ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0240 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0242 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0241 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 241 : เหนือล้ำ

ฉินหยุนระเบิดเสียงคำราม เป็นผลให้หูของทุกผู้คนทั้งสนามประลองได้รับบาดเจ็บ พวกเขาล้วนมึนงงขณะรับชมลานประลอง

ลู่กวงร่างกระเด็น ร่างกระแทกกับพื้นลานประลอง!

เขาค่อยลุกยืนขึ้น คล้ายไม่ได้ยินเสียงใดรอบข้างอีก สายตาก็พร่ามัว ทั้งศีรษะยังวิงเวียน

ขณะลู่กวงแตกตื่นอยู่นั้นเอง เขาพลันรู้สึกได้ ถึงสายลมกระโชกรุนแรงพัดเข้าใส่!

ฉินหยุนทะยานกายเข้ามา ผลักฝ่ามือใส่ลู่กวง ส่งร่างนั้นผ่านสายลมพัดพา ร่างกระเด็นหลุดพ้นจากลานประลอง

“ลู่กวงแพ้ ฉินหยุนชนะ!” กรรมการประกาศผล เขารู้สึกว่าเสียงคำรามของตนก็ไม่แย่ แต่เสียงคำรามของฉินหยุนก่อนหน้า มันชวนสะพรึงจนเกินไป

ลู่กวงโดนคลื่นเสียงทำให้มึนงง แม้ร่างกายบาดเจ็บจากแรงปะทะ แต่ก็ไม่เลวร้าย ไม่นับเป็นอาการบาดเจ็บร้ายแรง

ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงไม่ได้ขัดต่อกฎ เขาไม่ได้ลงมือรุนแรงต่ออีกฝ่าย จึงได้รับชัยชนะในการประลองนี้ไป ทั้งยังได้รับรางวัลเป็นหนึ่งล้านแต้มเสวียน

ฝูงชนรอบด้านระเบิดเสียงฮือฮาราวฟ้าคำราม พวกเขาล้วนสนทนาอย่างดุเดือดถึงวิชายุทธ์คลื่นเสียงของฉินหยุน

สิ่งนี้คือวิชายุทธ์ที่ฉินหยุนรู้และเข้าใจจากโทเทมราชสีห์สวรรค์ มันถูกเรียกว่าเสียงคำรามราชสีห์สวรรค์ หากเตรียมป้องกันให้ดี อาจทำให้ไม่สามารถขยับได้วูบหนึ่ง

ฉินหยุนได้ทดสอบหลายต่อหลายครั้งยามใช้งานต่อผู้อื่น ทุกครั้งล้วนให้ผลลัพธ์ที่ดี หลังได้รับชัยชนะ เขาจึงเร่งรีบไปพบชายชราที่โต๊ะประชาสัมพันธ์

เขาจัดการโค่นล้มนักสู้ระดับกลาง ดังนั้นเขาจึงเป็นนักสู้ระดับกลางแล้ว และตอนนี้ เพราะเขาไม่มีแต้มเสวียนเพียงพอ เขาจึงไม่อาจท้าทายนักสู้ระดับสูง

ฉินหยุนส่งอีกหนึ่งแสนเหรียญผลึกแก่ชายชรา เพื่อให้เร่งรีบจัดแจงการประลองนัดถัดไป

ตอนนี้ ในสนามประลองแห่งนี้ เป้าหมายของเขาไม่ใช่เพียงแต่โค่นล้มโจวจงฮวย แต่ยังเป็นการได้รับชัยชนะเพื่อแต้มเสวียน!

ท้องฟ้ามืดลง ฉินหยุนได้ประลองอีกนัดหนึ่ง นี่ถือเป็นรอบสุดท้ายของวันแล้ว เดิมทุกคนคิดแยกย้าย แต่หลังได้ยินว่าฉินหยุนจะประลองอีกครั้ง พวกเขาจึงตัดสินใจอยู่ต่อ

ฝูงชนนับหมื่นในสนามประลองแห่งนี้ ล้วนพูดคุยกันเสียงดัง

การประมือของฉินหยุนก่อนหน้านี้เกินพวกเขาคาดคิดไปมาก ด้วยเสียงคำราม เขาถึงขั้นจัดการอีกฝ่ายอย่างไม่ทันรู้ตัว ได้รับชัยชนะโดยง่ายดาย!

พอพวกเขาเห็นฉินหยุนปรากฏตัวที่ลานประลองอีกครั้ง สายตาทุกคนล้วนจับจ้อง!

บุคคลที่ประลองยุทธ์ครั้งนี้กับฉินหยุน คือชายวัยกลางคน นามคือเกาหู่ เป็นชายร่างใหญ่ไว้หนวดเครา มาจากสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน

“เกาหู่? ไม่ใช่แม่ทัพหนุ่มจากจักรวรรดิเทียนหลิงหรอกหรือ?”

“อืม เขาเป็นศิษย์ของสถาบันยุทธ์หลิงเสวียน ทั้งยังเป็นแม่ทัพของจักรวรรดิเทียนหลิง พละกำลังของเขาถือว่าไม่ธรรมดา ได้ยินว่าอีกไม่ช้าจะก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว”

“วิญญาณยุทธ์คือขวานระดับทอง ด้วยเรื่องห้ามใช้อาวุธในการแข่ง วิญญาณยุทธ์อาวุธเหล่านี้ถือว่าน่าสะพรึงนัก พวกมันสามารถใช้ออกเป็นวิญญาณยุทธ์อาวุธได้โดยตรง”

“เกาหู่คือนักสู้ระดับกลาง ชนะสะสมมาแล้วเก้าครั้ง หากชนะฉินหยุน เขาจะกลายเป็นนักสู้ระดับสูง!”

จากบทสนทนาของฝูงชน ฉินหยุนจึงทราบรายละเอียดโดยคร่าวของคู่ต่อสู้ตรงหน้า!

แม่ทัพแห่งจักรวรรดิเทียนหลิงซึ่งตั้งตัวเป็นศัตรูแก่เขา เพราะเขาคือผู้สังหารรัชทายาทแห่งเทียนหลิง

หากเกาหู่สามารถสังหารฉินหยุนที่นี่ ทางจักรวรรดิได้ตบรางวัลอย่างงามแก่เขาแน่นอน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่คิดเผยความปราณีในการประลองยุทธ์ครั้งนี้

“ฉินหยุน ผู้อื่นต่างหวาดเกรงเจ้า แต่ข้าไม่!” เกาหู่แค่นเสียง “เป็นเจ้าเพียงพึ่งพายันต์สะกดกาย และอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง พลังจึงเทียบเท่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า แต่เหล่านั้นเจ้าไม่อาจใช้พวกมัน ด้วยลำพังพละกำลังของเจ้าเอง ไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้แก่ข้าได้”

ฉินหยุนยิ้ม “ช่างมั่นใจเสียนี่กระไร มั่นใจเหมือนรัชทายาทของเจ้าไม่มีผิด!”

“ฉินหยุน อย่าได้อวดดีไป! ที่เจ้าจัดการองค์รัชทายาทของพวกเรา เพียงพึ่งพาสิ่งอื่น ไม่ใช่กำลังแท้จริงของเจ้า!” เกาหู่หัวเราะดัง “ข้ายอมรับ เจ้าเป็นอาจารย์จารึกที่มีพรสวรรค์! ด้วยพรสวรรค์เล็กน้อยของเจ้า หากไม่มีมัน เชี่ยวเย่ว์หลานคงไม่ชายตามองเจ้า! เหตุผลที่นางคิดอยากตบแต่งกับเจ้า ก็เพราะนางหมายตาผังวิญญาณที่เจ้าครอบครอง ในความเป็นจริง นางก็เพียงแต่ต้องการสิ่งล้ำค่า ไม่มีความจริงใจกับเจ้าแม้แต่น้อย”

“แต่เจ้า ผู้แสนโง่เขลา กลับอวดดีเพราะเรื่องนี้ เจ้าก็แค่แมลงตัวจ้อยน่าสมเพชที่ถูกเอาเปรียบโดยนางแพศยาเชี่ยวเย่ว์หลานนั่น กระทั่งข้ายังต้องเวทนาเจ้า!”

สีหน้าฉินหยุนเผยความเย็นเยียบ น้ำเสียงเอ่ยถามลุ่มลึก “เมื่อครู่เจ้าสบถต่อเย่ว์หลานหรือ?”

เกาหู่หัวเราะออก “ใช่แล้ว เป็นข้าสบถต่อมัน! เชี่ยวเย่ว์หลานมันเป็นหญิงแพศยา ข้าสบถต่อมันแล้วยังไง? เจ้าจะทำอะไรข้าได้? บนลานประลองนี้เจ้าทำร้ายข้ายังไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ฉินหยุนกำหมัดแน่นกลืนน้ำลาย เป็นความจริง เขาไม่อาจทำร้ายเกาหู่บนลานประลอง ดังนั้นเขาจึงต้องสะกดข่มอารมณ์ตนเองไว้

เกาหู่ยินดีนักยามได้เห็นสีหน้ามีโทสะของฉินหยุน เขากล่าวคำต่อเสียงดังลั่น ทั้งยังหัวเราะต่ำช้า “ฉินหยุน ภรรยาเจ้า เชี่ยวเย่ว์หลาน ก็แค่คณิกานางหนึ่ง มารดาเจ้าเองก็เป็นหญิงชั้นต่ำในชนบทนางหนึ่ง ด้วยมารยาจึงได้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทียนฉิน แต่แล้วยังไง? นางก็ยังเป็นหญิงสวะชั้นต่ำวันยังค่ำ ตัวคนก็ตายไปนานแล้ว กล่าวกันว่านางตายเพราะเจ้านี่นะ มีสายเลือดชั้นต่ำของนางผู้หญิงเช่นนั้นอยู่ในกายรู้สึกอย่างไรบ้างละ? ฮ่าฮ่าฮ่า”

คำหยาบช้าของเกาหู่ เป็นผลให้ผู้ชมเดือดพล่าน!

“ฉินหยุน จงสังหารมันจนถึงแก่ความตายที่บังอาจต่อว่าภรรยาและมารดาเจ้า!”

“ฉินหยุน อย่าได้สนใจอื่นใด ทำให้มันเป็นคนพิการซะ!”

“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”

“ฆ่ามันให้ตาย!”

ฝูงชนล้วนรู้สึก ว่าเกาหู่หยาบคายต่ำช้าจนเกินไป พวกเขาต่างให้กำลังใจฉินหยุนส่งเสียงดังไม่ขาดปาก

หากฉินหยุนทำร้ายเกาหู่หรือสังหาร เขาจะต้องโดนลงโทษ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่กล้าหรอก ไอ้คนขลาดเขลา!” เกาหู่หัวเราะดังไม่หวั่นเกรงใดทั้งสิ้น

กระทั่งฉินหยุนที่สงบมาตลอด ยังโกรธจนถึงขั้นเส้นเลือดปูดโปนออก

“เริ่มการประลองได้!” เสียงดังขึ้น ชายชราประกาศเริ่มต้นการต่อสู้แล้ว

ฉินหยุนคำรามด้วยโทสะทันทีเมื่อการประลองเริ่มขึ้น เป็นเขาใช้เสียงคำรามราชสีห์สวรรค์ สายลมรุนแรงชวนสะพรึงพัดพาพร้อมเสียงคำราม มันแทบสั่นสะเทือนถึงสวรรค์ทะลักเข้าใส่เกาหู่

เกาหู่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว นอกจากนี้ พละกำลังของเขายังไม่ใช่อ่อนด้อย ด้วยท่านั่งยอง เท้านั้นยึดติดเอาไว้แน่นกับพื้น ร่างกายท่วงท่านี้สามารถต้านลม

คลื่นเสียงของฉินหยุน หาได้ส่งผลกระทบต่อเกาหู่มากนัก มันเพียงได้ขยับร่างกำยำนั้นเล็กน้อย ประมาณสิบเมตรเท่านั้นเอง

“เหอะ!” ฉินหยุนสบถ เป็นเขาทราบแล้วว่าเสียงคำรามราชสีห์สวรรค์ใช้กับเกาหู่ไม่ได้ แต่อย่างน้อย ตอนนี้อีกฝ่ายก็อยู่ห่างจากเขานับสิบเมตรแล้ว

ด้วยเหตุนี้ หลังตะโกนออกด้วยเสียงคำรามราชสีห์สวรรค์ เขาจึงใช้ก้าวอัคคีเมฆาเร่งทะยานกายออก ถึงตรงหน้าเกาหู่แทบในพริบตา จากนั้น หมัดจึงต่อยออกหลายครั้งคราด้วยเสียง “ตุบ ตุบ ตุบ” เสียงนี้คล้ายฟ้าคำราม ยามเมื่อพาดผ่านอากาศ ส่งออกซึ่งเสียงร้องหวีดหวิว

เกาหู่ลอบตระหนก พละกำลังของฉินหยุน เหนือล้ำกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ ทว่า เขาก็หาได้กังวลไม่ เพราะฉินหยุนไม่กล้าโจมตีเขาหนักหน่วงอย่างแน่นอน

มุมปากของเกาหู่ยิ้มเย้ยขณะสบถด่าฉินหยุนไม่หยุด พร้อมรับการโจมตี เขาใช้วิธีหยาบช้าโจมตีต่อฉินหยุน ด้วยเห็นเหตุการณ์ หลายคนต่างขมวดคิ้วไม่พอใจ

“ฉินหยุน ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”

“คิดปล่อยไอ้สารเลวที่สบถด่าต่อตระกูลเจ้าไว้เช่นนี้หรือ? หากเจ้าเป็นลูกผู้ชาย เช่นนั้นจงอย่าได้เป็นเต่าหัวหด!”

“ฉินหยุน เจ้าเต่าขี้ขลาด! เจ้าเต่าขี้ขลาด!”

“ฉินหยุนขี้ขลาด ฉินหยุนขี้ขลาด!”

“ฉินหยุนหดหัวกลับกระดองไป!”

ฝูงชนที่รับชมหาได้กลัวเกรงใดไม่ หลายคนเลือกตะโกนโห่ร้องไปยังลานประลองด้านล่าง เสียงนี้คล้ายตะโกนออกมาสุดหลอดเสียง เป็นการสุมไฟแก่ฉินหยุนโดยแท้

พวกเขาอยากจุดไฟให้ฉินหยุน พวกเขาคิดอยากรับชมเขาปลิดชีพเกาหู่ จากนั้นจึงค่อยเป็นการรับโทษจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

หลันเฟิงจินคิ้วขมวดยามได้เห็นดังนี้ นางรู้ถึงความร้ายกาจของฉินหยุนเป็นอย่างดี ผู้อื่นบอกว่าฉินหยุนไม่ได้ลงมือเต็มที่ แต่นางไม่ใช่

แม้หลายคนก่นด่าฉินหยุนเป็นคนขี้ขลาด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความหนักแน่นของอีกฝ่ายอยู่ภายใน เดิมเป็นเขาถูกยั่วยุรุนแรงตั้งแต่ก่อนเริ่มสู้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ยังคงสงบเยือกเย็นไว้ได้

นี่ก็เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา เกาหู่ไม่มีโอกาสแตะต้องฉินหยุนได้ นอกจากนี้ ยามเมื่อโดนฉินหยุนโจมตี เขาต้องใช้พลังเพื่อรับมือไม่ใช่น้อย กำลังภายในถูกใช้ออกยิ่งมายิ่งมาก

หากเป็นแบบนี้ต่อไป พลังภายในของเขาจะถูกใช้จนหมดสิ้น ถึงตอนนั้น เขาจะไม่เหลือพลังให้จัดการฉินหยุน และเมื่อนั้น เขาจะโดนเสียงคำรามราชสีห์สวรรค์ลั่นเข้าใส่จนร่างกระเด็น

“ฉินหยุน รีบจัดการไอ้หมอนี่ได้แล้ว เป็นเจ้าอดทนต่อการก่นด่าหยาบคายต่อภรรยาและมารดาที่ล่วงลับไปแล้วของเจ้าได้อย่างไร? ผู้คนหากยังมีชีวิต ย่อมมีโอกาสที่จะรอดชีวิตจงจำไว้!”

“ใช่แล้ว รีบสังหารมันเสีย หากทั้งหมดที่เจ้าทำได้แค่ให้มันพ่ายแพ้อย่างไร้รอยขีดข่วน เป็นข้ามองเจ้าผิดไปจริง! ก็แค่การลงโทษของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนไม่ใช่หรือ? อย่างมากก็ถูกขังสักแปดปีสิบปี เมื่อเจ้าออกมา เจ้าก็ยังเป็นที่ชื่นชมอยู่!”

“ฉินหยุน นาฬิกาทรายใกล้หมดแล้ว หากยังไม่โจมตีโดยเร็ว เจ้าจะไม่มีโอกาสแล้ว!”

หลายคนต่างรู้สึกไม่พอใจที่เห็นความอดทนของฉินหยุนสูงล้ำขนาดนี้ พวกเขาคาดหวัง ที่จะได้รับชมเรื่องสนุกอย่างฉินหยุนปลิดปลงสังหารเกาหู่!

“ฉินหยุน บอกต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน อย่าได้เข้าจักรวรรดิเทียนหลิงของเรา ไม่เช่นนั้น พวกเราจะจับตัวนาง จากนั้น...”

ก่อนเกาหู่จะกล่าวคำจบ ฉินหยุนปล่อยหมัดลุกโชนด้วยเปลวเพลิงทองม่วง ด้วยการเหวี่ยงแขนทรงพลัง เขาปล่อยการโจมตีพร้อมจุดเปลวเพลิงทองม่วง!

ในที่สุดฉินหยุนก็คิดโจมตีรุนแรง ฝูงชนโห่ร้องยินดี นี่คือสิ่งที่พวกเขาคาดหวังรอคอย!

หลันเฟิงจินกำหมัดเอาไว้แน่น นางทราบว่าฉินหยุนอาฆาตโจวจงฮวย หากเขาสังหารเกาหู่ที่ตรงนี้ เขาจะไม่มีทางได้เผชิญหน้ากับโจวจงฮวย

บนลานประลอง เกาหู่พลันโดนเปลวเพลิงทองม่วงของฉินหยุนปกคลุม ไม่มีใครได้เห็นร่างอีกฝ่าย พวกเขาล้วนคิดว่าอีกฝ่ายสมควรบาดเจ็บสาหัสแล้ว ถึงตอนนี้เอง ฉินหยุนพลันพุ่งกายเข้าในเปลวเพลิง!

“โอ้!”

ในสนามประลอง คลื่นสั่นไหวสะเทือนฟ้าสะท้านดินเพราะเสียงโห่ร้องปะทุออก นี่หมายความถึงพวกเขาคิดว่าเกาหู่สมควรจบสิ้นแล้ว!

ฉินหยุนพุ่งเข้าในเปลวเพลิง ปลดปล่อยเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร เป็นเขาใช้การโจมตีทางจิตใส่เกาหู่อย่างไร้ความปราณี เป็นผลให้อีกฝ่ายร้องออกอย่างน่าสังเวช

แม้ไม่มีใครพบเห็นว่าด้านในเปลวเพลิงทองม่วงเกิดอันใดขึ้น พวกเขาก็ยังคงตื่นเต้นยามได้ยินเสียงกรีดร้องราวหมูถูกเชือดของเกาหู่

หลังฉินหยุนจัดการเกาหู่ด้วยเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร เขาเร่งรีบนำเอาขวานจากมิติเก็บของยัดใส่มือของเกาหู่ จากนั้น จึงใช้วิชาเทวะควบคุมบังคับร่างกายและแขนของเกาหู่

เปลวเพลิงทองม่วงพลันหายวับ ทุกคนล้วนเห็นชัดกับตา เกาหู่กำลังเงื้อขวานยักษ์ในมือสับฟันใส่ฉินหยุน!

การใช้อาวุธระหว่างการประลองยุทธ์ในสนามประลองแห่งนี้ ถือเป็นการขัดต่อกฎ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด