ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0244 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0246 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0245 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 245 : ขอติดตาม

ร่างของสามพี่น้องกระเด็นร่วงหล่นนอกลานประลอง

ทันทีเมื่อร่างกระทบพื้น พวกเขาพลันได้สติกลับคืนมา แต่ละคนต่างเผยสีหน้าว่างเปล่า ขณะนึกย้อนว่าพวกตนร่วงหล่นจากลานประลองได้อย่างไร

อีกทางหนึ่ง ฝั่งผู้ชม สีหน้าพวกเขาล้วนเป็นเช่นเดียวกันกับสามพี่น้องไม่มีผิด พวกเขาทั้งอึ้งและงง!

สามจรัสแสงที่ไร้เทียมทาน ผู้ซึ่งเอาชนะขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า ทั้งยังชนะมาหลายต่อหลายรอบ กลับพ่ายแพ้ต่อฉินหยุน!

ฉินหยุนเพียงเพิ่งก้าวขึ้นมาสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด นอกจากนี้ เขายังต้องเผชิญข้อจำกัดจำนวนมากในสนามประลอง สำหรับเขามันไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลยด้วยซ้ำ แต่แล้วกลับสามารถเอาชนะมาได้

หลันเฟิงจินและเสวี้ยซือเยี่ย ใบหน้าทั้งสองเผยความประหลาดใจขณะหันมองหน้ากันเอง

ใบหน้ารูปไข่งดงามเย็นชาของเสวี้ยซือเยี่ย พลันแดงก่ำด้วยความเขินอาย

ผิวสีน้ำตาลข้าวสาลีของหลันเฟิงจิน คราครั้งนี้ แม้ไม่บ่งบอกชัดเจนว่านางเขินอาย แต่ก็ต้องไม่ใช่ความรู้สึกง่ายจัดการเป็นแน่

ฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮาร้องดังกันออกมา “เป็นไปไม่ได้” หลายคนต่างเชื่อว่าฉินหยุนไม่มีทางจัดการสามจรัสแสงอย่างแน่นอน พวกเขาต่างออกปากว่าฉินหยุนต้องมีกลโกง หวังว่ากรรมการจะตัดสินหรือพูดอะไรบ้าง

กรรมการชราเข้าตรวจสอบอาการบาดเจ็บของแฝดสาม เขาพบว่าเพียงแต่สติหลุดไปครู่ เป็นการโจมตีทางจิตที่หลงเหลือเล็กน้อยภายในจิตใจเท่านั้น ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

“พวกเราสบายดี และพวกเราแพ้แล้ว!” ต้าโหยวที่ฟื้นคืนสติ เขาหันมองฉินหยุนด้วยความนับถือและโพล่งคำขึ้น “พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้นี้!”

ถึงตอนนี้เอง ฝูงชนผู้ชมต่างระเบิดเสียงฮือฮากันดังขึ้น สามจรัสแสงถึงกับยอมรับความพ่ายแพ้!

ต้าโหยวทราบอย่างดีว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น พวกเขาโดนโจมตีผ่านพลังจิตอันแข็งแกร่งของฉินหยุน พวกเขาเองก็ฝึกฝนพลังจิต ดังนั้นจึงทราบว่านี่คือเรื่องอันใด พวกเขาได้ทราบกันอย่างดียิ่งแล้วถึงพลังจิตอันน่าสะพรึงที่ฉินหยุนครอบครอง

กระทั่งว่าพวกเขาตั้งป้องกันไว้แล้ว ก็ยังไม่อาจทานทนการโจมตีทางพลังจิตครั้งนี้

นี่เป็นเพราะพวกเขาใช้พลังจิตกันอย่างหนักหน่วง จึงเป็นพวกเขาอ่อนไหวต่อความผันแปรของพลังจิตโดยง่าย เพราะเหตุนั้น เมื่อพวกเขาโดนพลังจิตเข้าโจมตี อาการบาดเจ็บจึงยิ่งขยายกว้างกว่าที่ควรเป็น เหตุผลหลักก็เพราะ พวกเขาเพียงเข้าใจการฝึกฝนพลังจิต ได้ไม่ลึกล้ำมากพอ

กรรมการชราประกาศดังขึ้น “ฉินหยุนได้รับชัยชนะในครั้งนี้ สามจรัสแสงพ่ายแพ้!”

ฉินหยุนชนะ หลายคนต้องเสียเหรียญผลึก ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ยินดี พวกเขาจึงส่งเสียงโห่ใส่ฉินหยุน!

ทางด้านฉินหยุน เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยรอยยิ้มประดับใบหน้า เขาก้าวเดินลงจากลานประลอง มุ่งหน้าสู่โถงของสนามประลอง จ่ายเหรียญผลึกแก่ผู้อาวุโสเพื่อให้จัดแจงนัดประลองถัดไป

“เจ้าหนู ข้าพูดถูกหรือไม่ใช่? สามคนนั้นก็แค่ธรรมดาไม่ใช่หรือยังไง?” ชายชราหัวเราะดัง

ฉินหยุนที่คิดกล่าวโทษชายชราตั้งแต่ก่อนเริ่ม ทว่าตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ ว่าทั้งสามธรรมดาจริง เขาจึงพยักหน้าตอบ

“แน่นอนว่า พวกเขาธรรมดานั้นมีมาตรฐานเป็นเจ้า! กับผู้อื่น พวกเขาแข็งแกร่งยิ่ง” ชายชราหัวเราะคิกคัก “เจ้าเป็นศิษย์ของตาเฒ่าตู้ ย่อมต้องได้เรียนรู้เคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร มันเป็นดาวพิฆาตของพวกเขาเลยเชียวละ”

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโส เป็นข้าคิดแย่ต่อท่านตอนขึ้นลานประลอง ข้าต้องขออภัย!”

“ไม่เป็นไร ครั้งหน้าข้าจะจัดแจงคู่ต่อสู้ง่ายดายแก่เจ้า นัดประลองนี้เริ่มตอนช่วงเย็น” ชายชราหัวเราะตอบ “เจ้าเป็นศิษย์ของตาเฒ่าตู้ ข้าย่อมต้องดูแลไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว”

ฉินหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะปล่อยกำปั้นตนเอง ชนกำปั้นของผู้อาวุโสที่ยื่นมาให้ และออกจากโถงสนามประลองไป ตอนนี้เขาขึ้นไปด้านบนที่นั่งผู้รับชม

ใบหน้าของเสวี้ยซือเยี่ยแดงก่ำขณะกระซิบกระซาบกับหลันเฟิงจิน “พี่หลัน พวกเราต้องจูบเจ้าปีศาจน้อยผู้นี้จริงหรือ?”

หลันเฟิงจินเผยท่าทียุ่งยากใจ “พวกเราก็ได้แต่ต้องทำ หากไม่ทำ เขาจะเอาแต่พล่ามว่าพวกเราไม่รักษาสัญญา แม้พวกเราเป็นผู้หญิง แต่พวกเราอย่าได้เป็นเช่นพวกผู้ชายที่ไม่คิดรักษาสัญญาของตนเอง”

“แล้วมีอะไรน่ากลัวกัน? ไม่ใช่แค่จูบที่แก้มหรือไร? ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มีแต่เราสามคนที่รู้เรื่อง! ภรรยาเขา เชี่ยวเย่ว์หลานแข็งแกร่งนัก หากเชี่ยวเย่ว์หลานทราบเรื่องราว เขาย่อมต้องเป็นผู้ที่ตกอยู่ในปัญหาเสียเองแล้ว”

ได้ยินคำของหลันเฟิงจิน เสวี้ยซือเยี่ยจึงสบายใจขึ้นไม่น้อย นางพยักหน้ารับ “โชคดีนัก ที่พวกเราไม่ได้สัญญาเป็นจูบที่ริมฝีปาก ไม่เช่นนั้น...”

ฉินหยุนเดินเข้ามาทั้งรอยยิ้ม เขามองสาวงามหนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่ด้วยรอยยิ้มสุขใจยิ่ง หลันเฟิงจินและเสวี้ยซือเยี่ยอยู่ชั้นแทบบนสุด ที่นี่ไม่มีที่นั่ง ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงยืนอยู่ที่นี่ ทั้งยังมีผู้คนบางตา

หลันเฟิงจินหันมองยากลำบากคราหนึ่ง “สามคนนั้นช่างไร้ประโยชน์นัก พอมาคิดว่าเจ้าจะแพ้ให้สามคนนั่น ข้าช่างคิดผิดเสียจริง”

“เช่นนั้น... สัญญาที่ให้ไว้ อย่าลืมละ!” ดวงตาฉินหยุนทอประกายคาดหวังขณะกล่าว

“รู้น่า!” หลันเฟิงจินแค่นเสียงยอมรับ

ฉินหยุนมองอย่างอิ่มเอมขณะยิ้มกล่าว “ท่านยอมรับความพ่ายแพ้เสียด้วย! วิเศษนัก!”

“ฉินหยุน นี่เจ้าจัดการสามคนนั้นได้อย่างไร?” เสวี้ยซือเยี่ยสงสัย

หลันเฟิงจินเองก็มองมา คิดอยากทราบเหตุผล รอคอยคำตอบ

ฉินหยุนจึงตอบกลับไปอย่างจริงจัง “เป็นข้าใช้พลังจิตโจมตี! พวกเขาทั้งสาม ต่างฝึกฝนพลังจิต แต่ยังไม่ลึกล้ำมากพอ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีจุดอ่อนใหญ่หลวงนัก”

“แม้พวกเขาใช้พลังจิตควบคุมวัตถุได้ แต่การป้องกันทางจิตอ่อนด้อย นอกจากนี้พวกเขายังต้องใช้ถึงสามคน จึงสามารถควบคุมวัตถุด้วยดีได้”

“ทั้งนี้ยังใช้พลังจิตตั้งค่ายกลสามเหลี่ยม เพื่อตั้งอาณาเขตการใช้พลังจิต หลังข้าปล่อยพลังจิตออกไป เพียงตามพลังจิตพวกเขากลับ และโจมตีตรงเข้าที่ต้นกำเนิดพลังจิตของพวกเขาก็เท่านั้นเอง”

หลันเฟิงจินและเสวี้ยซือเยี่ย ทั้งสองต่างเกิดความประทับใจขึ้นมา พวกนางไม่ทราบเลยว่ากระบวนการเบื้องลึกซับซ้อนเพียงนี้

หลันเฟิงจิน อันที่จริงก็เข้าใจถึงความแข็งแกร่งทางพลังจิตของฉินหยุนอยู่บ้าง

“ข้าคิดว่า ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามไม่มีการฝึกสอนพลังจิตที่ดีนัก ไม่อย่างนั้น ทั้งสามคนคงไม่มีจุดอ่อนใหญ่หลวงเพียงนี้! หากพวกเขาเผชิญหน้ากับข้าพร้อมเสี่ยงเป็นตาย พวกเขาคงตายไปแล้ว”

ฉินหยุนยิ้มบาง “แน่นอน หากไม่มีข้อจำกัดเรื่องโจมตีพวกเขา แม้ไม่ใช้พลังจิตข้าก็สังหารพวกเขาได้”

หลันเฟิงจินพลันรู้สึกอิจฉา “เจ้าหนูนี่ พลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งไม่พอ พรสวรรค์ทางวิถีจารึกยังสูงล้ำ ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์ที่ดี เป็นข้าอิจฉาเจ้าจนแทบแย่แล้ว”

“พี่หลัน ท่านอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ต้องเป็นข้าที่ควรอิจฉาท่าน!” เขาเองก็ทราบ ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะครอบครองวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เป็นมันช่วยเหลือเขาอย่างใหญ่หลวง

สำหรับวิญญาณเทวะเก้าตะวัน มันเป็นเพราะมารดาของฉินหยุนและเซี่ยฉีโหรวมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจึงได้รับมา ทว่าฉินหยุนก็ไม่ทราบเรื่องราวของมันมากนัก

ในช่วงเย็น ถึงนัดประลองของฉินหยุนอีกครั้งหนึ่ง

ในศึกครั้งนี้ คู่ต่อสู้ของฉินหยุนเป็นชายวัยกลางคนจากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน แม้เขาอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ทว่าอ่อนแอนัก เพียงคำรามไม่กี่ครั้ง ฉินหยุนก็ส่งร่างอีกฝ่ายกระเด็นออกนอกลานประลอง

เป็นฉินหยุนได้รับชัยชนะอีกครั้งแล้ว ตอนนี้เขามีทั้งสิ้นเจ็ดล้านแต้มเสวียน ด้วยอีกสามล้านแต้มเสวียน ก็จะสามารถท้าประลองนักสู้ระดับสูงอย่างโจวจงฮวยได้!

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการปิดสนามประลองวันนี้ ฉินหยุนจึงกลับสถาบันเทียนเจียว บ้านพักข้างธารน้ำด้วยอารมณ์ตื่นเต้นยินดี

“ล้างหน้าเจ้าเสีย!” หลันเฟิงจินยืนอยู่ด้านหลัง กลอกตาและตะคอกขึ้น

ฉินหยุนเร่งรีบไปล้างหน้าตนเอง นั่งรอสงบเสงี่ยมที่เก้าอี้ ใบหน้านี้ประดับยิ้มกล่าวคำ “เริ่มได้เลย!”

พอหลันเฟิงจินเห็นเสวี้ยซือเยี่ยหน้าแดงก่ำ นางจึงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แม้นางเองก็เขินอาย แต่อย่างน้อยก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ จูบเข้าที่แก้มของใบหน้าหล่อเหลาของฉินหยุน

ฉินหยุนรู้สึกได้ ถึงกลิ่นหอมดิบเถื่อนที่ใกล้สัมผัสยิ่ง แก้มของเขารู้สึกร้อนผ่าว ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความรู้สึกดีจนร้อนวูบขึ้นมา มันช่างต่างจากคำบรรยายในหนังสือยิ่งนัก

พอเสวี้ยซือเยี่ยเห็นดังนี้ ใบหน้าเย็นชาของนางยิ่งแดงก่ำ กระทั่งคิดว่านางเย็นชาเพียงนี้ และเป็นหญิงแกร่งเพียงนี้ ก็ยังคงมีมุมเขินอายอย่างเด็กสาวผู้หนึ่ง

นางกัดริมฝีปากแดงสุกปลั่งและหลับตาลง ใบหน้าของนางยื่นเข้าหาแก้มอีกข้างของฉินหยุน บรรจงกดริมฝีปากแดงสดของนางที่แก้มของใบหน้าหล่อเหลานั้น

ฉินหยุนแทบไม่กล้าหายใจแรง เขายิ้มรับ “ถึงคราวข้าจูบพวกท่านกลับบ้างแล้ว ฮี่ฮี่!”

หลันเฟิงจินมือกอดอก ยืนหยัดเย็นเยือก พอเห็นฉินหยุนเผยสีหน้าได้ใจ นางพลันกล่าวเหยียดหยันออกมา “เจ้าหนู มาดูกันว่าเจ้าจะยินดีได้อีกเพียงใด! เข้ามาจูบที่ใบหน้าข้า!”

ฉินหยุนเป็นคนตรงมาแต่ไหนแต่ไร จึงจูบเข้าที่แก้มของหลันเฟิงจิน

หลันเฟิงจินแค่นเสียง “น่าเบื่อนัก!”

เสวี้ยซือเยี่ยก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนจึงจูบเข้าที่แก้มนวลเนียนของนาง ยิ่งทำให้หน้าของนางแดงก่ำ

“ซือเยี่ย ใบหน้าเจ้าดีกว่าพี่หลันเยอะนัก!” ฉินหยุนหัวเราะ

“เป็นเช่นนั้น อย่างไรแล้วซือเยี่ยก็อ่อนเยาว์กว่า ผิวพรรณย่อมเรียบเนียนและงดงามกว่า ข้าจะเทียบนางได้อย่างไร? ทั้งแก่ชราและไร้ซึ่งความงดงาม ข้ามีอะไรดีกัน?” หลันเฟิงจินบ่นอุบขณะนั่งบนเก้าอี้ รินชาสามถ้วยและยกของตัวเองขึ้นดื่ม

หลันเฟิงจินไม่งดงามมากนักจริง ทั้งผิวพรรณยังเป็นสีน้ำตาลข้าวสาลี ทว่า โดยรวมแล้วนางให้ความรู้สึกดิบเถื่อน โดยเฉพาะยามเมื่อสวมใส่กางเกงขาสั้น เผยออกซึ่งรูปลักษณ์งดงามและขายาวเรียวสวย

“ข้ากลับไปฝึกฝนในห้องต่อละ วิญญาณยุทธ์ของข้ายังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่” เสวี้ยซือเยี่ยพอกล่าวคำจบ จึงเร่งรีบเข้าห้องไป

ฉินหยุนหัวเราะคิกคักตอบ “ไม่คิดเลยว่าซือเยี่ยจะมีมุมเด็กสาวเช่นนี้ด้วย ครั้งแรกได้พบ นึกว่านางจะเย็นชาและหยาบกระด้างกว่านี้เสียอีก”

“เด็กสาวก็คือเด็กสาว เป็นเจ้าไม่เข้าใจผู้หญิงเอง” หลันเฟิงจินยิ้มบาง

“พี่หลันสิถึงจะดีที่สุด ท่านทั้งอิสระและซื่อตรง เป็นข้าชอบคนเช่นท่าน!” ฉินหยุนยกถ้วยชาที่นางรินไว้ ยกขึ้นดื่มและยิ้มให้

ดวงตาของหลันเฟิงจินฉายเสน่ห์ออก นางยิ้มให้เห็น “ข้านึกว่าเจ้าเพียงชอบเด็กสาวงดงามขาวราวหิมะเสียอีก เจ้ายังชอบหญิงดิบเถื่อนเช่นข้าด้วยหรือ?”

ฉินหยุนดื่มชาจนหมดถ้วย จึงยิ้มตอบ “ข้าก็ชอบทั้งสองแบบนะ!”

หลันเฟิงจินมองเหยียดหยันไปวูบก่อนลุกขึ้นยืน ขณะนางกำลังจะกลับห้อง นางรู้สึกได้ถึงออร่าสามคนกำลังเข้ามาใกล้จากนอกบ้านพัก

“สามจรัสแสงมาที่นี่!” ฉินหยุนเองก็สัมผัสได้ สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “เหตุใดพวกเขามาที่นี่? หรือประลองแพ้คนไม่แพ้?”

ตึง ตึง ตึง!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้ว!

หลันเฟิงจินรีบออกไปรับหน้า หลังเปิดประตูออก นางได้เห็นเด็กหนุ่มหล่อเหลาสามคนยืนเรียงกันด้านนอก

“สายัณห์สวัสดิ์อาจารย์ป้าหลัน!” เด็กหนุ่มทั้งสามตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งยังโค้งคำนับให้อย่างสุภาพ

“อะไรกัน? เข้ามาก่อน มาพูดคุยกันด้านใน!” หลันเฟิงจินเชิญทั้งสามเข้าในห้องโถง

ฉินหยุนลอบประหลาดใจ พอคิดได้ว่าสามจรัสแสงเรียกหาหลันเฟิงจินเป็นอาจารย์ป้า ชัดเจนว่าหลันเฟิงจินย่อมต้องมีสถานะสูงส่งยิ่งแล้ว

“ว่าไง มีอะไรกันหรือ?” ฉินหยุนยิ้มถาม

“ฉินหยุน พวกเราขอติดตามท่าน!” ต้าโหยวเอ่ยคำ อีกสองคนพยักหน้ารับเป็นการเห็นด้วย

“ติดตามข้าหรือ?” ฉินหยุนตระหนก เขาหันมองหลันเฟิงจิน นางเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด