ตอนที่แล้วEPIC - ตอนที่ 69 เดนาตัส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEPIC - ตอนที่ 71 ข่าวลือ : คลื่นใต้น้ำ

EPIC - ตอนที่ 70 ฉายาของวาห์น


ในขณะที่เฮเฟสตัสกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต วาห์นเองก็กำลังวุ่นวายกับปัญหาในปัจจุบัน

สึบากิได้ยกระดับการฝึกของเขาขึ้นไปอีกและแทนที่จะฝึกซ้อมและพัฒนาความสามารถทางกายภาพของเขา ตอนนี้เธอกำลังให้เขาต่อสู้โดยใช้อาวุธ

ทั้งสองยืนห่างจากกันห้าเมตรและขนทั้งหมดบนร่างของวาห์นก็ตั้งชันขึ้นเมื่อประสาทสัมผัสของเขากรีดร้องให้รีบวิ่งหนีออกไปไกลๆ

สึบากิตั้งท่าแบบลดตัวลงต่ำขณะที่มือของเธอวางอยู่บนด้ามดาบคาตานะ

ร่างกายของเธอยังคงนิ่งสนิทและจากมุมมองของวาห์น ดูเหมือนเธอจะแทบไม่หายใจด้วยซ้ำ

สิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้ก็คือคือจิตอันแน่วแน่ในสายตาของเธอที่ทำให้เขาก้าวขาไม่ออก

มันไม่ใช่สายตาของนักล่าที่เขาเคยเห็นจากผู้คนที่พยายามเอาเปรียบเขาและสิ่งเดียวที่วาห์นมองออกจากดวงตาข้างเดียวนั่นก็คือความมั่นใจอย่างแท้จริง

ความมั่นใจที่กำลังบอกเขาว่าไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้

วินาทีแปรเปลี่ยนเป็นนาทีขณะที่ทั้งสองตั้งท่าเผชิญหน้ากันอยู่แบบนั้น

วาห์นถือดาบไว้ข้างหน้าและเตรียมรับการโจมตี ขณะที่สึบากิยังคงรักษาท่าของเธอไว้แบบเดิมพร้อมกับคาตานะที่ยังคงอยู่ในฝัก

เหงื่อที่ผุดขึ้นจากหน้าผากของวาห์นค่อยๆ ไหลลงผ่านใบหน้าจนกระทั่งไปรวมกันอยู่ตรงขอบจมูกของเขา

เขารู้สึกได้ว่ามันทำให้รู้สึกจั๊กจี้ทุกครั้งที่หายใจเข้าจนกระทั่งต้องเอามันออกด้วยการหายใจออกมาแรงๆ

จังหวะที่วาห์นหายใจออก ร่างของสึบากิดูเหมือนจะเอียงไปเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นภาพเบลอ

เขาเข้าใจว่าปรากฏการณ์นี้คือภาพติดตาเพราะเห็นมันหลายครั้งแล้วตั้งแต่ที่เริ่มการฝึกแบบใหม่

วาห์นก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วและเตรียมรับการโจมตีที่มองไม่เห็น

ดวงตาของเขาพุ่งไปด้านหน้าขณะที่ใช้พลังเขตแดนตรวจจับทุกอย่างที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อสมาธิของเขาเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด สีสันก็ค่อยๆ จางหายไปจากสภาพแวดล้อมรอบๆ

ขณะที่เวลาดูจะเคลื่อนช้าลงและจากการรับรู้ของเขา วาห์นสามารถสัมผัสได้ถึงดาบที่กำลังเข้ามาใกล้แม้ว่ามันจะยังมาไม่ถึงก็ตาม

เขากำลังมองภาพลวงตาของดาบที่ฉีกร่างกายของเขาออกเป็นชิ้นๆ

เขาบิดสะโพกตามและวางตัวเพื่อรับการโจมตีพร้อมกับพยายามปัดมันออกไป แต่ก็ต้องประหลาดใจเพราะสิ่งเดียวที่เขาเห็นก็คือสึบากิที่ยังอยู่ในท่าเดิม

การปัดป้องของวาห์นไม่ได้เกิดผลอะไรเลยแถมยังเป็นการเปิดช่องว่างในการป้องกันของเขาแทน

สึบากิใช้ช่วงเวลานั้นกดฝ่าเท้าของเธอลงบนพื้นขณะที่เสียงโลหะกระทบกันก็ดังก้องอยู่ในหูของวาห์น

เมื่อมาถึงจุดนี้ จากมุมมองของวาห์นนั้นเวลาก็ดูเหมือนจะหยุดไปเลยยกเว้นแต่การเคลื่อนไหวของดาบที่อยู่ต่อหน้าเขา

ลำแสงที่เขาเห็นนั่นเหมือนจะเป็นดวงตาของสึบากิในขณะที่ดาบคาตานะเคลื่อนเข้ามาที่คอของวาห์นแบบที่ไม่มีอะไรไปหยุดมันได้

อีกไม่กี่มิลลิเมตรคาตานะก็จะทำการแยกหัวของวาห์นออกจากร่างกายของเขาแล้ว แต่จู่ๆ แรงที่ไม่มีอะไรมาหยุดได้กลับสลายหายไปแบบดื้อๆ

ตอนนี้ตัวดาบอยู่ห่างจากเส้นเลือดที่คอของวาห์นไปไม่ถึงมิลลิเมตรในขณะที่เขาได้แต่ยืนนิ่งและรออย่างใจเย็น

สึบากิค่อยๆ ลดดาบและเก็บมันเข้าฝัก ไม่กี่อึดใจต่อมา สีหน้าดุเดือดบนใบหน้าของเธอก็ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร

“ความเร็วในการตอบสนองไวกว่าเดิมเยอะเลยนะ เธอต้องมีสมาธิกับการตัดสินใจให้มากกว่านี้ว่าคู่ต่อสู้กำลังทำอะไรอยู่แทนที่จะเชื่อการตอบสนองในจังหวะแรกอย่างเดียว ถ้าฉันโจมตีแบบปกติเธอก็อาจจะปัดมันออกได้ได้ แต่เพราะฉันใช้จิตหลอกสัมผัสของเธอ เธอก็เลยเปิดช่องว่างและสร้างโอกาสให้ฉันโจมตีได้แทน”

เมื่อสึบากิอธิบายถึงข้อบกพร่องของเขา วาห์นก็ยังคงยืนเหวออยู่แบบนั้น

เขาเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสึบากิมาตบที่ไหล่และบอกให้เขาพักสักครู่

นั่นทำให้เขาหลุดจากภวังค์และทรุดลงไปกับพื้นทันที

นาซ่าที่รออยู่ข้างๆ เข้ามาหาวาห์นพร้อมกับผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ และขวดน้ำเย็นๆ

สึบากิได้ขอให้เธอรับผิดชอบดูแลวาห์นหลังการฝึกรับมือจิตสังหาร

ทุกครั้งที่การฝึกของพวกเขาจบลง วาห์นจะมีสภาพนิ่งค้างขณะที่สมองของเขากำลังประมวลออกมาว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่

เป็นหน้าที่ของนาซ่าที่จะช่วยเขาผ่อนคลายเพื่อให้การฝึกดำเนินต่อไปได้

ในขณะนั้นเอง ลิลลี่ก็ได้แต่กัดฟันกรอดเพราะเธอไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย

เธออาสามาดูแลวาห์นแต่สึบากิไม่อนุญาตเพราะลิลลี่เองก็ต้องเข้ารับการฝึกของตัวเองเช่นกัน

ตอนนี้เธอกำลังอยู่บนคานในขณะที่ประคองเสาโลหะขนาดใหญ่ในมือ

เธอต้องการย้ายเสาจากปลายด้านหนึ่งของคานไปยังอีกด้านหนึ่งโดยที่ไม่ตกลงไปและต้องลงไปยืนด้วยมือหากต้องการจะหยุดพัก

---

วาห์นตื่นขึ้นมาพบใบหน้าอันคุ้นเคยของนาซ่าที่มองดูเขาจากด้านบน

เขารู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มที่หลังคอซึ่งก็หมายความว่าเธอกำลังให้เขาหนุนตักอยู่

พอเห็นว่าเขารู้สึกตัวแล้ว นาซ่าก็นำผ้าขนหนูออกจากหัวของเขาก่อนจะนำขวดน้ำไปวางไว้ใกล้ปาก

วาห์นเริ่มคุ้นเคยกับการกระทำนี้แล้ว เขาจึงอ้าปากและดื่มน้ำที่เธอเทให้อย่างช้าๆ

หลังจากนั้นเขาก็นอนพักบนตักของเธออีกครู่หนึ่งเพื่อปรับลมหายใจให้คงที่

“เหมือนว่ารอบนี้นายเกือบทำสำเร็จแล้วนะ”

นาซ่าส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ขณะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของวาห์น

วาห์นที่ยังนอนอยู่บนตักของเธอก็ถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย

“ทุกครั้งที่ฉันคิดว่าน่าจะรับการโจมตีของสึบากิได้ แต่เธอดันอ่านออกและเปลี่ยนวิธีโจมตีตลอดเลย”

นาซ่าพยักหน้าให้ก่อนจะตอบ

“นั่นก็ใช่ แต่สึบากิผ่านประสบการณ์ต่อสู้มายี่สิบกว่าปีแล้วนะ คงเป็นเรื่องแปลกมากกว่าถ้านายจะสามารถรับการโจมตีของเธอได้ในขณะที่ยังเป็นแค่เลเวล 2 ฉันคิดว่าเธอกำลังพยายามทำให้นายสามารถปรับตัวเข้ากับแรงกดดันของคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้แน่ๆ”

วาห์นเองก็เห็นด้วยกับนาซ่า เพราะมันคือสิ่งที่สึบากิบอกกับเขาเมื่อตอนเริ่มฝึก

หลังจากนั้นวาห์นก็ซ้อมกับสึบากิไปอีกเก้าครั้ง เท่ากับว่าวันนี้เขาโดนอัดไปสิบครั้งแล้ว

เขายังคงไม่อาจป้องกันการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็เริ่มพัฒนาเรื่องการดูภาพติดตาจากการต่อสู้ไปบ้างแล้ว

ถึงแม้ว่าวาห์นจะไม่ได้ว่าอะไรที่นาซ่าเข้ามาดูแลใกล้ชิดแบบนี้ แต่มันก็เริ่มทำให้เขารู้สึกอึดอัดภายในใจขึ้นมาทีละนิด

มีครั้งหนึ่งที่เขาจับได้ว่านาซ่าแอบดมผ้าที่เธอใช้เช็ดเหงื่อของเขาและนั่นทำให้วาห์นรู้สึกแปลกๆ

---

เมื่อการฝึกในช่วงเช้าเสร็จสิ้นลง วาห์นก็เข้าไปทำงานในโรงหลอมของสึบากิเพื่อจัดการไอเท็มต่างๆ ที่เธอมอบหมาย

เธอเริ่มทำงานตามที่สัญญาจ้างระบุไว้ไม่ทันแล้ว ดังนั้นวาห์นจึงอยากจะช่วยเธอจัดการกับวัตถุดิบต่างๆ เพื่อประหยัดเวลา

แม้เขาจะไม่สามารถช่วยเธอได้ในกระบวนการหลอมได้ แต่เขาก็มีความรู้มากมายเกี่ยวกับวิธีการเตรียมวัตถุดิบที่เหมาะสมจนได้มาเป็นผู้ช่วยของเธออย่างรวดเร็ว

สึบากิรู้สึกขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือและใช้โอกาสตอนที่งานไม่ยุ่งมากเพื่ออธิบายให้วาห์นฟังเกี่ยวกับกระบวนการที่เธอใช้สร้างอุปกรณ์สวมใส่

วันนี้สึบากิจะสร้างหมวกป้องกันโดยใช้ส่วนผสมของโลหะเวทมนตร์กับอะดาแมนไทน์

พอทำเสร็จออกมาแล้วหมวกป้องกันก็เกือบจะไม่สามารถถูกทำลายได้และยังได้รับคุณสมบัติเพิ่มเติมในการสลายแรงกระแทกที่เกิดการจากโจมตีอย่างรุนแรง

การหลอมอะดาแมนไทน์นั้นเป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวนานและลำบากมากเนื่องจากมันเป็นวัตดุดิบที่มีความคงทนสูง

ต้องมีการใช้เครื่องมือพิเศษและนำไปแช่ในสารละลายที่ผสมมานาอยู่บ่อยครั้งเพื่อลดความทนทานของโลหะลง

แม้แต่ ‘เพลิงนิรันดร์’ ของวาห์นก็ไม่อาจเปลี่ยนรูปมันได้หากไม่นำไปแช่ในสารละลายกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนเริ่มกระบวนการ

สึบากิมอบโลหะแท่งเล็กๆ ให้กับเขาซึ่งมากพอที่จะทำมีดออกมาได้หนึ่งเล่มและวาห์นได้รับอนุญาตให้นำมันไปทดลองใช้ได้อย่างอิสระ

นาซ่ารู้สึกประหลาดใจที่เห็นวาห์นได้รับวัสดุที่มีราคาแพงขนาดนี้

เนื่องจากอะดาแมนไทน์เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่มีราคาแพงที่สุดในท้องตลาด

แร่หนึ่งกรัมอาจมีราคามากถึง 15,000 วาลิส เนื่องจากความหายากของตัวโลหะ แต่วาห์นกลับได้มาทั้งหมดถึง 500 กรัม

เมื่อไหร่ก็ตามที่วาห์นมีเวลาว่าง เขาจะพยายามใช้สารพัดวิธีเพื่อขึ้นรูปโลหะแท่งนี้

เขาถึงขนาดซื้อข้อมูลจากร้านค้าในระบบเพิ่ม แต่ทั้งพละกำลังและเทคนิคการหลอมในปัจจุบันของเขาก็ยังมีไม่มากพอที่จะทำให้กระบวนการดังกล่าวง่ายขึ้น

อะดาแมนไทน์ไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นตัวนำตามธรรมชาติซึ่งทำให้ยากต่อการใส่ ‘พลังงาน’ เข้าไป

มันมักจะถูกผสมเข้ากับโลหะชนิดอื่นเช่นโลหะเวทมนตร์และมิธริลเพื่อแก้ไขตรงจุดนั้น

วาห์นมีความตั้งใจแน่วแน่ในการหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อจัดการกับมันในอนาคต เนื่องจากเขาต้องการสร้างอาวุธที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ขึ้นมาใช้เอง

---

เมื่อถึงช่วงบ่ายสอง วาห์นและลิลลี่ก็เริ่มเตรียมการเพื่อมุ่งหน้าไปยังดันเจี้ยน แต่สึบากิกลับมาหยุดพวกเขาไว้ก่อน

เธอยิ้มกว้างให้กับวาห์นก่อนจะถาม

“จำได้หรือเปล่าว่านี่คือวันอะไร?”

วาห์นนึกไม่ออกและเริ่มพิจารณาคำถามอย่างจริงจัง

ลิลลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดนาตัสแล้วนี่นา วาห์นจะได้รับฉายาวันนี้ใช่ไหมคะ?”

สึบากิยกนิ้วโป้งให้และหัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้ว! เก่งมากลิลลี่ เธอนี่เป็นคนที่ให้ความสนใจกับรายละเอียดมากเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องของวาห์นเนี่ย”

สึบากิเริ่มลูบหัวของลิลลี่โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านและทำให้ลิลลี่ดิ้นไปมา

“หึ คนที่จับหูของฉันได้มีแค่วาห์นคนเดียวเท่านั้นนะคะ ท่านสึบากิไปลูบหัวของนาซ่าแทนเถอะ...”

ตอนนี้ลิลลี่กำลังปิดหูของเธอด้วยมือสองข้างและถอยห่างจากสึบากิ

เกิดแสงแวววับตรงดวงตาสีแดงเข้มของไซคลอปส์สาวขณะที่เธอคว้าลิลลี่อย่างรวดเร็วและเริ่มกอดอย่างแนบแน่นแบบแก้มชนแก้ม

“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอนี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ ลิลลี่~ ไม่ต้องเขินหรอก!”

“วาห์นนนนน- ช่วยด้วยยยย!”

ลิลลี่เอื้อมมือไปหาวาห์นผู้ซึ่งจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า

เขาคุ้นเคยกับการเห็นลิลลี่ถูกสึบากิจัดการแล้ว และรู้ว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

เหอะ ถ้าเกิดสึบากิคึกขึ้นมาจริงๆ แม้แต่ก็วาห์นไม่อาจปกป้องตัวเองจากเงื้อมมือของเธอได้เลย

เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะคุ้นชินไปกับมันและยังถึงขั้นสนุกไปกับมันด้วยถ้าสึบากิไม่โลดโผนเกินไปนัก

มันเป็นอะไรที่ผ่อนคลายเสมอเมื่อเธอค่อยๆ กอดหัวของเขาอย่างอ่อนโยน และมีหลายครั้งที่เขาผลอยหลับไปในอ้อมกอดของเธอ

---

วันนี้พวกเขาตัดสินใจว่าจะอยู่บ้านและใช้เวลาที่เหลือเพื่อผ่อนคลาย

นาซ่าได้ใช้โอกาสนี้เชื้อเชิญให้วาห์นเข้าไปที่ห้องทำงานของเธอและพูดคุยกันเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ ในการปรับปรุงโพชั่น

เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาคุยกัน นาซ่าก็มักจะมีสมุดบันทึกในมือและคอยจดบันทึก ‘ข้อมูลเชิงลึก’ ทุกอย่างที่วาห์นบอก

วาห์นเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาสนุกไปกับท่าทางของนาซ่าเวลาที่เธอพูดเรื่องการผสมวัตถุดิบ

เขาอยากรู้ว่าเธอจะสามารถปรุงยาที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้หรือไม่ และว่าเธอจะสามารถเรียนรู้สกิล [เล่นแร่แปรธาตุ] ในอนาคตได้หรือเปล่า

ลิลลี่เองก็อยู่ที่นั่นด้วย เพราะช่วงนี้เธอเริ่มใช้เวลากับนาซ่ามากขึ้นเช่นกัน

แต่เดิมนั้นเธอได้เรียนรู้การผสมยาจากในหนังสือ ดังนั้นการที่มีคนที่มีประสบการณ์มาช่วยชี้แนะให้นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก

แม้ว่าพวกเธอจะเข้ากันไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังให้ความเคารพซึ่งกันและกันและช่วยกันรับมือกับข้อบกพร่องของอีกฝ่าย

ลิลลี่ได้ช่วยฝึกการต่อสู้ให้นาซ่าด้วย ซึ่งเธอก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่านักผจญภัยเลเวล 1 มากนัก

นั่นทำให้นาซ่าทบทวนเรื่องขอฝึกกับสึบากิ แต่ตอนนี้เธอต้องการให้ความสนใจกับเรื่องพัฒนาสกิล [ผสมวัตถุดิบ] มากกว่า

ทั้งสามพูดคุยกันและทำการทดลองต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงเย็น

สึบากิปรากฏตัวขึ้นและบอกให้พวกเขารู้ว่าเฮเฟสตัสได้มาถึงแล้ว

ทั้งสามจึงทำความสะอาดและเดินไปที่ห้องอาหาร

เมื่อพวกเขาเข้ามาถึง ก็เห็นเฮเฟสตัสกำลังนั่งท้าวโต๊ะอย่างหดหู่

เธอใช้ช้อนคนกาแฟไปเรื่อยๆ และทำท่าทางขี้เกียจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

เฮเฟสตัสเห็นว่าพวกเขาเข้ามาแล้ว เธอจึงกลับมานั่งท่าปกติก่อนจะยิ้มเจื่อนให้กับวาห์น

“ขอโทษด้วยนะวาห์น ฉันพยายามเต็มที่แล้ว แต่พวกงี่เง่านั่นกลับไม่ฟังเหตุผลเลย”

เธอถอนหายใจและเริ่มจิบกาแฟขณะที่ทุกคนนั่งลง

ถึงวาห์นจะรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าอาจได้ฉายาแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นและพยายามปลอบใจเธอ

“ไม่เป็นไรหรอกเฮเฟสตัส ผมค่อยไปเปลี่ยนมันตอนไปถึงเลเวล 3 แล้วก็ได้ ถึงมันจะแปลกแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย”

เขายิ้มให้กับเฮเฟสตัสและสังเกตว่าเธอดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเขา

"เอ่อ จริงๆ มันก็ไม่แปลกอะไรหรอกนะ... แค่อาจจะฟังดูอึดอัดนิดหน่อย”

ขณะที่เฮเฟสตัสพูด เธอก็ทำท่าเขินเล็กน้อยซึ่งทำให้ทุกคนในห้องสับสน

สึบากิเองก็ยังไม่ทราบเรื่องฉายานี้เช่นกันและความสนใจของเธอพุ่งถึงขีดสุดขณะเริ่มหยอกล้อกับเทพธิดาของเธอ

“เห? ท่านเฮเฟสตัส? หรือว่ามันเป็นฉายาที่น่าอายคะ?”

พอเฮเฟสตัสเห็นว่าทุกคนมองเธอด้วยสีหน้าสงสัยกว่าเก่าก็ยิ่งเขินหนัก

เธอมองไปที่วาห์นผู้เป็นคนๆ เดียวที่มีสีหน้าปกติและถอนหายใจอีกครั้ง

“...........วัลแคน...”

ขณะที่เธอพูดออกมา เฮเฟสตัสอดไม่ได้ที่จะเอาหน้าไปซุกโต๊ะทันที

สึบากิเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะคนอื่นยังไม่หายงง

วาห์นไม่คิดว่าฉายานี้ฟังดูแย่ตรงไหนและสงสัยว่าทำไมเฮเฟสตัสต้องเขินแบบนี้ด้วย

ลิลลี่ตัดสินใจถามความหมายของฉายากับสึบากิ

“ท่านสึบากิคะ... ชื่อนี้มันตลกตรงไหนเหรอ?”

สึบากิยังหัวเราะไปเรื่อยๆ ขณะมองไปมาระหว่างวาห์นกับลิลลี่

“นี่ๆ เธอเองก็อยากรู้มากใช่ไหมลิลลี่? โอเค ฉันจะบอกให้ฟัง! วัลแคนเป็นชื่อเล่นของท่านเฮเฟสตัสนี่แหละ~ จะพูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นเหมือนการประกาศให้คนทั้งเมืองรู้ว่าเธอกับวาห์นแทบจะตัวติดกันตลอดไงล่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

สึบากิถึงขั้นหัวเราะจนตกเก้าอี้ ดูเหมือนว่าเธอจะสนุกกับเรื่องฉายานี้มากจริงๆ

ลิลลี่และนาซ่าต่างแสดงสีหน้าตกใจขณะที่มองไปที่เฮเฟสตัสซึ่งตอนนี้ได้เอาหน้าไปซุกแขนตัวเองเรียบร้อยแล้ว

สีหน้าของวาห์นไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักและเขากำลังคิดถึงตัวชื่อและเหตุผลที่สึบากิบอก

ที่จริงแล้ว พวกเขาทั้งคู่ต่างเชื่อมต่อกันผ่าน ‘เพลิงนิรันดร์’ จนเหมือนตัวติดกันจริงๆ นั่นแหละ

วาห์นคิดว่ามันเป็นชื่อที่เหมาะมาก ดังนั้นเขาจึงพยายามเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น

“เป็นชื่อที่ดีมากเลยล่ะ เฮเฟสตัส ผมจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ชื่อนี้ต้องมัวหมอง”

วาห์นแสดงท่าทางพึงพอใจซึ่งส่งผลให้เฮเฟสตัสที่อายอยู่แล้วเริ่มส่งเสียงร้องอย่างหงุดหงิด

(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘ไม่มีทางหนีรอดไปได้หรอก’, ‘สึบากิ... น่ากลัว’, ‘RIP เฮเฟสตัส’, ‘เนียนเลยนะ นาซ่า’)

---------------

ติดตามแฟนเพจอ่านตอนล่าสุดได้ที่: EP:IC Translation(ตอนนี้จบกลุ่ม 1 แล้วจ้า)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด