ตอนที่แล้วบทที่ 16 กำลังโหลด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18: แม่ทัพโครงกระดูก

บทที่ 17 เมืองหลวงของจักรวรรดิโบราณ


บทที่ 17 เมืองหลวงของจักรวรรดิโบราณ

ทหารกระดูกเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตต่างมิติทั่วไปถือว่าค่อนข้างอ่อนแอ มีความเร็วและความแข็งแกร่งไม่มากนักและโรงเรียนยังมีการสอนวิธีจัดการกับทหารโครงกระดูก นักเรียนมัธยมปลายทั่วไปตราบเท่าที่การเพาะปลูกไม่เลวร้ายเกินไปต่างสามารถจัดการมันได้

แม้ว่าโจวเหวินจะไม่เคยต่อสู้กับมัน แต่เขาก็ยังเห็นว่าทหารโครงกระดูกนั้นอ่อนแอกว่ามดงานมาก ความแข็งแกร่งของร่างกายและความเร็วนั้น อย่างมากก็อยู่ในระดับสาม

คนเลือดตัวเล็กพุ่งเข้าหาทหารโครงกระดูกที่กำลังเงื้อท่อนไม้เข้าใส่ แต่ความเร็วของทหารโครงกระดูกช้าเกินไป ท่อนไม้ยังไม่ถึงตัวคนเลือด ก็ถูกกระแทกจนโครงกระดูกกระจายเป็นชิ้นๆ

ตึ๊ง!

โจวเหวินมองหาอย่างละเอียด และพบผลึกคริสตัลในซากของโครงกระดูก โจวเหวินค่อนข้างประหลาดใจ อัตราการตกของผลึกคริสตัสนั้นต่ำมาก ปกติสามารถพบได้หนึ่งชิ้นก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว

“น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงทักษะของทหารโครงกระดูก ตามข้อมูลของโรงเรียน ทักษะของทหารโครงกระดูกสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้เพียงเล็กน้อยผล เป็นเพียงแค่ทักษะระดับล่าง” โจวเหวินนึกถึงข้อมูลนี้และรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

โจวเหวินควบคุมคนเลือดหยิบผลึกคริสตัลของทหารโครงกระดูก และคริสตัลก็กลายเป็นสีเทาไหลเข้าสู่ร่างกายของคนเลือด ในเวลาเดียวกันโจวเหวินก็รู้สึกว่ากระแสความเย็นเคลื่อนเข้าไปในฝ่ามือของเขาผ่านโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็ไหลเวียนภายในร่างกายเพื่อสร้างวัฏจักรแห่งพลังที่แปลกประหลาด

ได้รับวิชา: ฝ่ามือกระดูก ( ขั้น 1) ใช้พลังงาน 1 จุด

"การใช้วิชาฝ่ามือกระดูกของของทหารโครงกระดูกใช้พลังงานเพียง 1 จุดเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าการใช้หมัดเฮอคิวลิสมาก แต่พลังโจมตีก็น้อยกว่าเช่นกัน นี่คงเป็นหนึ่งในอาวุธที่อ่อนแอที่สุด" โจวเหวินรู้การใช้เทคนิคพิเศษโดยทั่วไป พลังยิ่งแข็งแกร่งมากก็ยิ่งเปลืองพลัง ดังนั้นที่ใช้พลังงานน้อยก็จะต้องอ่อนแอมาก โจวเหวินไม่สามารถทดสอบพลังของทหารโครงกระดูกที่นี่ได้ จึงควบคุมตัวละครให้เดินเข้าไปในเมืองโบราณต่อไป

โจวเหวินไม่ทราบว่าทำไมเมืองโบราณกุยเต๋อถึงถูกเรียกว่า เมืองหลวงของจักรวรรดิโบราณในเกม เท่าที่เขารู้ กุยเต๋อเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในสมัยโบราณ มันเคยมีชื่อว่า อิงเทียนในสมัยราชวงค์ซาง ประวัติศาสตร์สามารถสืบย้อนไปถึงยุคแห่งตำนานของสามราชาและห้าจักรพรรดิ

ในสมัยของห้าจักรพรรดิเคยสร้างเมืองหลวงที่นี่ แต่ต่อมาย้ายไปที่ตี้ชิว ราชาองค์แรกของสามราชาเกิดที่นี่ จักรพรรดิคูแห่งห้าจักพรรดิและลูกชายของเขาก็เกิดที่นี่เช่นกัน

ชื่อของจักรพรรดิคู อาจจะแปลกสำหรับคนทั่วไป แต่ในตำนานซานไห่จิง มหาจักรพรรดิแห่งสวรรค์ก็คือจักรพรรดิคู

นี่เป็นเพียงตำนาน ไม่มีใครรู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามหลังจากพายุมิติผ่านพ้นไป เมืองโบราณกุยเต๋อก็ กลายเป็นอีกมิติหนึ่ง จนถึงทุกวันนี้มันยังไม่ได้รับการสำรวจอย่างครบถ้วน

ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเคยมีมนุษย์ที่มีพลังระดับมหากาพย์ได้บุกเข้าไปในส่วนลึกของเมืองโบราณกุยเต๋อ ผลลัพธ์ก็คือหายสาบสูญไป หลังจากนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปส่วนลึกของเมืองอีกต่อไป

หลังจากวิวัฒนาการของมนุษย์มานานหลายทศวรรษ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงกึ่งเร้นลับ ไม่เคยมีผู้แข็งแกร่งในระดับเร้นลับมาก่อน กึ่งเร้นลับในความเป็นจริงมันเป็นเพียงจุดสูงสุดของระดับมหากาพย์ แม้แต่คนแข็งแกร่งระดับนั้นยังทำได้แค่ไปไม่อาจหวนกลับ ทำให้เห็นถึงความน่ากลัวในส่วนลึกของเมืองโบราณ

โชคดีที่ดูเหมือนว่าจะมีข้อจำกัดที่แข็งแกร่งในการที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติจะออกมานอกเขต ไม่เช่นนั้นสังคมมนุษย์คงจะพลิกคว่ำคะมำหงายไปแล้ว ไม่สามารถอยู่อย่างสุขสงบได้เหมือนในปัจจุบัน

โจวเหวินเรียกมดงานกลายพันธุ์ออกมาหนึ่งตัว หนึ่งคนและมดตัวหนึ่งวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของเมืองโบราณ ในบางคราวมีทหารโครงกระดูกวิ่งออกมาจากในเมืองโบราณและถูกฆ่าโดยหนึ่งคน หนึ่งมด

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากทหารโครงกระดูกตนแรกที่พบที่ประตูก็ไม่มีผลึกตกออกมาอีก และอัตราการตกผลึกของทหารโครงกระดูกยังต่ำกว่ามดงานมากนัก

ในเกมโจวเหวินพยายามใช้ฝ่ามือกระดูก ของทหารโครงกระดูก แม้มันจะอ่อนแอกว่าหมัดเฮอคิวลิสมาก  มันอาจเสริมพลังได้แค่หนึ่งหรือสองส่วน และอ่อนแอกว่าพลังฟ้าคำรามของหลี่ซวนมาก

อย่างไรก็ตามพลังชิ้นส่วนกระดูกของทหารโครงกระดูก มีข้อได้เปรียบเหมือนกัน นั่นคือพลังอ่อนแอย่อมใช้พลังงานน้อย อีกทั้งยังสามารถใช้ได้อย่างคล่องตัว

“พลังชิ้นส่วนกระดูกนั้นใช้ง่าย แต่ความรุนแรงต่ำเกินไป แม้ว่าการโจมตีจะประสบความสำเร็จ แต่ความเสียหายก็ จำกัด” ขณะกำลังคิดโจวเหวินรู้สึกว่ามีคนเดินมาทางเขา

รอจนกระทั่งนักเรียนทยอยเข้ามารอการเริ่มต้นการทดสอบ แม้โจวเหวินจะเลือกยืนรอในตำแหน่งมุม แต่ก็มีหลายคนเดินมาทางเขา โชคดีที่จำนวนทหารโครงกระดูกไม่นัก มดงานกลายพันธุ์ก็เพียงพอที่จะรับมือ แม้โจวเหวินจะฟุ้งซ่านเล็กน้อยและไม่มีปัญหากับการเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ

ตอนแรกโจวเหวินคิดว่าหลี่ซวนกำลังจะมา แต่หลังจากเหลือบมองก็พบว่าเป็นคนที่เคยเอาชนะเขามาก่อน หลังจากนั้นก็ไม่เจอกันอีกเลย

อันจิ้งไม่ใช่คนสวย เธอไม่มีคางที่เรียว ไม่มีตาสองชั้น และจมูกไม่โด่ง รูปร่างหน้าตาของเธอแลดูเหมือนคนโบราณ จมูกเล็ก ๆ และดวงตาเหมือนแมวนั้นดูมีพลัง

เธอสูงกว่าฟางรั่วซีเล็กน้อยจนเกือบจะเท่ากับโจวเหวิน สำหรับเด็กผู้ชายความสูงของเธอให้เกิดความรู้สึกกดกันโดยเฉพาะเด็กชายที่อ่อนแอ ค่อนข้างกลัวที่จะมองเธอ

อันจิ้งเดินตรงไปที่ด้านหน้าของโจวเหวิน โดยไม่ต้องรอให้โจวเหวินพูด ก็ยื่นแผ่นดิสก์ให้กับโจวเหวิน

 

"นี่คืออะไร" โจวเหวินรับแผ่นดิสก์มาแล้วถาม

"ลุงเฟิงให้ฉันนำอะไรมาให้นาย"  อันจิ้งตอบพลางมองที่โทรศัพท์ในมือของโจวเหวิน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเยาะเย้ย   “แต่ฉันคิดว่าความพยายามของลุงเฟิงนั้นไร้ประโยชน์ คนที่ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ถึงจะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา ก็เป็นเพียงแค่การเสียเปล่า”

โดยไม่รอคำตอบจากโจวเหวิน อันจิ้งหันกลับ เดินไปอีกไม่กี่ก้าวแล้วหยุดพูดอีกว่า "วันหลังถ้านายออกไปข้างนอกอย่าได้พูดว่านายเป็นคนตระกูลอันของเรา ตระกูลของเราไม่มีคนอ่อนแอและไร้ความสามารถ" พูดจบก็เดินขึ้นรถทหารแล้วจากไป

โจวเหวินมองรถทหารที่แล่นออกไป จากนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วพูดกับตัวเองว่า  "ฉันไม่ใช่คนตระกูลอันของเธอและไม่คิดจะใช้อิทธิพลของบ้านตระกูลอัน พวกเธอคิดมากไปแล้ว”

โจวเหวินใส่แผ่นดิสก์ลงในกระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วก้มลงฆ่าทหารโครงกระดูกในเกมเมืองโบราณต่อไป แม้ว่าจะไม่เก็บอะไรดีๆได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในเมืองโบราณได้

แม้ว่าโรงเรียนจะให้ข้อมูลและแผนที่ในเมืองโบราณมาแล้ว แต่ขอบเขตของแผนที่นั้นจำกัดอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงของประตูทิศเหนือ ในแง่หนึ่งแผนที่ไม่สมบูรณ์และ สองคือการป้องกันไม่ให้นักเรียนเข้าไปในเมืองโบราณเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝัน