ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0234 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0236 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0235 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 235 : เม็ดยาวิญญาณรวมพลังงาน

ฉินหยุนเริ่มทำการหลอมวัสดุ ภายในเตาหลอม มันคล้ายเปลวเพลิงสีม่วงกำลังเผาไหม้ แต่แท้จริงแล้วเป็นเปลวเพลิงสีดำสนิทกำลังเผาไหม้ในเตาหลอม มันเป็นเปลวเพลิงตะวันทมิฬ!

เปลวเพลิงตะวันทมิฬวิเศษยิ่ง เมื่อมันเผาไหม้สรรพสิ่ง มันจะไม่ปล่อยความร้อนมหาศาลออกมา แต่กลับมีความสามารถในการสลายตัววัตถุ

ฉินหยุนปลดปล่อยพลังภายในเพื่อจุดเปลวเพลิงตะวันทมิฬขึ้น เพื่อเผาไหม้เหล็กวิญญาณระดับราชันและกระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณ ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง ทั้งเหล็กวิญญาณและกระดูกเริ่มเผยความอ่อนนุ่มให้เห็น

ที่ต้องใช้เวลาขนาดนี้เพราะการฝึกฝนของฉินหยุน หากเขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เปลวเพลิงตะวันทมิฬที่เขาปลดปล่อย จะสามารถแปรเปลี่ยนเหล็กวิญญาณระดับราชัน และกระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณเป็นเนื้อวัสดุมวลละเอียดได้ภายในเวลาที่สั้นกว่านี้

แน่นอน ว่าเขาไม่คิดเผาไหม้จนมันหลอมเหลว เพียงแค่มันอ่อนนุ่มลง ก็เพียงพอให้เขาจัดการหลอมเหล็กวิญญาณและกระดูกสัตว์เป็นชิ้นเดียวกันได้แล้ว

ภายใต้การชี้นำของจ้าวฉวน ผู้คนเริ่มหารือกันถึงเนื้อหาการแลกเปลี่ยนเล่นแร่แปรธาตุครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้รับชมอย่างเบื่อหน่าย แต่กำลังแลกเปลี่ยนสนทนากันเพื่อรอผลลัพธ์จากฉินหยุน

ขณะพวกเขาคุยกันไปเรื่อย พวกเขาก็จะหันมองมาให้ความสนใจทางด้านฉินหยุนเช่นเดียวกัน

ในตอนนี้ ฉินหยุนใช้เวลาไปอีกห้าชั่วโมงโดยไม่ได้กระทำสิ่งใด ผู้คนต่างเชื่อมั่นว่าฉินหยุนสมควรต้องพ่ายแพ้แน่นอนแล้ว ในเมื่อตอนนี้เวลาโดยรวมผ่านไปกว่าครึ่งหนึ่ง ฉินหยุนย่อมไม่มีเวลาพอให้ทำจนเสร็จแน่

กระทั่งว่าเป็นกระดูกเหล็กกล้าชั้นเลิศ ยังจำเป็นต้องใช้เวลากว่าห้าถึงหกชั่วโมงเพื่อหลอมขึ้น ส่วนทางด้านกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเจ็ดถึงแปดชั่วโมง

“เหมือนที่คิดไว้ มันก็ได้แค่นี้!” เด็กหนุ่มเย้ยหยันเสียงเบา

“ใช่แล้ว ทั้งหมดที่ผู้อาวุโสใหญ่สนใจ ก็เพียงเพราะเขามีผังวิญญาณระดับสูงเท่านั้นเอง”

“ท้ายที่สุด ก็แค่อาจารย์จารึกระดับต้น หากเป็นอาจารย์จารึกระดับสูงเช่นอาจารย์ข้า คงไม่ต้องประสบเรื่องราวเช่นนี้ เจ้านี่ยังไงก็ไม่มีทางทำได้สำเร็จ พ่ายแพ้อย่างน่าอับอายนัก!”

“เขาแพ้ก็ถือเป็นเรื่องดี อาจารย์ของพวกเราจะได้รับผังวิญญาณธาตุไฟระดับสูง!”

ขณะเด็กหนุ่มหลายคนเหยียดหยันต่อฉินหยุน ฉับพลัน เขาเปิดฝาเตาหลอมและนำเอากระดูกสัตว์สีทองและเหล็กวิญญาณที่ผ่านกระบวนการหลอมรวมเป็นก้อนโคลนอ่อนนุ่มออกมา จากนั้นจึงวางมันบนโต๊ะของจ้าวฉวนเพื่อทำการขัดเกลาในขั้นถัดไป

มือซ้ายของฉินหยุนถือค้อนราชันยักษ์วิญญาณ ด้วยแขนราชสีห์สวรรค์ เขาปลดปล่อยวิชามังกรหลอม ทุบตีค้อนเข้าใส่วัตถุสีทองตรงหน้า

ฝูงชนที่หารือกันเรื่องแปรธาตุพลันมึนงงต่อเสียงที่เกิดขึ้น

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ทุกครั้งที่ฉินหยุนเหวี่ยงค้อน มันทั้งรุนแรงและสั่นสะเทือน!

พลังในการขัดเกลาผ่านผังแปรธาตุระดับสูงของค้อนราชันยักษ์วิญญาณ ทุบตีเข้าใส่กระดูกและเหล็กวิญญาณ เกิดขึ้นเป็นประกายแสงสีทองกระเด็นออกมา

หมัดอ่อนอัคคีของฉินหยุน คว้าจับเข้าที่ลูกบอลสีทองเรืองรองนั้นด้วยมือเปล่า จากนั้น เขาพลิกมันกลับพร้อมทุบตีต่อเนื่องด้วยวิชามังกรหลอม

เป็นเขาทุบตีวัสดุอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ค้อนแล้วค้อนเล่า ชุดวิชามังกรหลอมหกกระบวนหลายชุดผ่านไป จนกระทั่งเหล็กวิญญาณและกระดูกสัตว์เริ่มผสานรวมกันอย่างสมบูรณ์ ถึงตอนนี้เขาจึงหยุด

และนี่คือการทำสำเร็จด้วยเวลาเพียงแค่สิบสี่ชั่วโมง! เวลาที่เขาตั้งเอาไว้ยังเหลืออีกถึงหกชั่วโมงด้วยกัน!

กระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน แท้จริงเป็นสีน้ำเงิน ราวผลึกแก้วสีน้ำเงิน มันงดงามราวอัญมณีชิ้นหนึ่ง

กระดูกเหล็กกล้าระดับราชันที่ฉินหยุนหลอมขึ้น รูปลักษณ์คล้ายกระดูกชิ้นหนึ่ง ขนาดเพียงปลายนิ้ว กระนั้นก็เป็นเขาหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันชิ้นนี้ขึ้นมา

แม้กระทั่งอาจารย์จารึกระดับสูงที่นี้ ยังไม่อาจหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน ทว่าพวกเขาเคยเห็นมันมาก่อน เพียงรูปลักษณ์ภายนอก พวกเขาก็บอกได้ว่านี่เป็นกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันคุณภาพสูง!

ผู้คนกายแข็งทื่อขณะรับชมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันสีน้ำเงินในมือฉินหยุน กระทั่งหลันเฟิงจินยังแทบไม่เชื่อ

จ้าวฉวนเผยลมหายใจเบาออกมา ขณะรับกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันจากฉินหยุน เป็นเขาเอ่ยคำทำลายความเงียบ “นี่คือกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันของจริง ด้วยความโปร่งแสงขนาดนี้ ทั้งยังบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเจือปน นี่คือกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันคุณภาพเยี่ยม!”

“เป็นไปไม่ได้! เขาทำได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? เพียงแค่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดเองนะ ทั้งยังอายุเพียงสิบหก!”

“จริงด้วย! ผู้อาวุโสใหญ่ พวกเราไม่อาจเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง”

“กับเด็กน้อยขนยังไม่ขึ้นเช่นนี้ ข้าไม่อาจเชื่อว่าเขาจะสามารถหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันขึ้นได้ ต้องมีการโกงเกิดขึ้นแน่!”

จ้าวฉวนเดินเข้าหาชายชรา และส่งกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันให้

ชั่วขณะที่ชายชรารับชิ้นกระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน เขาพลันร้องออก “ร้อนมาก! ความร้อนภายในยังไม่ทันจางหายเลย!”

ชายชราผู้อื่นเริ่มเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนจะร้องออกกันทีละคน นี่เป็นเพราะกระดูกเหล็กกล้านี้ ภายในยังแผ่ซึ่งความร้อนแรงออกมา

ผู้เฒ่าเหล่านี้ต่างไม่กลัวความร้อน แต่พวกเขาก็ไม่คิดสัมผัสนานจนเกินไป พวกเขาที่อับจนจึงส่งกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันคืนแก่จ้าวฉวน

“หากยังไม่เชื่อข้า ก็มีวิธีทดสอบกระดูกเหล็กกล้า ด้วยการทดสอบความแข็งแกร่งของมัน!” จ้าวฉวนนำเอาแท่นกดทดสอบสีน้ำเงินออกมา “ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี หากวางวัตถุเอาไว้ตรงกลางแท่นกด และค่อย ๆ เพิ่มแรงกดดันให้มากขึ้น จะเป็นการทดสอบความแข็งของวัสดุที่ได้รับแรงกด”

จ้าวฉวนวางกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันที่ฉินหยุนเพิ่งขัดเกลาขึ้นมา ไว้ตรงกลางของแท่นกดและเริ่มเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ

บนแท่นกด ตัวเลขปรากฏ หนึ่ง สอง สาม... สิบเอ็ด!

ค่ามาตรฐานของกระดูกเหล็กกล้าระดับราชันคือสิบ แต่ที่ฉินหยุนขัดเกลาขึ้นคือสิบเอ็ด นี่ถือเป็นของคุณภาพสูงล้ำ!

หลันเฟิงจินหัวเราะ “ทุกคนล้วนได้เห็นแล้วใช่หรือไม่? ฉินหยุนเชี่ยวชาญการแปรธาตุ พวกเราล้วนห่างไกลจากเขานัก! แต่เมื่อครู่นี้ กลับมีคนกล้าปรามาสต่อเขา กล่าวว่าเขาไม่สมควรได้นั่งที่นี่ จากที่เห็น เป็นพวกเจ้าที่ไม่อาจเทียบรอยเท้าของเขาได้ต่างหาก อย่างน้อย พวกเจ้าก็ไม่อาจขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน!”

ฉินหยุนส่งสายตากวาดขณะเดินผ่านห้องโถงวงกลมแห่งนี้ เขารวบรวมกระดูกสัตว์อสูรระดับวิญญาณที่วางเอาไว้กับพื้นจนหมดสิ้น

เมื่ออาจารย์จารึกระดับสูงได้เห็นวัสดุของตนเอง ถูกเด็กน้อยผู้นี้หยิบฉวยไป พวกเขามีโทสะ แต่ได้เพียงเก็บไว้ในใจ

กระทั่งถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับความจริงที่ฉินหยุน เด็กน้อยอายุเพียงสิบหกปี ถึงขั้นสามารถขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชันได้!

ใบหน้าของจ้าวฉวนเองก็เผยความตื่นตะลึง ขณะมองทางฉินหยุนด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ช่างน่าสะพรึง ภายในร่างกายของเด็กหนุ่ม คล้ายมีศักยภาพน่าสะพรึงซุกซ่อนเอาไว้

ชั่วขณะนี้ อาจารย์จารึกระดับสูงที่หยิ่งยโสเหล่านั้น กลับต้องอารมณ์เสียเพราะฉินหยุน!

ระดับการฝึกตนของฉินหยุนถือว่าต่ำ แต่กลับสามารถขัดเกลากระดูกเหล็กกล้าระดับราชัน นี่เป็นเพราะความช่วยเหลือของวิญญาณยุทธ์ไฟทองม่วง อาจารย์จารึกระดับสูงเหล่านี้ล้วนไม่โง่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทราบว่าภายหน้า ฉินหยุนจะเป็นอาจารย์จารึกที่รุ่งโรจน์เพียงใด

ถึงตอนนี้เอง พวกเขารู้สึกลำบากใจที่หาเรื่องต่อฉินหยุน ตามปกติแล้ว พวกเขาคือผู้ที่หยิ่งยโสและภาคภูมิในตัวเอง และตอนนี้พวกเขาก็ไม่ยินดีที่จะก้มหัวเพื่อขอโทษแต่อย่างใดด้วย

“ผู้อาวุโสใหญ่ ขอบคุณท่านมากแล้วที่เชื้อเชิญข้า เป็นผลให้ข้าเก็บเกี่ยวได้มหาศาลเพียงนี้! เมื่อครู่ทำข้าเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย รบกวนท่านช่วยจัดหาสถานที่ให้ข้าพักผ่อนได้หรือไม่ขอรับ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” จ้าวฉวนพยักหน้ารับโดยทันที จากนั้นจึงส่งคนของเขาออกไปพร้อมฉินหยุนและหลันเฟิงจิน

ฉินหยุนและหลันเฟิงจินถูกนำทางมายังห้องชุดที่ชั้นยี่สิบ ผ่านหน้าต่าง เขาสามารถเห็นทะเลเมฆหมอกสีทองอร่ามภายนอก

“เจ้าหนู นี่เจ้าทำได้อย่างไร? เป็นพวกมันไม่รู้ถึงความทรงพลังของเปลวเพลิงสีทองม่วง แต่ข้ารู้ แน่นอนว่ามันไม่ได้แข็งแกร่งเพียงนี้แน่!” หลันเฟิงจินเดินมาด้านข้างฉินหยุน ถองเข้าใส่สีข้างของเขาไปทีหนึ่ง

ฉินหยุนกล่าวคำพร้อมยิ้มลึกลับ “เป็นความลับ! แต่ต่อให้ข้าบอกออกไป ท่านก็ทำไม่ได้อยู่ดี”

พอหลันเฟิงจินได้ยินดังนี้ นางยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก แต่ด้วยรู้ว่าฉินหยุนไม่คิดพูด นางจึงทำได้เพียงกระทืบเท้าอย่างโกรธเคืองเท่านั้น

“พี่หลัน วันนี้เหนื่อยนัก ข้าขอตัวไปพักก่อน” ฉินหยุนหัวเราะขณะเข้าห้องไป จากนั้นจึงค่อยเอนกายล้มกับที่นอนนุ่มผล็อยหลับไปแทบในทันที

หลันเฟิงจินขณะนี้ ยืนที่หน้าต่างในห้องโถง รับชมภาพทะเลเมฆสีทองอร่ามงดงาม นางตอนนี้ได้พบเรื่องราว ว่าฉินหยุนยิ่งมายิ่งลึกลับ

“ความลับอะไรกันที่ฉินหยุนปิดซ่อนเอาไว้? แม้เขาถูกขังเอาไว้ในสถานที่อันสิ้นหวังหลายครั้งครา เขาล้วนสามารถหลบหนี พร้อมพลังที่เพิ่มมาขึ้น!”

“ช่างมัน ไปพักผ่อนบ้างดีกว่า!”

หลันเฟิงจินเองก็มีความลับเป็นของตัวเอง ฉินหยุนมีข้อสงสัยต่อความลับของนาง แต่เขาก็เลือกไม่ถาม ด้วยเหตุนี้หลันเฟิงจินจึงไม่คิดซักไซ้ต่อฉินหยุนเช่นกัน

ฉินหยุนพักผ่อนตลอดทั้งวันจึงค่อยออกจากห้อง วันนี้ เขาได้เห็นหลันเฟิงจินสวมใส่ชุดสีน้ำเงินอ่อน กำลังดื่มชาร่วมกับจ้าวฉวนอยู่ในห้องโถง

“ฉินหยุน ตื่นได้เสียที! ศักยภาพที่เจ้าแสดงให้เห็นเมื่อวานชวนตื่นตะลึงนัก กระทั่งข้ายังคิดว่าเจ้าโกงเลย!” จ้าวฉวนหัวเราะคิกคักไปพลางกล่าว “แต่ว่า เจ้าก็ไม่ได้โกง เป็นเพราะพวกเราคือพยานผู้รู้เห็นที่รับชมเจ้าทำกระบวนการขัดเกลาทั้งหมด”

ฉินหยุนนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามจ้าวฉวน เขายิ้มให้อีกฝ่าย “ผู้อาวุโสใหญ่ มีข่าวดีสำหรับข้าบ้างหรือไม่ขอรับ?”

เมื่อวาน เขาขอให้จ้าวฉวนช่วยเหลือ โดยค้นหาหนทางการซื้อหาเม็ดยา

“แน่นอนว่ามีข่าวดี ข้าได้ยินมาว่า มีบางคนคิดอยากขายเม็ดยาวิญญาณรวมพลังงาน!” จ้าวฉวนพยักหน้าให้

“มันคือเม็ดยาวิญญาณระดับราชัน ถือเป็นเม็ดยาระดับสูงที่สุด!” หลันเฟิงจินอุทานร้อง “มันสามารถสร้างพลังธาตุก่อเกิดจากตัวเม็ดยา ไม่ว่าจะด้วยอะไร พวกเราต้องได้เม็ดยานี้มาครอบครอง!”

“ผู้ขายเม็ดยามีสัมพันธ์อันดีกับข้า เป็นเขาต้องการหนึ่งพันล้านเหรียญผลึกเพื่อขาย ข้าจึงสงสัยว่าเจ้ามีเหรียญผลึกจำนวนมากขนาดนั้นหรือเปล่า?” จ้าวฉวนเอ่ยถามฉินหยุน

“แก่นอสูรที่ข้ามอบแก่ท่านเมื่อวาน สามารถขายได้เป็นเงินเท่าไหร่หรือขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ราวสี่ร้อยล้าน!” จ้าวฉวนกล่าว

“ข้ายังมีสามร้อยล้านอยู่กับตัว รวมเข้ากับสี่ร้อยล้านจากการขายแก่นอสูรระดับเก้า เท่ากับมีเจ็ดร้อยล้าน ถือว่ายังขาดอยู่อีกสามร้อยล้าน!” ฉินหยุนหันมองทางหลันเฟิงจิน

“ข้าให้เจ้ายืมเอง!” หลันเฟิงจินนำเอาแก่นอสูรระดับเก้าจำนวนสามสิบเม็ดออกมา และส่งมอบต่อจ้าวฉวน

แม้นางไม่ให้หยิบยืม จ้าวฉวนก็คิดให้ฉินหยุนหยิบยืมอยู่แล้ว

“คงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าข้าจะกลับมา สหายผู้นี้ค่อนข้างอยู่ไกล” จ้าวฉวนกล่าว “พวกเจ้าอดทนและรออยู่ที่นี่แล้วกัน”

เมื่อจ้าวฉวนออกไปแล้ว หลันเฟิงจินจึงตบบ่าฉินหยุนกล่าวคำ “ฉินหยุน เจ้าคิดขอบคุณต่อข้าอย่างไร?”

“จูบแรกของข้าสนใจหรือไม่?” ฉินหยุนยิ้มกว้าง

“เหลวไหล!” หลันเฟิงจินแสร้งต่อว่า

ฉินหยุนพลันนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่หลัน ไม่ใช่ข้าบอกหรือว่าข้าจะหลอมอาคมหนังสัตว์? เริ่มกันเลยดีกว่า!”

“ได้!” หลันเฟิงจินเองก็ไม่คิดรอ นางอยากเห็น ว่าวัตถุที่ฉินหยุนกำลังคิดขัดเกลานั้นจะทรงอำนาจมากเพียงใด

ฉินหยุนมีหนังสัตว์อสูรระดับเก้าจำนวนมาก รวมถึงจากสัตว์อสูรระดับวิญญาณ เขาและหลันเฟิงจินเข้าห้องหินกว้างขวาง ก่อนนำเอาหนังสัตว์ทั้งหมดที่มีออกมา

หลันเฟิงจินเอ่ยถาม “อาคมใหญ่อันใดที่เจ้าคิดขัดเกลา? บอกข้าได้หรือไม่? เช่นนี้ข้าจะได้แนะนำถูก!”

“อาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวัน!” ฉินหยุนตอบเสียงเบา

“ว่าอะไรนะ? นี่เจ้ารู้จักอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันด้วยหรือ?” หลันเฟิงจินตื่นตะลึงและร้องอุทาน

“เหตุใดท่านตกใจเพียงนี้?” ฉินหยุนคิดว่าเป็นหลันเฟิงจินรู้จักมันเป็นอย่างดีแล้ว

หลันเฟิงจินกระชับมัดผมสีดำขึ้น “เจ้าไม่รู้หรือว่าอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันสูญหายไป? เดิมที มันเป็นค่ายอาคมที่มีชื่อเสียงของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามของเรา ภายหลังมันสูญหาย แต่ก็ยังมีสถาบันยุทธ์บางแห่งที่นี่ ยังมีอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวันแต่โบราณสืบทอดมาอยู่บ้าง”

ด้วยฉินหยุนมีสามสิบหกผังวิญญาณ เขาจึงสามารถเข้าใจอาคมดังกล่าวได้ โดยอาศัยเส้นสว่างของอาคมวิญญาณบรรจบเก้าตะวัน เพราะแบบนั้นเขาจึงรู้และเข้าใจมัน

“นี่เจ้าได้รับมันมาอย่างไร?” หลันเฟิงจินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าไม่ได้เป็นคนของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามของเราด้วยซ้ำ แต่แล้วเจ้ากลับกำลังจะสร้างมันขึ้นงั้นหรือ?”

“ข้า... เป็นมหาอุปราชหลงเหลือไว้ให้แก่ข้า!” ฉินหยุนกล่าว

“มหาอุปราชหญิงผู้นั้น?” หลันเฟิงจินยิ่งทึ่งกว่าเก่า

ฉินหยุนพยักหน้า “นางคือผู้ที่ถ่ายทอดผังจารึกให้แก่ข้า! พี่สาวมหาอุปราชลึกลับยิ่ง ทั้งยังงดงามยิ่งอีกด้วย ถือว่างดงามกว่าท่านหน่อยหนึ่ง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด