ตอนที่แล้วบทที่ 275 - ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (1) [10-02-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 277 - ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (3) [14-02-2020]

บทที่ 276 - ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (2) [12-02-2020]


บทที่ 276 - ทำไมมีแค่ฉันล่ะ (2)”

"นี่มันบ้าอะไรกันเนี้ย? มีคนมาจากต่างโลกตั้งแสนกว่าคน!"

เลียร่ามองผ่านไหล่ยูอิลฮานไปได้เห็นภาพคนที่อยู่เต็มพื้นที่ ก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา ยูอิลฮานก็ได้แต่หยักไหล่ตอบกลับไป

"เธอก็เป็นคนพาคนพวกนั้นกลับมาเหมือนกันนี่"

"นั่นก็จริง แต่ว่า..."

"ตลกจังเลยที่พวกเขาขยับช้าม๊ากมาก~ อิลฮานนายควบคุมความเร็วของเวลาไม่ได้หรอ? ความเร็วน่ะ!"

"ตอนนี้มันยังไม่มีฟังก์ชั่นขั้นสูงแบบนั้นหรอก แล้วก็ทุกคนปล่อยฉันได้แล้ว"

"อ๊าาา"

พรรคพวกของยูอิลฮานทุกๆคนได้มารวมตัวกันแล้ว ทุกๆคนต่างก็เข้ามาเกาะเขาเหมือนกับจะมาขอลูกอมจากเขาทำให้ยูอิลฮานรู้สึกรำคาญมากก่อนที่จะดันทุกๆคนถอยกลับไป จากนั้นก็หันไปถามเอิลต้า

"ไม่มีคนที่สามารถจะต้านทานวงเวทย์ได้นอกจากพวกเราใช่ไหม?"

"ตอนแรกก็ใช่ แต่ยังไงก็ตามหลังจากที่มีคนบางส่วนรู้ตัวว่าพวกเราเคลื่อนไหวเร็วเกินไป พวกเขาก็น่าจะสังเกตุเห็นถึงเวทย์ที่ร่ายบนโลกนี้อยู่ แน่นอนว่านั่นก็ไม่ได้เปลื่ยนอะไรหรอก แต่ก็มีอยู่สามคนที่พอจะต่อต้านการเคลื่อนไหวได้ 40%"

สามคนนั้นก็คือคาริน่า มาลาเทสต้าแห่งมาเกีย มิเชล สมิธสันแห่งอัศวินโลหะ และทาคากากิ อสึฮะแห่งจอมเวทย์มังกร

สำหรับคนพวกนี้ยูอิลฮานรู้ว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะต้องมาถึงคลาส 4 ได้ในเวลาสั้นๆแน่นอน เมื่อคำนวนจากการที่ฮานเยรังได้เป็นผู้นำของโลกๆหนึ่งในตอนที่อยู่คลาส 3 แล้ว คนพวกนี้มีความสำเร็จที่น่าทึ่งมาก

"ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?"

"บางทีอาจจะเป็นเพราะมีความสำเร็จบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ ตามปกติแล้วต่อให้เป็นคลาส 4 ก็ยังต้านวงเวทย์เวลาไม่ได้เลย แต่ผู้คนบนโลกนี่คงจะประหลาดกันมากๆ"

"มิเชล สมิธสัน หมอนี่เมื่อก่อนดูไม่มีราศรีอะไรเลย แต่ดูเหมือนเขาจะได้ผ่านอะไรมากมาย มนุษย์นี่น่าสนใจมาก"

[เฮ้อ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาต้องปกป้องโลกที่เป็นจุดสนใจของพวกหนอนแมลงทั่วมั้งจักรวาล ที่รักจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีล่ะ]

"ฉันจะพยายาม"

ยูอิลฮานได้เรียกทั้งสามคนนั้นมา แต่ว่าเพราะทั้งสามคนนี้ก็ยังได้รับผลจากวงเวทย์อยู่ทำให้การคุยกันเป็นเรื่องยากมาก แต่ยูอิลฮานก็ได้อดทนจนถึงขีดสุดเพื่อพูดกับคนพวกนี้ เนื้อหาที่เขาบอกก็ง่ายมากๆ

"พวกนายอยากจะมาฝึกในนาฬิการทรายแห่งกาลเวลากับเราไหม"

"แน่นอนสิ!" (ตอบแบบช้าลง 2.5 เท่า)

ทาคากากิ อสึฮะได้ตอบกลับมาทันที ในขณะที่คาริน่า มาลาเทสต้ากับมิเชล สมิธิสันได้มองกันเองเล็กน้อยก่อนจะหยักหน้าออกมา

"โอเค" (ตอบแบบช้าลง 2.5 เท่า)

"ฉันจะไป" (ตอบแบบช้าลง 2.5 เท่า)

พอได้รับคำตอบมาแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรในต้องลังเล ยูอิลฮานได้สร้างบาเรียครอบทั้งสองป้อมปราการในทันที ในบาเรียนี้มีพรรคพวกของยูอิลฮาน หัวหน้ากิลด์ทั้งสามคน และกองทัพมังกรที่ไม่ได้รับผลจากวงเวทย์เลย

"ว้าว นี่มันกว้างกว่าเมื่อก่อนอีกนะ~"

"แม้ว่าจะอยู่ภายในบาเรียนี่ผลจากวงเวทย์ก็ไม่ได้หายไป หืม ดูเหมือนแรงกดดันบนร่างฉันจะลดลงไปเล็กน้อยนะ"

คิมเยซอลได้พูดออกมาอย่างตรงใจในระหว่างมองไปรอบๆบาเรีย ยังไงก็ตามคนที่ตกใจมากที่สุดก็คือหัวหน้ากิลด์ที่ได้เข้ามาที่นี่

"ฟู่ ในที่สุดตอนนี้ฉันก็ขยับตัวได้ดีขึ้นแล้ว!"

"โอ้ ตอนนี้ฉันพูดได้เร็วขึ้นล่ะ"

"ฟู่ววว"

พวกเขาสามารถจะต้านทานวงเวทย์ได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว และบวกกับอาร์ติแฟคระดับเทพเจ้าที่ช่วยต้านทานผลจากเวทย์อีกทำให้ ตอนนี้พวกเขาสามารถกลับมาพูดตามปกติได้

"อ๊ากกกกกก"

หลังจากที่มิเชล สมิธสันขยับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็หันหน้าไปหายูอิลฮานและตะโกนออกมาดังๆทันที

"นายทำอะไรกับโลกกัน นายคนลึกลับ! ฉันคิดว่าฉันตามนายทันแล้ว แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี!"

"ในเมื่อโลกพัฒนาขึ้นเร็วเกินไป ฉันก็ได้แต่ทำแบบนี้ นายเข้าใจฉันใช่ไหมล่ะ? ถึงจริงๆฉันจะไม่ได้ต้องการให้นายต้องเข้าใจก็เถอะนะ"

"อ๊ากกกก! นายทำให้ฉันต้องหงุดหงิดเสมอเลย!"

ในเวลาเดียวกันทาคากากิ อสึฮะก็ได้ตะโกนมาทางยูอิลฮานด้วยสายตาเป็นประกาย

"น่าทึ่งมากเลยท่านซูซาโนะ! ในตอนนี้ท่านควบคุมมิติเวลาได้แล้ว!"

"ไม่หรอก นี่เป็นพลังของพรรคพวกของฉัน..."

"น่าทึ่งมาก! ฉันรู้อยู่แล้วว่าท่านคือเทพซูซาโนะกลับมาเกิดใหม่"

"เฮ้ นี่เธอไม่ได้ฟังฉันเลยนะ"

"อ๊าา ท่านซูซาโนะ...!"

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะพอมองออกว่าเธอมีโอกาสแบบนี้ แต่ว่าเธอก็ยังเก็บมันเอาไว้อยู่ แต่หลังจากเธอได้เห็นยูอิลฮานข้ามมิติไปมาและร่ายเวทย์แบบส่งผลทั่วทั้งโลกแบบนี้ได้ทำให้สายตาที่เธอมองเขาเปลื่ยนไป ในตอนนี้สายตาของเธอไม่ต่างกับพวกเอลฟ์เลย สายตานี้มันมากยิ่งกว่าแค่ชื่นชมแล้ว

"ท่านซูซาโนะเท่จัง"

"จริงๆสินะ ผู้หญิงคนนี้ก็หมดหวังไปแล้ว"

เขาได้บ่นออกมาแล้วก็หันไปหาคนสุดท้ายนั่นคือคาริน่า มาลาเทสต้า และเขาก็ได้เห็นเธอกำลังสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่

"เฮ้ ทำไมเธอถึงสูดหายใจ... โอ้"

"ฮ่าห์!"

"คุณมาลาเทสต้า? อั๊ก"

คาริน่า มาลาเทสต้าได้เข้าไปจู่โจมมิเชล สมิธสันก่อนที่ยูอิลฮานเข้าไปห้ามทัน การโจมตีนี้ของเธอไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากนัก เธอได้ใส่เข่าเข้าที่ท้องของมิเชลจนเขาล้มลงและจัดการโจมตีลงไปด้วย 'จูบ' แล้วก็เพราะเข่าของเธอมีเวทย์อัมพาตอยู่ทำให้มิเชล สมิธสันไม่อาจต่อต้านได้เลยสักนิดเดียว

"อุ๊บบ! อุ๊บบบบ!?"

"อยู่นิ่งๆ"

"...ดูเหมือนเธอจะเคลียดมามากสินะ"

ยูอิลฮานได้ตัดสินใจปล่อยแม่เสือสาวคาริน่า มาลาเทสต้ากับกระต่ายน้อยน่าสงสารมิเชล สมิธสันเอาไว้เพียงลำพังซักพักหนึ่ง คนที่กำลังมองฉากที่น่าตกใจก็มองได้ไม่นานเพราะได้มีบาเรียโผล่ขึ้นมาปิดกั้นเอาไว้ทำให้พวกเขาต้องไอแห้งๆและหันหน้าไปทางอื่น

"ถ้างั้นเราไปทำงานของเรากันดีกว่า"

"พ่อครับ ผมต้องทำอะไรหรอ?"

"มิลแค่ไปกินเนื่อมังกรแล้วก็แช่อ่างแห่งปาฏิหาริย์ก็พอแล้วลูก ถ้าลูกเบื่อก็ฝึกใช้สกิลแล้วกันนะ"

"ได้เลยครับผม!"

ยูอิลฮานได้เอาอ่างแห่งปาฏิหาริย์ที่เต็มไปด้วยเลือดของอิชจาร์มาวางไว้ที่มุมหนึ่ง เขาได้อธิบายให้กับพรรคพวกของเขาที่กำลังมองมาที่อ่างแห่งปาฏิหาริย์อย่างเป็นประกาย

"นับจากนี้เราทุกคนจะแบ่งกันใช้อ่างนี่ เรามีคนเยอะกันมากเพราะแบบนั้นในตอนที่อาบน้ำเราที่มีเพศเดียวกันก็น่าจะต้องไปพร้อมๆกันหลายๆคน เด็กๆกองทัพมังกรก็ยังตัวเล็กกันอยู่เพราะงั้นพวกเขาน่าจะลงไปอาบได้ทีล่ะหลายๆคนนะ"

[อาบน้ำรวมกับที่รักงั้นหรอ? น่าสนใจจริงๆ]

"ฉันบอกว่าแยกตามเพศไงล่ะ"

เขาได้ขัดเฮเรียน่าและอธิบายต่อไป

"ถึงฉันจะไม่มั่นใจ แต่ก็คิดว่ามีโอกาศสูงที่อ่างแห่งปาฏิหาริย์จะนำเราไปสู่เส้นทางของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ ต่อให้มันไม่ใช่แบบนั้น ฉันก็เชื่อว่าหากฉันผสานเลือดมังกรกับอ่างนี้ได้สำเร็จฉันก็น่าจะได้ความสามารถใหม่ๆแน่นอน เพราะงั้นทุกๆคนควรจะมาอาบมันเป็นระยะๆนะ"

"ครับ"

"เข้าใจแล้ว"

สิ่งต่อมาแน่นอนว่ามันคือสิ่งที่ทุกๆคนต้องทำนั่นคือการฝึก ภายในบาเรียที่สร้างจากนาฬิกาทรายแห่งนี้เป็นที่ที่เดียวที่พวกเขาสามารถจะฝึกได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร

"การที่เราได้เวลาสองเดือนมาในขณะที่ข้างนอกผ่านไปไม่ถึงวินาที นี่มันคืออาร์ติแฟคที่น่าทึ่งจริงๆ..."

"อืมม ฉันก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่ามันจะแค่สองเดือนน่ะ"

ยูอิลฮานได้แย้งคังมิเรย์ที่พึมพัมกับตัวเองออกไป เขาได้มองไปที่นาฬิกาทรายแห่งการเวลา หลังจากบาเรียได้ถูกใช้งานนาฬิกาทรายแห่งการเวลาก็ได้ผลิกกลับและทรายเริ่มหล่นลงอีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็ตามความเร็วในการร่วงหล่นของมันช้ามากๆแล้วจากที่เห็นมันไม่นานจะร่วงหมดจนครบภายในแค่สองเดือนแน่

"อิลฮาน นี่คือ..."

"ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ เวทย์ชะลอเวลาที่ถูกร่ายไว้ทั่วโลกได้ทำให้ระยะเวลาคูลดาวน์ของนาฬิกาทรายช้าลงไปด้วย นี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงคิดว่าระยะเวลาของบาเรียถึงจะได้รับผลไปด้วยแล้วก็นะ... แล้วก็ดูเหมือนฉันจะคิดถูกล่ะ"

"นี่มัน...ข้อผิดพลาด"

เลียร่าได้แต่พึมพัมกับตัวเอง ยูอิลฮานได้หยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ เอิลต้าก็คิดว่านี่มันบ้ามากๆเหมือนกัน

"เวทย์นี่ได้ผลกับอาร์ติแฟคระดับพระเจ้าด้วยงั้นหรอ!? ถ้าแบบนี้ฉันชักจะสงสัยแล้วว่าเราเคลื่อนไหวตามปกติภายใต้ผลจากเวทย์นี่ได้ไงกัน!"

"อืมม นั่นก็คงเพราะความหัวดื้อแล้วก็ดื้อรั้นล่ะมั้ง"

"ถ้านายจะธิบายทุกๆอย่างด้วยคำพูดแบบนี้ล่ะก็มันผิด!"

"เธอก็ชอบพูดเรื่องผิดๆให้ฟังฉันบ่อยๆนี่"

หลังจากได้ยินคำพูดนี้ของยูอิลฮานได้ทำให้เอิลต้าโมโหขึ้นมา เธอได้พับแขนเสื้อขึ้นมาทันที ท่าทางนี้ของเธอดูน่ารักมาก

"แต่ว่ามันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ"

"ใช่แล้ว ตอนนี้มันกำลังเป็นไปด้วยดี"

"อ๊าาาาา"

ระหว่างเอิลต้ากำลังสับสนอยู่ ยูอิลฮานก็ยกนิ้วขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

"มีความหัวรั้นให้ตัวเธอมากขึ้นเลยน้า!"

"เงียบไปเลย"

[แล้วถ้างั้น?]

เฮเรียน่าที่ดูใจเย็นกว่าคนอื่นๆได้มองไปที่ยูอิลฮานและถามออกมา

[บาเรียนี่ที่รักจะคิดว่ามันจะอยู่นานแค่ไหน?]

"จากที่ดูสภาพของนาฬิกาทรายในเวลานี้ ดูเหมือนจะมีเวลาอยู่ประมาณปีครึ่ง"

[บาเรียจะใช้งานได้ในทุกๆสองเดือนเพราะที่รักจะคอยไปตระเวนอยู่ที่โลกอื่น เพราะงั้นเราน่าจะมีโอกาสอีกมากที่จะเข้ามาอยู่ภายในบาเรียนี่ก่อนโลกจะกลายเป็นโลกระดับสูง]

"อ่า ใช่แล้ว"

[ที่รัก... น่าทึ่งจริงๆ]

นี่คือข้อดีแรกที่ยูอิลฮานได้รับมานับตั้งแต่ที่ได้ใช้ชีวิตบนโลกเพียงลำพังเป็นพันปี ภายในบาเรียนี่อย่างน้อยที่สุดเลยเขาก็จะมีเวลาในการฝึกฝนความเชี่ยวชาญสกิลแล้วก็ทำหัตถรรมมานา

เมื่อยูอิลฮานใกล้จะอธิบายเรื่องระยะเวลาของบารียจบลงและให้ทุกๆคนไปทำหน้าที่ของตัวเอง ในที่สุดแล้วคาริน่า มาลาเทสต้าก็ได้ปล่อยมิเชล สมิทสันออกมาอย่างพึงพอใจ

"ฟู่่"

แม้ว่าเธอจะเพิ่งจู่โจมชายคนหนึ่งมาแต่เธอก็ยังคงเลียริมฝีปากอย่างใจเย็น เธอดูน่ากลัวมากๆ ยูอิลฮานได้รู้สึกสงสารมิเชล สมิธสันเป็นครั้งแรกเมื่อเขาได้เห็นมิเชล สมิธสันยืนตัวสั่นอยู่

"คะ คุณมาลาเทสต้า..."

"เรียกฉันว่าคาริน่า เข้าใจไหม?"

"...คาริน่า"

"เยี่ยมมาก มีเพียงแค่คนในครอบครัวของเรา แล้วก็อาจารย์เท่านั้นที่เรียกชื่อนี้ ในตอนนี้ครอบครัวของฉันกับอาจารย์ได้กระจัดกระจายไปต่างโลกบนแล้ว เพราะงั้นบนโลกใบนี้มีแค่นายคนเดียวที่ชื่อฉัน จำเอาไว้ให้ดีล่ะ"

"ขะ เข้าใจแล้ว ช่วยเรียกฉันว่ามิเชลเหมือนกันนะ"

"นั่นแหละคือคำตอบที่ฉันอยากจะได้ยิน"

สีหน้าของคาริน่า มาลาเทสต้าได้สดใสขึ้นราวกับเธอได้รับชัยชนะในอะไรบางอย่างมา บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าหลายปีที่เธอถูกส่งไปต่างโลกจะทำให้เธอเจอเรื่องยากลำแบกแล้วแกร่งขึ้นมาก็ได้! ในอดีตมิเชล สมิธสันมักจะดูชอบพอคังมิเรย์ แต่ว่าพอมาดูในตอนนี้ดูท่าแล้วการเข้าหาที่รุนแรงของคาริน่า มาลาเทสต้าจะได้ผลเป็นอย่างมาก

หลังจากเธอได้จัดการธุระของเธอจบลงแล้ว เธอก็ได้หันกลับมาหายูอิลฮาน

"แม้ว่าฉันจะทักทายช้าไป... แต่ว่าก็ขอบคุณนะคุณยูอิลฮาน ขอบคุณคุณมากๆที่ทำให้ในที่สุดฉันก็ได้มาเจอกับคนที่ฉันรัก"

คาริน่า มาลาเทสต้าดูเหมือนจะทิ้งนิสัยหญิงสาวจอมหยิ่งไปแล้ว เธอได้ก้มหัวให้กับยูอิลฮานอย่างสุภาพ ยังไงก็ตามยูอิลฮานยิ่งมีความรู้สึกยินดีกับความจริงใจของเธอมากกว่าการเปลื่ยนทัศนคติของเธอซะอีก

ในที่สุดแล้วภาระที่อยู่ในใจของเขาหลังจากได้ยินว่าเขาจะต้องปกป้องโลก ในที่สุดก็ลดลงไปเล็กน้อยแล้ว

"เอาเถอะ... ฉันก็ดีใจนะที่ช่วยเธอได้"

"น่าจะมีอีกหลายๆคนที่เป็ฯเหมือนฉัน เหล่าคนที่ทุกข์เพราะเสียคนรักไป เหล่าคนที่แยกไปจากเพื่อนสนิม รวมไปถึงเหล่าคนที่เสียครอบครัวและลูกๆไปด้วย"

ดวงตาคาริน่า มาลาเทสต้าได้เป็นประกาศขึ้นมา

"เพราะแบบนั้นได้โปรดให้ฉันช่วยนายทำให้คนเหล่านั้นได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเถอะนะ"

"ได้เลย... ได้แน่นอน นับจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ"

"นับจากนี้ฉันก็จะตามนายในฐานะที่นายเป็นผู้นำ เชิญมอบคำสั่งมาเลย"

หลังจากได้ยินคำพูดนี้ยูอิลฮานได้คิดครู่หนึ่งก่อนจะมองไปที่ทาคากากิ อสึฮะกับมิเชล สมิทสันและพูดออกมา

"ถ้างั้นฉันจำทำให้พวกนายเลเวลขึ้นก่อน เลเวลพวกนายยังต่ำเกินไป"

"ฉันก็ได้คลาส 4 มาแล้วนะ ถึงนั่นจะต่ำกว่านาย.... แต่นี่ยังตองเพิ่มเลเวลอีกหรอ? แล้วทำยังไงล่ะ ที่นี่ไม่มีมอนสเตอร์เลยนะ"

ยูอิลฮานได้หันหน้าไปทางหนึ่ง และจากนั้นก็ชี้ไปที่ที่มีแค่เอิลต้าเท่านั้นที่ยืนอยู่

"เอิลต้า เธออัญเชิญมอนสเตอร์มาที่นี่ได้ใช่ไหม? พวกมอนสเตอร์ที่อยู่บนโลกน่ะ"

"นายมาพูดเรื่องไร้ความรับผิดชอบอีกแล้วนะ..."

"ถ้าเธอทำไมได้งั้นก็..."

ยูอิลฮานกำลังจะพูดแผนสองออกมา แต่แล้วเอิลต้าได้ยิ้มตอบกลับเขามาอย่างมั่นใจ

"ฉันทำได้สบายๆอยู่แล้ว"

"เฮๆ นี่เธอหัดจะหลอกคนอื่นแล้วงั้นหรอ"

"ก็มีใครบางคนหลอกฉันมาตลอดนี่นา"

เอิลต้าได้ยกมือขึ้นมาหลังจากที่มองดูเหล่าหัวหน้ากิลด์ที่กำลังตกตะลึงกันอยู่

"เอาล่ะ ถ้างั้นพวกนายทุกคนเตรียมตัวต่อสู้แล้วนะ?"

"เดี๋ยวก่อนสิ พวกเราสามคนไม่เคยสู้ร่วมกันมา..."

"แค่นี้ก็พอแล้ว"

เมื่อเอิลต้าได้สะบัดมือลงขัดคำพูดของมิเชล สมิธสันก็ได้มีมอนสเตอร์ขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมาเบื้องหน้าพวกเขาทั้งสามคน แน่นอนว่านี่คือมอนสเตอร์ปีศาจที่มีเลเวล 200 ปลายๆ จากร่างกายที่สั่นอยู่ของมันทำให้แน่ชัดว่ามันคือปีศาจสั่นสะเทือน

"ตอนนี้พวกนายก็สู้กันได้เลย"

"เธอมันปีศาจจจจจ!!!"

[ก๊าซซซซซซซซซ]

จากแบบนี้การจะยกระดับพวกเขาจึงได้ผ่านไปแล้วอย่างราบรื่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด