ตอนที่แล้วGE268 ผีเสื้อ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE270 การทดสอบเพื่อบรรลุตัดวิญญาณ (2) [ฟรี]

GE269 การทดสอบเพื่อบรรลุตัดวิญญาณ (1) [ฟรี]


ภาพแห่งชีวิตส่องสะท้อนให้เห็นสวนสมุนไพรของจักรพรรดิสวรรค์ ในนั้น...หนิงฝานยืนอยู่

เขารอเกือบจะ 1 วันเต็มกระทั่งมู่เหว่ยเหลียงเข้ามา นางนั่งบนโขดหิน เอื้อมมือสัมผัสผีเสื้อ

“ฝานน้อย… เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ ‘โลกที่ตื่นขึ้น’ และ ‘โลกแห่งการหลับไหล’ ได้กลายเป็นแดนสวรรค์อสูรแล้ว… อสูรเผ่าพันธุ์โบราณได้สูญเสียจิตวิญญาณแท้จริงไป ทำให้สูญเสียพลังไปมากมายมหาศาล”

“แล้วเจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ ‘หุบเหวปีศาจ’ ได้ถูก ‘จักรพรรดิแห่งขุนเขาทั้ง 9’ สยบแล้ว...”

“ฝานน้อย คู่หมั้นที่บิดาข้าเลือกให้ ได้ยินว่าต้องไปกลับลานสวรรค์… เขาไม่มีความสุขที่จะต้องกลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ เจ้าเองก็ระวังอย่าไปทำให้เขาโกรธเชียวหล่ะ...”

“เขาจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก… แต่ก็ดีแล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับเขา ฝานน้อยเจ้าดูสิ นี่คือ ‘กุญแจดินแดน’ ที่ท่านพ่อมอบให้ข้ารักษา ฮ่าฮ่า อย่าบอกใครหล่ะ… อีกข้างของดินแดนเป็นที่ที่อันตรายมาก ท่านจักรพรรดิเซียนในอดีตเป็นคนผนึกไว้ด้วยตัวเอง จึงทำให้เปิดไม่ได้...”

เวลาไหลผ่านราวกับสายน้ำ มู่เหว่ยเหลียงมักมานั่งเล่นที่โขดหินเดิมเสมอ และนางก็เล่นกับฝานน้อยทุกวัน

แต่ช่วงชีวิตของผีเสื้อนั้นสั้นมาก บางตัวตายในเวลาครึ่งเดือน บางตัวที่อายุยืนหน่อยก็ 2 เดือน

และยามนี้ ฝานน้อยได้ไร้ซึ่งชีวิตแล้ว

มู่เหว่ยเหลียงปวดใจ ผีเสื้อที่เป็นเพื่อนคุยนางมา 2 เดือน ได้ตายลงแล้ว

ฝานน้อยนับเป็นผีเสื้อที่กล้าบินเข้ามาในสวนสมุนไพรแห่งนี้

“ถ้าเจ้าฝึกฝนยกระดับพลังได้จนกลายเป็นอสูรผีเสื้อก็คงดี...”

นางขบริมฝีปากและเริ่มจัดการสิ่งต่างๆในสวน นางนำสมุนไพรล้านปีชนิดหนึ่งมาคั้นแล้วหยดใส่ผีเสื้อ

และแล้ว พลังแห่งชีวิตก็ค่อยๆไหลซึมเข้าสู่ร่างของมัน ทำให้นางที่มองเผยรอยยิ้ม

นางรู้สึกเหมือนตกหลุมรักผีเสื้อตัวนี้ นางเหมือนคนบ้า...แต่นางก็รักมันจริงๆ

นางเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการเย็บปักษ์ในลานสวรรค์โบราณ เหล่าเซียนสตรีมากมายล้วนมาขอคำปรึกษานาง

เหล่าสตรีในลานสวรรค์โบราณมีเวลาว่างไม่น้อย พวกนางจึงใช้เวลาในการเรียนรู้การเย็บปักษ์

ภาพที่พวกนางปักษ์ไม่ใช่มังกรหรือหงส์เพลิง แต่เป็นผีเสื้อ และผีเสื้อที่เป็นแบบให้พวกนางนั้น คือผีเสื้อขาวดำหรือฝานน้อยนั่นเอง

“ฝานน้อย ข้าว่าเจ้าน่าจะฝึกฝนยกระดับได้ หากเจ้าทำได้สำเร็จกระทั่งบรรลุเซียน ข้าจะพาเจ้าไปจากที่นี่ ข้าไม่ชอบที่นี่เลย”

มู่เหว่ยเหลียงจ้องมองผีเสื้อน้อยพลางกล่าว

วันคืนผันผ่าน นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับผีเสื้อน้อย โดยไม่มีผู้ใดเข้าใจความสุขของนาง

แต่แล้ววันหนึ่ง นางก็ไม่มาสวนแห่งนี้

2 วันผ่านไป…

3 วันผ่านไป…

กระทั่ง 10 วันผ่านไป นางจึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง ใบหน้าของนางดูซีดขาว ด้านหลังนางมีบุรุษผมทอง ฝานน้อยบินลงไปเกาะไหล่ของนางอีกครั้ง

บุรุษคนนั้นมีผมยาวสลวย ระดับพลังสูงส่งอย่างที่หนิงฝานไม่เคยเห็นมาก่อน

แม้จะมองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่พอจะบอกได้ว่าบุรุษคนนั้นดูเยาว์วัยและหน้าตาดี

บุรุษคนนั้นสวมอาภรณ์สีทอง เดินตามมู่เหว่ยเหลียงมาเงียบๆไม่กล่าว

“เจ้าห้ามโกหกข้า… ถ้าข้าให้กุญแจกับเจ้า เจ้าต้องพูดคุยกับบิดาเพื่อยกเลิกการหมั้นหมายของเรา”

“ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก… ฮ่าฮ่า ดูเหมือนจะชอบผีเสื้อน้อยนั่นมากจนข้าประหลาดใจ แต่เจ้าก็มักจะทำให้ในสิ่งที่คาดไม่ถึงเสมอ… ช่วยไม่ได้… ในฐานะที่ข้าเป็น ‘จักรพรรดิจ่างฉิงเชียน’ ข้าเองก็ไม่อยากบังคับความรู้สึกใคร ถ้าเจ้ามอบกุญแจให้ข้า ข้าจะเชื่อมต่อสัมพันธ์ของพวกเจ้าให้ ไม่ว่าชาติไหน จะเกิดหรือตายอีกกี่ครั้ง พสกเจ้าจะได้กลับมาพบกันเสมอ...”

“กุญแจดอกนี้สำคัญมาก… ถ้า...” นางกล่าวพลางหันมองฝานน้อยที่เกาะอยู่ไหล่

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าแข็งแกร่งพอที่จะรักษากุญแจไว้ หากเจ้าเก็บไว้กับตัวย่อมอันตรายมากกว่า”

“ห้ามโกหกข้านะ...”

นางขบริมฝีปากพลางยื่นส่งกุญแจสีม่วงดอกหนึ่งให้

เมื่อได้รับกุญแจ บุรุษผมทองได้โคจรปราณสวรรค์ เชื่อสัมพันธ์และโชคชะตาของฝานน้อยและเหว่ยเหลียงเข้าด้วยกัน แล้วจากไป

เมื่ออีกฝ่ายจากไป เหว่ยเหลียงก็ผ่อนคลาย

“ฝานน้อย เจ้าต้องเร่งฝึกฝน เร่งเติบใหญ่ แล้วพาข้าออกไปจากที่นี่ให้ได้… ข้าไม่ชอบที่นี่ ข้าอยากไปโลกมนุษย์ ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสามัญ ข้าไม่อยากเข่นฆ่าใครอีกต่อไป”

ฝานน้อยบินมาเกาะที่หน้าเหว่ยเหลียง ใช้ปีกของตนลูบสัมผัสใบหน้านางเบาๆ

ภาพที่เห็นทำให้หนิงฝานตกตะลึง

การสัมผัสที่อ่อนโยนเช่นนั้น เขาเคยทำกับจื่อเฮ่อ

“จื่อเฮ่อ! หรือนางจะเป็นหนึ่งในดวงจิตของศพนางสวรรค์! ส่วนผีเสื้อนั่นก็เป็น...ตัวข้า...”

“นี่เหรอพลังแห่งชีวิต!?”

ยามนี้ ดูราวกับมีเส้นความสัมพันธ์ที่มองไม่เห็น เชื่อมระหว่างผีเสื้อน้อยและมู่เหว่ยเหลียง

ภาพที่เห็น... สิ่งที่เกิดขึ้น… ทำให้หนิงฝานหวั่นไหว

“นางอดีต นางคือบุตรสาวแห่งจักรพรรดิสวรรค์ ส่วนข้าคือผีเสื้อ...”

หนิงฝานนิ่งเงียบ

ในป่าแห่งภูติพราย ยามที่เขาได้พบกับมู่เหว่ยเหลียง นางรู้สึกผูกพันธ์กับนางอย่างบอกไม่ถูก ในแดนอสูร เขาก็รู้สึกผูกพันธ์กับมู่เซียวหวนอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน

หากเขาเข้าใจไม่ผิด จื่อเฮ่อสมควรเป็นดวงจิตอีกดวงของมู่เหว่ยเหลียง และสมควรเป็นดวงจิตหลักด้วย!

ยามนี้ ในหัวหนิงฝานปรากฏเงาร่างของสตรีในอาภรณ์ขาวนางหนึ่ง

นางดูศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง ทั่วร่างเปล่งแสงหลากสีงดงาม

หากเขาเข้าใจไม่ผิด นางคือซื่อหวูเสีย!

นางมาทำอะไรที่แคว้นเยว่...

“ข้าเข้าใจแล้ว!” แววตาหนิงฝานเป็นประกาย ความขัดข้องสงสัยต่างๆของเรื่องราวในอดีต ดูราวกับถูกปลดพันธะนาการ

จุดแรกเริ่มของทั้งหมดคือพลังแห่งชีวิต แต่ด้วยระดับหนิงฝานตอนนี้ยังไม่อาจสัมผัสถึงมันได้ แต่วันหนึ่งเมื่อเขาพร้อม เขาจะเข้าใจในพลังแห่งชีวิต

หนิงฝานหลับตา ยืนมือไพล่หลังจ้องมองขอบฟ้าไกล

ครั้งหนึ่งที่เขาได้สัมผัสกับความทรงจำของศพนางสวรรค์ เขาได้เห็นความทรงจำของนางว่า นางถูกหักหลัง

เขารู้ว่าผู้ที่หักนาง คือจักรพรรดิจ่างฉิงเทียนผู้นั้น!

มันไม่ได้มีเจตนาดีกับนางแต่แรก! แต่ด้วยความที่นางไร้เดียงสาจึงมองไม่ออก

จ่างฉิง… การที่เหว่ยเหลียงตกหลุมรักผีเสื้อตัวน้อย ทำให้เข้าแผนการของมันอย่างคาดไม่ถึง!

เผ่าพันธุ์อสูรถูกขับไล่ ถูกจำกัดพลัง ยามนี้ลานสวรรค์อาจจะกลายเป็นของมัน

“จักรพรรดิว่างฉิงเชียน มันเป็นใครกัน!”

ผ่านไปนานแสนนาน… สายลมสายหนึ่งได้พันผ่านลานสวรรค์โบราณ

สายลมที่รุนแรงนี้แฝงด้วยแรงกดดันที่ทรงพลัง พัดพาไปทั่วแดนสวรรค์

บนท้องนภาปรากฏประตูสีม่วงขนาดยักษ์เปล่งแสงเจิดจ้า บานประตูทั้งสองข้างได้แง้มออก!

ในชั่วพริบตานั้น เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้นทั่วทุกหนแห่งในแดนสวรรค์

“ใครเป็นผู้เปิดประตู! บัดซบเอ้ย! มันจะกลับมาแล้ว!”

“จะเป็นใครได้อีก ผู้ที่เก็บรักษากุญแจคือองค์หญิง นางย่อมเป็นคนเปิด!”

“บัดซบ! ต่อให้นางเป็นองค์หญิง ความผิดใหญ่หลวงที่นางได้ก่อ ข้าไม่มีทางปล่อยนางไว้แน่!”

ลำแสงจำนวนมากดิ่งมาที่ประตูขนาดยักษ์อย่างรวดเร็ว และพยายามช่วยกันผนึกประตูไว้

แต่ในขณะที่เหล่าเซียนนับพันกำลังร่วมกันผนึก เบื้องหน้าประตูก็ปรากฏแสงสีทองเจิดจ้า บุรุษผมทองผู้นั้นปรากฏตัว

ในมือของมันถือลูกกลมสีโลหิตขนาดเท่ากำปั้น

เมื่อเหล่าเซียนได้เห็นสิ่งนั้น ทั้งหมดตกตะลึง

“นั่นมัน… ดวงตาของจักรพรรดิสวรรค์! เจ้าไปเอามาได้ยังไง! จ่างฉิงเชียน...นี่แสดงว่า เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้า!”

“จ่างฉิงเชียน… ข้าไม่ได้ชื่อจ่างฉิงเชียน ข้าชื่อ...”

หนิงฝานได้ยินสิ่งที่มันกล่าวไม่ชัด แล้วภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็จางหายไป

ตอนนี้หนิงฝานเข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงมองหน้ามันไม่ชัด ทำไมถึงไม่ได้ยินในสิ่งที่มันพูด นั่นเพราะเขาถูกล้างความทรงจำไป

มันครอบครองพลังแห่งชีวิต… ชื่อของมันทำให้เหล่าเซียนหวาดกลัว

มันสะบัดมือขวาง แสงสีทองกวาดผ่านเหล่าเซียน เปลี่ยนให้คนเหล่านั้นกลายเป็นหมอกโลหิตในพริบตา

มันทิ้งดวงตาของจักรพรรดิสวรรค์ลงไปในสวนสมุนไพร ภาพที่เห็นทำให้เหว่ยเหลียงที่เฝ้ามองหวาดกลัวและเศร้าโศกอย่างที่สุด

นางสั่นไปทั้งตัว “ข้า… ข้าไม่ได้เปิดประตูนั่น” นางอยากอธิบายกับบิดาของนาง แต่บิดาของคงไม่มีวันได้ยิน

นับจากวันนี้ไป... ลานสวรรค์โบราณจะปกคลุมไปด้วยการเข่นฆ่า

เหว่ยเหลียงแหงนหน้ามองบุรุษผมทองพลางกล่าว

“ทำไม… ทำไมเจ้าโกหกข้า… ทำไมเจ้าต้องเปิดประตูนั่น… ทำไมเจ้าต้องทรยศแดนสวรรค์… ทำไมเจ้าต้องหักหลังพวกเรา บิดาข้าเชื่อใจเจ้า ข้าเองก็เชื่อใจเจ้า… แต่เจ้า...”

“ฮ่าฮ่า… มู่เหว่ยเหลียง เจ้าไม่มีทางเข้าใจหรอก… ข้าไม่ใช่คนของที่นี่ เจ้าคือบุตรสาวของจักรพรรดิสวรรค์ ส่วนข้าเป็นศัตรูของพวกเจ้า! เจ้ามันโง่เองที่เชื่อใจข้า ถึงเวลาที่เจ้าต้องตายแล้ว...”

มันผายมือ เกิดการระเบิดที่รุนแรงขึ้นหลายแห่งในแดนสวรรค์

จากนั้นมันชี้นิ้วมาที่นาง กระตุ้นพลังแห่งการเกิดใหม่ หวังสังหารและทำลายจิตวิญญาณของนาง จนไม่อาจถือกำเนิดใหม่ได้อีก

แต่ในชั่วลมหายใจนั้น ผีเสื้อน้อยที่เกาะอยู่บนไหล่ของนางกระพือปีก

ร่างของมันเปล่งแสงสีเทา พุ่งทะยานเข้าหาบุรุษผมทองจนมันไม่อาจตอบสนองได้ทัน!

“เป็นแค่ผีเสื้อธรรมดา ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้!!”

*อ้า!!*

ผีเสื้อน้อยพุ่งเข้าใส่ดวงตาข้างซ้ายของมัน ทำลายดวงตาของมันจนแหลกเหลว

ตัวมันที่ทรงพลังพอจะสังหารเซียนมากมายได้ในพริบตา แต่กลับถูกผีเสื้อน้อยทำลายดวงตา แต่นั่นก็ทำให้ผีเสื้อน้อยไม่รอดเช่นกัน

ผีเสื้อน้อยปกป้องนางโดยการเอาชีวิตเข้าแรก

นางป้องปาก ทั่วร่างสั่นเทา นางรู้สึกเจ็บราวกับถูกมีดกรีดใจ

ร่างของผีเสื้อน้อยที่สลายเป็นผง โปรยปรายจากท้องนภา นางโอบอุ้มประครองเถ้าธุลีนั่นไว้อย่างถนุถนอม

“แต่แค่ผีเสื้อแต่กลับกล้าต่อต้านข้า!”

“หุบปาก! เจ้ามันไร้ค่า ไม่ทางเทียบเคียงกับเขาได้แม้แต่น้อย!” นางจ้องมองบุรุษผมทองด้วยความเกลียดชัง

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นางไม่เคยรู้จักคำว่าเกลียดชัง แต่วันนี้นางได้รู้แล้ว!

“นับจากวันนี้ไป ข้าจะสังหารเซียนให้หมด!”

บุรุษผมทองคำรามลั่น มันตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่ในใจกลับต่อต้านไม่ยอมรับ

และแล้ว ภาพทั้งหมดก็ค่อยๆจางหาย จิตของหนิงฝานถูกดึงกลับออกมาจากระฆังทองคำ

ยามนี้ ดวงตาของหนิงฝานกลายเป็นสีดำบ้างขาวบ้างสลับกัน

หนิงฝานลูบสัมผัสระฆังทองเบา “ชาติก่อนข้าเป็นผีเสื้อ แต่ไม่ใช่ผีเสื้อธรรมดา ข้าทำให้มันบาดเจ็บได้ และเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเหว่ยเหลียงไว้”

“จ่างฉิงเชียน… มันเป็นใครกันแน่!”

หนิงฝานหลับตา เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็กลับคืนปกติ

ยามนี้ เขายังไม่อาจเอาชนะจ่างฉิงเชียนได้

การได้เห็นภาพในอดีต ทำให้เขารู้ว่าตนเองต้องแข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไป

อย่างน้อย… ต้องเป็นจักรพรรดิเซียนให้ได้

“จื่อเฮ่อ… ข้าเคยบอกเจ้าว่า จะไม่ให้มือเจ้าเปื้อนโลหิต แต่ดูเหมือนคงจะเป็นไปไม่ได้”

หนิงฝานสงบใจ ถอยออกมาจากระฆังทอง พลางป้องมือคารวะ

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยข้าไว้ถึงสองครั้ง! หากวันใดข้าได้ขึ้นมาเยือนแดนสวรรค์ ข้าจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน!”

“ไม่จำเป็น… ข้าไม่อยากเกี่ยวข้องกับเจ้าเท่าไหร่ ผู้ถือครองพลังแห่งชีวิตนี่น่ากลัวจริงๆ… แต่ยังไงซะ หากวันหนึ่งเจ้าได้ขึ้นมาแดนสวรรค์ทะเลเหนือ และมาเยือนดาราเต่าทมิฬของข้าคงดีไม่น้อย...”

“หากข้ามีโอกาส ข้าจะไปคารวะท่านอย่างแน่นอน… ท่านพอจะบอกชื่อของท่านกับข้าได้หรือเปล่า!”

หนิงฝานกล่าวถามเพราะอยากรู้ว่าชายชราคือจักรพรรดิจ่างฉิงเชียนหรือเปล่า

แต่ถึงอย่างนั้น บางทีชายชราเบื้องหน้าอาจไม่ใช่ และไม่รู้เรื่องราวของจักรพรรดิจ่างฉิงเชียน

“ข้าชื่อ เมิ่งชวนสื่อ… จักรพรรดิเซียนเจี่ยจางเป่ยแห่งแดนสวรรค์ทั้ง 4… ไปเถอะ มุ่งไปหาการทดสอบที่ 3 ที่นั่นคือหน้าผา เจ้าต้องลงไปในนั้น”

“หน้าผา...” หนิงฝานติดตามชายชราไป

เขารู้สึกสงสัยจึงป้องมือกล่าวถามชายชรา

“แม่นางเป่ยลี่และสหายเต๋านางหนึ่งไปที่ใดแล้ว ข้าสัมผัสถึงกลิ่นอายของพวกนางไม่ได้”

“ข้าไล่พวกนางไปแล้ว! แต่นั่นก็เป็นเพราะเจ้า ดีที่ข้าไหวตัวมาที่นี่ได้ทัน พลังระดับเจ้าไม่ควรกระตุ้นพลังแห่งชีวิต!”

ชายชราประหลาดใจ เด็กหนุ่มที่ขอบเขตพลังไม่สูงนัก แต่กลับทำเรื่องที่น่าตื่นตะลึงได้

เมื่อยามขอบเขตประสานวิญญาณ กลับกล้าแผ่สัมผัสเทพมายังดาราเต่าทมิฬ… เมื่อยามกำลังจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ กลับกระตุ้นพลังแห่งการเกิดใหม่ได้ ช่างเป็นเด็กที่บ้าบิ่นนัก...

แต่นั่นก็ไม่ถือเป็นแปลก เพราะหนิงฝานในชาติที่เป็นผีเสื้อ ยังไงทำร้ายจักรพรรดิเซียนผู้แข็งแกร่งได้

ชีวิตของหนิงฝานไม่มีคำว่าไม่กล้า ตราบใดที่ยังมีโอกาสสำเร็จ เขาก็จะทำ

หน้าผาของการทดสอบที่ 3 อยู่ไกลมาก ชายชราจึงกระตุ้นพลัง นำตนเองและหนิงฝานไปยังที่นั่นในพริบตา

ความเร็วนี้เกินกว่าที่หนิงฝานจะคาดเดา

แม้ตนเองจะเก่งกาจเพียงใด แต่หากยืนอยู่หน้าผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ ตัวตนของเราย่อมไร้ค่าให้กล่าวถึง

หน้าผาแห่งนี้ลึกถึง 7 ล้านจ้าง สายลมที่รุนแรงพัดพาจนยากจะหยัดยืน

ชายชราถอยห่างจากหน้าผาและกล่าวกับหนิงฝาน

“กระโดดลงไปในนั้น ข้าเจ้ารอดก็จะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ!”

“กระโดด...” หนิงฝานกำหมัดแน่น หน้าผานี้ลึกจนไม่อาจมองเห็นก้น ใต้นั่นสมควรมีกระดูกและเหล่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ไม่รอด

หนิงฝานรู้ว่าหน้าผานี้ไม่ธรรมดา การที่สร้างหน้าผาแห่งนี้ขึ้น อาจเป็นเพราะต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญตัดขาดทุกสิ่งแล้วเกิดใหม่

ยามนี้จิตใจของหนิงฝานยกระดับไปมาก แรงกดดันก็เพิ่มพูนไม่น้อย

การที่จะกระโดดลงไปในหน้าผานั้นต้องใช้ความกล้ามาก...

เมื่อครั้งที่อยู่นิกายกุ่ยเชว่ ยาจกคนหนึ่งเคยถามหนิงฝานว่า เซียนคืออะไร

“เซียนคือผู้ที่ยืนอยู่บนยอดสุดของภูเขา”

แต่เมื่อได้เห็นหน้าผา หนิงฝานก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า เซียนคือผู้ที่ยืนอยู่ยอดเขา ส่วนผู้ลงจากภูเขาคือมนุษย์

หนิงฝานสูดหายใจและยังไม่ได้กระโดดลงไปในหน้าผา จริงๆแล้วการทดสอบครั้งนี้ จะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของหน้าผานี้หรือเปล่

“ทำไมเจ้าไม่กระโดดลงไป” ชายชรากล่าวถาม

“ทำไมข้าต้องกระโดดลงไป!” หนิงฝานแหงนหน้ามองท้องนภา แววตาเป็นประกาย

“ตัวข้าที่ยืนอยู่บนหน้าผาคือเซียน! หน้าผาแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อทดสอบจิตใจ ว่าจะเป็นมนุษย์เบื้องล่างคือเซียนเบื้องบน”

เหตุใดผีเสื้อน้อยจึงโบยบินในลานสวรรค์ได้?

นั่นเพราะผีเสื้อน้อยมีจิตใจที่เหมือนเซียน!

บางทีต่อให้ไม่มีปราณ แต่จิตใจที่เข้มแข็งก็อาจต่อกรกับเซียนได้

“ข้าคือผีเสื้อ! ข้าจะไม่กระโดดลงไปฆ่าตัวตาย”

ชายชราหัวเราะ “เจ้านี่มันปีศาจชัดๆ ในอดีตเมื่อตอนที่ข้ามาที่นี่ ข้าใช้เวลา 49 วันในการทำความเข้าใจความหมายที่แอบแฝงได้ แต่เจ้ากลับทำได้ในไม่กี่ลมหายใจ...”

เมื่อชายชรากล่าวจบ หมอกสีม่วงกลับพวยพุ่งขึ้นมาจากหน้าผา

แววตาชายชราแปรเปลี่ยนจริงจัง

“นั่นคือภาพลวงตา… เป็นหนึ่งในการทดสอบ มันจะช่วยให้เจ้ายกระดับพลังได้มาก แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับจิตใจ… หากจิตใจหนักแน่นเข้มแข็ง ปราณก็จะยกระดับไปตามนั้น! หากผู้ที่เข้ารับการทดสอบอยู่ในขอบเขตกึ่งเซียน คนผู้นั้นจะได้กลายเป็นเซียนในชั่วพริบตา ไม่ต้องพึ่งโอสถ ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด… มีเพียงจิตใจเท่านั้น”

“แม้ปราณอสูรของเจ้าจะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ แต่ปราณดั้งเดิมของเจ้ายังอ่อนด้อยอยู่มาก หากเจ้าอยู่ในภาพลวงตานั่นได้ 1 วัน ปราณของเจ้าจะเพิ่มพูน 10 เกราะ… ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปอยู่ในหมอกนั่นได้เพียง 7 วัน ในอดีตข้าอยู่ได้ 97 วัน แต่ตัวเจ้าอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น”

หมอกม่วงรายล้อม แววตาหนิงฝานเริ่มเหม่อลอย ภาพต่อมาที่เห็นคือกระท่อมไม้ไผ่หลังหนึ่ง

ในมือกำลังถือถ้วยอาหารไก่ ยามนี้เขาเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ

เมื่อเห็นถ้วยอาหารไก่ที่ว่างเปล่า เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมบางสิ่งไป

“ข้าอยู่บนหน้าผา… หน้าผา… ข้าไปทำอะไรที่นั่น...”

หนิงฝานลืมเลือนมันไป สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนหมอกควันเลือนหายไป

“ฝานเอ่อร์ รีบให้อาหารไก่ แล้วเขาไข่ไปส่งอาจารย์ที่โรงเรียน ขอให้ท่านรับเจ้าเป็นศิษย์ฝึกฝน...”

สตรีที่กล่าวสวมผ้าฝ้ายเก่าๆ นางยกมือลูบศีรษะเด็กชายเบาๆ

“เด็กน้อย เจ้าเป็นอะไรไป”

นางคือมารดาของเด็กชายคนนี้

แม้นางจะสวมอารณ์เก่าคร่ำครึก แต่รูปลักษณ์ของนางกลับงดงามราวกับอัญมณี และนางก็เป็นสตรีที่งดงามมากในหมู่บ้าน

นางชื่อหนิงเฉียน นางมักจะหัวเราะบุตรชายของตนอยู่เสมอ เพราะมีหลายครั้งที่บุตรชายจะยืนนิ่ง เมื่อรู้สึกตัวก็กล่าวว่าตนเองฝันว่าได้เป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่

“เลิกเหม่อได้แล้ว ไปขอให้อาจารย์ในโรงเรียนสอนหนังสือเจ้าไป...”

“แต่… ข้าฝันว่าข้าได้เป็นเซียนจริงๆนะ และข้าก็ยังฝันอีกว่า จื่อเฮ่อคือบุตรสาวของจักรพรรดิสวรรค์...”

“เด็กน้อย… นั่นมันก็แค่ความฝัน… จื่อเฮ่อคือบุตรสาวของช่างไม้หวาง จะเป็นบุตรสาวของจักรพรรดิสวรรค์ได้ยังไง รีบไปร่ำเรียนได้แล้ว ในอนาคตเจ้าจะได้เป็นธุระให้แม่ได้”

“ขอรับท่านแม่...” แล้วเด็กชายก็เร่งเก็บไข่ไก่

เด็กชายแหงนมองท้องฟ้าด้วยความสงสัย

“คงจะเป็นแค่ความฝัน...”

“ข้ามีทั้งแม่ มีทั้งจื่อเฮ่อ แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว… แต่...ทำไมข้ารู้สึกเหมือนข้าลืมสิ่งสำคัญไป...”

“มันคืออะไรกันแน่...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด