ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0233 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0235 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0234 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 234 : ระดับราชัน

หลันเฟิงจิน เมื่อพบฉินหยุนโดนเหยียดหยัน นางพลันแค่นเสียงใส่ผู้อาวุโสตรงหน้าและกล่าว “นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนนักเล่นแร่แปรธาตุ? หรือนี่กลายเป็นงานแลกเปลี่ยนของนักล่าไปแล้ว? ในเมื่อคิดว่ามีความสามารถ เช่นนั้นจงบอกฝีมือการเล่นแร่แปรธาตุต่อข้า อย่าได้นำเสนอผลเก็บเกี่ยวจากสงครามแล้ว วัสดุดีเพียงใดหาได้สำคัญ เพียงแค่วัสดุมันไม่อาจขัดเกลาด้วยตัวเองเป็นอุปกรณ์วิญญาณที่ดีได้หรอกจริงหรือไม่?”

ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ ล้วนเฒ่าชรา และพวกเขาล้วนภาคภูมิในตนเองกันอย่างถึงที่สุด พอได้ยินคำของหลันเฟิงจินจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าใดนัก แต่ก็เพราะหลันเฟิงจินคือผู้มาจากแดนยุทธ์อ้างว้าง พวกเขาไม่กล้ากล่าวคำใด

ฉินหยุนถอนหายใจภายใน มีพลังอำนาจมันก็ดีเช่นนี้! หลันเฟิงจินคือขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทั้งยังเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง เป็นผลให้คณะคนเฒ่าชราตรงหน้าล้วนโกรธนางแต่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำใดออก

ชายชราตอบโต้หลันเฟิงจินด้วยคำพูด “การขัดเกลากระดูกสัตว์ระดับวิญญาณง่ายดายหรือ? กระทั่งหนังสัตว์ระดับวิญญาณยังขัดเกลาได้ยากเย็นนัก! มีเพียงอาจารย์จารึกระดับวิญญาณจึงสามารถใช้งานกระดูกของสัตว์อสูรระดับวิญญาณได้โดยง่าย พวกเราทำได้เพียงใช้หนังสัตว์ระดับวิญญาณเพื่อจัดทำชุดเกราะขึ้นมา พวกเราควรที่จัดขัดเกลาวัสดุแข็งอย่างกระดูกหรือเกล็ดเป็นชุดเกราะ แต่จะได้หรือไม่นั้น พวกเราไม่มีพลังมากพอให้ลองได้ลงมือทำ”

หลันเฟิงจินแค่นเสียง “หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดต้องนำวัสดุเหล่านี้ออกมา? พวกเจ้าก็ขัดเกลามันไม่ได้เหมือนกัน!”

คำกล่าวนี้ทำเอาอาจารย์จารึกระดับสูงในที่นี้หน้าแดงก่ำ แต่พวกเขาไม่อาจตอบโต้ เดิมทีนี่ก็แค่การนำเสนอผลเก็บเกี่ยวจากสงครามเท่านั้นเอง

“แม่สาวน้อย พวกเราเป็นเพียงอาจารย์จารึกระดับสูง พวกเรายังไม่มีศักยภาพมากพอขัดเกลากระดูกของสัตว์วิญญาณให้สมบูรณ์ได้ แล้วนี่ก็แค่เรื่องชั่วครู่ชั่วคราว เหตุใดพวกเราจึงนำเสนอตัวเองไม่ได้? มันดีกว่าไม่นำเสนออะไรเลยเอาแต่กล่าวถามต่อผู้อื่น แน่นอนว่าข้าไม่ได้หมายถึงเจ้า ข้าพูดถึงเจ้าหนูจอมอวดดีข้างกายเจ้าต่างหาก”

ชายชราอีกคนฮึมฮัมขึ้นมา “เขานั่งอยู่ที่นี่ หมายความถึงเขาคิดอยากเทียบรอยเท้ากับพวกเรา พวกเราล้วนเป็นอาจารย์จารึกระดับสูง! เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงหมดซึ่งอารมณ์คิดสนทนากัน”

“ฉินหยุน เจ้าเพียงแค่อาจารย์จารึกระดับต้น ทางที่ดีควรลุกไปยืน! นั่งอยู่ที่นี่มีแต่จะส่งผลต่ออารมณ์ของพวกเรา ทำให้การแลกเปลี่ยนไม่อาจคืบหน้า!”

“สมควรเป็นเช่นนั้น เหตุใดผู้อาวุโสใหญ่จึงต้องเชิญเขามาที่นี่? ไม่ใช่ว่าวิญญาณยุทธ์ของเขาเกิดปัญหาขึ้นหรอกหรือ? ก็เพียงแค่คนที่จับพลัดจับพลูได้รับผังจารึกระดับสูงมา แค่นั้นมีสิทธิ์อะไรคิดเทียบรอยเท้าพวกเรา?”

อาจารย์จารึกระดับสูงหลายคนเริ่มยั่วยุฉินหยุน พวกเขาไม่กล้าหาเรื่องต่อหลันเฟิงจิน ดังนั้นจึงมีแต่ฉินหยุนที่ตกเป็นเป้าความแค้นแล้ว

เด็กหนุ่มคนก่อนหน้ากล่าวคำเหยียดหยาม “ฉินหยุน เจ้าควรลุกขึ้นยืนได้แล้ว เจ้าก็เป็นเช่นพวกเรา พวกเราล้วนเป็นผู้น้อย นอกจากนี้ วิญญาณยุทธ์ของเจ้ายังเกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นเจ้าไม่มีทางหลอมอุปกรณ์ได้อีกต่อไปแล้ว!”

หลันเฟิงจินรู้สึกโกรธเคือง แน่นอนว่านางกล้าพูดเลยว่าเฒ่าชราเหล่านี้ไม่กล้าเล็งเป้าความแค้นมาที่นาง ดังนั้นพวกเขาจึงเล็งเป้าไปยังฉินหยุน ขณะนางคิดกล่าว ฉินหยุนลุกขึ้นยืน

เมื่อฉินหยุนลุกขึ้นยืน เขายิ้มอ่อน “พวกท่านต่างหากที่ไม่รู้อะไร ก่อนหน้านี้ วิญญาณยุทธ์ของข้ามีปัญหาเล็กน้อย แต่ตอนนี้มันฟื้นคืนกลับมาแล้ว! เช่นกัน ข้ายังแข็งแกร่งกว่าพวกท่าน ข้าอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด ขณะที่พวกท่านอยู่เพียงระดับที่หก! ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังสามารถขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับกลาง ดังนั้นข้าจึงมีคุณสมบัติทัดเทียมอาจารย์จารึกระดับกลางแล้ว”

“แล้วเจ้าเล่า? เจ้านั้นคิดว่าตัวเองเป็นเช่นไร?”

อาจารย์จารึกเหล่านี้ ต้องใช้เวลานานยิ่งเพื่อเก็บตัวศึกษาผังวิญญาณ พวกเขาแทบไม่รู้เรื่องราวในโลกภายนอก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่รู้เรื่องของฉินหยุน

ฉินหยุนอายุเพียงสิบหก กระนั้นก็อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดแล้ว เรื่องนี้ช่างชวนตื่นตะลึงแท้จริง!

ตอนแรก ไม่มีผู้ใดเชื่อ แต่หลังจากสัมผัสถึงออร่าของวัชระวิญญาณยุทธ์ที่ฉินหยุนปลดปล่อยออกมา พวกเขาพลันตระหนก เด็กหนุ่มอายุสิบหกตรงหน้าพวกเขาคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปด!

กล่าวกันว่า ผู้ซึ่งอายุต่ำกว่ายี่สิบและก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับเก้าได้ ส่วนใหญ่จะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าได้ราวช่วงอายุสามสิบ

“แน่นอนว่า นี่คือการแลกเปลี่ยนนักเล่นแร่แปรธาตุ และเรื่องหลักคือการแบ่งปันความรู้เรื่องวัสดุเพื่อจัดทำวัตถุ หากข้าคิดจะพูดอะไรละก็ สมควรเป็นเรื่องที่วัสดุทั้งหมดของพวกท่านล้วนไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า!” ฉินหยุนเดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสใกล้เคียงและกล่าวคำ “ทั้งหมดที่ท่านกล่าวคือ วัสดุเหล่านี้ยากหรือกระทั่งเป็นไปไม่ได้ที่จะนำมาขัดเกลา แต่ในมุมมองของข้า มันไม่ได้ยากแม้สักนิด!”

“ข้าสามารถใช้กระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณเหล่านี้ ขัดเกลาขึ้นเป็นกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันได้!”

หลันเฟิงจินขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกว่าด้วยระดับของฉินหยุนตอนนี้ เขาไม่อาจทำเช่นนั้น กระทั่งเป็นนางก็ยังคิดว่ายากเย็นยิ่ง

ผู้อื่นล้วนไม่ทราบฝีมือแท้จริงของฉินหยุน ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าเขาไม่มีทางทำได้

“ฉินหยุน แม้เจ้าเป็นอัจฉริยะบนวิถียุทธ์แห่งเต๋า วัสดุที่ใช้เพื่อการหลอมก็เป็นส่วนหนึ่งของวิถีจารึกแห่งเต๋า พวกเราล้วนเป็นอาจารย์วิถีจารึกแห่งเต๋า เจ้ากำลังอวดดีต่อหน้าพวกเราอยู่รู้ตัวหรือไม่” ชายชราแค่นเสียงกล่าวคำ

“ไม่เชื่อข้าหรือ? เช่นนั้นให้ข้าลงมือที่นี่และตอนนี้ พวกท่านทั้งหมดจะได้เห็นกับตา หากข้าทำได้จริง เช่นนั้นพวกท่านจงมอบวัสดุทั้งหมดบนพื้นแก่ข้า คิดเห็นอย่างไร?” ฉินหยุนยิ้ม “หากข้าไม่สามารถทำได้ ข้ายินดีแบ่งปันผังวิญญาณธาตุไฟระดับสูงให้ทุกคนที่นี่!”

ผังวิญญาณธาตุไฟระดับสูงถือว่าล้ำค่ายิ่ง! นอกจากหลันเฟิงจินและฉินหยุน ไม่มีอาจารย์จารึกระดับสูงผู้ใดที่นี่เชี่ยวชาญผังวิญญาณระดับสูง

หลันเฟิงจินไม่คิดห้าม นางเองก็อยากเห็นว่าฉินหยุนสามารถทำได้จริงหรือไม่ นางอยากเห็นกับตาว่าเขาจะทำอย่างไร

“ก็ได้ ตกลงตามที่เจ้าว่า! หากเป็นเจ้าโป้ปดต่อพวกเรา กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่มาถึง พวกเราจะไม่ปล่อยเจ้าไปโดยง่าย” ชายชราคนหนึ่งเอ่ยคำ

อาจารย์จารึกระดับสูงคนอื่นต่างก็เห็นพ้องต้องกัน กระทั่งยินดีล่วงหน้ากันแล้วด้วยซ้ำ!

ถึงตอนนี้เอง จ้าวฉวนพลันผลักประตูเข้ามาในห้อง

เมื่อเข้ามาแล้ว เขาจึงยิ้มกล่าวคำ “ช่างมีชีวิตชีวานัก เนื้อหาการแลกเปลี่ยนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? บอกต่อข้า!”

ชายชราเร่งรีบตอบคำจ้าวฉวนถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่

หลังจากจ้าวฉวนได้ยิน คิ้วนั้นขมวด “ทุกท่าน เห็นแก่ข้า เรื่องนี้สมควรปล่อยวางแล้ว! ฉินหยุน อย่าได้มีโทสะ หากเจ้าแพ้ เป็นเจ้าเสียหายมากกว่า!”

หากเขาต้องมอบผังวิญญาณธาตุไฟระดับสูงแก่อาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้ พวกเขาจะต้องนำขายอย่างรวดเร็วแน่นอน ไม่นานจากนั้น พวกมันจะปรากฏอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

อาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้ ทำได้แต่ไว้หน้าจ้าวฉวนด้วยความเสียดาย จากมุมมองพวกเขา ทั้งหมดนี่เป็นเพียงฉินหยุนมีโทสะ ดังนั้นเขาจึงกล้าวางเดิมพันสูงเช่นนี้

กระทั่งจ้าวฉวนยังรู้สึกได้ ว่าไม่มีทางที่ฉินหยุนจะสามารถขัดเกลากระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณเป็นกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน!

“ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าคือคนรักษาคำพูด ข้าจะทำดังที่ข้าพูด!” ฉินหยุนมองไปยังกองกระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณบนพื้นขณะกลืนน้ำลาย หากเขาได้รับพวกมัน จะเป็นเรื่องง่ายต่อการหลอมอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันในภายหน้า

“ฉินหยุน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ” จ้าวฉวนเผยสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้ารู้ขอรับ!” เป็นฉินหยุนมั่นใจในตนเองอย่างมาก

หลันเฟิงจินหัวเราะ “ผู้อาวุโสใหญ่ ปล่อยให้เขาทำตามใจเถอะ! กับเด็กเช่นเขา เป็นเรื่องธรรมดาคิดชอบท้าทาย อย่างไรแล้วเขาก็ยังหนุ่มยังแน่นอยู่! ครั้งยังเยาว์ใครบ้างไม่เป็นเช่นนี้?”

ฉินหยุนจ้องมองนาง ขณะคิดว่าตนเองไม่ค่อยพอใจวิธีการที่นางกล่าวถึงเขาสักเท่าใด

“ในเมื่อตัดสินใจดีแล้ว เช่นนั้นก็จงทำไป!” จ้าวฉวนถอนหายใจ “ข้าได้แต่เป็นกรรมการตัดสินแล้ว ข้าจะไม่เข้าข้างผู้ใด ถือว่าเป็นกลางที่สุด”

“ฉินหยุน สมควรมีกำหนดเวลาหรือไม่? หากเจ้าบอกว่าจะทำเสร็จในอีกสิบปี ไม่ใช่พวกเราต้องรอสิบปีหรือ?” ชายชราคนหนึ่งเอ่ยดักคอไว้ก่อน

“ข้าไม่คิดเสียเวลามาก ยี่สิบชั่วโมง!” คำพูดของฉินหยุน เป็นผลให้ฝูงชนที่นี้เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น

หลันเฟิงจินเองก็ตื่นตะลึง เป็นนางคิดไม่ออกจริงว่าฉินหยุนจะใช้วิธีการใด เพื่อขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชันขึ้นภายในยี่สิบชั่วโมง

“ในเมื่อพวกเราคิดขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เช่นนั้นก็ต้องใช้เหล็กวิญญาณระดับราชันใช่หรือไม่? เป็นธุระข้าเองแล้วกัน!” จ้าวฉวนนำเอาก้อนเหล็กขนาดเท่าปลายนิ้วออกมา และส่งมันไปยังผู้อาวุโสท่านอื่น

หลังตรวจสอบเรียบร้อย พวกเขาล้วนพยักหน้ารับกันทีละคน พวกเขายืนยันกระจ่างชัดว่าสิ่งนี้คือเหล็กวิญญาณระดับราชัน ไม่ใช่กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันแต่อย่างใด

เมื่อฉินหยุนรับเหล็กวิญญาณระดับราชันไว้ในมือ เขาลอบชื่นชม แม้ขนาดเท่าปลายนิ้ว แต่แท้จริงหนักถึงหลายร้อยจิน

“งั้นก็เริ่มกันได้!” จ้าวฉวนกล่าวคำขึ้น

ฉินหยุนเลือกกระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณสั้นท่อนหนึ่ง ขนาดราวฝ่ามือ น้ำหนักราวสิบจิน

“ผู้อาวุโสใหญ่ โปรดช่วยข้าตัดเหล็กวิญญาณระดับราชัน ข้าเพียงต้องการแค่น้ำหนักยี่สิบจินขอรับ” ฉินหยุนร้องขอ

จ้าวฉวนนำเอามีดคมกริบออกมาตัดเหล็กวิญญาณระดับราชันเสี้ยวเล็ก ขนาดมันเราเมล็ดข้าวเท่านั้น แต่แท้จริงหนักมากถึงยี่สิบจินด้วยกัน!

ทุกคนต่างอึ้งต่อความคมกริบของมีดในมือจ้าวฉวน มันสามารถตัดเหล็กวิญญาณระดับราชันอย่างง่ายดาย

ฉินหยุนนำเตาหลอมของตนเองและค้อนราชันยักษ์วิญญาณออกมา จากนั้นจึงส่งให้ผู้อาวุโสหลายคนได้ตรวจสอบ

เตาหลอมนี้ชวนสะพรึง แต่ค้อนราชันยักษ์วิญญาณคือสิ่งที่ทุกคนต่างตะลึงยิ่งกว่า เป็นเพราะมันมีวิญญาณยุทธ์อยู่ภายใน ทั้งยังเป็นที่เหมาะสมกับค้อนอันนี้!

หลังจากทุกคนตรวจสอบค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุนกันถี่ถ้วน ภายในใจพวกเขาล้วนตื่นตะลึง! เป็นเพราะค้อนอันนี้ เป็นฉินหยุนหลอมมันขึ้นโดยลำพัง

“ฉินหยุน วิญญาณยุทธ์ในค้อนของเจ้าวิเศษยิ่ง! ค้อนอันนี้สมควรเลื่อนระดับขึ้นเป็นอุปกรณ์ลึกล้ำได้ไม่ยาก! ส่วนที่ยากที่สุดของการขัดเกลาอุปกรณ์ลึกล้ำก็คือ การผสานวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ อาจารย์จารึกหลายท่านล้วนไม่อาจทำในเรื่องนี้” จ้าวฉวนส่งค้อนราชันยักษ์วิญญาณคืนกลับให้ฉินหยุนด้วยสายตาอึ้งทึ่ง

ฉินหยุนเรียนรู้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณจากเฉียวรุ่ยเหวิ่น ดังนั้นเขาจึงสามารถขัดเกลาวิญญาณยุทธ์สู่อาวุธได้นานแล้ว! ทว่า เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณกลับถือเป็นวิชาของปีศาจ เรื่องนี้ไม่อาจเปิดเผย

หลันเฟิงจินมองฉินหยุนจริงจังขึ้นมา เพราะนางเอง ก็ต้องการเห็นด้วยตาตัวเอง ว่าฉินหยุนจะหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันขึ้นมาได้อย่างไร ด้วยความคุ้นเคยกับฉินหยุน นางกล้าบอกว่าเป็นฉินหยุนมั่นใจยิ่ง กระนั้น นางก็ยังไม่เชื่อว่าเขาจะหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันขึ้นมาได้!

ฉินหยุนวางเหล็กวิญญาณและกระดูกสัตว์ในเตาหลอม จากนั้นจึงค่อยเริ่มการเผาไหม้!

“เขาครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟทองม่วง ไฟนี้พิเศษมากเพียงนั้นเลยหรือ? กระทั่งสามารถหลอมเหล็กวิญญาณระดับราชันและกระดูกสัตว์ระดับวิญญาณได้?”

“มีน้อยคนนักที่ได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง พวกเราไม่รู้ในเชิงลึก แต่บางทีไฟของเขาน่ามีเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นจริง!”

“หากเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่พวกเราโดนเด็กน้อยผู้นี้หลอกลวงเอาหรือ?”

อาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้เริ่มเกิดความกังวลกันขึ้นมา เมื่อพวกเขาได้เห็นค้อนราชันยักษ์วิญญาณของฉินหยุน ความกังวลของพวกเขาจึงก่อเกิด สำหรับพวกเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะได้รับกระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณเหล่านี้มา

เปลวเพลิงทองม่วงของฉินหยุนแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่ใช่เปลวเพลิงแข็งแกร่งที่สุดของเขา!

เปลวเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือเปลวเพลิงตะวันทมิฬ มันคือเปลวเพลิงสีดำซึ่งสามารถเผาผลาญสรรพสิ่งได้อย่างรวดเร็ว!

เปลวเพลิงทองม่วงก็แค่ถูกใช้เพื่อบังหน้า

มีเพียงน้อยคนที่ครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง ดังนั้นทุกคนจึงมีความรู้อย่างจำกัด และคิดว่ามันแข็งแกร่งมหาศาลได้ถึงเพียงนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด