ตอนที่แล้วบทที่ 32 หมาป่าอัศนีขนเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 จิตวิญญานลึกลับ

บทที่ 33 จิตวิญญานแห่งเสียงเพลง


บทที่ 33 จิตวิญญานแห่งเสียงเพลง

 

ฉื่อหยานและ ตี่ย่าหลาน กลับเข้าไปในโพรงต้นไม้อีกครั้ง

" เกิดอะไรขึ้น ? " มู่หยู่เตี๋ย ที่อยู่ในโพรงไม้ ก็ถามออกมาด้วยความกลัว " ข้าได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจนถึงตอนนี้ มีสัตว์อสูรบางตัวผ่านมางั้นรึ ? "

ฉื่อหยาน นั่งลงและเริ่มที่จะรู้สึกไปที่พลังปราณลึกลับที่อัดแน่นในเส้นชีพจรของเขาโดยไม่มีการตอบคำถามของ มู่หยู่เตี๋ย

สุดท้ายแล้ว พลังปราณลึกลับของนักรบทั้งห้าก็ได้สลายไปในอากาศ และฉื่อหยาน ก็สามารถดูดซับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เนื่องจากในหมู่พวกมันนั้นมีนักรบในระดับมนุษย์ ถึงแม้มันจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆ แต่มันก็มีจำนวนมหาศาลนัก

อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยาน ก็ยังคงกังวล เขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่ได้รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อารมณ์เชิงลบจะระเบิดออกมา

เมื่อเห็นฉื่อหยานนิ่งเงียบ ตี่ย่าหลานจึงบอกมู่หยู่เตี๋ยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกแทน

เมื่อได้ฟังเรื่องราว มู่หยู่เตี๋ยสีหน้ากลายเป็นจริงจัง และดูเหมือนเธอจะกังวลมากขึ้น พวกเขาถูกไล่ตามจากพวกคนชั่วจำนวนมาก และยังมีสัตว์อสูรทำกำลังออกไล่ล่านักรบอีก ตอนนี้เธอรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนัก

ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นอย่างช้าๆ และแสงสว่าก็เริ่มสาดส่อง หลังจากคืนที่ผ่านมา ทั้งสามคนเริ่มหารือกันในโพรงต้นไม้

ฉื่อหยาน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดถามระเอียดเกี่ยวกับพวกนางหรือลั่วฮ่าวกับคนอื่นๆมากนัก ดังนั้น เขาจึงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องของพวกนาง แต่ตอนนี้คนเหล่านั้นรวมถึง ลั่วฮ่าว, ได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องรับรู้เรื่องของพวกนาง เพื่อจุดยืนของเขาเอง

" ทำไมพวกคนจากโลกทมิฬถึงได้ไล่ตามเจ้า ? " ฉื่อหยานถามเสียงเรียบนิ่งในขณะที่ทำหน้ามุ่ย " เจ้ามาจากจักวรรดิ์อัคคีงั้นรึ ? "

มู่หยู่เตี๋ยพยักหน้าและถอนหายใจ " เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะข้า . . . . . . . "

" เกิดอะไรขึ้น ? " ฉื่อหยานรู้ว่ามู่หยู่เตี๋ยนั้นเป็นคนที่พิเศษต่างจากคนอื่น และตอนนี้เธอเองก็กำลังจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง

" พี่สาวหลาน ท่านช่วยบอกเขาได้หรือไม่ ? " มู่หยู่เตี๋ยมองไปที่ตี่ย่าหลาน แล้วถอนหายใจอีกครั้ง

" เจ้าอยากรู้ว่าเตี๋ยเอ๋อคือใครงั้นรึ ? " ตี่ย่าหลาน ตกใจเมื่อเธอมองไปที่ฉื่อหยานที่มีสายตาอยากรู้อยากเห็น " ถึงแม้ว่าเจ้าจะมาจากสมาคมการค้า เจ้าก็คงจะเคยได้ยินเรื่องของ มู่กู่จากจักวรรดิ์อัคคีมาบ้างสินะ ! "

" มู่กู่ ? นายพลแห่งกองทัพพญาอินทรีจากจักวรรดิ์อัคคี พญาอินทรีเหล็กหนะรึ ? "

ฉื่อหยาน ก็ประหลาดใจ เขาพยักหน้ารับ หลังจากคิดอยู่นาน " เช่นนั้น นางสมควรหลานสาวของพญาอินทรีเหล็กใช่หรือไม่ ? ข้าเข้าใจหละ . "

ฉื่อหยานรวบรวมชิ้นส่วนความทรงจำเกี่ยวกับพญาอินทรีเหล็ก - กษัตริย์ มู่กู่ และ . เรื่องราวเหล่านั้นก็ได้ประกอบกันอย่างสมบูรณ์

ในความทรงจำของฉื่อหยาน, มู่กู่ เป็นนายพลแห่งกองทัพพญาอินทรีจากจักวรรดิ์อัคคี ซึ่งเป็นนักรบในระดับรู้แจ้ง และ เป็นขุมกำลังที่แท้จริงของจักวรรดิ์อัคคี

พญาอินทรีเหล็กไม่เพียงมีชื่อเสียงในจักวรรดิ์อัคคีเท่านั้น แต่ยังรู้จักกันดีในสมาคมการค้า และจักวรรดิ์พรพระเจ้า

มู่กู่ เป็นตำนานสำหรับทหาร เขาเป็นผู้ที่นำทัพสงครามละหว่าง จักวรรดิ์อัคคี กับ จักวรรดิ์พรพระเจ้า เขามีชื่อเสียงด้านความโหดร้ายในสนามรบ และมีผู้คนนับไม่ถ้วนได้ตกตายด้วยน้ำมือของเขา !

มู่กู่ ไม่เคยปราณีศัตรูของเขา และเขาเองก็โหดร้ายกับคนของตัวเองเช่นกัน ดังนั้น คนส่วนมากจึงไม่สามารถทนต่อการกระทำของเขาได้

สามปีผ่านมาในการต่อสู้ระหว่างจักวรรดิ์อัคคีและจักวรรดิ์พรพระเจ้า มู่กู่ ได้ถูกสังหารโดยนักรบระดับรู้แจ้ง ห้าคน

สำหรับมู่กู่นั้น เมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่คนส่วนมากล้วนแต่โกรธเคืองเขา ทันทีที่เขาตายได้ไม่กี่วัน ตระกูลของเขาก็เกิดปัญหาขึ้นทันที ญาติสนิทและสายเลือดโดยตรงล้วนถูกฆ่า ดังนั้น ตระกูลยิ่งใหญ่นี้จึงล่มสลายลงไปในทันที

" ข้าเคยได้ยินเรื่องของพญาอินทรีเหล็กมาบ้าง " หลังจากคิดสักพัก ฉื่อหยานพยักหน้า

" เตี๋ยเอ๋อเป็นหลานสาวของพญาอินทรีเหล็ก และเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของตระกูลมู่ ส่วนโลกทมิฬเป็นองค์กรมือสังหารในอาณาจักร และเป็นคนที่ฆ่าตระกูลของเธอ และตอนนี้มีเพียงเตี๋ยเอ๋อเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะจิตวิญญาณการต่อสู้ของเธอ ในวันนั้นเธอได้สังหารคนไปมากมายด้วยจิตวิญญานที่ไม่สามารถมองเห็นได้ของเธอ มันคือ จิตวิญญานแห่งเสียงเพลง . . . . . . . "

" ท่านหมายถึง เสียงพิณของนางเป็นจิตวิญญานทีใช้สังหารคนงั้นรึ ? "

" ถูกต้อง เสียงพิณของเตี๋ยเอ๋อไม่เพียงแต่ใช้สังหารเท่านั้น แต่สามารถใช้ป้องกันไม่ให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งได้ โลกทมิฬจึงต้องการตัวเตี๋ยเอ๋ออย่างมาก เพราะพวกมันนั้นได้ฝึกวิชาต่อสู้ที่ทำให้สูญเสียจิตใจไป พวกมันจึงต้องการความช่วยเหลือจากเสียงเพลงของเตี๋ยเอ๋อ "

" ข้าเข้าใจแล้ว " ฉื่อหยานพยักหน้า

" แต่โลกทมิฬนั้นมีส่วนร่วมในการล่าสังหารตระกูลของเธอ เธอจึงยอมตายเสียดีกว่าจะช่วยพวกมัน แต่เพราะพลังของเธอนั้นสามารถที่จะช่วยการฝึกฝนให้กับจักพรรดิ์ของพวกมันได้  พวกมันจึงส่งคนมาไล่ตามเช่นนี้! "

" โลกทมิฬนั้นมีอำนาจมากเกินไปในจักวรรดิ์อัคคี ดังนั้นเธอจึงต้องออกมาหาที่ปลอดภัยในจักวรรดิ์อื่น "

เมื่อได้รู้จักตัวตนของ มู่หยู่เตี๋ย และ เรื่องราวเธอ ฉื่อหยานก็ถามอีก " แล้วเหตุใดตอนนี้นางถึงไม่สามารถใช้จิตวิญญานต่อสู้ของนางได้ "

" วิญญาณการต่อสู้ของเธอค่อนข้างพิเศษ ทุกครั้งที่เธอใช้งานมันเธอสามารถฆ่าทุกคนที่อยู่รอบๆได้ทันที แต่เงื่อนไขของมันคือ เส้นเลือดของเธอ เพราะเส้นเลือดของเธอนั้นจะเชื่อมโยงกับสายพิณ และเส้นเลือดของเธอก้เชื่อมต่อกับพลังปราณลึกลับอีกที เมื่อเธอเริ่มบรรเลง เธอก็จะไม่สามารถขยับร่างกายของเธอได้ และเธอเองก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หากเธอใช้พลังปราณลึกลับมากเกินไป และมันจะใช้เวลานานเป็นอย่างมากเพื่อฟื้นคืนจิตวิญญานของเธอ .

 

ตี่ย่าหลาน ดูมืดมน " เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา เราพยายามที่จะเข้ามาในป่าทมิฬจากชายแดนของจักวรรดิ์อัคคี แต่พวกโลกทมิฬได้มาเจอกับพวกเราเข้า และพวกเราหลายคนก็ได้ตกตายไป ตั้งแต่ที่ลุงลั่วไม่สามารถที่จะปกป้องพวกเขาได้ เตี๋ยเอ๋อจึงเริ่มใช้พลังปราณลึกลับของเธอเอง พวกมันจำนวนมากต่างถูกเธอฆ่าตาย แต่ว่าเส้นเลือดของเธอนั้นก็ได้รับบาดเจ็บมากเช่นกัน และจนถึงตอนนี้เส้นเลือดเหล่านั้นก็ยังมิฟื้นฟู "

" การโคจรพลังปราณลึกลับจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากเส้นเลือดงั้นรึ  ? " ฉื่อหยาน ก็ค่อนข้างสับสน " เช่นนั้น เมื่อเจ้าบรรเลงพิณ ก็เท่ากับว่าเจ้ากำลังบรรเลงเส้นเลือดของตัวอยู่สินะ "

" ข้าเองก็ไม่สามารถอธิบายได้เช่นกัน " มู่หยู่เตี๋ยตอบอย่างเกียจคร้าน . และเธอก็ดูมืดมน

" จิตวิญญานต่อสู้บาดเจ็บงั้นรึ . . . . . " ฉื่อหยานพิจารณาอยู่สักครู่ แล้วเขาพูด " บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ "

มู่หยู่เตี๋ย และ ตี่ย่าหลาน ดวงตาของพวกนางจ้องไปที่ฉื่อหยานเป็นจุดเดียวกัน !

" เอ่อ . . . " ฉื่อหยาน แค่นึกถึงสิ่งที่เขาคิด เขาก็รู้สึกอายขึ้นมา " เอ่อ พี่สาวหลาน จิตวิญญานของท่านถูกกระตุ้นให้มีชีวิตใช่หรือไม่ ? เช่นนั้น ยาในร่างกายของข้าอาจจะสามารถช่วยเธอได้เช่นกัน ข้าคิดว่า . . . . . . . "

" เจ้าอย่าได้คิดถึงเรื่องนั้นอีก ! "

มู่หยู่เตี๋ยตอบกลับด้วยความโกรธ และเธอก็จ้องไปที่ใบหน้าของเขา " หยุดคิดเรื่องสกปรกของเจ้าเกี่ยวกับข้าเดี๋ยวนี้ "

เธอรู้ว่าดีว่าด้วยวิธีนั้นจิตวิญญานของตี่ย่าหลานถึงได้ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมา . . . . . . . แต่จะให้เธอใช้พรหมจรรย์ของเธอเพื่อแลกกับมันเช่นนั้นรึ ? !

" ข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น เจ้าอย่าไปคิดถึงมันจริงจังเลย . " ฉื่อหยานดูไม่แยแส เขาเงยหน้ามองขึ้นไปที่ทางเข้าโพรงไม้ " นี่ก็เที่ยงวันแล้ว ข้าไม่ได้ยินเสียงของสัตว์อสูรเลบ เราสมควรออกเดินทางกันได้แล้ว "

" หิหิ ตกลง " ตี่ย่าหลาน หัวเราะคิกคัก .

. . . . . . .

จากนั้นพวกเขาก็ออกมาจากโพร่งต้นไม้และพุ่งเข้าไปในป่า ขณนี้ตี่ย่าหลาน ก็ยังคงอุ้มมู่หยู่เตี๋ยบนหลังของเธอ

หลังจากการไล่ล่าคืนทั้งสัตว์อสูรทั้งหมดดูเหมือนว่ากำลังพักผ่อนอยู่ เพราะพวกเขานั้นไม่ได้พบเจอสัตว์อสูรระดับสูงในเส้นทางเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กระนั้น พวกเขากลับพบซากศพมนุษย์จำนวนมากแทน พวกเขารู้ได้ทันทีเลยว่าคืนที่ผ่านมาพวกสัตว์อสูรได้ทำเรื่องโหดร้ายเพียงใด

ตอนพลบค่ำ

พลังปราณลึกลับในร่างกายของฉื่อหยานได้กลั่นจนเสร็จสิ้น และตอนนั้นเองพลังเชิงลบจึงปรากฏขึ้นในจิตใจของฉื่อหยานอีกครั้ง เขาถูกกระตุ้นให้ฆ่าฟัน

เขารู้ว่า มู่หยู่เตี๋ยสามารถบรรเลงพิณเพื่อปลอบประโลมจิตใจ และลดทอนอารมณ์เชิงลบของเขาได้ แต่นั่นจะเป็นการดึงดูดเหล่าสัตว์อสูรและพวกที่กำลังไล่ล่าเราในป่าที่เงียบสงบแห่งนี้ได้

นับตั้งแต่ที่เขาได้มีอะไรกับตี่ย่าหลาน ฉื่อหยานก็ลังเลเพียงเสี้ยววิ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวดวงตาที่หื่นกระหายของเขาไปที่ร่างกายของตี่ย่าหลาน และเขาก็คิดแผนบางอย่างขึ้น

. . . . . . .

ตกดึก

ในหุบเขาลึกลับ มู่หยู่เตี๋ยกำลังซบไปที่กิ่งไม้หนาแน่นบนต้นไม้เก่าแก่ . เธอจ้องมองไปที่พุ่มไม้ที่อยู่ห่างจากเธอไปสิบเมตรด้วยใบหน้าที่แดง และเธอก็ขบฟันของเธอ

พุ่มไม้กำลังสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง รวมกับเสียงครางระหว่างทั้ห่ำหั่นก็ดังออกมา . . . . . . . . .

" หญิงชั่ว ! " มู่หยู่เตี๋ยกัดริมฝีปากของเธอและก่นด่าออกมา

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน พุ่มไม้ก็สงบลง

นาทีต่อมา ฉื่อหยาน และ ตี่ย่าหลาน ก็เดินออกมาจากพุ่มไม้นั่น และเดินกลับมาด้วยเสื้อผ้าที่สกปรก

ฉื่อหยานก้าวเดินอย่างมั่นคงและดูเรียบเฉญ เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขณะที่ ตี่ย่าหลานเดินออกมา ผิวของเธก็อดูสดใสขึ้นและเธอก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ ถึงแม้ว่าจะมีหญ้าติดอยู่ที่ผมยาวของเธอก็ตาม

" แม่นางมู่ เจ้ายังไม่หลับอีกรึ ? " เมื่อเขาเดินกลับมา ฉื่อหยานก็เห็นมู่หยู่เตี๋ยกำลังมองมาที่เขาอย่าง เกลียดชัง เขาจึงถามเธอ ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

" หึ ! " มู่หยู่เตี๋ยโกรธเป็นอย่างมากและเธอก็สาปแช่งออกไป " หน้าหนา ! "

" โอ้ " ฉื่อหยานตอบกลับเธอ พร้อมกับยิ้มและพูดเรียบๆ " บางทีเราอาจจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ้งนี้ก็เป็นได้ จะสนใจไปทำไมกัน ? ทำสิ่งที่เราต้องการจะทำเสียดีกว่า . "

" ถูกต้อง พรุ้งนี้เราสามคนอาจจะตกตายก็เป็นได้ ข้าก็ไม่สนเช่นกัน . " ตี่ย่าหลาน ที่กำลังเดินมาก็พูดประชดเล็กน้อย

เมื่อได้ยินข้อแก้ตัวของเขา มู่หยู่เตี๋ยตะลึงและเธอก็ตระหนักถึงสถานการณ์ จากนั้นเธอไม่พูดอะไร

" พี่สาวหลาน หากท่านฝึกจินตนาการบ้าง บางทีท่านอาจจะพัฒนามากขึ้นก็ได้นะ " . ฉื่อหยานยิ้มอย่างและพูดอย่างมีความหมายบางอย่างออกไป

" เข้าใจแล้ว . . . " ตี่ย่าหลาน พูดอย่างแผ่วเบาแล้วหัวเราะ " เจ้านี่มันจริงๆเลยนะ ! ฮ่า ฮ่า "

จากนั้น ตี่ย่าหลาน ก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้เก่าแก่ และนั่งลงบนกิ่งที่แข็งแรง ภายใต้สายตาที่จ้องมาอย่างสับสนของมู่หยู่เตี๋ย เธอทำเป็นไม่สนใจ และก็เริ่มฝึกจินตนาการ

ฉื่อหยาน ไม่ได้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ แต่เขากลับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้แทน .

เนื่องจากขณะที่กำลังทำเรื่องอย่างว่ากับตี่ย่าหลาน อารมณ์เชิงลบในเส้นชีพจรของเขาถูกชำระไปแล้ว และพลังที่น่าอัศจรรย์ จากเส้นชีพจรของเขาก็ได้ทะลักเข้าไปในร่างกายของเขา มันได้ไปหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาอีกครั้ง

และก็มีส่วนเล็กๆของมันได้เข้าไปในร่างกายของตี่ย่าหลาน , นี่ทำให้ตี่ย่าหลานได้ประโยชน์เช่นกัน

ฉื่อหยานปิดตาลง และเริ่มรู้สึกไปที่พลังที่เปลี่ยนแปลงไปในเลือดและเนื้อของเขา เขาโคจรพลังปราณลึกลับให้หมุนวนอย่างรวดเร็ว

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉื่อหยาน ก็พบว่า พลังที่อัศจรรย์นั้นก็ได้หลอมรวมกับร่างกายของเขาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มที่จะฝึกฝนจิตวิญญานกายาแข็งของเขา

อย่างที่เขาคิด แขนของเขามันกำลังแข็งแกร่งขึ้น และมันก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม

สีน้ำตาลเข้ม ?

ฉื่อหยานลืมตาขึ้นทันที ตาของเขาสว่างเหมือนดวงดาว เขาคิดและพิจารณาอย่างรอบคอบ เกี่ยวกับแขนของเขา

สีน้ำตาลเข้มงั้นรึ แถมมันจะดูมืดมนเป็นอย่างมากอีกด้วย ?

ฉื่อหยาน รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและเขาก็อยากจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในตอนนั้น เขาก็ตระหนักได้ถึงประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับจิตวิญญานต่อสู้ของเขา

––––––––––––––––––––––––

ห่างหายไปนานในการลงเว็ปนี้ ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1183 แล้วนะคะ หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด