ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0239 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0241 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0240 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 240 : นักสู้ระดับกลาง

ชายชรานึกย้อน ถึงเรื่องที่ฮั่วจงและคณะได้รับบาดเจ็บ โดยทันที เขาจึงเข้าใจว่าฉินหยุนมาที่นี่เพื่อแสวงการล้างแค้นแก่มิตรสหาย

“แน่นอนว่าทำได้ แต่ต้องจ่ายห้าแสนเหรียญผลึก! คิดท้าทายผู้ใดละ? ได้แค่ระดับกลางนะ!” ผู้อาวุโสเอ่ยถาม

“โจวจงฮวย!” ฉินหยุนกล่าว

“ต้องขออภัย โจวจงฮวยเป็นนักสู้ระดับสูง เจ้าไม่อาจท้าทายเขาตอนนี้! ดังนั้นแล้ว เจ้าควรเริ่มจากท้าทายนักสู้ระดับกลาง ตราบเท่าที่จัดการนักสู้ระดับกลางได้ เจ้าก็จะได้รับการเลื่อนระดับเป็นนักสู้ระดับกลาง”

ฉินหยุนเขาใจจึงถามต่อ “นักสู้ระดับกลางที่ถูกจัดสรรแก่ข้าระดับการฝึกฝนอยู่ที่เท่าใด? เทียบเท่าข้าหรือ?”

ชายชราหัวเราะ “นักสู้ระดับกลาง ทั้งหมดล้วนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด นักสู้ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เจ็ดล้วนโดนจัดการกันไปหมดแล้ว! ดังนั้นผู้ที่ข้าจะเลือกให้เจ้าได้ล้วนเป็นระดับแปดทั้งสิ้น”

“หากชนะ ข้าสามารถได้รับแต้มเสวียนเท่าใด?” ฉินหยุนยังคงห่วงเรื่องนี้ด้วย เป็นเพราะตอนนี้เขาไม่มีวิธีอื่นให้ได้รับแต้มเสวียนแล้ว

“คนละหนึ่งล้านแต้มเสวียน หากเจ้าแพ้ ก็จำเป็นต้องจ่ายหนึ่งล้านแต้มเสวียนด้วย! หากเจ้าเป็นนักสู้ระดับสูง ก็จะได้รับสิบล้านแต้มเสวียนต่อหนึ่งนัดประลอง หากเจ้าแพ้ ก็ต้องจ่ายสิบล้านแต้มเสวียนด้วยเช่นเดียวกัน”

ฉินหยุนลอบตระหนัก รางวัลระดับนี้ถือว่าน่าประทับใจ หากเขาสามารถชนะนักสู้ระดับสูงได้สิบนัดการประลอง เท่ากับว่าจะได้รับหนึ่งร้อยล้านแต้มเสวียน

เขาถามต่อ “แล้วทางด้านระดับวิญญาณและระดับราชันเล่า?”

“ลานประลองระดับวิญญาณ ส่วนใหญ่เป็นขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า หากเจ้าชนะหนึ่งนัดประลอง จะได้รับห้าสิบล้านแต้มเสวียน หากเจ้าแพ้ ก็ต้องเสียห้าสิบล้าน! นี่เหมือนการวางเดิมพัน! ส่วนทางด้านลานประลองระดับราชัน มีเพียงแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่สามารถเข้าร่วม นักสู้ระดับราชันทั้งหมดล้วนเป็นระดับอาจารย์ หากพวกเขาชนะนัดหนึ่ง พวกเขาจะได้รับสองร้อยล้านแต้มเสวียน หากพ่ายแพ้ก็ต้องเสียสองร้อยล้านแต้มเสวียน”

ชนะการประลองในระดับราชัน ถือว่าสามารถได้รับแต้มเสวียนจำนวนมากที่สุด! แต่ระดับราชัน เป็นสนามของอาจารย์ระดับวรยุทธ์เต๋า เป็นเรื่องยากที่ศิษย์ธรรมดาจะเอาชนะได้

กระทั่งว่าเป็นหยางฉีเย่ว์หรือเชี่ยวหยางหลง ผู้ซึ่งเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋ารุ่นเยาว์ ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะชนะในการแข่งขันระดับราชัน!

ทว่า ฉินหยุนรู้สึกได้ ว่าตนสามารถชนะในลานประลองระดับวิญญาณ!

เป็นเขาแตะอยู่ปากทางเข้าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าแล้ว เขามีพลังธาตุที่แปรสภาพเป็นแก่นภายใน ทั้งพละกำลังยังเทียบได้กับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า

“ผู้อาวุโส หากข้าเข้าระดับวิญญาณ ข้าสามารถต่อสู้ได้บ่อยเพียงใด?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “หากพวกเราไม่สู้ ต่อให้ได้แต้มเสวียนมหาศาล มันก็เป็นแค่ปาหี่!”

“หากเจ้าเป็นนักสู้ระดับวิญญาณ ตราบเท่าที่จ่ายสิบล้านเหรียญผลึก พวกเราสามารถจัดแจงนัดประลองยุทธ์ให้ได้! แน่นอนว่าหากอีกฝ่ายปฏิเสธ พวกเขาก็ต้องจ่ายพวกเราสิบล้านเหรียญผลึก ดังนั้นแล้วนี่จึงเป็นการประลองความร่ำรวย หากเจ้าจ่ายเพิ่มขึ้น เช่นนั้นเจ้าก็จะได้สู้ และหากเขาจ่ายเพิ่มขึ้น เช่นนั้นเขาก็จะไม่ต้องสู้”

พอฉินหยุนได้รับรู้กฎเกณฑ์ตรงนี้ เขาสบถออกดังลั่นในใจ เขาอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะชื่นชมคนคิดสนามประลองแห่งนี้ขึ้นมา ถึงวิธีการตกเหยื่อล่อเหรียญผลึก

“นี่คือหนึ่งแสนเหรียญผลึก รบกวนท่านแล้ว!” ฉินหยุนนำเอาบัตรผลึกของตนออก ส่งหนึ่งแสนเหรียญผลึกให้แก่บัตรผลึกของผู้อาวุโส

“ย่อมได้ ข้าจัดแจงให้เดี๋ยวนี้เลย!” ผู้อาวุโสหัวเราะ จากนั้นจึงนำเอากระดานผลึกแก้วออกมา สายตากวาดหาชื่อและหมายเลข

หลังใช้กระดานผลึกทำงาน เขาจึงกล่าวคำ “วันนี้การแข่งขันจะมีได้ก็ช่วงเย็น คู่ต่อสู้เป็นชายวัยกลางคนจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน นามคือลู่กวง ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด เตรียมตัวให้ดี!”

ฉินหยุนเข้าในลานประลอง นั่งลงบริเวณชั้นบน ที่นั่งผู้รับชมลานประลองนี้ สามารถมองเห็นได้หลายลานประลองด้านล่าง มีศิษย์หลายคนจับจองที่นั่งตนเอง ขณะรับชมการต่อสู้ที่ลานประลองด้านล่างกว้างเกือบหนึ่งร้อยเมตร

ลานประลองขนาดใหญ่แห่งนั้นคล้ายสร้างขึ้นจากทองแดง มีผังวิญญาณจำนวนมากดูดกลืนพลังงาน กระทั่งมีอาคมขนาดใหญ่ปลดปล่อยม่านพลังปกคลุมทั้งลานประลองเอาไว้

“ลานประลองแห่งนี้ช่างน่าทึ่งนัก ทั้งยังอยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว! ผังวิญญาณที่แกะสลัก ทั้งหมดล้วนระดับสูงล้ำ นี่ต้องมีผังลึกล้ำประกอบด้วยอยู่แน่!” แม้ฉินหยุนนั่งอยู่ที่สูง เขาก็ยังสามารถตรวจสอบความลึกล้ำและลึกลับของผังจารึกบนลานประลองได้

ข่าวลือว่า กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหลายคนประลองบนลาน มันก็ไม่มีทางส่งผลต่อคนดู เรื่องนี้เขาไม่ทราบเช่นกันว่าจริงหรือไม่

ในทุกนัดประลอง มีเวลาอย่างจำกัด พวกเขาจะใช้นาฬิกาทรายกำหนดเวลา หากการต่อสู้จบที่เสมอ ทั้งสองฝ่ายก็เท่ากับเสมอตัว

ฉินหยุนคาดการณ์ นาฬิกาทรายนั่นสมควรอยู่ได้ราวหนึ่งชั่วโมง

“ตราบเท่าที่เราล้มผู้อื่นบนลานประลอง ก็นับว่าเป็นชัยชนะ!” ฉินหยุนสำรวจมองการประลองยุทธ์ด้านล่าง พวกเขาเป็นเด็กหนุ่มสองคนที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเจ็ด ทั้งสองเป็นนักสู้ระดับเริ่มต้น

ระหว่างการประลองยุทธ์ พวกเขาโจมตีกันอย่างดุดัน พวกเขาไม่ได้ต้องการอื่นใดไปมากกว่าสังหารคู่ต่อสู้ เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงไม่มุ่งเน้นการทำให้คู่ต่อสู้ตกจากลานประลองแต่อย่างใด

“เข้าใจแล้ว ว่าทำไมลานประลองยังไม่เปลี่ยนกฎใหม่ นี่ก็เพื่อให้ศิษย์ของสถาบันยุทธ์อื่นและตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามต่อสู้กันจนตาย ขณะเดียวกัน ศิษย์ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนจะปลอดภัย”

ฉินหยุนค่อยตระหนัก เมื่อครั้งลงทะเบียน ผู้อาวุโสยังเกลี้ยกล่อมให้เขาถอนชื่อ ก็เพราะว่าเขาคือศิษย์ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน

สังเวียนแห่งนี้ พวกเขาเพียงจัดตั้งและวางตัวเป็นกลาง ปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้เดิมพันแต้มเสวียน ทั้งตัวสถาบันยังจะได้รับค่าลงทะเบียน ค่าเข้าชม ค่าท้าทาย และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เป็นการหาผลกำไรครั้งใหญ่

แต้มเสวียนไม่ใช่ได้รับโดยง่าย นักสู้หลายคนที่นี่ต่างมั่นใจในพละกำลังตนเองทั้งสิ้น พวกเขาจึงเร่งรีบมาที่นี่เพื่อเข้าร่วม และเดิมพันเสี่ยงโชค

ฉินหยุนคิดอ่านและค่อยตระหนัก ว่าตนไม่มีแต้มเสวียน เขาเพียงมีแต้มเสวียนเหลือน้อยกว่าหนึ่งล้านเท่านั้นเอง หากเขาคิดอยากท้าประลองระดับสูง เขาจำเป็นต้องมีสิบล้านแต้มเสวียนเสียก่อน

“ดูเหมือนเราต้องต่อสู้ในระดับกลางหลายสิบนัดงั้นสินะ!” ฉินหยุนลอบถอนใจ ด้วยวิธีการนี้ เขาจะไม่อาจตรงไปท้าประลองโจวจงฮวยได้

“หนึ่งล้านแต้มเสวียน เทียบเท่ากับแก่นอสูรระดับแปดจำนวนหนึ่ง หากเราใช้แก่นอสูรระดับต่ำแลกเปลี่ยน น่าจะทำได้โดยง่าย ด้วยวิธีการนี้ ตราบเท่าที่ตกลงมอบแก่นอสูรระดับต่ำให้ เราจะทำให้เขาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตัวเองได้”

ฉินหยุนเพียงแค่คิดเท่านั้น

หลังผ่านไปหลายศึก ก็ถึงยามตะวันใกล้ตกดินแล้ว

ฉินหยุน ผู้ซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งผู้ชม กำลังรอคู่ต่อสู้ให้มาถึง

“คู่ถัดไป นักสู้ระดับเริ่มต้น ฉินหยุน และนักสู้ระดับกลาง ลู่กวง ขึ้นมาบนลานประลองได้!”

ฉินหยุน!

เมื่อได้ยินนามนี้ ทั่วทั้งสนามประลองจึงเกิดเสียงร้องอุทานฮือฮาดังขึ้น!

“นี่ข้าได้ยินผิดไปหรือ? ฉินหยุนเป็นศิษย์ของสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ระหว่างการประลองยุทธ์ เขาไม่อาจทำร้ายผู้ใดอย่างหนักหนาได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะเสียเปรียบยิ่งหรอกหรือ?”

“เป็นฉินหยุนคนนั้น ได้ข่าวว่าเพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับแปด? เจ้าหนูนี่คงเข้าร่วมหาความสนุกกระมัง! กล่าวกันว่าเจ้าหนูนี้มีแต้มเสวียนกว่าสามร้อยล้าน แต่ก็ใช้จนหมดแล้ว!”

“นี่มาล่าแต้มเสวียนงั้นหรือ?”

“มาดูกันดีกว่า! คู่ประลองของฉินหยุนต้องน่าตื่นตาตื่นใจแน่! เจ้าหนูนี่ตกเป็นเป้าขององค์ชายและจักรวรรดิหลายแห่ง ไม่มีอัจฉริยะใดที่ประลองกับเขาแล้วมีจุดจบอันดีสักคน! นอกจากนี้ เขายังคิดท้าทายวรยุทธ์เต๋าอย่างเชี่ยวหยางหลงในอีกสองปี ช่างเป็นเจ้าหนูจอมอวดดีจริง ๆ”

“ด้วยอายุเพียงสิบหก เหตุใดจึงอวดดีได้เพียงนี้กัน?”

ฝูงชนเริ่มสนทนากันเอง ฉับพลัน พวกเขาจึงได้เห็นเด็กหนุ่มหล่อเหลาในชุดสีดำลุกยืนขึ้น ด้วยผิวค่อนข้างคล้ำ เด็กหนุ่มผู้นี้ร่างสูงและเบ้าตาลึกลงไป สีหน้าสงบที่ใบหน้า ช่างไม่เข้าคู่กับรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มเอาเสียเลย

คนผู้นี้คือฉินหยุน เขาหันมองเด็กหนุ่มหลายคนที่นินทาเขาเมื่อครู่ เมื่อสายตาสบกัน พวกเขาหวาดกลัวจนแทบลืมหายใจ

ฉินหยุนนั่งบนอัฒจันทร์ส่วนบน เขาค่อยเดินลงมา ฝูงชนรอบด้านเงียบเสียงลงขณะเขาเดินผ่านลงไป สายตานั้นรวมมองที่เขา

ขณะสายตาจำนวนมากจับจ้อง ฉินหยุนยังคงสงบ เขาก้าวเดินไม่เร่งรีบไปยังลานประลองเบื้องล่าง

หลายคนเพียงได้ยินนามฉินหยุน ไม่เคยได้เห็นกับตาตัวเองมาก่อน เด็กสาวหลายคนอดไม่ได้ที่จะเผยดวงตาสุกสว่างยามได้เห็นความหล่อเหลาและเด็ดเดี่ยวที่เขาเผยออก

ฉินหยุนนับว่ามีหน่วยก้านดียิ่ง ทั้งเป็นองค์ชายรัชทายาท และเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่เขาไม่ได้มีท่าทีอหังการเผยออกจนเกินไป ไม่เหมือนกับนายน้อยของหลายตระกูล ผู้ซึ่งอหังการและอวดดี มักมองเหยียดผู้คนจากที่สูงอยู่เสมอ

โดยเฉพาะท่วงท่าความสงบที่ฉินหยุนเผยให้เห็น มันทำเอาหลายคนลอบชื่นชม

เด็กหนุ่มอายุสิบหก หลังผ่านการทดสอบโหดร้ายมากมาย จิตใจของเขากล้าแกร่งและนิ่งสงบ นี่คือสิ่งที่นายน้อยของตระกูลสูงศักดิ์หลายแห่งไม่อาจเทียบเปรียบ

ฉินหยุนยืนด้านบนลานประลอง กำลังสำรวจมองลู่กวง

ลู่กวงเป็นชายวัยกลางคน ด้วยใบหน้าค่อนข้างยาว แต่กลับอ้วนและเตี้ย ที่คางมีหนวดเคราหลอมแหลม สวมใส่ชุดเกราะสีดำเข้ารูป เขาคืออดีตศิษย์ของสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน

ยามเผชิญหน้ากับฉินหยุน ท่าทีของเขาสงบยิ่ง เขาไม่คล้ายหวั่นเกรงฉายา ‘ดาวพิฆาตอัจฉริยะ’ เลยแม้แต่น้อย

ลู่กวงยิ้มสงบกล่าวคำ “เด็กหนุ่ม ข้านับถือเจ้านัก! การประลองยุทธ์เช่นนี้ มีแต่ทำให้เจ้ายากลำบาก กระนั้นก็ยังเข้าร่วมด้วยความมั่นใจ เจ้าคิดจริงหรือว่าสามารถชนะข้าได้โดยไม่ทำร้าย?”

ในการต่อสู้ประลองครั้งนี้ ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธ

ค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุนคือสิ่งชวนสะพรึง ตอนนี้เขาไม่อาจใช้งาน ดังนั้นจึงยากคาดเดาว่าใครกันแน่ที่จะชนะ

หลันเฟิงจินเองก็นั่งอยู่บนอัฒจันทร์สูงขึ้นไป นางเองก็ยังไม่ทราบว่าฉินหยุนจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไร

ภายใต้เงื่อนไขไม่อาจทำร้ายคู่ต่อสู้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการอีกฝ่าย ผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดหลายคน ต่างก็คิดว่าพวกเขาไม่อาจหาทางทำได้

“เริ่มได้!” กรรมการที่รับผิดชอบคู่ประลองนัดนี้ พลันประกาศดังก้องทั่วทั้งสนามประลองยุทธ์

ลู่กวงพลันคำราม ด้วยน้ำหนักและฝีเท้าหนักอึ้ง ราวกับสัตว์ห้อตะบึงเข้าหา ด้วยย่างก้าวบนลานประลองทองแดง ฝีเท้าส่งเสียง “ตึง ตึง ตึง” ดังขึ้น ท่วงท่าเผยท่าทีคุกคามไม่ใช่น้อย

ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด หากถึงขั้นที่ควบแน่นขุมพลังภายในขั้นสูงได้แล้ว กายภาพของพวกเขาจะยิ่งแข็งแกร่ง พลังกระดูกทองคำจะปลดปล่อยออกมา เหนือล้ำยิ่งกว่าผู้ที่เพิ่งก้าวถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด

ทางด้านลู่กวงตอนนี้ เขาคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ซึ่งสามารถควบแน่นขุมพลังภายในขั้นสูงได้แล้ว กำลังภายในที่ปล่อยออกจากร่างกาย มันเหนือล้ำ แทบพร้อมจะทำลายทุกสิ่ง

ฉินหยุนยืนหยัดมั่นคงที่ตำแหน่งเดิม ซึ่งยังห่างจากลู่กวงอยู่หลายสิบเมตร!

กระทั่งท่วงท่าของลู่กวงชวนตกตะลึง ทว่าความเร็วไม่ได้น่าทึ่งขนาดนั้น หลังทะยานกายออกหลายสิบเมตรได้เพียงสามวินาที ก็เป็นเขาใช้กำลังภายในไปมากแล้ว

ขณะทะยานกายเข้าหาฉินหยุน เขาจึงปลดปล่อยกำลังภายในออก เมื่อฉินหยุนคำรามร้องดังขึ้น คลื่นเสียงสะท้อนคำรามของราชสีห์ทำให้เกิดสายลมรุนแรง ตามมาด้วยเสียงระเบิดทะลุกำแพงเสียง ลู่กวงที่วิ่งเข้าใส่ ร่างกลับกระเด็นลอยลิ่ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด