ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0257
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0259

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0258


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 258 : สำรวจสุสาน

ฉินหยุนเผากระดาษทิ้ง บอกลาตู้ก่วย จากนั้นจึงเร่งรีบออกจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนสู่ภายนอก

เป็นเพราะเกาะขนาดเล็กที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียนตั้งอยู่ถือว่าปลอดภัยที่สุด จึงมีโรงเตี๊ยม โรงเรือน และอาคารอีกหลายแห่งตั้งอยู่บนเกาะเกิดขึ้นเป็นเมืองขนาดย่อม

ฉินหยุนสอบถามอยู่หลายครั้งกว่าจะพบโรงเตี๊ยมดาวเหนือ มันเป็นโรงเตี๊ยมขนาดเล็ก มีคนจำนวนไม่มาก เมื่อเข้ามาในโรงเตี๊ยม หาห้องหมายเลขยี่สิบ จึงเคาะประตู

อย่างรวดเร็ว มีคนเดินมาเปิดประตูให้

ประตูพอเปิดออก ฉินหยุนจึงได้พบหญิงสาวในชุดดำงามสง่า เป็นเชี่ยวเสวียนฉิน

“ป้าเชี่ยว!” ฉินหยุนยิ้มเผยฟันขาวขณะหัวเราะกล่าว

“รีบเข้ามาก่อน!” เชี่ยวเสวียนฉินยิ้มรับเร่งกล่าวคำ

พอฉินหยุนเข้าในห้องและนั่งลงแล้ว เชี่ยวเสวียนฉินจึงรินน้ำชาให้เขาแก้วหนึ่ง ด้วยการก้มรินน้ำชา เส้นผมยาวของนางจึงลู่ลงมาจนถึงหน้าอก ยิ่งเป็นการขับเน้นเสน่ห์ของนางให้มากขึ้น

“ป้าเชี่ยว ไม่พบกันนาน ท่านคงก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าแล้ว!”

“นี่ล้วนเป็นเพราะเจ้า หากข้าไม่อาจจัดการปัญหาของวิญญาณยุทธ์ คงไม่ทราบเลยว่าจะได้เลื่อนระดับพลังเมื่อใดกัน”

“ต้องขอบคุณเจ้าอีกครั้ง!” เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ เผยซึ่งฟันขาวงดงาม ยิ่งขับเน้นให้นางงดงามมากยิ่งขึ้น

ฉินหยุนมองโฉมงามตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายใน เขาจึงก้มหน้าลงดื่มชาเพื่อสงบจิตใจตนเอง

“ป้าเชี่ยว ท่านบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องทำ คิดอยากให้ข้าร่วมทางไปยังสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว มันคือเรื่องอะไรกันแน่?” ฉินหยุนยืนขึ้น เดินไปยังหน้าต่างและมองออกไปที่ถนน

“ข้าสงสัยว่า จะมีความลับที่เกี่ยวพันถึงตระกูลเชี่ยวของเราอยู่ในสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว! เจ้าไม่คิดว่าแปลกหรือที่ศิษย์ตระกูลเชี่ยวของเราล้วนยอดเยี่ยม?” ขณะเชี่ยวเสวียนฉินกล่าว นางนำพิณของนางออกมา และเริ่มบรรเลงเพลง

ฉินหยุนหันกลับมองที่พิณดังกล่าว เขาแปลกใจไม่น้อย เพราะสายพิณไม่ได้โดนปลายนิ้วสัมผัส กระนั้นมันกลับสั่นไหวและส่งเสียงออก เป็นเชี่ยวเสวียนฉินใช้พลังจิตเพื่อบรรเลงมัน

“แปลกจริงด้วย!” ฉินหยุนกล่าว

“พูดกันตามตรง ข้ารู้สึกว่าตระกูลเชี่ยวของเรา มีความสัมพันธ์ลึกล้ำกับตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ไม่เช่นนั้นเชี่ยวหยางหลงคงไม่ได้รับความสำคัญในตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม มันจะต้องมีคนในตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามที่บงการเขาอยู่ ด้วยฐานะองค์ชายรัชทายาท เขาต้องทราบความลับที่พวกเราไม่รู้”

เชี่ยวเสวียนฉินเก็บพิณและยิ้มบางให้ “ด้วยฐานะลูกหลานตระกูลเชี่ยว ข้าคิดอยากเข้าสุสานบรรพชน เป็นข้าสงสัยนักว่าจะได้รับอะไรกลับมาบ้างหรือไม่”

“ข้านึกว่าท่านเป็นคนหัวโบราณเสียอีก” ฉินหยุนหัวเราะ “ว่าไป นานขนาดนี้แล้ว เย่ว์เหม่ยเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ “เอาเรื่อง! เด็กน้อยผู้นี้อยู่ในตำหนักจารึกเทวะ ยิ่งนานไปนางยิ่งคลั่ง โชคดีที่ไม่ได้ก่อปัญหาใหญ่อันใด”

“นับว่าแปลกที่เย่ว์เหม่ยไม่ได้ตามท่านมาด้วย!” ฉินหยุนยิ้ม “ผู้อื่นอาจปล่อยวางเรื่องนี้ แต่ต้องไม่ใช่กับนางอย่างแน่นอน”

“นางเก็บตัวอยู่! ข้าเพียงมาหารือกับเจ้าตอนนางเริ่มการเก็บตัว ข้ากังวลว่าหากนางเข้าสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว นางอาจจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นได้” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าวต่อ “เดิมข้าไปหาเย่ว์หลาน แต่นางไม่มีเวลาให้ข้าสักเท่าใดนัก ดังนั้นนางจึงบอกให้เจ้าไปกับข้าแทน จริงด้วย เซี่ยอู๋เฟิงเองก็บอกว่าไม่มีเวลา เหมือนจะมีแต่เราสองคนที่ไปได้”

“ขอรับ เช่นนี้เมื่อใดดี?” เขาเองก็คิดอยากสำรวจหาสาเหตุ ว่าเหตุใดราชวงศ์เทียนเชี่ยวจึงมีสายเลือดที่แข็งแกร่งนัก

เชี่ยวเย่ว์หลานและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เดิมได้รับสืบทอดแผนที่หลุมฝังเซียน รวมเข้ากับสายเลือดอันลึกลับของตระกูลเชี่ยว มันยิ่งขับเน้นให้ทรงพลังมากขึ้น

เชี่ยวหลาง เชี่ยวหยางหลง เชี่ยวเสวียนฉิน และผู้อื่นอีกหลายคน ล้วนเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ กล่าวได้ว่าพวกเขาทั้งหมดได้รับสืบทอดกันมาทางสายเลือด

“ไปตอนนี้เลยเป็นไร?” เชี่ยวเสวียนฉินตอบ “ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”

“ขอรับ ตามท่านสะดวก!” ฉินหยุนพยักหน้า

เชี่ยวเสวียนฉินเปลี่ยนเป็นชุดสีดำรัดรูปรับกับยามค่ำคืน ทั้งยังมวยผมเก็บเรียบร้อย นางหันมากล่าวกับฉินหยุน “ให้เจ้ารอเสียนาน ไปกันดีกว่า!”

กลางค่ำคืน ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินลอยเหนือทะเลสาบหมื่นดารา มุ่งหน้าสู่จักรวรรดิเทียนเชี่ยว

เมื่อฉินหยุนผ่านทะเลสาบหมื่นดารา เขาหันมองที่พื้นผิว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเซี่ยฉีโหรวในตำหนักผลึกแก้วเบื้องล่าง มันเป็นความลับอันใดที่ลึกล้ำถึงขนาดพี่สาวผู้งดงามของเขาซุกซ่อนเอาไว้?

เชี่ยวเสวียนฉินเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ดังนั้นนางจึงไม่เป็นกังวลที่ฉินหยุนติดตามมา กระทั่งเผชิญหน้าสัตว์อสูรระดับวิญญาณ พวกเขาย่อมสามารถรับมือได้

“ฉินหยุน เจ้ามั่นใจเพียงใดที่ท้าทายเชี่ยวหยางหลง?” เชี่ยวเสวียนฉินเอ่ยถาม

“ไม่เลย!” พอฉินหยุนนึกถึงเรื่องนี้ หัวใจเขากลายเป็นหนักอึ้ง

“เจ้าควรมั่นใจในตนเอง ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถจัดการมันได้!” เชี่ยวเสวียนฉินยิ้มให้แก่ฉินหยุน ดวงตางดงามของนางเผยประกายให้กำลังใจ

ฉินหยุนกล่าว “หลายคนคิดว่าข้าไม่อาจเอาชนะมัน เหตุใดท่านคิดว่าข้าทำได้?”

เชี่ยวเสวียนฉินหัวเราะ “เจ้าคือผู้ใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ เพียงแค่จุดนี้ ข้าก็เชื่อแล้วว่าเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด! เจ้าเพียงใช้เวลาสองปีจึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ นี่ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งแล้ว”

“หากข้าไม่อาจก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าภายในปีนี้ ก็คงไม่มีทางโค่นล้มเชี่ยวหยางหลงได้” ฉินหยุนเป็นกังวลไม่น้อยเช่นกัน เมื่อใดที่เขาก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เมื่อนั้นจะไม่มีเม็ดยาใดที่ช่วยเขาเพิ่มพูนระดับการฝึกตนได้อีก

เขาได้แต่พึ่งพาตนเอง ค่อยสั่งสมทีละเล็กน้อยเพื่อค้นหาเส้นทาง และก้าวเดินไปบนวิถียุทธ์!

“อย่าได้บั่นทอนกำลังใจตนเอง เรื่องเช่นนี้ยากพูดกล่าว! มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าต้องใช้เวลานานนับจึงก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า บางครั้ง เมื่อเจ้ารู้และเข้าใจในวิถียุทธ์แห่งเต๋าของตนเอง วัชระแก่นภายในของเจ้าจะตื่นรู้ขึ้น และเมื่อพลังภายในของเขาได้รับการยกระดับ มันจะมันให้เจ้าได้ก้าวหน้าในวิถียุทธ์แห่งเต๋า” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว

ฉินหยุนพยักหน้ารับ จดจำคำเหล่านี้เอาไว้ในใจ

ไม่นานจากนั้น พวกเขาจึงออกพ้นระยะทะเลสาบหมื่นดารา และร่อนลงที่พื้นดิน

“ติดตามข้าอย่าให้ห่าง หากเกิดอะไรกับเจ้า เย่ว์หลานได้เอาข้าตายแน่” เชี่ยวเสวียนฉินยิ้มขี้เล่นขณะหยอกล้อฉินหยุน

“ข้าคิดว่าเย่ว์หลานปกป้องข้าจนเกินไป ทำเอาข้าเสียความมั่นใจ!” ฉินหยุนยิ้มแหยตอบ

เชี่ยวเสวียนฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่ดีหรืออย่างไร? สำหรับเจ้า การมีหญิงสาวแข็งแกร่งเช่นนางให้ความสนใจไม่เป็นเรื่องดีหรือ หลายคนกระทั่งคิดยังไม่กล้าด้วยซ้ำ”

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินจึงเดินทางกลางค่ำคืนโดยใช้เส้นทางภาคพื้นดิน เมื่อเวลาใกล้รุ่งสาง พวกเขาก็เข้าสู่อาณาเขตของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวแล้ว

เชี่ยวเสวียนฉินพาฉินหยุนมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ป่า หลังพักผ่อนอยู่หนึ่งชั่วยาม ค่อยเดินทางต่อเนื่อง

สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวสร้างขึ้นที่บริเวณภูเขาลูกใหญ่นอกเมือง

พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งวัน จึงถึงปลายทางอย่างสุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยว

“แต่ก่อนเคยมีต้นไม้วิญญาณที่นี่จำนวนมาก แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเลย” เชี่ยวเสวียนฉินยืนบริเวณภายนอกภูเขา นางขมวดคิ้วกล่าว “สถานที่รกร้างเช่นนี้ สมควรเป็นฝูงสัตว์อสูรเข้าทำลายล้าง น่าสงสัยแล้วว่าภายในมีฝูงสัตว์อสูรอยู่หรือไม่”

ฉินหยุนตอบ “พวกเราเข้าไปแล้วควรระวังให้ดี ทางที่ดีที่สุดคือพวกเราควรเข้าไปตอนกลางคืน นี่ก็เที่ยงวันแล้ว สัตว์อสูรส่วนใหญ่น่าจะออกหากินกันอยู่”

“ได้ งั้นรอที่นี่จนฟ้ามืด” เชี่ยวเสวียนฉินมองไปยังภูเขาลูกเล็กตรงหน้าและกล่าวออก “พวกเราขุดถ้ำในภูเขาลูกเล็กนั่น และซ่อนตัวในนั้น แบบนี้น่าจะปลอดภัยกว่า”

พวกเขาเดินไปยังภูเขาลูกเล็ก และเริ่มขุดถ้ำเพื่อพักผ่อนอย่างรวดเร็ว

ฟ้าเริ่มมืด สายลมเริ่มแรงขึ้น มันพัดหอบเอาฝุ่นทรายจำนวนมาก เป็นผลให้ภูเขาตรงหน้าพวกเขาถูกปกคลุมด้วยฝุ่นทรายมหาศาล

ฉินหยุนและเชี่ยวเสวียนฉินเดินบนทรายอย่างระมัดระวัง พวกเขาตื่นตัวอย่างถึงที่สุด ทั้งยังใช้พลังจิตสอดแนมพื้นที่โดยรอย หากมีสัตว์อสูรเคลื่อนไหวใกล้เคียง พวกเขาจะพบเจอพวกมันโดยทันที

หลังเข้าสู่ภูเขารกร้าง ฝุ่นบางตาลงไปบ้าง พื้นดินค่อนข้างเละ ทั้งยังมีรอยเท้าสัตว์จำนวนไม่น้อย

“ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีสัตว์อสูรมากมายขนาดนี้ ดูเหมือนนี่สมควรเป็นฝูงสัตว์อสูรแล้ว” ฉินหยุนสัมผัสถึงออร่ารอบด้าน และหันมองทางภูเขาลูกใหญ่สูงกว่าหลายพันเมตร “สุสานราชวงศ์เทียนเชี่ยวอยู่ที่เชิงเขาลูกนั้น?”

“ใช่ ที่นี่มีภูเขาหลายร้อยลูก พวกมันล้วนกว้างใหญ่ สัตว์อสูรไม่น่าจะเลือกอาศัยอยู่บนเขาหรอกกระมัง?” เชี่ยวเสวียนฉินเองก็กังวลไม่น้อย หากพวกเขาต้องเผชิญหน้าสัตว์อสูรเป็นฝูง ย่อมไม่มีทางรับมือได้ไหว

“ไปดูกันดีกว่า!” ฉินหยุนใช้พลังเงาปิดผนึกออร่าตนเอง

เชี่ยวเสวียนฉินพลันไม่อาจพบเห็นฉินหยุน นางอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก ร้องอุทานออกมาเสียงเบา “ฉินหยุน เจ้าอยู่ที่ใด? เหตุใดจึงหายไปปุบปับ?”

ฉินหยุนพลันดึงมือขาวนวลของนางและยิ้มกล่าว “ข้ามีความสามารถซ่อนตัวในความมืด ให้ข้าลองดูว่าสามารถส่งถ่ายพลังแก่ท่านได้หรือไม่ จะได้ให้ท่านซ่อนตัวกลมกลืนไปกับความมืด”

เชี่ยวเสวียนฉินกำมือของฉินหยุนเอาไว้แน่น เป็นนางกังวลยิ่งว่าฉินหยุนจะเกิดอุบัติเหตุอันตรายอะไรเข้า!

ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงร่องรอยความอุ่นจากมืออ่อนนุ่ม เขาเองก็ลอบประหลาดใจ เพราะเชี่ยวเสวียนฉินตระเตรียมขุมพลังภายในขั้นสูงเอาไว้ตลอดเวลา

เขากระซิบกล่าว “ป้าเชี่ยว ผ่อนคลายร่างกายหน่อย!”

หลังเชี่ยวเสวียนฉินผ่อนคลาย นางพลันสัมผัสได้ถึงความเย็นจากฝ่ามือของฉินหยุน มันเข้าสู่แขนของนางและกระจายทั่วทั้งร่างอย่างรวดเร็ว

ไม่นานจากนั้น นางพบว่าร่างกายของนางกลมกลืนไปกับความมืด ออร่าของนางไม่มีใดปลดปล่อยออกมาอีก เป็นนางถูกเคลือบเอาไว้ด้วยพลังประหลาดเย็นเยือก

“ฮ่าฮ่า สำเร็จ!” ฉินหยุนยิ้ม “ตอนนี้พวกเราก็ไม่โดนสัตว์อสูรพบเจอตัวแล้ว”

“พลังเช่นนี้นับว่าน่าทึ่งนัก!” เชี่ยวเสวียนฉินถอนหายใจกล่าวชื่นชม ก่อนจะถูกฉินหยุนดึงมือเคลื่อนกายขึ้นสู่ภูเขา

ขณะที่เชี่ยวเสวียนฉินกุมมือของฉินหยุนเอาไว้ นางอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกประหลาดในหัวใจ นางไม่ทราบว่าเพราะอะไรถึงมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่เป็นมันที่ทำให้นางเกิดความรู้สึกไหวหวั่น

อีกทางหนึ่ง ฉินหยุนเรียบเฉย เขาเพียงรู้สึกว่ามือของเชี่ยวเสวียนฉินยิ่งมายิ่งกำเอาไว้แน่น

หลังปีนขึ้นเนินเขามาแล้ว พวกเขากลับหยุดอย่างกะทันหัน

“ที่ตรงนั้นมีพวกสัตว์อสูร!” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าวคำเสียงเบา มองไปยังหุบเขาระหว่างภูเขาสองลูกตรงหน้า

“ใช่ ข้าเองก็รู้สึกได้” ฉินหยุนกระซิบตอบ

“จับไว้ให้แน่น เป็นข้ากังวลว่าพลังเงาของเจ้าจะหายไปอย่างกะทันหันเข้า” เชี่ยวเสวียนฉินไม่ได้ปล่อยให้มือฉินหยุนเกาะกุมอีก กลับกัน เป็นนิ้วมือของนางผสานกับมือของฉินหยุนเอาไว้แน่น

ด้วยการจับมือลักษณะนี้ เป็นผลให้หัวใจของเชี่ยวเสวียนฉินยิ่งเต้นเร็ว

“ป้าเชี่ยว ไปกัน!” เพียงได้ยินเสียงของฉินหยุน เชี่ยวเสวียนฉินค่อยดึงสติกลับคืน

เชี่ยวเสวียนฉินลอบเม้มริมฝีปาก หยุดเพ้อพกไปเอง นางดึงฉินหยุนเข้าสู่หุบเขา ตราบเท่าที่ผ่านหุบเขาแห่งนี้ไปได้ พวกเขาจะถึงปลายทางซึ่งเป็นภูเขาลูกที่สูงที่สุด

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด