือออกไป ดังรั้งมังกรทมิฬให้เข้าหาตัว

มังกรทมิฬนับว่ามีพรสวรรค์ มันดูดกลืนอสูรทมิฬ และดูดซับซากร่างของมังกรโบราณ ทำให้มันบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูงสุด กระทั่งเกือบจะบรรลุขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่ด้วยที่มันถึงจุดตีบตัน จึงยังไม่อาจทะลวงระดับได้

หนิงฝานสัมผัสได้ถึงแก่นโลหิตอสูรทมิฬในร่างของมัน หากเขาดูดซับ นอกจากจะช่วยยกระดับปราณแล้ว ยังช่วยทำให้เขตขั้นพลังมั่นคง

ของล้ำค่าแบนี้หาได้ยาก “ข้าขอแก่นโลหิตอสูรทมิฬก็แล้วกัน!” หนิงฝานกล่า

“นี่เจ้าคิดจะแย่งของของข้าเหรอ!”

แม้มันไม่ยอมก็ต้องยอม มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะหนิงฝานกระตุ้นตราประทับลงโทษมัน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด