ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0251 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0253 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0252 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 252 : ฉีข่ายและเทียนเจียว

ฉินหยุนสงสัยไปวูบ เขาไม่คิดว่าสิบเดือนจะผ่านไปรวดเร็วเพียงนี้ เขามองที่แขนซ้ายตนเอง พบว่าพลังอสนีบาตอัคคีภายใน มันเพิ่งแปรเปลี่ยนเป็นวัชระแก่นภายในเมื่อกว่าสิบวันก่อน

ตอนนี้ เขาถือเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ผู้ซึ่งครอบครองวัชระแก่นภายในถึงสามแก่น!

เขาเก็บค่ายอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันบนพื้น จากนั้นจึงหันมองรอบห้องหินและยิ้มกล่าว “ลาก่อน ข้าจะไม่กลับเข้ามาอีก”

ฉินหยุนก้าวเดินออกจากห้องหิน ตามหลังชายวัยกลางคนออกจากคุกใต้ดิน

จากด้านล่างของคุกใต้ดินขึ้นสู่ด้านบน ก็ยังนับเป็นอยู่ภายในสนามประลอง เขาเร่งรีบไปยังโถงกลางของสนามประลอง เช่าห้องแห่งหนึ่ง อาบน้ำชำระกาย เปลี่ยนสวมใส่ชุดสีขาวสะอาด ตัดผมตัวเองให้เรียบร้อย

หลังถูกกักขังนานถึงสิบเดือน ผิวของเขาซีดขาวกว่าก่อนหน้าไม่ใช่น้อย หลังเปลี่ยนเป็นชุดประณีตสีขาวงดงาม เขาจึงยิ่งดูหล่อเหลา สงบนิ่ง และมีพลัง

ฉินหยุนออกจากห้องกลับไปยังโถงสนามประลอง อย่างกะทันหัน เขาได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น ภายในสนามประลอง บ่อยครั้งจะมีศึกประลองยุทธ์ดำเนิน เป็นผลให้ผู้คนไม่น้อยส่งเสียงโห่ร้อง

เขาเร่งรีบเดินไปที่ทางออกของที่นั่งผู้ชม ทันทีเมื่อเดินออกสู่ภายนอก เขาจึงได้เห็นสามคนบนลานประลองยุทธ์ ทั้งยังเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย

เป็นฮั่วจง มู่หรงต้าเหริน และเสวี้ยซือเยี่ย

ทั้งสามกำลังร่วมมือกันต้านการโจมตีจากเด็กหนุ่มสี่คนอยู่บนลานประลองยุทธ์

ฉินหยุนมองทางด้านข้างลานประลอง เขาค่อยตระหนักได้ว่ามีศิษย์หลายคนของสถาบันเทียนเจียวได้รับบาดเจ็บ!

นี่หมายความถึง ศึกประลองระหว่างสถาบันเทียนเจียวและสถาบันฉีข่ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ฉินหยุนเดิมวางแผนมาดูว่าเป็นใครต่อสู้กันอยู่ เขาไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นศึกระหว่างทั้งสองฝ่าย เขาเร่งรีบเดินไปยังด้านข้างลานประลอง ยืนข้างกายหลันเฟิงจิน

หลันเฟิงจินตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียด นางมองที่ลานประลองยุทธ์ ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าฉินหยุนเข้ามาใกล้

ทั้งศิษย์และอาจารย์ของสถาบันเทียนเจียว พวกเขาล้วนเผยความผิดหวังออก ยามได้เห็นฉินหยุนปรากฏกาย ฉับพลันนี้เอง ความหวังจึงเผยประกายในดวงตาพวกเขา

“พี่หลัน สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” ฉินหยุนมองศิษย์ของสถาบันฉีข่าย พวกเขาเหล่านี้อยู่ด้านนอกลานประลองยุทธ์ มีน้อยนิดที่ได้รับบาดเจ็บ

พอหลันเฟิงจินได้เห็นฉินหยุน นางยินดี เร่งรีบตะโกนบอกฮั่วจงและคณะ “ฉินหยุนออกมาแล้ว พวกเจ้า รีบออกจากลานประลองเร็ว!”

คณะของฮั่วจงบาดเจ็บไม่มากก็น้อยตามร่างกาย นอกจากนี้ พวกเขายังดูเหนื่อยล้า ราวกับประสบกับศึกประลองยุทธ์มาหลายนัด เมื่อพวกเขาได้ยินคำของหลันเฟิงจิน จึงเร่งรีบออกจากลานประลองยุทธ์ แต่ละคนดูเหนื่อยล้ายิ่งจนถึงขนาดหอบหายใจ

ฉินหยุนมึนงงไปวูบ ไม่มีศิษย์แม้สักคนของสถาบันเทียนเจียวอยู่ในสภาพพร้อมสู้ พวกเขาเหล่านี้ล้วนบาดเจ็บขนาดที่ต้องนั่งหลบอยู่ข้างลานประลองยุทธ์

ส่วนทางด้านศิษย์ของสถาบันฉีข่าย ส่วนใหญ่ยังเปี่ยมด้วยท่าทีสง่าและมีกำลังวังชา

“ฉินหยุน สถานการณ์ค่อนข้างไม่ดีนัก!” ใบหน้าของหลันเฟิงจินสงบขณะกล่าว “พวกเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยพวกมัน เป็นพวกมันที่เริ่มโดยการส่งขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าจำนวนหนึ่งออกมา และพวกเราไม่ทันระวังรู้ตัว เป็นผลให้หลายหน่วยต้องพ่ายแพ้ต่อพวกมัน”

หลันเฟิงจินเร่งรีบอธิบายสถานการณ์ให้ฉินหยุนฟัง

หลังได้รับรู้เรื่องราว ฉินหยุนพบว่าตอนนี้ยากรับมือ

ในช่วงเริ่มต้นการประลอง แต่ละหน่วยจะถูกส่งขึ้นบนลานประลอง ตราบเท่าที่ชนะ พวกเขาสามารถยืนหยัดบนลานประลองยุทธ์ต่อไปได้ ผู้แพ้จะไม่มีสิทธิ์ได้ยืนบนลานประลองยุทธ์อีก

ด้วยวิธีการนี้ ฝ่ายใดที่เหลือคนยืนหยัดบนลานประลอง ย่อมได้รับชัยชนะในการแข่งขัน และถึงตอนนั้นศิษย์ในสถาบันทุกคน จะได้รับคนละหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน

สถาบันเทียนเจียวและสถาบันฉีข่าย ทั้งสองต่างมียี่สิบห้าหน่วยเท่ากัน

ตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดจากสถาบันเทียนเจียวล้วนพ่ายแพ้ อีกทางหนึ่ง มีเพียงสิบหน่วยจากสถาบันฉีข่ายที่พ่ายแพ้ นอกจากนี้พวกเขาส่วนใหญ่ยังถูกจัดการโดยหน่วยของฮั่วจง ถือว่าไม่ใช่งานง่าย

โชคยังดี หลังคู่ต่อสู้ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าทั้งหน่วยเหนื่อยล้า พวกเขาตัดสินใจออกจากลานประลอง หมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าขึ้นบนลานประลองอีกแล้ว

“ฉินหยุน มีแต่เจ้าแล้วที่ยังไม่ได้ขึ้นบนลานประลอง เจ้ายังมีสิทธิ์ขึ้นไปได้! ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าสถาบันเทียนเจียวจะชนะได้หรือไม่” หลันเฟิงจินทราบว่าฉินหยุนฝึกฝนจนใกล้ถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าก่อนถูกขัง เขาตอนนี้ย่อมก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้วอย่างแน่นอน

อาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามา “ฉินหยุน เหลือแต่หน่วยเจ้าจากสถาบันเทียนเจียวที่สามารถคว้าชัยชนะ หากสถาบันเทียนเจียวของเราได้รับชัยชนะ พวกเราจะได้รับทั้งสิ้นหนึ่งหมื่นล้านแต้มเสวียนมาแจกจ่าย เท่ากับว่าศิษย์ทั้งหมดจะได้รับกันคนละหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน”

“และตอนนี้ เหลือแต่หน่วยเจ้าที่สามารถคว้าชัยชนะ หากเจ้าสามารถเอาชนะต่อเนื่องได้สิบห้ารอบ หน่วยของเจ้าจะยิ่งได้รับแต้มเสวียนเพิ่มมากขึ้น หากทำได้ หน่วยของเจ้าจะได้รับทั้งสิ้นสองพันล้านแต้มเสวียน จากนั้นค่อยแบ่งพวกเจ้าสี่คนอย่างเท่าเทียม เท่ากับว่าทุกคนในหน่วยเจ้าจะได้รับห้าร้อยล้านแต้มเสวียน”

หลันเฟิงจินพยักหน้าให้ฉินหยุน “เป็นเช่นนี้! ฉินหยุน หากพวกเราชนะ ไม่เพียงแต่จะได้รับแต้มเสวียน หน่วยของพวกเรายังจะได้รับเคล็ดวิชาระดับโลกา”

ฉินหยุนรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เป็นเขาคิดอยากก้าวขึ้นลานประลองยุทธ์โดยทันที

เมื่อฝั่งผู้ชมได้เห็นฉินหยุน พวกเขาต่างคาดเดาว่าสถาบันเทียนเจียวตอนนี้ ล้วนฝากความหวังเอาไว้กับฉินหยุนเพียงคนเดียวแล้ว

ฉินหยุนต้องชนะต่อเนื่องสิบห้านัดจึงค่อยได้รับชัยชนะในท้ายที่สุด สำหรับแต่ละนัด จะมีคู่ต่อสู้มากถึงสี่คน!

เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉินหยุนจัดการโจวจงฮวยด้วยพลังยุทธ์กล้าแกร่ง ไม่มีใครคิดกล้าตั้งคำถามต่อพละกำลังของเขา แม้พวกเขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังไม่คิดด่วนสรุปตัดสินใจ

“ฉินหยุนถูกขังในคุกใต้ดินมาสิบเดือน บางทีการฝึกฝนคงคืบหน้าขึ้นแล้ว”

“เป็นไปได้! ก่อนหน้าก็ถือว่าเขาใกล้ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า! และตอนนี้ฝั่งสถาบันฉีข่ายไม่เหลือกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว กล่าวได้ยากว่าพวกเขาจะเผชิญหน้าฉินหยุนกันได้หรือไม่”

“สามจรัสแสงเป็นหน่วยแข็งแกร่งที่สุดที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด กระนั้นพวกเขายังพ่ายแพ้ต่อฉินหยุนสองครั้งครา เรื่องนี้ยากพูดกล่าวจริง!”

“ฉินหยุนและสถาบันเทียนเจียวย่อมต้องพ่ายแพ้แน่นอน พวกเขาไม่มีเวลามากพอ ดูที่นาฬิกาทราย เหลือน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ตราบเท่าที่สถาบันฉีข่ายยืนหยัดถ่วงเวลาบนลานประลอง ผู้พ่ายแพ้ในท้ายที่สุดจะตกแก่สถาบันเทียนเจียว”

หลันเฟิงจินเองก็พบว่าเวลาใกล้หมด นางกล่าว “ฝากไว้ที่เจ้าแล้วฉินหยุน รีบขึ้นไปเร็ว!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับและทะยานขึ้นลานประลอง เขาต้องชนะ หากเขาชนะ ด้วยฐานะอาจารย์ของหน่วยเขา หลันเฟิงจินจะได้รับรางวัลอย่างงาม

เขาติดค้างหลันเฟิงจินหลายร้อยล้านเหรียญผลึกเหลือเกิน หากสามารถช่วยให้หลันเฟิงจินได้รับรางวัล หนี้ครั้งก่อนสามารถเป็นโมฆะ นอกจากนี้ หากเขาชนะ จะยังได้รับห้าร้อยล้านแต้มเสวียนและเคล็ดการฝึกฝนระดับโลกา

“ไม่ต้องเน้นที่เอาชนะมัน ถ่วงเวลาบนลานประลองไว้ก็พอ!” เมื่อเชี่ยวหยางหลงจากสถาบันฉีข่ายพบเห็นฉินหยุนปรากฏตัว ความเกลียดชังในตัวเขาแทบทะลักออก แน่นอนว่าเขาคิดอยากสังหารฉินหยุน แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่สามารถกระทำ

พละกำลังของฉินหยุนเพิ่มพูนระดับก้าวทะยาน ผู้ฝึกตนเช่นโจวจงฮวย ผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์โทเทมที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ยังถูกสังหาร กับผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดยิ่งไม่ต้องกล่าว พวกเขายากเอาชนะยามต้องเผชิญหน้ากับฉินหยุน

เด็กหนุ่มสี่คนจากสถาบันฉีข่าย เร่งรีบเคลื่อนไหวบนลานประลอง นับจากตอนนี้ คือการบั่นทอนกำลังและถ่วงเวลาฉินหยุน

ฉินหยุนยืนนิ่งที่เดิมโดยไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด เมื่อกำลังภายในปะทะเข้าใส่กาย ร่างของเขาถูกกระแทก กระนั้นกำลังภายในของเขาเหนือกว่า การโจมตีเหล่านี้ล้วนไม่สะท้านสะเทือนเขาแต่อย่างใด

“วิ่งไปมาอยู่ได้ น่ารำคาญ!” ฉินหยุนพลันก้าวออก โดยทันที ด้วยความเร็วกว่าหนึ่งร้อยเมตรต่อวินาที เขาพลันปรากฏตัวด้านหลังเด็กหนุ่ม เพียงพริบตา เขาผลักฝ่ามือออก

ฉินหยุนปลดปล่อยพลังภายในออกไป ด้วยคลื่นพลัง มันปะทะเข้ากับแผ่นหลังของเด็กหนุ่ม

“อั่ก!”

เด็กหนุ่มปากกระอักเลือดกระเซ็น ร่างปลิวกระเด็นออกไปนอกลานประลองยุทธ์

หากคนผู้หนึ่งร่วงหล่นจากลานประลอง ถือว่าพ่ายแพ้

ฉินหยุนได้ถามหลันเฟิงจินแล้ว ในการแข่งขันครั้งนี้ ต่อให้เขาทำร้ายอีกฝ่าย ก็ไม่มีการถูกส่งไปขังแต่อย่างใด เป็นเพราะการประลองครั้งนี้ เป็นเพียงการหยิบยืมสถานที่ให้ประลองยุทธ์ระหว่างสถาบันเทียนเจียวและสถาบันฉีข่าย

หลังจัดการไปได้คนหนึ่ง ฉินหยุนค่อยสบายใจมากขึ้น โดยทันที เขาพุ่งทะยานออกเข้าหาเด็กหนุ่มอีกคน พุ่งผ่านร่างนั้น หันกลับ และใช้วิชาวายุสังหารกระบวนท่าทลายคลื่น ส่งร่างเด็กหนุ่มร่วงหล่นจากลานประลอง

ตอนนี้บนลานประลอง ฝ่ายสถาบันฉีข่ายเหลือเพียงสอง นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด ฉินหยุนเพียงลงมือเล็กน้อย ก็เป็นผลให้พวกเขากระอักเลือดร่างกระเด็นออกจากลานประลองแล้ว

“สถาบันเทียนเจียวชนะ ส่งคนที่จะขึ้นลานประลองโดยทันทีด้วย!” กรรมการชรากล่าว เพราะเวลาคือสิ่งสำคัญ สถาบันฉีข่ายไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่วงเวลา

แน่นอนว่า หากสถาบันเทียนเจียวคิดอยากเสียเวลาย่อมทำได้

พอหลันเฟิงจินได้เห็นฉินหยุนชนะโดยง่าย นางยิ่งสบายใจมากขึ้น

“ฉินหยุนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว? เหตุใดนี่เหมือนการรังแกเด็ก ชนะได้เพียงลงมือไม่กี่ที!”

“จริงด้วย หากเทียบกับฉินหยุน คนจากสถาบันฉีข่ายเห็นได้ชัดว่าคนละระดับกันเลย”

“สถาบันฉีข่ายส่งขึ้นมาใหม่ ทั้งยังเพียงคนเดียว พวกเขาคิดลากถ่วงเวลาหรือ?”

ฉินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งขึ้นลานประลอง เขามองที่นาฬิกาทราย ทราบว่าสถานการณ์ไม่ดีเพราะยังมีอีกหลายสิบคนรออยู่

“เริ่มได้!” กรรมการชราประกาศ

ตั้งแต่เริ่ม ฉินหยุนเป็นฝ่ายลงมือก่อน เป็นเขารวดเร็วและดุดัน ใช้มือเปรียบดั่งมีด ปลดปล่อยวายุสังหารกระบวนท่าทลายภูผา ส่งร่างเด็กหนุ่มกระเด็นฝังในกำแพงหิน

“ขอเตือน ส่งขึ้นมาคนเดียว คนนั้นจะถูกข้าทำให้พิการ!” ฉินหยุนจ้องมองเชี่ยวหยางหลงด้วยรอยยิ้มยะเยือก

ศิษย์จากสถาบันฉีข่ายล้วนเป็นผู้ติดตามเชี่ยวหยางหลง ฉินหยุนไม่เคยคิดปราณีอยู่แล้ว

ได้เห็นสภาพน่าสังเวชของศิษย์คนเมื่อครู่ ทำเอาอีกหลายคนขวัญหาย กระทั่งพวกเขาคิดสู้เสี่ยงตาย ก็ไม่มีทางจัดการฉินหยุนได้ อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นการประลองยุทธ์ มันมีข้อจำกัดในการส่งคนในหน่วยขึ้นไป

เชี่ยวหยางหลงทราบอย่างดี ว่าหากตนส่งเพียงหนึ่งคนขึ้นไปอีก จะไม่มีใครกล้าขึ้นอีกต่อไปแน่ ด้วยไร้ทางเลือก เขาได้แต่ส่งหน่วยขนาดเล็กขึ้นไป

หน่วยนี้เพียงเพิ่งก้าวทะยานขึ้นมา โดยทันทีก็โดนเป่ากระเด็นออกพ้นจากลานประลองโดยกำลังภายในแข็งแกร่งสุดหยั่งของฉินหยุน พวกเขาล้วนบาดเจ็บหนัก

ศิษย์จากสถาบันเทียนเจียวเริ่มยินดีเมื่อได้เห็นพละกำลังชวนสะพรึงของฉินหยุน หากฉินหยุนชนะ พวกเขาอย่างน้อยก็ได้คนละหลายสิบล้านแต้มเสวียน

สถาบันฉีข่ายไม่คิดชักช้าอีก หากพวกเขาแพ้ พวกเขาจะต้องส่งศิษย์ชุดใหม่ขึ้นภายในห้าวินาที หากไม่แล้ว หน่วยดังกล่าวจะถูกสั่งแพ้

ศิษย์ด้านล่างลานประลองเผยสีหน้าหวาดกลัว โดยเฉพาะกับผู้ที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ด พวกเขาไม่มีทางเทียบฉินหยุน

เชี่ยวหยางหลงสบถสาปแช่งฉินหยุนอย่างโกรธแค้นภายในใจ หากฉินหยุนถูกขังนานกว่านี้อีกสักวันหนึ่ง ชัยชนะจะตกแก่พวกเขาแน่นอนแล้ว

แต่ตอนนี้ ฉินหยุนกลับปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาสำคัญเสียได้

หน่วยที่เหลือซึ่งถูกส่งขึ้นไป ไม่อาจยืนหยัดได้แม้สิบวินาทีก่อนจะบาดเจ็บสาหัส

ทางด้านสถาบันฉีข่าย ส่งหน่วยขนาดเล็กขึ้นไปห้าหน่วย พวกเขาล้วนบาดเจ็บสาหัสกันทั้งสิ้น!

แม้ฉินหยุนยืนหยัดชนะ แต่เวลายังเป็นสิ่งกดดันอยู่ ตอนนี้เหลือเวลาไม่มาก เขาไม่ทราบว่าจะสามารถสำเร็จได้ทันเวลาหรือไม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด