ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0259 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0261 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0260 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 260 : ร่างที่หายไป

ฉินหยุนหัวเราะ “ขอรับ ขอรับ ข้าไม่พูดแล้ว จะไม่อีกต่อไปแน่”

เชี่ยวเสวียนฉินนึกถึงคำกล่าวหยาบโยนที่ชายร่างใหญ่เหล่านั้นกล่าวต่อฉินหยุน นางรู้สึกทั้งอับอายและโกรธเคือง พร้อมกันนี้ มันยังเกิดความรู้สึกประหลาดสับสนภายในใจของนาง

ฉินหยุนสำรวจมองรอบด้านพิจารณาห้องโถง เขากล่าวคำ “ที่นี่คือภายในสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว? ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือเชี่ยวหยางหลงเคลื่อนย้ายทุกสิ่งไปแล้ว?”

“ย่อมไม่ใช่ เหนือห้องโถงหลักแห่งนี้มีประตูอยู่ มันคือประตูที่นำไปสู่ส่วนลึกของสุสาน” เชี่ยวเสวียนฉินชี้ขึ้นด้านบน ซึ่งก็มีแต่ผนังเพดาน หาได้มีประตูใดไม่

ฉินหยุนเดินไปข้างเชี่ยวเสวียนฉิน จับมือของนางเอาไว้

เชี่ยวเสวียนฉินรู้สึกว่าไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่ก็เพียงแค่สลัดมือฉินหยุนออกเบา ๆ จากนั้นจึงเดินไปยังกำแพงสีทองด้านหนึ่ง

ฉินหยุนนึกว่าเชี่ยวเสวียนฉินโกรธ เขาจึงไม่ได้คิดอันใดมาก เพียงตามด้านหลังนางจนถึงด้านหน้ากำแพง

“นำกุญแจสัมผัสกำแพงนี่!” เชี่ยวเสวียนฉินบอกต่อฉินหยุนหลังจากนางสัมผัสกำแพงเพื่อยืนยัน

ฉินหยุนนำเอากุญแจออกมา และสัมผัสที่กำแพงสีทอง

ครึก! ครึก! ครึก! เสียงดังบังเกิดขึ้นจากกำแพงหิน ก้อนอิฐสีทองเริ่มเคลื่อนตัวจมไปด้านหลัง

กำแพงหินยุบตัวเข้าไปกว่าสามเมตร เกิดขึ้นเป็นบันไดปรากฏขึ้น

“ด้านล่างค่อนข้างมืด ต้องการให้ข้าใช้พลังเงาเพื่อที่พวกเราสองคนจะได้กลมกลืนไปกับความมืดหรือไม่? วิธีนี้น่าจะปลอดภัยกว่า” ฉินหยุนพลันกล่าวคำหลังก้าวเดินลงบันไดไป

เชี่ยวเสวียนฉินเงียบไปครู่หนึ่ง จึงค่อยยื่นมือของนางสัมผัสประสานกับนิ้วมือของฉินหยุนแน่น ความรู้สึกประหลาดรุกล้ำหัวใจของนางอีกครั้ง เป็นนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดความรู้สึกนี้จึงปรากฏขึ้น

นางพยายามสะกดความคิดฟุ้งซ่านภายในใจ จากนั้นจึงนำฉินหยุนลงบันไดไป

ตอนนี้ ถือว่าพวกเขาเข้าสู่สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวอย่างแท้จริง ก่อนหน้า ห้องโถงหลักเป็นเพียงด้านนอกที่มีจุดประสงค์หลักคือ เอาไว้ให้คนของราชวงศ์เทียนเชี่ยวเข้ามาสักการะ

“ป้าเชี่ยว เป็นไปได้หรือไม่ที่เชี่ยวหยางหลงจะอยู่ที่นี่?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเบา

“ข้าไม่อาจทราบ แต่พวกเราควรระวังตัวไว้ก่อนย่อมดีกว่า” เชี่ยวเสวียนฉินตอบกลับ “อย่าได้ห่วงไป ข้ายังอยู่ที่นี่!”

ฉินหยุนเม้มริมฝีปาก เขารู้สึกว่าหากมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น จะเป็นตัวเขาที่ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งกว่าเชี่ยวเสวียนฉิน

บันไดทอดยาว พวกเขาเดินเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงปลายทาง

ในที่สุดพวกเขาก็ถึงห้องสุสานใต้ดิน มันเป็นลานกว้างใต้ดินขนาดใหญ่ ถือว่าโอ่โถงไม่ใช่น้อย อากาศภายในให้ความรู้สึกถึงความโบราณ คลื่นอากาศเย็นพัดผ่าน ชวนให้สะพรึงขนหัวลุก

เชี่ยวเสวียนฉินนำเอาหินส่องแสงออกมา ควบคุมให้มันบินขึ้นสูง ทำการสาดส่องทั่วทั้งลานกว้างใต้ดินแห่งนี้

ด้วยแสงเจือจาง พวกเขาจึงได้เห็นบ้านขนาดเล็กหลายหลัง

“บ้านหลังใหญ่คือฮวงซุ้ยของจักรพรรดิ! หลังอื่นล้วนเป็นของสมาชิกราชวงศ์ มีทั้งธิดาแห่งรัชทายาทที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน และนางสนมก็ด้วย” เชี่ยวเสวียนฉินชี้ไปยังบ้านหินหลังใหญ่

“สุสานจักรวรรดิเทียนเชี่ยวของท่านนับว่าใหญ่นัก น่าจะใหญ่กว่าพระราชวังหลวงเทียนฉินของพวกเราด้วยกระมัง” ฉินหยุนสามารถเห็นสุสานยักษ์แห่งนี้อย่างกระจ่าง เป็นเขาต้องอึ้ง

ลึกลงไปใต้ดิน การก่อสร้างตำหนักขนาดใหญ่เช่นนี้ถือเป็นโครงการใหญ่มหึมา ที่ทรงอำนาจที่สุดคงเป็นความทนทานของตำหนักใต้ดินแห่งนี้ กระทั่งผู้ฝึกตนวรยุทธ์เต๋ายังไม่อาจบุกฝ่าเข้ามาได้จากด้านบน มีเพียงผู้ถือครองกุญแจจึงสามารถเข้ามาที่นี่

“ใช่ จนกระทั่งถึงตอนนี้ข้าเองก็รู้สึก ว่าสุสานของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวช่างทรงอำนาจนัก นี่ไม่ใช่อะไรที่จักรวรรดิเทียนเชี่ยวของพวกเราจะสามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างแน่นอน” เชี่ยวเสวียนฉินปล่อยเสียงถอนหายใจยาว

ฉินหยุนคิดอยากปล่อยมือนางและเดินเข้าไป ทว่าเชี่ยวเสวียนฉินกลับไม่ ทางหนึ่ง นางไม่คิดอยากให้เขาวิ่งเล่นไปทั่ว และอีกทางหนึ่ง เป็นนางกังวลว่าอาจมีศัตรูซ่อนเร้น

“ป้าเชี่ยว อย่างไรต่อดี? ควรเริ่มจากที่ใด? ที่นี่สมควรมีสมบัติมากมายฝังพร้อมกับร่างศพใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ไปดูสุสานมารดาของเย่ว์หลานและเย่ว์เหม่ยก่อน!” เชี่ยวเสวียนฉินตอบกลับ “นี่เป็นเย่ว์หลานขอต่อข้า”

“ขอรับ!” ฉินหยุนเองก็นึกถึงสิ่งที่เซี่ยฉีโหรวบอกต่อเขา ว่ามารดาของเชี่ยวเย่ว์หลานยังสามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้

“ข้าเป็นคนมาส่งร่างของพระสนมเชี่ยวเมื่อครั้งนั้น ข้าจำได้ว่านางควรอยู่ที่นั่น!” เชี่ยวเสวียนฉินดึงฉินหยุนเร่งรีบเดินเข้าไป ผ่านไปหลายสิบเมตร นางค่อยหยุดตรงหน้าบ้านหินหลังเล็ก

ด้านหน้าของบ้านหิน มีฮวงซุ้ยซึ่งแกะสลักอักษรเอาไว้ ฉินหยุนพบสองคำ “สื่อจิ้ง” เป็นชื่อมารดาของเชี่ยวเย่ว์หลาน

“เป็นที่นี่ เข้าไปดูกันดีกว่า” ขณะเชี่ยวเสวียนฉินกล่าวคำจบ นางจึงเปิดประตูหินออก ลมเย็นพัดออกมา

เมื่อเข้ามาแล้ว ฉินหยุนนำหินส่องแสงออกมาส่องสว่างภายในห้อง ภายในเป็นโลงศพหยกแก้ว

“ให้ข้าใช้พลังจิตเปิดออกเอง!” ฉินหยุนเร่งรีบดึงเชี่ยวเสวียนฉินถอยกลับ ป้องกันไม่ให้นางเข้าไปใกล้โลงศพหยกแก้ว เป็นเขากังวลว่าอาจมีอันตราย

ฉินหยุนใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม เล็งไปยังฝาของโลงศพหยกแก้ว จากนั้นจึงค่อยเคลื่อนมันออก

ไม่ช้า ฝาโลงศพจึงถูกเลื่อนออก ภายในไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ!

“ว่างเปล่า!” ฉินหยุนอุทานตื่นตกใจ “เป็นเชี่ยวหยางหลงนำออกไปหรือ?”

“เป็นไปไม่ได้ บ้านหลังนี้และโลงศพหยกแก้วไม่เคยถูกเปิดออก มันจะว่างเปล่าได้อย่างไร?”

ฉินหยุนเร่งรีบพานางออกจากบ้านหินแล้วกล่าวคำ “ไปสำรวจโลงศพหยกแก้วอื่น ดูกันว่าผู้ซึ่งถูกฝังไม่นานมานี้มีชะตากรรมเดียวกันหรือไม่!”

เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับ พาฉินหยุนไปยังบ้านหินอีกแห่งซึ่งถูกฝังเมื่อห้าปีก่อน นี่เป็นนางสนมของอดีตจักรพรรดิเทียนเชี่ยว

พวกเขาเข้าภายใน เปิดฝาโลงศพหยกแก้วออก ศพภายในไม่อยู่เช่นกัน!

ความหนาวเย็นพลันเกาะกุมหัวใจฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉิน พวกเขากระชับมือกันเอาไว้แน่น เรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว

ถัดจากนั้น พวกเขาจึงเปิดฝาโลงศพอื่น รวมทั้งโลงศพของจักรพรรดิและจักรพรรดินีก็ด้วย ทั้งหมดล้วนว่างเปล่า!

“เอ่อ ร่างล้วนหายหมดสิ้น!” ฉินหยุนมองโลงศพหยกแก้วขณะยิ้มกล่าว “หรือพวกเขาออกไปละเล่นที่อื่น?”

มือขาวนวลของเชี่ยวเสวียนฉินกลายเป็นมีเหงื่อเย็น นางทราบว่าสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวไม่ธรรมดาเช่นนั้นแล้ว

ฉินหยุนเริ่มสำรวจโลงศพหยกแก้วอย่างถี่ถ้วน เขาพลันพบอักขระจารึกเอาไว้ที่ด้านในของโลงศพหยกแก้ว พวกมันล้วนเป็นผังจารึกมิติระดับสูง หากไม่พิจารณาสำรวจให้ถี่ถ้วน จะยากแก่การพบเห็น ทำให้ผู้คนคิดว่าเป็นเพียงแค่ลวดลายของหยก

“ป้าเชี่ยว จักรวรรดิของท่านเป็นผู้สร้างโลงศพหยกแก้วเหล่านี้หรือไม่?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“ข้า... ไม่มั่นใจนัก ข้าเพียงจำได้เมื่อครั้งแรกมาที่นี่ ข้าใช้โลงไม้ส่งร่างพระสนมเชี่ยว จากนั้นนางจึงถูกนำร่างใส่โลงหยกแก้ว ดูเหมือนว่าโลงหยกแก้วจะอยู่ที่นี่แต่แรกแล้ว” เชี่ยวเสวียนฉินขมวดคิ้ว นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งนั้น จากนั้นนางจึงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าพบอะไรหรือ?”

“มีผังจารึกจำนวนมากในโลงหยกแก้ว รวมถึงผังจารึกมิติ แต่ข้าไม่ทราบละเอียดนัก เพราะข้าเพียงเห็นแต่เส้นสว่าง ส่วนเส้นมืดถูกกลบซ่อนเอาไว้”

ฉินหยุนควบคุมหินส่องแสงลอยเข้าไปด้านในโลงหยกแก้ว มันส่องสว่างต่อหยกแก้วมากพอ ทำให้เห็นผังจารึกภายในจำนวนมาก

“ร่างเหล่านั้นถูกเคลื่อนย้ายไป? พวกเขาจะต้องการร่างเหล่านั้นไปเพื่ออะไร?” เชี่ยวเสวียนฉินรู้สึกหนาวถึงกระดูกสันหลัง สีหน้ายิ่งหนักอึ้ง

“ข้าไม่อาจทราบ! โดยสรุป มีความลับเก็บงำเอาไว้ในสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว บางที... บางทีคงมีแต่จักรพรรดิเทียนเชี่ยวที่ทราบ แต่ตอนนี้เชี่ยวหยางหลงครอบงำจักรพรรดิจนไม่เป็นผู้คน เขาย่อมไม่อาจจดจำความลับใดได้” ฉินหยุนถอนหายใจ “กลับขึ้นไป นำร่างเชี่ยวฉงมาที่นี่ จากนั้นนำร่างใส่โลงหยกแก้วแล้วดูกันว่าจะเป็นอย่างไร”

เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับ จากนั้นจึงออกนำฉินหยุนไป เป็นนางกังวลว่าฉินหยุนจะไปเพียงผู้เดียว และเป็นนางที่ไม่กล้าอยู่ในสุสานชวนขนลุกแห่งนี้เพียงลำพัง

ไม่ช้า พวกเขานำร่างของเชี่ยวฉงลงมา และวางเอาไว้ในบ้านหินว่างเปล่า บ้านหินแห่งนี้เตรียมเอาไว้สำหรับผู้ตายใหม่ จึงยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน

พวกเขานำร่างเชี่ยวฉงวางในโลงหยกแก้ว ปิดฝา จากนั้นรอคอยอย่างอดทน

“โลงหยกแก้วนี้ไม่มีพลังใด ดังนั้นพลังที่ใช้เคลื่อนย้ายโลงหยกแก้ว สมควรส่งมาผ่านมิติ นี่ถือเป็นวิธีการปราดเปรื่องยิ่งต่อการใช้ผังจารึกมิติ”

ฉินหยุนกล่าวขณะชื่นชม “กระทั่งเป็นแดนยุทธ์อ้างว้าง ก็ไม่คล้ายจะมีผู้ใดสามารถใช้ผังจารึกมิติในลักษณะนี้ ดูเหมือนความลับที่เก็บงำเอาไว้จะเกินกว่าพวกเราจินตนาการนัก”

“แต่ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดจึงต้องการร่างกายที่ไร้ชีวิต” เชี่ยวเสวียนฉินเกิดความสงสัย

“สายเลือด หรือไม่ก็วิญญาณยุทธ์ สิ่งเหล่านี้สามารเก็บเอาไว้ได้ระยะเวลาหนึ่งหลังบุคคลเสียชีวิต” ฉินหยุนกล่าว “ท่านกล่าวก่อนหน้านี้ สายเลือดตระกูลเชี่ยวของท่านถือว่าพิเศษยิ่ง บ่อยครั้งมักจะตื่นรู้วิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลัง นอกจากนี้ ท่านยังเกิดมาพร้อมเส้นวิญญาณจำนวนมาก เรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันถึงบรรพบุรุษอย่างแน่นอน”

เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้า “ดูเหมือนบรรพบุรุษตระกูลเชี่ยวของเรา จะมาจากสถานที่ซึ่งลึกลับยิ่ง เขากระทั่งสร้างสุสานแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว! น่าเสียดายที่เชี่ยวหยางหลง สารเลวผู้นั้น ครอบงำองค์จักรพรรดิในสภาพไม่เป็นไม่ตาย พวกเราไม่มีทางทราบได้เลยว่าที่นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

อย่างกะทันหัน โลงหยกแก้วจึงเริ่มมีร่องรอยพลังมิติแกร่งกล้าส่งออกมา

โดยทันที ฉินหยุนควบคุมจิตตนเองเปิดฝาโลง

ร่างของเชี่ยวฉงหายไปแล้ว!

“ป้าเชี่ยว ท่านคิดว่า... พวกเราควรลองหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามขึ้น

“ไม่ จะเกิดอะไรขึ้นหากเป็นสถานที่ซึ่งไม่สามารถหวนกลับ?” เชี่ยวเสวียนฉินเร่งรีบปฏิเสธ “อย่าได้คิดถึงเรื่องนี้อีก อันตรายเกินไป”

“หากพวกเราสำรวจรอบด้านอีกครั้ง อาจพบเจออะไรเข้าก็เป็นได้” ฉินหยุนได้แต่ยอมปล่อยวาง

เชี่ยวเสวียนฉินพยักหน้ารับ “แต่พวกเราต้องอยู่ด้วยกันเสมอ พวกเราจะไม่แยกจากกัน ด้วยวิธีนี้ ยามเมื่อพบเจอสถานการณ์เป็นอื่น พวกเราจะได้ดูแลกันได้”

“ขอรับ!”

ถัดจากนั้น เชี่ยวเสวียนฉินและฉินหยุนจึงเดินไปมาสู่บ้านหินหลายหลัง เพื่อค้นหาเบาะแส

สองวันถัดมา เชี่ยวเสวียนฉินเหนื่อยล้าขณะนั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งฉินหยุนนำออกมาให้

สำรวจอยู่สองวัน พวกเขามั่นใจว่าที่นี่ไม่มีอันตรายใด ดังนั้นจึงไม่คิดใช้พลังเงาอีก

“ไม่มีอะไรเลย!” เชี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจ “เหตุใดพวกเราจึงยังไม่ออกไป!”

ฉินหยุนนั่งยองกับพื้น นำเอาแผ่นหนังสัตว์ที่ตัดเป็นสี่เหลี่ยมออกมา เขาเริ่มวาดบ้านหินในแผ่นหนังสัตว์ที่ว่างเปล่าแล้วจึงกล่าว “ได้เรื่องแล้ว! ตำแหน่งของบ้านหินที่นี่มันมีรูปแบบ ให้ข้าได้ยืนยันเรื่องนี้ก่อน”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด